|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ไตวายเรื้อรัง...?
เมื่อวาน เพื่อนคนนึงโทรมาเล่าให้ฟังว่า... เป็นโรคไตวายเรื้อรัง เนื้อไตไม่ทำงานไป 50% แล้ว หลังจากที่ผ่านการตรวจหามาหลายเดือน เริ่มต้นจากการตรวจพบไข่ขาวในปัสสาวะ ในการตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน
เพื่อนดูเข้มแข็ง...ตามที่คิดไว้ อาจเพราะความเป็นคนมองโลกในแง่ดีของเธอก็ได้ เพียงแต่...ความทุกข์ที่มีในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะโรคภัยที่พบเจอ แต่เป็นคนรอบข้าง เธอร้องไห้กับเรา เพราะเสียใจที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ ทำให้คนในครอบครัวต้องเป็นทุกข์ "เราไม่แคร์นะว่า จะอยู่หรือจะตาย แต่เราทำให้แม่ร้องไห้เพราะเป็นห่วง"
เราเอง ในฐานะเพื่อน ก็คงได้แต่คอยให้กำลังใจ เท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ผ่านมา เราจะไม่ใช่เพื่อนที่ดีสำหรับเธอสักเท่าไหร่ แต่ก็...จะพยายามไม่หวง space มากเท่าเดิมก็แล้วกัน...
--------------------------------------------------------------------------------------
"โรคไตวายเรื้อรัง (chronic renal failure)"
โรคไตวาย คือ ภาวะที่ไตทำงานผิดปกติ ปกติไตจะทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียออกทางปัสสาวะ ดังนั้น ภาวะไตวายก็คือ ภาวะที่ไตจะไม่สามารถขับของเสียรวมทั้งเกลือแร่ต่าง ๆ ออกมาทางปัสสาวะได้ ของเสียเหล่านั้นก็จะคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด
ภาวะไตวายโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรัง ไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงที่ไตน้อยลง เช่น คนไข้มีอาการความดันโลหิตต่ำอยู่ในภาวะช็อกนาน ๆ หรือคนไข้ที่เสียเลือดมาก ๆ แต่ภาวะไตวายเฉียบพลันสามารถรักษาให้ไตกลับมาทำงานปกติได้ ส่วนภาวะไตวายเรื้อรังนั้นเป็นโรคที่มีการทำลายของเนื้อไตอย่างช้า ๆ อย่างต่อเนื่อง จนไตไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ
ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน และความดันโลหิตสูงที่ขาดการรักษาอย่างจริงจัง อาจเกิดจากโรคไตเรื้อรัง เช่น หน่วยไตอักเสบ, กรวยไตอักเสบเรื้อรัง, โรคไตเนโฟรติก, นิ่วไต, โรคไตเป็นถุงน้ำมาตั้งแต่กำเนิด (polycystic kidney disease) ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากโรคเกาต์, เอลแอลอี, ภาวะยูริกในเลือดสูง, ภาวะแคลเซี่ยมในเลือดสูง, โรคเอดส์, พิษจากยา (เช่น ยาแก้ปวดลดไข้-เฟนาซิติน, เฟนิลบิวตาโซล, ลิเทียม, ไซโคลสปอรีน, ยาต้านมะเร็ง ฯลฯ), พิษจากสารตะกั่วหรือแคดเมียม เป็นต้น
อาการ
ขึ้นกับความรุนแรงของโรค โดยในระยะแรกอาจไม่มีอาการให้สังเกตได้ชัดเจน และมักจะพบจากการตรวจเลือด (พบว่ามีระดับครีอะตินินและบียูเอ็นสูง) ในขณะตรวจเช็กสุขภาพหรือมาพบแพทย์ด้วยโรคอื่น ผู้ป่วยจะมีอาการชัดเจนเมื่อเนื้อไตทั้ง 2 ข้างถูกทำลายจนทำหน้าที่ได้น้อยกว่าร้อยละ 5 ของไต โดยจะสังเกตว่ามีปัสสาวะออกมาก และปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดินบ่อย นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ขาดสมาธิ ตามัว ผิวหนังแห้งและมีสีคล้ำ คันตามผิวหนัง ชาตามปลายมือปลายเท้า
บางรายอาจมีอาการหอบเหนื่อย สะอึก เป็นตะคริว ใจหวิว ใจสั่น เจ็บหน้าอก บวม หรือมีเลือดออกตามผิวหนังเป็นจุดแดงจ้ำเขียว หรืออาเจียนเป็นเลือด เมื่อเป็นถึงขั้นสุดท้าย ผู้ป่วยจะมีอาการซึม ชักหมดสติ สุดท้ายหัวใจจะล้มเหลว น้ำท่วมปอดมาก หายใจเป็นฟอง อาจมีเลือดปน เกลือแร่บางตัวอาจสูงมากเช่น โปแตสเซียม ทำให้ถึงแก่กรรมได้ ถ้ารักษาไม่ทันท่วงที
การรักษาโรคไตวายเรื้อรัง
ประกอบด้วย รักษาภาวะวิกฤติซึ่งจะทำให้คนไข้เสียชีวิตก่อน เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะชัก,ภาวะโปแตสเซียมเกิน
เมื่อภาวะดังกล่าวบรรเทาแล้วต้องหาสาเหตุ และแก้ไข เช่น ผ่าเอานิ่วออก ,ควบคุมเบาหวาน, ความดันโลหิตให้ใกล้เคียงปกติ,รักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถ้ารักษาโรคอันเป็นสาเหตุแล้ว หน้าที่ไตก็จะกลับฟื้นมาบางส่วน ถ้าหน้าที่ไตไม่กระเตื้องขึ้นจากการรักษาดังกล่าว จะมีวิธีการต่อไป 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
1. รักษาประคับประคอง - การควบคุมอาหาร ควรลดอาหารโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ขาวไปเน้นทางแป้งและไขมันแทน, ลดอาหารเค็ม (อาหารเค็ม อาหารโปรตีนมาก ๆ ก็จะทำให้ของเสียในเลือดเพิ่มขึ้นเร็ว) - ถ้าปัสสาวะน้อยควรลดปริมาณน้ำดื่มต่อวัน - การใช้ยาหลายชนิด รวมถึงฮอร์โมนเพิ่มเลือด - ร่วมกับการฟอกไต(ล้างไต) ด้วยเครื่องไตเทียม ต้องยอมรับว่าการรักษาดังกล่าวมานี้ต้องทำไปตลอดชีวิต
2. การเปลี่ยนไต เป็นการรักษาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้โรคหายขาดเป็นปกติ (แต่) ปัจจุบัน ถึงแม้การแพทย์จะก้าวหน้ามาก การเปลี่ยนไต ก็ยังอาจมีปัญหาได้ ถ้าร่างการผู้ป่วยไม่ี่รับไตใหม่
การป้องกัน
1. ตรวจเช็คดูว่า เป็นความดันโลหิตสูง, เบาหวาน และโรคเกาต์ หรือไม่ ถ้าเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องจนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและยูริกในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2. เมื่อเป็นโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ) หรือมีภาวะอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ (เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต) จะต้องทำการรักษาให้หายขาด
3. เมื่อป่วยเป็นโรคติดเชื้อ งูกัด หรือท้องเดิน ต้องรีบรักษา อย่าปล่อยจนเกิดภาวะช็อก ซึ่งมีผลทำให้ไตวายตามมาได้
4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจมีพิษต่อไต และระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีเลือดไปเลี้ยงไตไม่ดี (เช่นตับแข็ง, หัวใจวาย, หลอดเลือดแดงไตตีบ, ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง)
เรียบเรียงจาก Siriraj E-Public Library //www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=209
ThaiHealth //www.thaihealth.net/h/encyclopedia-10017.html
โรงเรียนนครพิงค์อภิบาลกิจ //www.popcare.com/edu8.htm
Create Date : 07 มกราคม 2551 |
Last Update : 7 มกราคม 2551 13:28:39 น. |
|
11 comments
|
Counter : 702 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Kurt Narris วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:15:45:57 น. |
|
โดย: นางไม้หน้า3 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:21:53:55 น. |
|
โดย: Kurt Narris วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:3:32:14 น. |
|
โดย: กนกวรรณ เจี่ยสกุล IP: 125.24.137.84 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:19:05:13 น. |
|
โดย: mii IP: 124.120.30.33 วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:7:06:41 น. |
|
โดย: เด็กเซเว่น วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:11:48:25 น. |
|
โดย: o IP: 125.27.133.170 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:37:49 น. |
|
โดย: ชาลินี รักรัง IP: 117.47.208.204 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:20:19 น. |
|
โดย: น้องยุ้ย IP: 117.47.208.204 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:21:44 น. |
|
โดย: ดาราหานา IP: 117.47.208.204 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:23:19 น. |
|
| |
|
aggressive rust rabbit |
|
|
|
|