คำถามที่ผมเคยถามน้องนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งและได้รับคำตอบกลับมาว่าเรามาจากต่างจังหวัด เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอีกคนหนึ่งเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ที่นี่ไม่มีญาติ ไม่มีใครเลยฐานะทางบ้านก็ยากจน ถึงท้องจะหิวแต่ด้วยความอยากเรียนจึงต้องทน อยู่ที่นี่ข้าวของเครื่องใช้ต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้นไหนจะค่าหอพัก ค่าน้ำ ค่าไฟอีกจิปาถะ ต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้อยู่ได้เรียน ใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ เจ็บป่วยก็ไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน บังเอิญได้เจอผู้ชายแสนดีคนหนึ่งเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันเขาเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ และเป็นคนรักที่ช่วยเติมเต็มให้ในส่วนที่ขาด เราอยู่กันด้วยความรัก ช่วยกันแชร์ค่าห้องค่าอยู่ค่ากินทั้งหมด เราต้องเลือกหรือที่จะต้องเป็นคนดีที่สุดในขณะที่เราหมดทางเลือก ได้ยินได้ฟังถึงกับอึ้งพูดไม่ออกไม่รู้จะบอกอย่างไรดี จนเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองอย่างมากมาย จะว่าไปแล้วการอยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกัน ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีถ้าทั้งสองคนทำในสิ่งที่ดี เช่น ช่วยเหลือกันทั้งทางด้านการเงิน การเรียน ตลอดถึงความเป็นอยู่และการวางตัว ถึงลำบากก็ยอมเพื่อที่จะได้เรียน ถึงจะอยู่ด้วยกันก็น่ายกย่องมากกว่าเด็กบางคนที่เห็นการอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องสนุก เป็นแฟชั่น ใช้พฤติกรรมเดิมจนเคยชินไม่กล้าเปลี่ยนเด็กที่มองแบบนี้มักจะมองเห็นเรื่องของความสุขมากกว่าจะคำนึงถึงความทุกข์ ก็เลยทำแต่เรื่องสนุกๆเช่น เที่ยว กิน ไม่สนใจเรียน อะไรที่ลำบากก็ไม่ยอมทำใช้เงินอย่างสนุกบางคนพ่อแม่ส่งเงินมาให้แบบที่กินอยู่ใช้คนเดียวได้อย่างสบายๆ แต่ก็ยังไม่พอใจ ต้องหาคนอยู่ด้วยเพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้ส่วนที่ฟุ่มเฟือยไม่มีประโยชน์ พฤติกรรมแบบนี้พ่อแม่ต้องมาดูลูกบ่อยๆเชียวอย่าได้วางใจเป็นเด็ดขาดเพราะเด็กก็คือเด็ก ความคิดและสติปัญญาเขายังไม่โตพอที่จะคิดว่าอะไรควรไม่ควร "อย่าไว้ใจเขามากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ให้ระแวงจนน่าเกลียด" จริงๆก็มีมานานแล้วล่ะเรื่องการชิงสุกก่อนห่ามของวัยรุ่นนักศึกษาแบบนี้ มันเริ่มมีอยู่เป็นคู่ๆตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีแรกๆแล้ว ผัวเมียนักศึกษามีอยู่ให้เห็นกันทั่วไปตามหอพักอพาร์ตเม้นต์รอบมหาลัยพูดถึงพ่อแม่ที่มีลูกสาว การให้ลูกได้อยู่หอพักสตรีจะดีมากกว่าการได้อยู่หอพักรวมมาก เพราะจะสามารถควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงๆชิงสุกก่อนห่ามได้ในระดับหนึ่ง ระวังเด็กจะเสียเพราะการเลือกเพื่อนเข้าเรียนเทอมแรกก็เริ่มมีคนมาจีบแล้ว มีทั้งเพื่อนมีทั้งรุ่นพี่และมีทั้งจิ้งจอกคร่าสวาท โปรดจับตาดูลูกหลานเมื่อเริ่มเรียนเทอม 2 ของปี 1 ให้ดี จับตาดูลูกหลานเมื่อเขาและเธอขึ้นปี 2 ให้ชัดเจน เพราะจะเป็นช่วงที่เด็กหลายคนเริ่มไม่ใช่เด็กดีของพ่อแม่อีกต่อไปแล้ว ค่านิยมในยุคปัจจุบันการต้องมีแฟน การต้องมีกิ๊กหลายๆคน ต้องเที่ยวดึกๆ หรือต้องสูบ-ดูด ต้องเป็นอิสระไม่โดนกำกับเรื่องเวลา ต้องแต่งตัวให้ทันสมัยใช้ของแบรนด์เนม มือถือ เสื้อผ้า ของใช้ฟุ่มเฟือยราคาแพงๆถึงจะไม่น้อยหน้าใครอย่าให้ลูกหลานเป็นคนประเภทวัตถุนิยม ไม่เช่นนั้นอาจเข้าตำรา "พ่อแม่ รังแกฉันได้"แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเด็กจริงๆ หลายครอบครัวอาจสอนมาดี ก็แค่ช่วยได้บ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด สภาพแวดล้อม เพื่อนฝูงนับว่ามีส่วนมากๆ ... เด็กชิงสุกก่อนห่ามมีอยู่ทุกที่ทุกสถาบัน มีคอมเม้นท์หนึ่งเธอบอกว่า เคยถามนักศึกษาชายหญิงที่อยู่ด้วยกันคู่หนึ่งถามฝ่ายหญิงว่า รู้สึกยังไงที่อยู่กับแฟนขณะเรียน เธอตอบว่า ก็ดีที่มีคนคอยดูแลปกป้อง แต่พอถามฝ่ายชายกลับบอกว่า ก็ดีที่มีคนซักเสื้อผ้ารีดผ้าให้ ช่วยทำงานส่งอาจารย์ ...( โห ช่างเอาเปรียบชมัดเลย)มีอีกหนึ่งคอมเม้นท์ซึ่งอ่านแล้วถึงกับอึ้ง ยกตัวอย่างมาให้อ่านกันเล็กน้อยจริงๆก็มีมานานแล้วหละว่ามั๊ยคะ...?...เรื่อง "ชิงสุกก่อนห่าม หรือผัวเมียนักศึกษาในหอพัก" แบบนี้!มาเรียน ม.รามคำแหงเมื่อปี 2532 ก็เห็นว่ามันเริ่มมีอยู่เป็นคู่ๆแล้วไม่ใช่แค่เด็กรามฯ แต่นักศึกษา ผัว-เมีย สถาบันอื่นๆก็มาเช่าอยู่หน้ารามฯเริ่มจากห้องเช่าแบบบ้านไม้ในซอยรามคำแหง 53น่าจะบอกได้ว่าซอยนี้เป็น "แหล่ง..ต้นตำหรับห้องเช่าผัว-เมีย(นักศึกษา)"ซึ่งไม่นานนักบรรดาบ้านไม้ห้องเช่าเหล่านั้นก็พัฒนาการมาเป็นApartmentทีนี้หอพักละแวกรามคำแหงและที่อื่นๆก็เลยหดหายหอพักหญิงอย่างที่เคยพักเดือนละ 500 บาท แบบสมัยก่อน เดี๋ยวนี้แทบไม่มีแล้ว น่าจะสูญพันธุ์แล้วนะก็ Apartment สมัยก่อนน่ะ ราคาแค่เดือนละ 1300-1500 เรื่องการหารค่าห้องเดี๋ยวนี้แทบจะตามไม่ทัน พวกเล่นหารกัน 4 คน แบบ 2 ชาย 2 หญิงเล่นกันนัวมั่ว-ซั่วตามสูตร พวกซ่าๆ แสบๆ...11-ร.ด.ก็เช่าไว้เป็นคู่ๆ-คู่ๆ คู่ ญ.-ญ. และ ช.-ช. แล้วเมื่อถึงเวลาก็สลับคนอยู่-สลับเพศซะ! เวลาแม่-พ่อมาจากต่างจังหวัดก็.....นะ!!กว่าพ่อ-แม่จะรู้ว่าลูก ญ. ของตัวเองเป็นไง? ก็อาจจะ..นู๊น....ลูก ญ...ได้แต่งงานนู่นแน่ะ!แต่งงานครั้งที่1 แต่สามีของลูกไม่ใช่แค่คนที่1 ที่ 2 หรือที่ 4-5 เห็นเพื่อนในซุ้ม..ฯ ที่หน้าตาสวยๆก็เป็นเงี้ยะค่ะ!! เรียน 4 ปี กว่าจะเรียนจบ!แต่ก็ยังดีนะที่เรียนจบ เพราะบางคนก็ท้องซะก่อนตั้งแต่เทอมที่ 2 ของปี 1อันเนื่องมาจาก.."วัย....กะลัง...????" (ละไว้ในในฐานะที่เข้าใจ)...เฮ้อ !!! อ่านคอมเม้นท์จบแล้วก็คงต้องปลง ... ใครมีลูกสาวก็น่าห่วง พ่อแม่อาจจะสอนมาดีเข้มงวดมากๆ แต่ทุกอย่างอยู่ที่ตัวของลูกเราจริงๆ เข้ามหาวิทยาลัยปีแรกๆจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาไม๊? หรือถ้ารอด จะรอดกันไปได้ซักกี่น้ำ พูดถึงการเลี้ยงลูก จะว่าไปแล้ว ถ้าลองเปลี่ยนพฤติกรรมสอนให้ลูกไม่อินโนเซ้นต์มากเกินไปปรับเปลี่ยนมาสอนให้เค้าทันคนจะดีกว่ามากๆ เพราะในมหาวิทยาลัยน่าจะทุกที่มีจิ้งจอกเกลื่อน พวกรุ่นพี่ที่น้องๆบอกว่าแสนดีนี่แหละตัวจ้องจะคร่าสวาทเลยหละ เฮ้อ !!! เด็กยุคนี้สาระพันรูปแบบจริงๆ เรียนไม่จบก็กลับไปอยู่บ้านให้พ่อ-แม่ก้มหน้าเลี้ยงลูกกันกรรมจริงๆหนอ ?เป็นกำลังใจให้พ่อแม่ที่มีลูกสาวทุกคนครับขอให้รอดจากปากเหยี่ยวปากกาประสบผลสำเร็จในชีวิตและเป็นคนดีของสังคมโชคดีมีเงินใช้
เปิดบ้านเพื่อรับอรุณ
คนเราแก้ไขอดีตไม่ได้
แต่อาจแก้ไขอนาคตได้
ป.ล. ถ้าข้อความนี้ทำให้ไม่สบายใจ ขอโทษนะคะ