<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
13 มีนาคม 2553

โรคร้าย.......บทที่ 2 โรคแพ้ความสวย





ต่อจากบทที่ 1

พระเจ้าช่วยด้วย... เรื่องที่ผู้คนกลัวกันนักกลัวกันหนาก็บังเกิดขึ้นจนได้ หลังการระบาดของโรคแพ้ความหล่อ ก็มีพวกนักวิจัยทางการแพทย์และนักจิตวิทยาประกาศเตือนว่าให้ระวังโรคอีกชนิดหนึ่งที่จะตามมา

นั่นคือโรคแพ้ความสวย

ตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจว่าติดเชื้อร้ายนี้เข้าให้แล้ว ประสาทของผมลั่นเปรี้ยะก่อนอาเจียนอาหารมื้อเช้าออกมาจนหมดใส้หมดพุงดาวนับพันกระจายเต็มหน้าสำลักอากาศแทบหายใจหายคอแทบไม่ทัน

โรคนรกนี่มาถึงที่นี่แล้ว รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว

“คุณเป็นอะไร”

เสียงใสๆของหญิงสาวนักล่าแว่วมาเหมือนไกลแสนไกล แม้แต่เสียงก็ยังดูสวย ทำเอาผมรับฟังกล้ำกลืนอย่างลำบากยากเย็น คล้ายเห็นเงาลางๆเดินใกล้เข้ามา ทำเอาต้องตะกายถอยออกไปสุดชีวิต

“อย่าเข้ามาใกล้ผม คุณเป็นคนสวย ...ได้โปรด! โรคแพ้ความสวยระบาดมาถึงนี่แล้ว”

สองขานั่นชะงัก เธอหยุดห่างออกไประยะหนึ่ง ผมไม่กล้าเงยหน้ามองเธอ นึกหวาดเสียวในใจ ถ้าเมื่อครู่ไม่ไหวตัวสะบัดหน้าและสายตาออกจากวงหน้าสวยๆนั้นภายในเสี้ยวพริบตา แบบหวุดหวิด สงสัยคงอาการหนักถึงขั้นสิ้นสติหยอดน้ำข้าวต้มหรือขาดใจตายเป็นแน่แท้ เฉียดนรกไปเพียงเส้นยาแดงผ่าหกสิบสี่

วาระสุดท้ายของโลกคงมาถึงแล้ว

ทันใดนั้น หางตาผมเห็นขางามๆของเธอก้าวเข้ามา แล้วรู้สึกว่าปากถูกบีบจนอ้าออกกว้าง วัตถุบางอย่างถูกทิ้งลงไปในลำคอในขณะที่ผมพยายามจะสำลักสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมา แต่หล่อนตบเปรี้ยงเต็มแรงจนดาวกระจายเต็มหน้าอีกครั้ง พร้อมเสียงเฉียบขาดสำทับ

“กินลงไป นี่เป็นยารุ่นทดลองของพวกเรา ยาป้องกันโรคแพ้ความสวย”

ผมดิ้นพราด เจ็บตัวไม่เท่าไร แต่เจ็บใจมันเหลือทน ทำไมต้องมาเป็นโรคแพ้ความสวยด้วยนะเรา แต่พอนึกได้ว่าโดนคนสวยตบ จิตใจก็ชุ่มชื้นเยือกเย็นอย่างประหลาด ถ้าหากเป็นคนขี้เหร่ตบ อาจลุกขึ้นจระเข้ฟาดหางไปแล้ว ส่วนคนสวยๆตบอาจยอมให้ตบตายคามือก็ยอม

“เห็นแก่น้ำใจของคุณก็แล้วกัน”

หล่อนว่า แล้วเหมือนยืนมองสังเกตปฏิกิริยาอย่างเฉยเมย ผมหอบหายใจหนักหน่วง ก่อนพยายามฝืนใจมองหน้าเธอ ให้ตายเถอะ... เป็นใบหน้าที่สวยและมีเสน่ห์จนน่ากลัว หากไม่มียาป้องกันความสวยบางทีอาจขาดใจตายไปอย่างน่าเวทนาแล้ว

“คุณเป็นคนสวยจริงๆ พระเจ้า.....สวยจนน่ากลัว”

ผมพึมพำขณะแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ.....แต่ยาดูเหมือนจะออกฤทธิ์แล้ว จึงสามารถมองหน้าเธอได้อย่างค่อนข้างสบายใจ

ดูเหมือนว่าโรคแพ้ความสวยจะระบาดขึ้นอย่างทันทีทันใด ถนนสายนั้นพลันเต็มไปด้วยสภาพโกลาหลวุ่นวายอีกครั้ง พวกผู้ชายหลายคนแผดร้องเลียงลั่นเหมือนคนบ้า วิ่งกระเจิงอย่างขาดสติ บางคนเป็นหนักถึงกับตะกายผนังตึกล้มลงชักตาตั้ง บางคนอ้าปากค้างนั่งน้ำลายยืดอย่างคนไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ซึ่งบริเวณนั้นจะต้องมีผู้หญิงหน้าตาดีเดินอยู่อย่างแน่นอน

แต่ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากโรคแพ้ความหล่อคือ พวกชายหล่อทั้งหลายยังพากันออกมาเดินถนนแบบหลบๆซ่อนๆความหล่อ ไม่เปิดเผยเท่าไรนัก แต่พวกผู้หญิงสวยนี่กลับไม่รู้จักหลบใบหน้าสวย ๆ ของพวกเธอเลย ทั้งที่รู้ว่าเป็นพิษเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ผมเห็นหลายคนเดินกรีดกรายโปรยยิ้มไปมาอย่างภาคภูมิใจ แจกยิ้มหวานไปทั่ว เป็นการทดสอบประสิทธิภาพความสวยของตนเอง อาการที่พวกผู้ชายสบตาพวกเธอแล้วชักตาตั้ง กลับกลายเป็นความภาคภูมิใจเหลือแสนของบรรดาสาวๆ ว่าใครจะทำให้ผู้ชายแพ้ปางตายได้มากที่สุด

ยังดีที่โรคนี้เพิ่งระบาด มิฉะนั้นน่ากลัวว่าพวกเธอต้องเจอกับนักล่าสาวสวยแล้ว ค่าหัวของพวกเธอคงแพงลิ่วไม่ห่างจากคนหล่อเท่าไร

หัวมุมถนน เห็นหญิงรูปร่างอ้วนคนหนึ่งแต่แต่งหน้าทาปากและสวมเสื้อผ้าสีลายดอกฉุดฉาด กำลังลอยหน้าลอยตายิ้มไปมาให้พวกชายหนุ่มทั้งหลาย แต่พวกชายหนุ่มเหล่านั้นมองแล้วเฉยไม่เกิดอาการแพ้แต่อย่างไร พวกเขาพยายามกลับบ้านโดยเร็วที่สุดก่อนที่จะโดนโรคแพ้ความสวยเล่นงาน

หญิงอ้วนคนนั้นท่าทางผิดหวังเมื่อไม่เห็นผู้ชายหนุ่มหรือแก่คนไหนสบตาเธอแล้วเป็นลม สลบ และในที่สุดดูเหมือนเธอจะฟิวส์ขาด กระชากคอเสื้อผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งซึ่งวิ่งผ่านไปอย่างรีบร้อนจนตัวลอยแล้วจ้องหน้าร้องถามเสียงลั่นถนน

“มองหน้าฉันสิ พ่อหนุ่ม เป็นไง มองให้เต็มตา”

ชายเคราะห์ร้ายคนนั้นร้องเสียงหลง หญิงอ้วนท่าทางแข็งแรงมาก บางทีอาจเป็นนักมวยปล้ำหญิงก็เป็นได้ ตาของเขาเหลือกลานแบบคนใจขาดใจตายเพราะโดนบีบคอยกขึ้นจนลูกกระเดือกแทบหลุดสองมือพยายามแกะนิ้วอูมๆ ออกจากคอหอย

“ทำไมมองแล้วไม่ชักตาตั้งฟะ” หล่อนตะคอกเสียงดัง

ชายผู้น่าสงสารนั้นดิ้นกระแด่วๆอย่างน่าเวทนาแล้วชักจนตาตั้ง

“ฮึๆ.. ในที่สุดก็ออกอาการแพ้จนได้”

เธอแสยะยิ้มอย่างพอใจ คิดไปว่าอาการทุรนทุรายจนตาตั้งของชายหนุ่มเป็นอาการของโรคแพ้ความสวย เธอทำปากจู๋ยืนเข้าไปใกล้ใบหน้าซีดเผือดใกล้ตายของอีกฝ่ายหนึ่ง

“มามะ..จะให้รางวัลค่าที่มองเห็นความสวยอันซ่อนเร้นของฉัน จูจุ๊บ..จูจุ๊บ!!!”

ดูเหมือนชายหนุ่มคนนั้นจะโชคดี เพราะเขาตาเหลือกตาค้างสลบคามือไปแล้วด้วยความหวาดกลัว หญิงอ้วนสบถอย่างขัดใจโยนร่างปวกเปียกลงไปในถังขยะด้วยท่าทางผิดหวัง คงนึกว่านั่นเป็นอาการแพ้ความสวยขั้นรุนแรงเป็นแน่แท้

~ความสวยของแนรุนแรงกว่าที่คิด.” เธอพึมพำในลำคอและบังเอิญหันมามองผมซึ่งยังนั่งมองดูเหตุการณ์อยู่ ไม่ห่างมากนัก ผมใจหายวาบ แข้งขาอ่อนวิ่งไม่ไหว แต่รับรองได้ว่าไม่ใช่อาการแพ้ความสวยเด็ดขาด กลัวหล่อนบีบคอตายต่างหาก

“ว่าไง พ่อหนุ่ม..”

นั่นไง ว่าแล้ว ร่างอ้วนๆเดินยิ้มหวานตรงเข้ามาอย่างหมายมั่นปั้นมือ แต่เสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องข้างหู หญิงสาวนักล่าคนนั้นเอง เธอคร่อมจักรยานยนต์บิดคันเร่งกระหึ่มพร้อมจะกระโจนออกได้ทุกขณะ

“ขึ้นมา ถ้าไม่อยากตาย”

ไม่ต้องให้บอกซ้ำสอง ผมตั้งสติรวบรวมพลังกายและใจที่เหลือ ตะกายซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์สุดชีวิต หางตายังพอมองเห็นมืออวบอูมคว้าเฉียดก้านคอไปหวุดหวิดจนเย็นวาบขณะที่รถพุ่งแทบกระโจนออกจากแหล่ง นึกแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย

++++++

ผมฝัน

ฝันร้าย

สงครามโลกครั้งที่สามก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง เพราะสาวสวยกับหนุ่มหล่อต่างฝ่ายอยากจะยึดครองโลก (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยึดครองไปทำไม) เข้ากันไม่ได้ สงครามแย่งพื้นที่จากทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้น กองทัพหนุ่มหล่อแต่ละคนอยู่ในชุดสุดเท่หรูหราราคาแพงหรูหราเสื้อผ้ารีดกลีบโง้ง แต่ก็มีบางคนมาในมาดหล่อแบบเถื่อนๆคล้ายดาราร็อค ส่วนกองทัพสาวสวยมักจะมาในชุดวาบหวามเห็นแล้วจะขาดใจ

กองทัพหนุ่มหล่อและสาวสวยเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมินรก ทั้งสองฝ่ายไม่มีอาวุธในมือ มีพียงความหล่อและความสวยเท่านั้นที่ประหัตประหารกัน คนหล่อกับสาวสวยเป็นปฏิกิริยากันอย่างรุนแรงราวกับปฎิสสาร กับสสาร สบตากันพร้อมกันเมื่อไรหัวใจวายตายทั้งคู่

ทั้งสองฝ่ายวิ่งหลบหลีกไปตามบังเกอร์ หลุมเพลาะ และแนวรบ พอเห็นฝ่ายครงข้ามเผลอจะยืดคอโผล่หน้ายิ้มหวานใส่กันทันที ใครหลบไม่มองก็แล้วไป ใครเผลอมองก่อนจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ชักตาตั้งน้ำลายฟูมปาก สนามรบจึงเต็มไปด้วยกองทัพซึ่งพยายาม หาโอกาสยิ้มหวานหรือทำหน้าหล่อใส่กันอย่างดุเดือด พวกหนุ่มหล่อสาวสวยต่างยืดคอหดคอหาจังหวะยิ้มหวานใส่กันน่า ตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าการยิงกันด้วยปืนเสียอีก

โน่น..มุมหนึ่งของสมรภูมิ สาวสวยกลุ่มหนึ่งในชุดเสื้อสายเดี่ยวกระโปรงสั้นเลยเข่าคืบกเห็นช่วงขาขาวเนียนเร้าใจว่ากำลังออกมาเต้นยักย้ายส่ายตะโพกยั่วยวนอย่างวาบหวามหัวใจ อนงค์นางหนึ่งกำลังทำท่าเกาะรูดเสาทำท่าจะเป็นจะตายแบบเดียวกับสาวในบาร์อะโกโก้ กองทัพคนหล่อปั่นป่วนแตกกระเซ็นซ่านทันทีเพราะเผลอไปมองเข้าให้

ดูเหมือนว่ากองทัพหนุ่มหล่อเริ่มจะเพลี่ยงพล้ำเพราะลีลาการต่อสู้ยังไม่หลากหลายเท่าไร อย่างมากก็แค่ทำเก๊กหน้าหล่อเดินกรุ้มกริ่มไปมาเท่านั้น ยังไม่ออกลีลาอาการเขย่าใจ และยังไม่มีหนุ่มหล่อหน้าไหนใจกล้าหน้าด้านออกมาดีดดิ้นยักย้ายส่ายตะโพก เกาะเสาทำท่าจะเป็นจะตายแข่งกับสาวๆ แค่ฝันเห็นสาวๆวาบหวามแบบนี้ก็แทบใจขาดแล้ว

โอ๊ย..!!

ผมร้องสุดเสียง ผวาตื่นเหงื่อแตกพลั่ก ใจสั่นระริก ใบหน้าหวานๆของกองทัพสาวสวยยังลอยเด่นเป็นสง่าในความคิด

ห้องเล็กๆแห่งนี่คงเป็นที่พักชั่วคราว สาวนักล่ามนุษย์หล่อคนนั้นพาผมหลบมาพักอยู่ที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง พวกเราหลบหลีกคนหล่อสาวสวยออกมาจากเมืองได้อย่างหวุดหวิด และถ้าไม่มีวัคซีนป้องกันความสวยผมเองคงขาดใจตายไปนานแล้ว

สาวนักล่าคนนั้นนั่งนิ่งอยู่เก้าอี้มุมห้องจ้องมองมาอย่างเย็นชา ขอบคุณในการที่ใบหน้าผมไม่ได้หล่อเหลือร้าย ไม่ว่าใครก็สามารถมองได้เต็มตาไม่เป็นพิษเป็นภัยกับสาวคนไหน

“ฉันรู้แล้วล่ะว่าปัญหาเรื่องนี้มันเริ่มจากอะไร การระบาดของโรคแพ้ความหล่อ และแพ้ความสวย เป็นอะไรซึ่งมีที่มาที่ไปแน่นอน”

ผมนั่งฟังอย่างเงียบๆ หญิงสาวจึงอธิบายต่อไปว่า

“โรคพวกนี้ไม่ได้เกิดจากไวรัส อะมีบา เชื้อรา แบคทีเรีย หรือสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งนั้น นักวิทยาศาสตร์ขององค์การเราคาดว่ามันจะต้องมาจากสิ่งอื่น สิ่งนั้นจะต้องสามารถเดินทางด้วยความเร็วเท่าแสงหรือเกือบเท่าแสง และจะต้องมีผลกับความรู้สึกนึกคิดของพวกมนุษย์เท่านั้น เพราะเราสังเกตว่าสัตว์ชนิดอื่น ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น หมาแมว เห็นคนหล่อ มันก็ไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้เห็นเป็นพิเศษต่างจากคนธรรมดา พวกมันให้สิทธิเสมอภาคเรื่องความหล่อความสวยของมนุษย์โดยเท่าเทียมกัน คนขี้เหร่แทบตายใครเห็นก็เมิน แต่กลับบ้านไปหมาที่บ้านมอง และวิ่งมาหาอย่างจงรักภักดี แสดงว่าเจ้าสิ่งที่ว่ามีผลต่อมนุษย์เท่านั้น”

หล่อนว่าเป็นฉากๆอย่างกับอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิบรรยายต่อหน้านิสิตนักศึกษา

“แล้วมีทางแก้ไขไหมครับ”

ผมถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล เมื่อนึกถึงภาพตามถนนมีคนหล่อ คนสวย อาละวาดเดินเพ่นพล่านไปตามถนน ยิ้มหวาน ยิ้มมีเสน่ห์ ยิ้มเก๋ กราดไปทั่ว แค่นึกก็ขนลุกแล้ว หรือจะเป็นจุดจบของมนุษยชาติจริงๆ

“พวกเรายังตอบไม่ได้ เพราะยังหาต้นเหตุไม่เจอเลย ว่าทำไมถึงเกิดโรคระบาดแพ้ความหล่อความสวยกันเร็วขนาดนี้”

“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ”

“องค์กรของเรากำลังวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนป้องการโรคแพ้ความหล่อและโรคแพ้ความสวย” หล่อนว่าต่อไปขณะนั่งโยกเก้าอี้ไปมาอย่างปราศจากความหมาย

“ฉันก็เป็นคนของหน่วยงานนั้น แต่เราต้องการตัวอย่างเลือดมากมายมาผลิตวัคซีนและเซรุ่มป้องกันโรคพวกนี้ แต่ส่วนมากคนขององค์การเป็นพวกวิจัยทำงานในห้อง คุณเป็นนักล่า ฉันเป็นนักล่า เรามาช่วยกันล่าคนสวยคนหล่อ ในขณะเดียวกันเราก็สืบหาต้นตอของเรื่องนี้ เมื่องานเสร็จ เงินรางวัลที่ได้แบ่งกัน”

“น่ากลัวจริง ๆ” ผมครางอย่างสยดสยอง เมื่อนึกถึงคนหน้าตาดีเดินพล่านทั่วเมือง แบบนั้นมันฝันร้ายชัดๆ

“ถ้าเราหาต้นตอไม่ได้ล่ะ” ผมถามอีก

“ไม่เห็นจะยาก เราก็พัฒนา หาทางขายวัคซีนและเซรุ่มของเราก็ได้ และพัฒนาไปสู่การผลิตยาลดความหล่อความสวย…ในขณะเดียวกัน ก็ผลิตวัคซีนต่อต้านโรคแพ้ความหล่อไปด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง”

ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หญิงสาวคนนี้ทั้งสวยทั้งฉลาด เก่งอีกต่างหาก ดีว่าผมได้รับยาต่อต้านโรคแพ้ความสวยไปแล้ว จึงพอจะสามารถมองหน้าสวย ๆ นั่นได้ แม้จะไม่เต็มตานัก เกรงว่ายาจะหมดฤทธิ์กะทันหัน เพราะยาดังกล่าวก็อยู่ในช่วงทดลองเท่านั้นทำให้ไม่ค่อยเขื่อใจประสิทธิภาพของมันมากนัก

ความสวยอันตรายจริงๆ ขนาดมีภูมิคุ้มกันความสวยแล้ว ใจคอยังวูบวาบหวิวหวั่นไหว

“เอาล่ะ ...คุณไปได้แล้ว” เธอลุกขึ้นฉุดแขนผมให้ลุกตามไปด้วย

“คุณต้องออกไปหาเลือดคนสวยๆ และคนหล่อๆ มาให้ฉัน”

“อ้าว! แล้วคุณล่ะ...”

“คุณลืมไปแล้วหรือ..ตอนนี้อยู่ในช่วงประกาศกฎอัยการศึก ห้ามคนหล่อคนสวยออกจากเคหะสถาน คุณไม่หล่อ ออกไปเดินตามถนนได้สบาย แต่ฉันสวย.......” เธอว่าหน้าตาเฉย ผมได้แต่ถอนใจ ไม่รู้จะคัดค้านอย่างไรเพราะฟังดูก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง

“หึหึ..ก็เลยออกไปไม่ได้เพราะสวย สุดท้ายก็ต้องเป็นผมลงมือเอง”

“ถูกต้องที่สุด”
ว่าแล้ว.... งานนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เพื่อคนสวยๆ ผมเต็มใจยอมอย่างไม่มีเหตุผล เป็นเป็นสันดานอย่างหนึ่งของมนุษย์เพศชายส่วนใหญ่

+++++++

ผมกลับเข้าไปในตัวเมืองอีกครั้ง โดยทิ้งจักรยานยนต์ไว้นอกเมือง แล้วเดินทอดน่องไปตามถนนอย่างไม่รีบร้อน

ถนนสายต่างๆมีผู้คนค่อนข้างน้อย อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ปิดประตูหน้าต่างเงียบเชียบ เนื่องจากมีการประกาศกฎอัยการศึก แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรักษาการณ์อยู่ทุกมุมถนนอย่างเข้มงวด แน่นอนว่าไม่มีใครหล่อสักคน ไม่หัวล้านก็พุงพลุ้ย หรือผอมแห้งแรงน้อยแบบหุ่นขี้ยา ดูแล้วสบายใจสบายตาเป็นยิ่งนัก เพราะไม่มีใครหน้าตาดีจนทำให้ตัวเองเกิดปมด้อย

ขณะเลี้ยวมุมตึกจะออกถนนใหญ่ของตัวเมือง ตำรวจสองนายก็เดินกร่างเข้ามาขวางหน้า คนหนึ่งอ้วนเตี้ยผิวดำผมหยิก อีกคนผอมเหมือนแย้ย่าง

“ไม่หล่อไปคนละแบบ” ประมาณนั้น

“ว่าไงน้องชาย จะไปไหน...”

ตำรวจรูปร่างสมบูรณ์พูนสุขทักขึ้นก่อน ในมือข้างหนึ่งถือวัตถุบางอย่างคล้ายกับมัลติมิเตอร์

“เดินเล่นครับ....” ผมตอบส่งๆ ไม่อยากวุ่นวายกับตำรวจให้มากเรื่อง

“รู้ไหมว่ามีอยู่ในช่วงกฎอัยการศึก”

“รู้ครับ แต่ผมไม่หล่อนี่นา”

“มันไม่แน่...” นายอ้วนหัวเราะหึหึอย่างมีเลศนัย
“นายอาจหล่อเกินพิกัดก็เป็นได้ ยังไงเราต้องขอวัดระดับความหล่อก่อน ถ้านายหล่อเกินระดับที่ทางการกำหนดล่ะก้อ มีเรื่องแน่ๆ”

ว่าแล้วก็หันไปพยักหน้ากับตำรวจผอมอย่างรู้เชิงกัน

“ฉันจะวัดความหล่อของหมอนี่ ท่าทางมันมีพิรุธ ถ้ามันตุกติก หรือเกิดหล่อขึ้นมากะทันหัน จัดการยิงมันทิ้งได้เลย”

นี่มันอะไรกัน ความสวยความหล่อมันบังคับกันได้หรือไง ผมนึกในใจ...คนหล่อคนสวยสามารถถูกปลิดปลิวได้ง่ายๆ ยิ่งกว่าการวิสามัญฆาตกรรมอาชญากรเสียอีก

เครื่องมือที่ตอนแรกคิดว่าเป็นมัลติมิเตอร์ ความจริงเป็นเครื่องมือวัดความหล่อนั่นเอง นายตำรวจคนนั้นยกเครื่องมือดังกล่าวขึ้นทำท่าเหมือนจะถ่ายรูป ผมยืนมองเฉย ๆ ไม่วิตกกังวลอะไร เพราะอย่างบอกแต่แรกล่ะครับ ว่าไม่ใช่คนหน้าหล่อลากดินมากมายก่ายกอง

“ว่าไงคุณตำรวจ หวังว่าคงไม่หล่อเกินระดับมาตรฐานนะครับ”

นายอ้วนมองเครื่องมือและขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ เขย่าไปมาสองสามทีแล้วบอกเสียงห้วนๆอย่างไม่พอใจว่า

“นายโชคดีไปก็แล้วกัน เข็มเครื่องวัดเกือบจะตีเข้าไปอยู่ในช่วงหล่อแล้ว...ไม่งั้นนายเสร็จแน่ แต่เอ๊ะ......” สายตาตำรวจอ้วนฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมากะทันหัน เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“นายอาจเป็นพวก.หล่อหลบใน ก็ได้...แบบนี้ต้องจับไปโรงพักข้อหาผู้ต้องสงสัยความหล่อหลบใน”

“เฮ้ย...จะบ้าเหรอ คุณตำรวจ มีอย่างที่ไหน หล่อหลบใน..” ผมร้องเสียงหลง ถอยหลังกรูด

“อย่ามาเถียง จะรับใบสั่งไปเสียค่าปรับหรือจะจ่ายที่นี่บอกมา”

“แบบนี้หาเรื่องกันนี่หว่า...”

“พูดจาไม่สุภาพกับเจ้าหน้าที่ เอาไปอีกหนึ่งข้อหา จะจ่ายหรือไม่จ่าย..ไอ้คนหล่อหลบใน”

ตำรวจรูปร่างผอมเดินเข้ามาจับมือของคนโดนข้อหาหล่อหลบในอย่างผมบิดไพล่หลัง ทำท่าจะใส่กุญแจมือ ขณะคู่หูอีกคนคุมเชิงอยู่ด้านหน้า ท่าทางจะไม่ปล่อยปละละเว้นง่ายๆ ผมตัดสินใจหันไปมองนายตำรวจผอม แล้ว “ทำหน้าหล่อ” ใส่หนึ่งที

“โอ้ย.........”

ตำรวจคนนั้นร้องเหมือนความถูกเชือด ล้มลงชักตาตั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายถ้าโดนทำหน้าหล่อใส่แบบกะทันหันประชิดตัวแบบไม่ทันตั้งตัว แบบนี้ใครจะทนไหว

การทำหน้าหล่อหน้าสวยนี้ ฝึกไว้ไม่เสียหลาย ยามฉุกเฉินสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่คาดคิดเลย เสียดายว่าหลายคนมองข้ามไป

ตำรวจอ้วนดึงปืนพกออกมาจากซองปืน ผมไม่อยากทำร้ายเจ้าพนักงาน จึงตัดสินใจวิ่งเลี้ยวบังมุมตึกเผ่นสุดฝีเท้าไปตามถนนสายเล็กๆ แว่วเสียงปืนดังตามมาสองสามนัด แต่น่าจะเป็นการยิงส่งเดชมากกว่า เพราะดูท่าทางตำรวจพวกนั้นถือปืนเก้ๆ กังๆ เหมือนคนไม่คุ้นเคยกับปืน

ตอนนี้เมืองทั้งเมืองคงตกอยู่ในอิทธิพลของโรคร้ายนี้แน่นอน ผู้คนที่พบเห็นตามถนนล้วนแล้วแต่ขี้ริ้วขี้เหร่ อย่างมากก็หน้าตาธรรมดาเท่านั้น เพราะการปราบปรามอย่างเด็ดขาดของเจ้าหน้าที่นั่นเอง ท่าทางคนเหล่านั้นมีความสุขดีเพราะไม่มีใครมาหล่อหรือมาสวยข่ม แถมยังเดินได้อย่างไม่ต้องวิตกกังวล ตรงข้ามกับพวกหน้าตาดีซึ่งต้องหลบๆซ่อนๆ แทบเสียจริต

แบบนี้คงหาเลือดคนหล่อคนสวยได้ยาก ผมคิดอย่างหนักใจ

-----




 

Create Date : 13 มีนาคม 2553
6 comments
Last Update : 14 มีนาคม 2553 1:16:23 น.
Counter : 853 Pageviews.

 

สงสารตัวเอง เอ้ย คนจ๋วย ผิดฤาที่เกิดมาสวยยยย

 

โดย: mon_m&m 13 มีนาคม 2553 23:51:02 น.  

 

มีโรคนี้ด้วยหรอ

สงสารผู้ชายที่เป็นจริงๆ๕๕+

 

โดย: dawary 14 มีนาคม 2553 13:55:37 น.  

 



เอาบรรยากาศเย็น ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ที่เมืองไทย ให้คลายร้อนจ๊ะ

 

โดย: maxpal 15 มีนาคม 2553 15:34:29 น.  

 

คุณ Mon_m&m :
ที่จริงแล้ว คนที่เกิดมาจ๋วย ไม่ผิดอะไรหรอกครับ
ใครๆก็อยากสวยจะถูกจำคุกข้อหาสวยเกินปกติก็ให้รู้ไป
คนผิดจริงๆ คือคนที่ไปหลงรักคนจ๋วยต่างหากล่ะครับ
ฮี่ๆๆๆ

-------

คุณ dawary :
โรคนี้มีจตริงๆนะครับ
เพียงแต่คนเป็นมักจะไม่รู้ตัว
จะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

-------

คุณ maxpal :
ขอบคุณที่มีภาพเย็ยๆมาฝาหครับ
เห็นแล้วทั้งเย็นกายเย็นใจและเย็นสันหลัง
แฮ่ะๆ

 

โดย: Psycho man 16 มีนาคม 2553 7:48:52 น.  

 

โชคดีของผม..ที่เกิดมาหล่อหลบใน 5555

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 18 มีนาคม 2553 14:30:44 น.  

 

จูจุ๊บ จูจุ๊บ นี่ยาแก้แพ้หรือเปล่่า อิอิ

 

โดย: มาโซคิส 29 ตุลาคม 2555 12:23:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Psycho man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Psycho man's blog to your web]