Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Marketing Click...รายได้จากโฆษณา...ความลวงจากฟองสบู่

*การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งแรกที่ต้องคิดและสำคัญอย่างยิ่งก็คือว่า "คุณจะหาเงินจากเว็บไซต์ที่คุณทำนั้นในรูปแบบใด" ที่จริงมันเป็นคำถามที่ดูพื้นๆ เสียจนกระทั่งดูไม่สลักสำคัญอะไร แต่ลองมาพิจารณากราฟแสดงรูปแบบของรายได้จากเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรกของประเทศไทย (จากการจัดอันดับของ //www.truehits.net วันที่ 5 สิงหาคม 2551) แล้วคุณจะพบข้อมูลที่ทำให้คุณอาจจะอึ้ง

     มีเว็บไซต์ถึง 24 ราย ที่มีรายได้ จากค่าโฆษณา ขณะที่เว็บไซต์ที่มีรายได้จากค่าสมาชิกมีเพียง 5 ราย รายได้จากการคลิกโปรแกรมการเชื่อมโยง (Affiliated Program) มี 4 ราย ส่วนเว็บไซต์ที่มีรายได้ จากการขายสินค้าและบริการมีเพียง 3 ราย เท่านั้น ที่ร้ายกว่านั้นคือไม่มีเว็บไซต์ยอดนิยมใดเลยที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียม (หมายเหตุ: บางเว็บไซต์มีรูปแบบของรายได้มากกว่า 1 รูปแบบ)

     ข้อมูลนี้บอกเราว่า เว็บไซต์ยอดนิยมเหล่านั้นล้วนแต่หวังรายได้จากการโฆษณากันเสียแทบทั้งสิ้น ด้วยเว็บไซต์ยอดนิยมเป็นดังนี้ ทำให้ หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตาทำเว็บไซต์ เพียงหวังว่าจะแสวงหารายได้จากค่าโฆษณาได้อย่างเว็บไซต์เหล่านั้นบ้าง เรียกได้ว่าพยายามลอกเลียนแบบ เดินตามรอยเท้าแห่งความสำเร็จนั้นอย่างไร้ทิศทาง เพียงเพื่อจะพบว่า...รายได้ที่คาดหวังนั้นเป็นเพียงความลวงบนฟองสบู่ที่ไม่เพียงพอต่อความอยู่รอดในโลกออนไลน์

     ผมสำรวจเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรกนั้นทีละเว็บไซต์ ทำให้พอจะสรุป ภาพทั่วไปของการทำเว็บไซต์ได้ดังต่อไปนี้ :

(1) เว็บไซต์ต่างๆ แทบจะไม่มีความแตกต่างกันในส่วนของเนื้อหาและบริการที่จัดไว้ให้ ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่มุ่งจะเป็นเว็บท่า (Portal Site) ซึ่งหมายถึง เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์รวมของเนื้อหาและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว อีเมล ฟังเพลง คลิปวิดีโอ เกม อัลบัมรูป และอื่นๆ เมื่อพิจารณาลักษณะของเนื้อหาและบริการ (Content) นั้นเป็นเพียงไปรวบรวมมาจาก แหล่งอื่นๆ ไม่ได้มีความเป็นเจ้าของเนื้อหา นั้นด้วยตนเอง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้ยิ่งง่ายต่อการเลียนแบบ ผู้นำของเว็บไซต์กลุ่มนี้ได้แก่ //www.sanook.com, //www. kapook.com, //www.mthai.com

     เท่าที่ผมพบคือว่าโฆษณานั้นจะมีมากสำหรับเว็บไซต์ในลำดับต้นๆ ส่วนเว็บไซต์ลำดับท้ายๆ ของเว็บไซต์ยอดนิยม กลับมีโฆษณาไม่มากนัก ทั้งๆ ที่มีจำนวนผู้เข้ามายังเว็บไซต์ไม่ต่ำกว่าแสนคน อย่าง กรณีของ //www.thaiza.com ที่อยู่อันดับที่ 26 และ //www.siamha.com อันดับที่ 30

ภาพแบบนี้บอกเล่าว่า ใครตั้งใจอยากจะทำเว็บท่าละก็ ต้องเหนื่อยมากกว่าจะฝ่าฟันเข้ามาอยู่ในระดับหัวแถวและยิ่งจะเหนื่อยหนัก กว่าเดิม หากรูปแบบของ การหารายได้นั้นหวังเพียงแค่โฆษณาเพียงอย่างเดียว

     ศาสตราจารย์ไมเคิล อี พอร์เตอร์ อาจารย์ด้านกลยุทธ์ชื่อก้องโลก จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้กล่าวเตือนถึงปัญหานี้ในหนังสือ Strategy and the Internet ว่า "บริษัทดอทคอมจะต้องไม่ตกลงไปในหลุมพรางของการลอกเลียนแบบกิจกรรม หรือเนื้อหาของบริษัทที่ตั้งขึ้นก่อนแล้ว การเพิ่มกิจกรรมธรรมดาๆ เข้าไปอย่างง่ายๆ นั้นตามแบบอย่างของบริษัทอื่นๆส่วนมากในตลาด ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันแต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทดอทคอมจำเป็นจะต้องสร้างกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าที่เกิด ขึ้นใหม่..." ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ยังกล่าวถึงลักษณะที่จะทำให้บริษัทดอทคอมประสบความสำเร็จว่า "จะต้องมีกลยุทธ์ที่โดดเด่น และไม่เหมือนใคร โดยมีพื้นฐานอยู่บนจุดหมายที่ชัดเจนและข้อได้เปรียบที่มีประโยชน์เป็นหลัก"

     สรุปสั้นๆ จากคำกล่าวของศาสตราจารย์ไมเคิล อี พอร์เตอร์ คือว่า บริษัทดอทคอมที่จะประสบความสำเร็จนั้นจะต้องแสวงหาความแตกต่างจากบริษัท อื่นๆ ให้เจอ ซึ่งจากการสำรวจเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรก ดูเหมือนว่าแทบทุกเว็บไซต์จะเหมือนๆ กันหมด ทำให้ผมเสียดายจำนวนคนเข้าแต่ละเว็บไซต์ที่มหาศาลขนาดนั้น แต่กลับแสวงหารายได้ไม่มากเมื่อเทียบกับศักยภาพที่ตนเองมีอยู่

(2) แต่ในความมืดมิดก็มีแสงสว่าง เพราะจากเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรก นั้น มีบางเว็บไซต์ที่สร้างตนเองให้โดดเด่นออกมา คงไม่เป็นการเกินเลยไปนักหากจะนับรวมไปถึง //www.manager.co.th ของเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 4 ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์ นี้คือการให้ข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆอย่างครบถ้วนและมีการอัพเดตเนื้อ ข่าวอย่างรวดเร็ว ที่ //www.manager.co.th ทำได้เช่นนี้ก็เพราะมีฐานจากนักข่าวของตนเองในสื่ออื่นๆ ทำให้เนื้อหาที่สร้างขึ้นนั้นแตกต่างจากข่าวสารในเว็บไซต์อื่นๆ ที่ไปเอาข่าวจากหนังสือพิมพ์ต่างๆ และด้วยความที่เป็นเจ้าของเนื้อหาเอง ทำให้ //www.manager.co.th สามารถแสวงหารายได้จากค่าสมาชิกผู้จัดการรายวันฉบับ PDF ที่คิดค่าบริการปีละ 3,675 บาท

     ซึ่งรูปแบบของการแสวงหารายได้ในส่วนนี้ไม่ต่างจากwww.siamsport.com ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 23 ที่มีฐานจากหนังสือ พิมพ์และนิตยสารในเครือสยามกีฬา เปิดรับสมาชิก Online Magazine ซึ่งผู้เป็นสมาชิกสามารถอ่านนิตยสารออนไลน์ได้ถึง 14 เล่ม ในราคาเพียงเดือนละ 90 บาทจะเห็นว่าทั้งสองเว็บไซต์พยายามเอาเนื้อหา ที่ตนเองสร้างมาอยู่ในรูปของดิจิตอลแล้วนำมาแสวงหารายได้ ซึ่งเมื่อเทียบต้นทุนการผลิตซ้ำแทบจะเท่ากับศูนย์เมื่อเทียบกับ สื่อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารเดิมที่มีอยู่และถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ขึ้นมาอีกด้วย

     บางเว็บไซต์อาศัยผู้อ่านเข้ามาสร้าง เนื้อหา (Users' Generated Content) ทำให้มีความแตกต่างจากเว็บไซต์อื่นๆ อย่าง //www.dek-d.com อยู่ในอันดับ 6 ที่โดดเด่นอย่างมากในเรื่องนิยายที่ทางบ้านส่งมาให้คนอื่นได้อ่านกันเป็น หมื่นๆ เรื่อง และมีที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจนตีพิมพ์เป็นหนังสือถึงกว่า 725 เล่ม (นับถึง ปัจจุบัน) รวมไปถึงสาระความรู้ต่างๆ อีกมากมาย ทำให้เนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ ไม่ซ้ำใคร แต่เนื่องจากเนื้อหานั้นไม่ใช่ของเว็บไซต์จัดทำขึ้นมาเอง จึงไม่สามารถนำเอาเนื้อหาดังกล่าวไปแสวงหารายได้ในทางอื่นได้

     ตัวอย่างข้างต้น ผมหยิบยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเป็นเจ้าของเนื้อหา เพราะหากคุณเน้นแต่ไปลอกเนื้อหาจากที่อื่น ถึงแม้แหล่งที่มาของเนื้อหานั้นจะยินยอม ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างจากเว็บไซต์อื่นๆ เลย ส่งผล ให้เกิดข้อจำกัดในการแสงหารายได้ จนต้องไปหวังพึ่งพากับรายได้จากโฆษณาอย่างเดียว

(3) นอกจากนี้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาในรูปแบบของเกมออนไลน์ ถือว่ามาแรงมากๆ อย่าง //www.asiasoft.co.th อันดับที่ 15 และ //www.gg.in.th อันดับที่ 16 โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้จากตัวเว็บไซต์โดยตรง แต่จะเป็นในรูปของรายได้จากค่าสมาชิกที่ผู้ประสงค์จะเล่นเกมออนไลน์จะต้อง ชำระก่อนที่จะเข้าไปเล่นได้ จะเห็น ว่าเนื้อหาหลักของเว็บไซต์เหล่านี้คือตัวเกมนั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ามา จากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศ เกาหลี มีน้อยมากที่จะเป็นเกมของไทย

(4) ที่น่าสนใจอีกประการก็คือ มีเว็บไซต์ที่เน้นการขายสินค้าและบริการน้อยมากคือเพียง 3 เว็บไซต์เท่านั้น ได้แก่ //www.sanook.com เว็บไซต์อันดับ 1 ที่มีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดให้ดาวน์โหลดบริการเสริมต่างๆ ของโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นริงโทน เกม ธีมตกแต่งมือถือ และอื่นๆ เป็นบริการที่สร้างรายได้ไม่น้อย //www.weloveshopping.com เว็บไซต์อันดับที่ 21 เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่มีรายได้ จากค่าบริการในการเปิดร้านค้าออนไลน์ ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2551 มีจำนวนร้านค้า ทั้งสิ้น 128,084 ร้านค้า ส่วน //www.iget web.com เป็นเว็บไซต์อันดับที่ 24 ให้ บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปเพื่อสร้างเว็บไซต์ ส่วนตัว เว็บโฆษณาประชาสัมพันธ์

     จะเห็นได้ว่าเว็บไซต์ทั้งสามมีสินค้า และบริการในรูปแบบดิจิตอล (Digital Good) ซึ่งเหมาะกับการขายสินค้าบนออนไลน์อย่างยิ่ง ส่วนร้านค้าออนไลน์ที่ขายสินค้าที่จับต้องได้ (Tangible Good) ไม่พบใน 30 อันดับแรกเลย และเมื่อผมพิจารณาขยายไป 50 อันดับแรก ก็ยังไม่พบอีกเช่นกัน ต่อเมื่อพิจารณาไปถึง 100 อันดับ จึงพบว่ามีเพียง //www.mono2u. com ซึ่งขายสินค้า VCD DVD หนังสือ เครื่องสำอาง น้ำหอม และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายเท่านั้น

(5) ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ เว็บไซต์ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการทำธุรกิจ ไม่มีเลยสักเว็บไซต์ ทั้งๆ ที่ในต่างประเทศเว็บไซต์ที่มีรายได้สูงสุดมาจากค่าธรรมเนียมนี้เอง อย่างกรณีของ //www.ebay.com เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการประมูลสินค้า มีรายได้จากค่าธรรมเนียม อันเกิดจากการซื้อขายที่เกิดขึ้น ทำให้ //www.ebay.com มีรายได้กว่า 6,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นอันดับ 6 เมื่อเปรียบเทียบในส่วนของรายได้ โดยความจริงแล้วจากเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรกนั้นมีเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการประมูลอยู่ 2 รายคือ //www.sanook.com และ //www.pramool.com ทั้ง 2 เว็บไซต์ ไม่เก็บค่าธรรมเนียมจากการประมูล แต่กลับมุ่งไปยังรายได้จากการโฆษณาแทน ซึ่งผมเองเห็นว่าเมื่อเจ้าตลาดทั้งสองไม่เก็บ ค่าธรรมเนียมเสียแล้ว เว็บไซต์รายใหม่คงยากที่จะหาค่าธรรมเนียมจากส่วนของการประมูลนี้

     อย่างไรก็ดี เมื่อผมพยายามดูไปจนถึงอันดับที่ 100 ก็มีเพียงเว็บไซต์เดียวเท่านั้นที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม นั้นก็คือ //www.settrade. com ซึ่งมีค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหุ้นออนไลน์

     ในความคิดของผม เว็บไซต์สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งสะดวกและรวดเร็ว ดังนั้นหากเรามองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น การหารายได้จากค่าธรรมเนียม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่มันขึ้นอยู่กับมูลค่า เพิ่มของเว็บไซต์นั้นมีมากเพียงพอต่อการยินดีของผู้บริโภคที่จะเสียค่า ธรรมเนียมนั้นหรือไม่

หน้าใหม่ทำอย่างไรดีจึงอยู่รอด

แน่นอนว่าหากคุณเป็นหน้าใหม่ที่เข้ามายังธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การที่จะมาหวังว่าจะสร้างเว็บไซต์ท่าเพื่อหวังรายได้จากการโฆษณานั้น เป็นเรื่องที่โอกาสหายนะจะมีมากกว่าโอกาสประสบความสำเร็จ

     ผมขอเสนอแนะ 2 วิธีการสำหรับผู้ที่จะเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะทำให้อยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด

(1) หากคุณต้องการมีรายได้จากการโฆษณา ก็ใช่ว่าประตูจะปิดตาย เพียง แต่ต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนทั้งนี้โดยส่วนใหญ่เว็บท่าที่มีอยู่แล้ว นั้นจะจับกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างเน้นทุกเพศทุกวัย เพียงหวังว่าจะได้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม จะมีคนเข้ามายังเว็บไซต์จำนวน มาก แต่ปัญหาเกิดขึ้นก็คือ ตัวเอเยนซี่หรือ เจ้าของสินค้าที่ต้องการจะลงโฆษณานั้นไม่สามารถกำหนดได้แน่ชัดว่าเว็บไซต์ นั้นตรงกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการ ที่จะโฆษณาหรือไม่ ยิ่งถ้ามีกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการนั้นแคบ การที่จะลงโฆษณาในเว็บไซต์ที่เน้นลูกค้าทุกกลุ่ม ย่อม ลดทอนประสิทธิภาพของการโฆษณานั้นลง

     กรณีเช่นนี้ ผมเคยมีประสบการณ์จริง กล่าวคือผมเคยลองนำแบนเนอร์เว็บไซต์ของผมคือ //www.siamfitness.com เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับสุขภาพไปลงโฆษณา ในเว็บไซต์ที่ให้บริการฟังเพลงออนไลน์แห่งหนึ่งมีคนเข้าติด Top 20 ในขณะนั้น ปรากฏว่าทั้งเดือนมีคนคลิกเข้าเว็บไซต์ ผมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นั่นเกิดจากคนที่เข้าไปฟังเพลงอาจจะไม่ได้สนใจในเรื่องของการออกกำลังกายและ ดูแลสุขภาพหรือผมลงโฆษณาผิดกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

     ดังนั้นเว็บไซต์ใหม่ๆ ควรจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า กลุ่มเป้าหมายของตนคือใคร อย่าไปกำหนดเป้าหมายที่กว้างมากนัก คงไม่จำเป็นว่าเว็บไซต์เราจะต้องมีคนเข้ามามากๆ แต่ไม่มีรายได้ใดเลย ผมตรวจสอบเว็บไซต์ยอดนิยม 30 อันดับแรก ปรากฏว่าไม่มีเว็บไซต์ใดเลยที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่ชัดเจน ผมจึงลองพิจารณา 50 อันดับแรก และพบเว็บไซต์ที่น่าสนใจอย่าง //www.one2car.com เว็บไซต์อันดับที่ 35 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขายรถมือสองที่มีรายได้จากการโฆษณาของบรรดาเต็นท์รถต่างๆ หรืออย่าง //www. siam-phone.com เว็บไซต์อันดับที่ 50 ที่เน้นเนื้อหาเฉพาะคนที่สนใจเรื่องของโทรศัพท์มือถือ โดยมีรายได้จากการให้ดาวน์โหลดบริการเสริมและโฆษณา จะเห็นว่าไม่จำเป็นที่เว็บไซต์จะต้องมีบริการอะไรที่ครอบคลุมอย่างเว็บท่า เพียงแต่เน้น ในเรื่องเดียว เป็นรูปแบบเชิงลึกก็สามารถก้าวมาสู่เว็บไซต์ชั้นนำของประเทศได้

(2) ที่ผมอยากแนะนำมากกว่า คือ อยากให้คุณพยายามพัฒนาเนื้อหาหรือบริการขึ้นมาเองมากกว่าจะไปลอกเลียนแบบ เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากรายได้ในรูปแบบของค่าสมาชิกหรือการขาย สินค้าหรือบริการ แม้แต่รายได้จากการโฆษณา หลายคนคงคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ใน การเป็นเจ้าของเนื้อหาหรือบริการ เพราะ ต้องมีต้นทุนที่สูง เพราะไปคิดถึงเว็บไซต์อย่าง //www.manager.co.th หรือ //www. siamsport.com ดังที่กล่าวมาแล้ว เปล่าเลยครับ เว็บไซต์ที่มีเจ้าของคนเดียวหรือเจ้าของไม่กี่คนก็สามารถมีเนื้อหาหรือ บริการของตนได้เช่นกัน และไม่จำเป็นที่จะต้องติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยม เพียงแต่มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าที่เข้มแข็ง แค่นี้เว็บไซต์ก็ไปได้ฉลุย

     ตัวอย่างที่ผมติดตามการเติบโตของเว็บไซต์ อย่าง //www.jeban.com มาโดยตลอด ปัจจุบันมีจำนวนคนเข้าในระดับ หนึ่งหมื่นคน อยู่อันดับที่ 199 มีเนื้อหาที่ทาง Webmaster อย่างป้าจีน เขียนวิธีการแต่งหน้าโดยเน้นขั้นตอนการปฏิบัติอย่างละเอียดเป็นที่ถูกใจสาวๆ จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการตลาด (Marketing Influencer) ในส่วนของเครื่องสำอางระดับ ประเทศ ทำให้เว็บไซต์มีรายได้จากการโฆษณาและสปอนเซอร์จากบริษัทเครื่องสำอางทั้ง หลาย

     จะเห็นได้ชัดว่า การที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนอย่าง //www.jeban.com ทำให้บริษัทเครื่องสำอางไม่ต้องพิจารณายากว่ามาลงโฆษณาแล้วจะประสบผลสำเร็จ หรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนคนที่เข้าเว็บไซต์น้อยกว่าเว็บท่ามากมาย แต่ความที่เน้นเนื้อหาเฉพาะกลุ่ม ทำให้บริษัท เครื่องสำอางสนใจและยินดีลงโฆษณามากกว่าในเว็บไซต์ใหญ่ทั้งหลายเสียอีก

     จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า ทาง //www.jeban.com ไม่ได้ทุ่มทุนมหาศาลในการสร้างเนื้อหาขึ้นมาแต่ประการใด แต่เป็นทักษะเฉพาะที่ตัว Webmaster นั้นมีอยู่แล้วแสดงออกมาผ่านรูปแบบของการเขียน ครับ ตรงนี้แหละครับหน้าใหม่ทั้งหลายจะต้องสำรวจตนเองว่ามีความเชี่ยว ชาญในเรื่องอะไร แล้วใช้ความเชี่ยวชาญนั้นสร้างเนื้อหาออกมา

     อีกประการหนึ่งที่ผมอยากแนะนำคือ รายได้จากค่าสมาชิกที่เก็บจากความที่เราเป็นเจ้าของเนื้อหาหรือบริการนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการออนไลน์ต่างๆ ที่ไม่มีต้นทุนในการทำซ้ำ ผมเองมีประสบ การณ์ส่วนนี้ กล่าวคือ ในเว็บไซต์ของผม //www.siamfitness.com มีการจัดทำบริการโปรแกรมลดความอ้วนออนไลน์ ที่ช่วยในการคำนวณหาค่าแคลอรีจากอาหาร ที่กินในแต่ละวัน โดยเก็บค่าสมาชิกในราคา 500 บาทต่อปี จะเห็นว่าแม้คนจะสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนของโปรแกรมไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผมเสียเงินลงทุนในช่วงต้นเท่านั้นในการให้โปรแกรมเมอร์ช่วยพัฒนาโปรแกรมขึ้น มา ซึ่งเป็นเงินลงทุนในระดับหมื่น แต่สามารถแสวงหารายได้ในระยะยาว ขณะที่ระยะเวลาคุ้มทุนเพียงไม่กี่วัน

     จากที่กล่าวมาทั้งหมด คงทำให้ผู้ที่สนใจในการเข้ามาสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมองเห็นภาพชัดว่าจะต้อง ตั้งคำถามสำคัญคือ "คุณจะหาเงินจากเว็บไซต์ที่คุณทำนั้นในรูปแบบใด" ไม่ใช่รอหวังเพียงรายได้จากค่าโฆษณาแต่เพียงอย่างเดียว

สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ดร.ภิเษก ชัยนิรันดร์
นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กันยายน 2551

H O M E



Create Date : 25 กันยายน 2551
Last Update : 25 กันยายน 2551 21:33:34 น. 0 comments
Counter : 512 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.