<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
3 มีนาคม 2553

เจ้านาย







ฤดูกาลแห่งการพิจารณาความดีความชอบของชาว “ฆ่าราชการ” และมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายพัดผ่านมาถึงอีกวาระหนึ่งพร้อมกับความร้อนอบอ้าวและสายฝน สำหรับคนหลายคนความดีความชอบจัดเป็นเรื่องคอขาดบาดตายชนิดให้อภัยกันไม่ได้กับผลของการเลื่อนขั้นพิเศษของเงินเดือน มีข่าวว่าบางคนหัวใจวายตายคาที่ทันทีเมื่อได้ข่าวว่าตัวเองได้หรือไม่ได้ขั้นพิเศษ

เพื่อนผมหลายคนไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสีดำเพราะรู้ว่า “เจ้านาย” ไม่ชอบสีดำ เวลาเขียนบันทึกรายงานหลายคนไม่กล้าใช้ปากกาสีดำ เคยมีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อปากกาเขียนไวท์บอร์ดของเจ้านายเกิดหมดมีปัญหาระหว่างประชุม ร้อนถึงเลขาหน้าห้องต้องวิ่งว่อนหาเป็นการใหญ่

ตอนนั้นผมหลบประชุม (ที่จริงจะว่าหลบก็ไม่เชิง เพราะแกล้งทำตัวขออนุญาตลุกออกมาอย่างสง่าผ่าเผย) เพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วดันลืมกลับเข้าห้องประชุมเพราะ คิดว่าเขาเลิกประชุมกันไปแล้ว) กำลังนั่งจิบกาแฟ อ่านนิยายในอินเตอร์เน็ตอย่างสบายใจและมีความสุขสุดจะหาใดมาเทียบเปรียบปาน เห็นเลขาหน้าห้องของเจ้านายคนงามวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา เส้นผมของหล่อนย้อมเป็นสีส้มสวยงามทีเดียวเชียว

“มีปากกาไวท์บอร์ดไหมคะ เจ้านายต้องการด่วน”

“มีสิครับ คนดี”

สำหรับผู้หญิงแล้วผม JUST SAY YES เสมอ แต่หากผู้ชายวิ่งมาในกรณีเดียวกันนี้ อะไรต่อมิอะไรจะ”ไม่มี” ทันทีแบบอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลที่ว่าความเป็นสุภาพบุรุษจะต้องช่วยเหลือเด็ก (สาว) และผู้หญิง (สวยน่ารัก) เสมอ ส่วนผู้ชายและคนชราไม่ต้องช่วยเหลืออะไรเพราะมีประสบการณ์สูงเอาตัวรอดได้

ปากกาไวท์บอร์ดของผมจึงบรรจงเรียงรายบนโต๊ะอย่างสวยงาม
“ขอบคุณมากค่ะ แหม คุณช่วยชีวิตดิฉันไว้แท้ ๆ...”

เธอยิ้มหวานอย่างดีใจเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ แต่แล้วรอยยิ้มพิมพ์ใจและมือซึ่งถือปากกาเขียนไวท์บอร์ดอยู่ก็ชะงักค้างราวกาลเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะกรีดร้องเสียงดังราวคนสติแตกว่า

“นี่...นี่ มันสีดำนี่ !”

“แน่นอนสิครับ ก็ผมชอบสีดำนี่นา ดูนี่สิครับ วันนี้ผมยังใส่ชุดดำมาทั้งชุด”

ว่าพลางลุกขึ้นยืนเต็มตัว หมุนรอบตัวเองโชว์หนึ่งรอบอย่างกรีดกรายแช่มช้าเพื่อให้มองเห็นชัด ๆ

“กรี๊ด …!” เลขาหน้าหวานร้องเสียงลั่น ราวกับเห็นคนโรคจิตเปิดเสื้อผ้าให้ดูอย่างไรอย่างนั้น “อีตาบ้า ฉันเกลียดสีดำ รู้ไหมฉันเกลียดสีดำ !”

หล่อนวิ่งซนซานกระเซอะกระเซิงไม่รู้เหนือรู้ใต้ออกไปแบบไม่รู้ชะตากรรม ทิ้งให้ผมนั่งเกาหัวตัวเองไปมายังงุนงงสงสัย อะไร...เจ้านายต่างหากไม่ชอบสีดำ ไม่ใช่เธอสักนิด แล้วมาโวยวายทำไม หรือว่าโรคระบาดนี้แพร่ขยายมายังบรรดาคุณลูกน้องทั้งหลายได้อย่างน่าแปลกใจ ประเภทเจ้านายว่าขี้ข้าพลอย ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเกิด “เจ้านาย” ไปงานศพ ท่านจะแต่งชุดสีดำไปหรือไม่ และลูกน้องลิ่วล้อทั้งหลายจะพากันใส่ชุดลายดอกฉูดฉาดไปงานศพหรือไม่ อยากรู้จริง ๆ

เท่าที่รู้ คนในองค์กรแห่งนี้แบ่งเป็นเส้นเป็นสาย เส้นใครเส้นมัน คนใครคนของมัน ต่างใช้วิชามารสารพัดในการเข้าหาเจ้านาย (เข้าหาในที่นี้หมายถึงเข้าไปใกล้ชิดสอพลอ ไม่ใช่เข้าหาแบบหนุ่มปีนหน้าต่างหาสาว แบบนั้นแค่คิดก็ขนลุกปางตายแล้ว) เพื่อสายงานและคนของตัวเอง รวมทั้งตัวเอง

หลายคนมีโทรศัพท์มือถือ แอบซุ่มอยู่ตามมุมตึก ใต้โต๊ะ ต้นไม้นอกอาคาร กระทั่งตามกองขยะ ราวกับพวกนักล่าสังหารมืออาชีพ เพียงแต่เปลี่ยนจากปืนมาเป็นโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ติดต่อสื่อสารรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้านายแทบไม่เป็นอันทำงาน ทุกระยะทุกขั้นตอน เคยเห็นเพื่อนคนหนึ่งแอบซุ่มแบบเฝ้าระวังอยู่ข้างกระถางดอกไม้หน้าตึก กระซิบกระซาบกับมือถือด้วยน้ำเสียงสั่นเทาร้อนรนและระวังตัวสุดชีวิต

“ไหนนะ..ตอนนี้เจ้านายจะเข้าห้องน้ำเหรอ ไอ้บ้า... ทำไมแกไม่ส่งคนไปดักหน้าห้องน้ำไว้ก่อนวะ เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็ชิงลงมือตัดหน้าไปก่อนหรอก หน่วยสอดแนมพวกเราหายไปไหนหมด รู้แล้ว ๆ... ข้ากำลังมีงาน แกหาทางขัดขวางคนของพวกนั้นไว้ก่อนนะ ถ่วงเวลาเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปช่วย…คอยระวังอย่าให้พวกนั้นมันเช็ดก้นเจ้านายก่อนเป็นอันขาด”

ฟังเผิน ๆ เหมือนรายงานทางทหารไม่มีผิด

“เออ...ใช่ๆๆๆ ... อ้อๆ... ใช่ๆๆๆ ขืนปล่อยให้มันชิงตัดหน้ามีหวังโควตาความดีความชอบและงบประมาณสายเราโดนพวกมันชิงตัดหน้าแน่ ๆ ถ่วงเวลาไว้ และหาทางให้เจ้านายออกห้องน้ำให้ช้าที่สุด”

“แกทำอะไรฟะ”

ผมอดรนทนไม่ได้แตะบ่าพลางเรียกมันเบา ๆ เจ้าเพื่อนตัวดีสะดุ้งเฮือกสุดตัวหันกลับมามองอย่างขวัญผวา พอรู้ว่าเป็นใครมันก็กระชากคอเสื้อผมล้มกลิ้งลงไปหมอบหลบข้างแนวดอกไม้ซึ่งปลูกเป็นแถวยาวอยู่บริเวณนั้น มันเอามือแตะริมฝีปากตัวเองทำท่าให้เงียบเสียงกระซิบร้อนรนสุดขีด

“อย่าเสียงดัง เดี๋ยวพวกมันก็รู้เข้าหรอก รู้ไหมตอนนี้พวกมันวางกำลังไว้เต็มบริเวณไปหมดแล้ว”

“อะไร”

“แกนี่ไม่รู้เรื่องเลย ตอนนี้ถนนทุกสายมุ่งหน้าเข้าหาเจ้านาย เขากำลังพิจารณาความดีความชอบประจำปีกันอยู่ในช่วงนี้ ขืนไม่ลงมือเสร็จมันแน่”
“เสร็จใคร” ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาสงสัยต่อไป

“ก็พวกคนของรองหัวหน้าสายสาขาต่าง ๆ ไงล่ะ พวกมันเริ่มลงมือปฏิบัติการโหดแล้ว รู้ไหม เมื่อวานสายของเรารายงานว่าเห็นคนของพวกฝ่ายใต้เข้าไปคุยกับเจ้านาย กลับออกมาปากเป็นมันแผล็บเชียว ป่านนี้คะแนนพวกมันวิ่งขึ้นสูงปรี๊ดแล้ว มันจะฉุดคะแนนเฉลี่ยของพวกเราลงไปด้วยสิ มาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก อ้าว.. แล้วนี่แกใส่เสื้อสีดำนี่หว่า ... ไอ้บ้า!!”

มันตาเหลือกเหมือนคนอยู่ใกล้วัตถุไวไฟกำลังจะระเบิด กลิ้งตัวหนีห่างออกไปด้านข้างแบบไม่คิดชีวิตราวนักรบในสมรภูมิหลบหนีกระสุนปืนใหญ่ไปหลบหลังแนวไม้พุ่ม โผล่ซ้ายโผล่ขวาจากสุมทุมพุ่มไม้ออกมามองอย่างหวาดระแวงระวัง

“ชิ้ว ๆๆๆ... ไปห่าง ๆ หนอย ! .... รู้ว่าเจ้านายไม่ชอบสีดำ ดันทะลึ่งใส่เสื้อสีดำมาอีก เดี่ยวนรกก็กินกระบาลเองหรอก มาทางไหนไปทางนั้น ชิ้ว ๆๆๆๆ !!!!! ผมยาวอีกต่างหาก เจ้านายไม่ชอบคนผมยาวยังทะลึ่งผมยาวมาอีก”

ใส่ชุดดำแล้วนรกกินหัว โห !..... นี่มันอะไรกัน ก็เป็นสีสุดโปรดปรานของผม แล้วใส่มามันไม่ได้หนักหัวกระบาลใครเลยนี่นา ผมยาวก็ผมบนหัวกระบาลข้า ไม่ได้หนักหัวหมาของใครตัวไหน

เสียงของมันยังไล่หลังมาอย่างเป็นห่วงว่า

“ว่าง ๆไปเช็คประสาทบ้างนะ “

++++

งานเลี้ยงประจำปีจัดขึ้นที่สโมสรแห่งหนึ่ง เป็นงานฉลองความสำเร็จของงานในรอบปีที่ผ่านมา ส่วนจะสำเร็จมากสำเร็จน้อยอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในความรู้สึกของผมแล้วไม่ต่างจากงานมีเปิดโอกาสในลูกน้องประจบเจ้านายเลย

เริ่มจากความวุ่นวายบริเวณหัวโต๊ะ เกิดศึกแย่งเก้าอี้กันว่าใครจะนั่งด้านซ้ายด้านขวาของหัวหน้า เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการได้ใกล้ชิดเจ้านาย โดยมีสาธารณะชนเป็นประจักษ์พยาน วันนี้ผมใส่กางเกงสีดำเพราะสีอื่นไม่มีเลย ส่วนเสื้อก็เป็นสีเทาลายดำ ไม่ถึงกับดำไปหมดทั้งตัวเพราะรำคาญพวกเพื่อนมันค่อนแคะและการใส่เสื้อสีเทาลายดำก็ไม่ได้ทำให้ลำบากบาดเจ็บทรมานแต่ประการใด

กระนั้นสังคมก็รังเกียจ พยายามให้ผมนั่งห่างจากเจ้านายมากที่สุด จนมาอยู่ท้ายโต๊ะแต่ดูไปแล้วเหมือนว่าเรานั่งเผชิญหน้ากันไกล ๆ มากกว่า เพราะหัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะความจริงก็ไม่ต่างกัน ต่างกันตรงใครเป็นคนนั่งเท่านั้น

เด็กส่งอาหารทุกคนถูกกำชับห้ามใส่เสื้อผ้ามีสีดำปน เด็กในร้านถูกสั่งให้ตัดผมสั้น นัยว่าเอาใจเทวดา อะไรก็แล้วแต่ถ้ามีสีดำจะถูกเก็บกวาดไปจนหมดสิ้น แม้แต่อาหารก็ห้ามมีสีดำ และห้ามเอ่ยคำว่า “ดำ” ขึ้นมาในงานโดยเด็ดขาด

เมื่อเจ้านายเดินเข้ามาพร้อมกับสาว ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งล้อมหน้าล้อมหลังวิ่งซ้ายวิ่งขวา ทุกคนลุกขึ้นต้อนรับพยายามยิ้มแสดงความจริงใจในการจงรักภักดีจนถึงที่สุด บางคนแลบลิ้นเลียริมฝีปากไปมาขณะจ้องมองแข้งขารองเท้าของเจ้านายอย่างออกหน้าออกตา ยกเว้นผมซึ่งกำลังอร่อยอยู่กับเครื่องดื่มและอาหารเบื้องหน้าอย่างไม่สนใจคำว่ามารยาท เพราะอาหารวางแล้วนับชั่วโมงแต่เจ้านายดันมาช้าเอง....ถึงจะมาช้าก็ไม่มีใครว่าอะไร แถมบางคนยังบอกว่าเจ้านายมาช้าไปแค่ชั่วโมงแบบน่ารักมากอีกต่างหาก จะให้นั่งมองเฉยๆ ก็บ้าตายเท่านั้น อยากมาช้าเอง และอีกอย่างสาวเสิร์ฟน่ารักชวนมองมากกว่าเจ้านายเป็นไหนๆ

ลูกน้องคนหนึ่งเริ่มต้นร้องคาราโอเกะ ด้วยเพลงซึ่งแอบไปสืบมาว่าเจ้านายชอบเพลงนี้ที่สุด หลายคนมองดูด้วยความอิจฉาและผิดหวังที่ไม่มีโอกาสสอพลอแบบนั้น แล้วทุกคนก็เริ่มงัดกดเม็ดเด็ดพรายในการแสดงให้เจ้านายเห็นถึงความจงรักภักดีศรัทธาแบบสุดขั้วแห่งหัวใจ

“เชื่อไหม...ผมตายแทนเจ้านายได้”

ใครคนหนึ่งประกาศก้อง แอลกอฮอล์เริ่มเดือดพล่านอยู่ในกระแสเลือดเริ่มออกฤทธิ์

“ชีวิตนี้ผมอุทิศแก่งาน และเจ้านายผู้แสนดีของผม”

กล่าวจบก็หันไปยิ้มจงรักภักดีกับเจ้านาย ยื่นหน้ายื่นตาพลางแลบลิ้นออกมาเลียแพลบ ๆให้กับดินฟ้าอากาศส่ายหน้าส่ายตาไปมาเหมือนงู แต่ไม่มีโอกาสเลียหน้าเลียตาเจ้านายเพราะนั่งอยู่ไกล เกินพิกัดแห่งการเลีย

“เฮ!!”

เสียงพรรคพวกร้องเชียร์ ปรบมือกันเกรียวกราวเป็นประชามติสนับสนุนความจริงใจนั้น แต่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นคู่กัดกันมาตลอดส่งเสียงโห่สวนขึ้นมาทันที แล้วใครคนหนึ่งซึ่งนั่งตรงข้ามก็ลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ยื่นหน้ายื่นตา แลบลิ้นแพลบๆฉวัดเฉวียนไปมาเพื่อแสดงการเอาใจเจ้านายบ้าง แต่หมอนี่มีทีเด็ดกว่าเพราะส่ายก้นไปมาเหมือนคนมีหางซึ่งมองไม่เห็นและกำลังกระดิกระริกไหว

“ผมก็อุทิศชีวิตนี้เพื่องานและเจ้านายเหมือนกัน”


“เฮ..!! “

เอาล่ะสิ ชักยุ่งแล้ว ทั้งสองคนต่างเป็นหัวหน้าสายงานย่อย รับผิดชอบลูกน้องคนละหลายสิบคน งานนี้มีเฮ แต่ผมไม่โห่ไม่เฮกับเขาด้วยเพราะมัววุ่นอยู่กับการสั่งน้องสาวเสิร์ฟคนงามหน้าตาน่ารักให้นำอาหารมาเพิ่ม

“อย่าว่าแต่ตายแทนเจ้านายเลย ให้ตายแทนหมาที่บ้านเจ้านายยังได้ แบบไม่อายหมา”

“เฮ......!!!!”

เสียงร้องปรบมือตบโต๊ะอย่างพอออกพอใจของกองเชียร์ดังกระหึ่ม อีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้าทันที หันไปมองแล้วยิ้มหมิ่นๆก่อนเลิกคิ้วพูดเสียงดังว่า

“งั้นเรอะ .. แค่คำพูดเท่านั้นพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก ดูนี่ดีกว่า”

ว่าแล้วเขาก็จัดการดึงมีดเล่มยาววาววับเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง วางมือซ้ายลงบนโต๊ะ เงื้อมีดด้วยมือขวาขึ้นสูงสุดล้า หันไปมองซ้ายขวาอย่างภาคภูมิใจแล้วปักลงเต็มแรงบนหลังมือของตัวเองเต็มแรงเสียงดังปึก! คมมีดทะลุมือปักตรึงลงบนพื้นโต๊ะแน่น เลือดสด ๆ แผ่ซ่านไปตามผิวหน้าของโต๊ะแดงฉานไหลรินเป็นทางยาวก่อนไหลจากขอบโต๊ะลงบนพื้น หากสีหน้าของเขาไม่มีความเจ็บปวดแม้แต่น้อยแม้ว่ามือจะสั่นระริกกระตุกไหวเพื่อเป็นการพิสูจน์และแสดงความจริงใจต่อเจ้านาย

“เห็นไหมครับว่าผมทนความเจ็บปวดได้ขนาดนี้ก็เพราะความศรัทธาต่อเจ้านายนั่นเอง”

ว่าแล้วก็ดึงมือตัวเองออกจากคมมีดซึ่งปักอยู่ออกเต็มแรงโดยไม่ยอมดึงมิดที่ปักบนโต๊ะออก ฝ่ามือของเขาฉีกขาดเป็นทางยาว เสียงดังแควก กระดูกและเส้นเอ็นหักบิดฉีกขาดตามแรงดึงจนมือข้างนั้นหลุดผ่าผ่านออกมาจากคมมีดเขายกมือหงิกงอผิดรูปโชกเลือดข้างนั้นโชว์ไปมาให้ทุกคนเห็นถนัดชัดตา

“เฮ........”

เสียงร้องกระหึ่มไปทันที น้ำตาของเขาไหลพรากอาบแก้มด้วยความปลาบปลื้มใจ แต่ผมคิดว่าเพราะความเจ็บมากกว่า

“แค่นี้เองเหรอ...!”

อีกฝ่ายกัดฟันแสยะยิ้มบ้าง หัวเราะเสียงแค่นๆในคำคอ พลางดึงมีดปังตอเล่มใหญ่ออกมาจากอกเสื้อราวกับว่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

“ต้องดูนี่...จึงจะเป็นความจงรักภักดีของแท้”

ว่าแล้วก็วางมือซ้ายลงบนโต๊ะ มืออีกข้างเงื้อปังตอสุดล้าแล้วฟันลงเต็มแรง เสียงดังสนั่นเหมือนเสียงคนหั่นกระดูกหมู ข้อมือของเขาขาดสะบั้น มือที่ขาดกระเด็นลอยไปตกลงอกเสื้อของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หล่อนกรีดร้องเสียงดัง ลุกขึ้นวิ่งหนีไปมารอบๆห้องนั้น โดยมีมือนั่นเกาะอกเสื้อห้อยต่องแต่งไปด้วย แต่เธอไม่กล้าวิ่งหนีไปไกลเพราะกลัวว่าเจ้านายจะไม่เห็นนั่นเอง รู้สึกว่ามือขาดข้างนั้นยังมีแก่ใจขยำบีบหน้าอกหล่อนเป็นพิเศษเกินความน่าจะเป็นเสียด้วย

ชายคนนั้นชูแขนข้างที่ขาดขึ้นสูงราวกับจะประกาศชัยชนะ เลือดสีแดงเข้มไหลปะทุออกมาไม่ขาดสาย หลั่งอาบลงตามท่อนแขน ตกลงบนจานอาหารบนโต๊ะ บางส่วนกระจายไปถูกคนรอบข้างจนเปียกปอนชุ่มเลือดไปตามๆกัน

“เฮ..!!!!!”

เสียงคนของเขาปรบมือตบเท้าร้องเชียร์เสียงลั่นอย่างสาแก่ใจ
ภาพนั้นดูสยดสยองแหลือเกิน ดีว่าเลือดกระเด็นมาไม่ถึงจานอาหารของผมไม่งั้นเสียดายแย่ คนที่ใช้มีดปักมือในตอนแรกเห็นอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้ พลันวิ่งเข้าไปในห้องครัวของสโมสรก่อนวิ่งกลับมาพร้อมด้วยมีดหั่นเนื้อเล่มใหญ่คมวาววับ ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว

“แค่มือขาดกระจอกๆ มันต้องนี่ พวกนายดูให้ดี”

ว่าแล้วเขาใช้มือข้างซ้ายดึงเส้นผมตัวเองขึ้นเตรียมพร้อม หันยิ้มให้เจ้านายอย่างประจบประแจงก่อนใช้คมมีดกรีดคว้านลำคอถูไถไปมาอย่างบรรจงบริเวณคอหอยของตนเอง คมมีดเปิดแผลลึกตามแรงกดเนื้อแบะอ้าเลือดทะลักกระฉูดพุ่งออกมาปานทำนบแตก บางบริเวณคมมีดไปติดกระดูกคอต่อ เขาพยายามใช้มืออีกข้างบิดศีรษะตัวเองให้คมมีดฝานกรีดตัดผ่านได้ถนัดมากขึ้นและในที่สุดศีรษะของเขาก็ขาดหลุดติดมือออกมา เหลือเพียงเส้นเอ็นเชื่อมต่ออยู่เล็กน้อยกับเศษหนังชุ่มเลือดขาดวิ่น

เขาชูศีรษะซึ่งกำลังยิ้มอย่างประจบสอพลอนั้นไปมา ปากขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงเพราะถูกตัดขาดออกจากกล่องเสียงแล้ว โค้งคอซึ่งไร้ศีรษะไปทางโน้นทีทางนั้นที โค้งไปทางไหลก็ส่งเลือดพุ่งไปทางนั้น ลิ้นชุ่มเลือดของเขายังสามารถแลบไปมาได้อย่างไม่น่าเชื่อราวกับจะบอกว่าฉันไม่ตายเพราะความจงรักภักดีต่อเจ้านายนั่นเอง

“เฮ!!!!!…………..” กองเชียร์เป่าปากตบโต๊ะลั่นอีกครั้ง

ฝ่ายคนแขนขาดขบกรามกรอดด้วยความคลั่งแค้น ถูกประจบสอพลอเกินหน้าเกินตาขนาดนี้ทนไม่ได้ เขาก้มลงไปใต้โต๊ะพลางดึงเอาถังน้ำมันเบนซินถังหนึ่งออกมาเทราดน้ำมันลงไปบนร่างของตัวเองเพราะใช้แขนเพียงข้างเดียวไม่ถนัด น้ำมันจึงสาดหกราดกระจายเต็มโต๊ะอาหาร

“อะไรกัน หนอย..มันจะหยามเกียรติกันมากเกินไปแล้ว มันต้องเจอแบบนี้” เขาร้องเสียงโหดปนประจบพลางเหวี่ยงถังน้ำมันทิ้ง ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบระเบิดมือออกมาสองสามลูกแบบไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้

ผมมองเห็นเจ้านายยังคงนั่งยิ้มกริ่มด้วยความชื่นชมกับการประจบสอพลอเอาใจ จนลืมไปว่าความหายนะกำลังมาเยือน จะเรียกว่าหลงคำสอพลอประจบจนลืมตัวลืมตายก็ว่าได้ ข้างฝ่ายบรรดาลูกน้องทั้งหลายต่างส่งเสียงเชียร์ไม่ลืมหนูไม่ลืมตาไม่มีใครคิดหนีออกจากงานเลี้ยงมรณะเลยสักคน

“อยู่ไม่ได้แล้วงานนี้!”

ผมร้องสุดเสียง ลุกขึ้นคว้ามือสาวเสิร์ฟได้ก็วิ่งสุดชีวิตออกมานอกร้าน ไม่สนใจแล้วว่าใครจะประจบสอพลอใครแบบไหน หลังจากนั้นเพียงเล็กน้อยก็มีเสียงระเบิดตูมสนั่นหวั่นไหว บรรยากาศสว่างจ้าจากเปลวไฟและแรงระเบิด เศษสิ่งของปลิวกระจัดกระจายไปทั่ว รู้สึกว่าไม่เป็นช้อนก็คงเป็นไม้ตะเกียงพุ่งเฉียดกกหูของผมไปแบบหวุดหวิด วัตถุกลมๆก้อนหนึ่งกลิ้งนำหน้าผมกับเด็กเสิร์ฟไปก่อนหยุดหมุนติ้วอยู่บนพื้นเบื้องหน้าทำเอาพวกเราทั้งสองคนต้องดึงมือกันเบรคตัวโก่งหยุดแทบไม่ทันก่อนจะสะดุดมันเข้าให้

วัตถุนั้นค่อยหมุนช้าลงจนหยุดนิ่งทิ้งรอยวางสีแดงแต่งแต้มบนพื้นเป็นวงกลม มันเป็นศีรษะของหัวหน้านั่นเองซึ่งตอนนี้กำลังช้อนตาขึ้นมามองผมเหมือนทักทายก่อนอ้าปากพะงาบๆ แถมมีเสียงดังออกมาจากปากซึ่งกำลังมีเลือดและเศษเนื้อทะลักไหลออกมาตามมุมปากทั้งสองข้างว่า

“แล้วแก..ไม่แสดงความจงรักภักดีฉันเลยหรือไง”

เท่านั้นเอง โลกทั้งโลกก็ดับวูบลงแบบคนสติแตก

+++++

ตอนนี้ผมไม่มีเจ้านายแล้ว อย่างน้อยผมก็เชื่อเช่นนั้น จากรายงานของตำรวจบอกว่าเกิดการระเบิดของถังแก๊สในร้านอาหาร ทำให้ทุกคนในห้องงานเลี้ยงพากันเสียชีวิตทั้งหมด ยกเว้นผมกับสาวเสิร์ฟคนนั้น แรงระเบิดทำให้ผมถูกส่งเข้านอนในโรงพยาบาลนานนับเดือน หลังจากออกจากโรงพยาบาลด้วยความทรงจำขาดวิ่นเลอะเลือนจนไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์น่ากลัวนั้นจะเป็นความจริงหรือว่าความฝันกันแน่ ทุกอย่างดูสับสนยากต่อการแยกแยะและผิดปกติเหลือเกิน

ผมลาออกจากงาน นำเงินที่มีอยู่ทั้งหมดลงทุนกับร้านอาหารเล็กๆ ด้วยความหวาดกลัวคำว่าเจ้านายสุดหัวใจ มันเหมือนฝันร้ายคอยตอกย้ำจิตใจอยู่เสมอ

ขณะนั่งระลึกถึงความหลังเพลินๆ ลางสังหรณ์มรณะก็พุ่งวาบเข้ามาในความรู้สึกกะทันหัน ผมเบี่ยงตัวหลบออกไปทางด้านข้างก่อนสมองจะสั่งการเสียด้วยซ้ำ วัตถุยาวๆกลมๆ ท่อนหนึ่งเฉียดกกหูไปแบบหวุดหวิดกระแทกผนังห้องดังสนั่นแล้วกระเด็นกลิ้งอยู่บนพื้น

เป็นไม้ตีพริกหรือรู้จะกันในนามสามัญชนว่า “สากกะเบือ” นั่นเอง ผมหลับตาปี๋ด้วยความสยดสยองขณะในหูลั่นเปรี๊ยะด้วยพลังเสียงแหลมสูง

“นั่งหาตะบวยพระแสงอะไรกันไอ้แก่...ซักผ้าหรือยัง”

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง “มือสากบินไร้เงา” อย่างประหวั่นพรั่นพรึง เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ไกลนักสาวเหลือน้อยร่างอวบอ้วนยืนเท้าเอวมองมาด้วยใบหน้าถมึงทึง แทบไม่น่าเชื่อว่านั่นคือเด็กเสิร์ฟสาวน้อยร่างบางเมื่อสิบกว่าปีก่อน กาลเวลาเปลี่ยนแปลงผู้คนได้จริงๆ

“ซักผ้าแล้วครับ...”
ผมรีบตอบด้วยเสียงสั่นเทาเมื่อเห็นว่าคุณเมียที่เคารพรักเริ่มมองหาวัตถุบินได้ใกล้ๆ ตัว

“รีดผ้าหรือยัง” เสียงตะคอกมาอีก ~ชุดชั้นในดางเกงในฉันรีดให้ดีด้วย ไม่งั้นใส่แล้วอายคนแย่”

อายบ้าตรงไหนฟะ ผมนึกในใจ แต่ไม่กล้าออกอาการภายนอกให้เห็น เพราะเคยเห็นเธอใช้สากบินไร้เงาขว้างหัวลูกค้าพูดมากหัวแตกมาหลายคนแล้ว

“รีดแล้วครับ”
“กวาดบ้านถูบ้านครบห้ารอบหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ล้างถ้วยล้างชามหรือยัง”
“ล้างแล้วครับ”
“ต้มน้ำร้อนชงนมให้ลูกหรือยัง”
“ทำแล้วครับ”
“ดีมาก”

น้ำเสียงของเธออ่อนลงบ้าง แต่ยังคงออกคำสั่งต่อไป

“แล้วอย่าลืมออกมายกจานเสิร์ฟลูกค้า หัดทำมาหากินช่วยกันบ้าง ไม่ใช่วันๆเอาแต่ซักผ้ารีดผ้ากวาดบ้านถูบ้านล้างถ้วยล้างชามเลี้ยงลูกเท่านั้น หัดทำอย่างอื่นบ้าง เดี๋ยวมานวดหลังให้ด้วย ทำอาหารเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แล้วบ่ายๆอย่าลืมไปตลาดเตรียมของมาขายพรุ่งนี้”

ผมก้มหน้าก้มตารับคำอย่างว่านอนสอนง่ายพลางลอบถอนใจ หรือชีวิตผมจะขาด ”เจ้านาย” ไม่ได้เลยจริงๆ

+++++++



Create Date : 03 มีนาคม 2553
Last Update : 3 มีนาคม 2553 13:29:35 น. 7 comments
Counter : 1097 Pageviews.  

 
"ยกเว้นผมกับสาวเสิร์ฟคนนั้น"

แหะๆ เจ้านายคนใหม่สงสัยเจ้าสาวเสิร์ฟคนนั้นแหงๆ ฮี่ๆๆๆ


โดย: ขอแบบนี้ที่บ้านคนหนึ่ง 555+ (Setakan ) วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:12:06:47 น.  

 
ผมนั่งอ่านเรื่องนี้ด้วยความมันโคดสุดระทึก ก่อนถึงฉากจบก็เดาออกว่าคนเล่าคงเอาสาวเสริฟไปทำเมีย แต่ไม่นึกว่าจะหักมุมมาเป็นเจ้านายในที่สุด กร๊าก

รักคนเขียนเข้าแล้วซิ หรือว่า..งานทั้งหมดนี้อาจผ่านการตีพิมพ์มาก่อน แต่ไม่บอกผม คนอะไรฟะ เขียนเก่งชะมัด

ว่าแต่ถึงขั้นรีดกางเกงในให้ด้วยนี่ซิ แบบนี้มันคงต้องจัดการควงสากของเราเข้าถล่มให้จมมิด เอาให้บั้นท้ายระบมไปเลย 555

คนบ้า 3 ตอนจบ พรุ่งนี้วันหยุดจะลุยอ่านให้เกลี้ยงเลยครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:11:16:26 น.  

 
คุณ ขอแบบนี้ที่บ้านคนหนึ่ง 555+ (Setakan
เอ
ได้ข่าวว่ามีอยู่แล้วไม่ใช้หรือครับ แฮ่ะๆๆ
โป๊ก......

+++

คุณ ปลายแป้นพิมพ์
ทุกเรื่องไม่เคยตีพิมพ์ครับ
หลายปีก่อนเคยส่งไปสองสามสำนักพิมพ์
คำตอบคือ
ขอบคุณค่ะ/ครับ
แต่เรื่องไม่ตรงนโยบายของสำนักพิมพ์เรา
ขอบคุณที่ส่งต้นฉบับมานะครับ/ค่ะ
ประมาณนี่ครับ แฮ่ะๆ


โดย: Psycho man วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:20:14:20 น.  

 
55+ ฆ่าราชการ ชอบคำนี้จังเลยค่ะพี่ชาย


โดย: อินทรายุธ วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:18:56:07 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


หวัดดีตอนเช้า ๆ พร้อมน้ำเย็น ๆ สักแก้วไหมจ๊ะ


โดย: maxpal วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:5:31:00 น.  

 
เอ
ได้ข่าวว่ามีอยู่แล้วไม่ใช้หรือครับ แฮ่ะๆๆ
โป๊ก......
5555+


โดย: Setakan วันที่: 9 มีนาคม 2553 เวลา:16:19:17 น.  

 
เจ้านายยยยย ในบ้าน อิอิ


โดย: มาโซคิส วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:7:32:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Psycho man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Psycho man's blog to your web]