<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
11 มีนาคม 2553

ผีมาหาเด็กไม่ยอมทำการบ้าน







“นั่งนิ่ง ๆ แล้วทำการบ้านให้เรียบร้อย อย่าดื้ออย่าซน”

เสียงของเด็กชายวัยสิบขวบร้องด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เท่าที่เด็กสิบขวบจะสามารถเฉียบขาดได้ ตอนนี้เขาเป็นจอมทัพผู้นำในบ้าน

“ใหแสร็จก่อนพ่อกับแม่จะกลับบ้าน เข้าใจไหม.. ไม่งั้น…..!!!!”

เด็กชายเว้นระยะดูปฏิกิริยาของน้องสาววัยเจ๊ดขวบผู้ซึ่งทำหน้าคาตื่นและวางมือจากตุ๊กตาน่ารักหันมาคว้าปากกาแท่งสวยตรียมทำการบ้าน ผู้เป็นพี่ยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนแสร้งทำเสียงต่ำๆ ในลำคอแบบเดียวกับปีศาจในหนังสยองขวัญต่อไปว่า

“เด็กไม่ทำการบ้าน ผีมันจะมาจับตัว…. จะบอกให้”

ลมพัดครืนข้างนอกบ้านเหมือนจะรับรองคำพูดของเด็กชาย หน้าต่างกระแทกปิดดังเปรี้ยงจนสองศรีพี่น้องพากันสะดุ้งสุดตัว ไฟฟ้ากระพริบวูบวาบเหมือนจะดับ แต่ในที่สุดก็กลับเป็นปกติ แค่นั้นก็เพียงพอในการทำให้เด็กหญิงร้องอย่างหวาดกลัวอยู่กับโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย ๆ ซึ่งเธอนั่งทำการบ้านอยู่ ลายมือโย้เย้บนสมุดทำการบ้าน สมุดระบายสีกับดินสอสีหลายแท่งวางอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบ บอกให้เห็นว่าหนูน้อยไม่ค่อยตั้งใจกับการบ้านเท่าไรนัก

“เห็นไหม” ผู้พี่ยิ้มอย่างเป็นต่อ

“ผีมันจะมาแล้ว และมันจะมาจริง ๆ ถ้าเธอไม่ทำการบ้านให้เสร็จ”

“ผีมันจะมา ....แต่ไฟสว่างออกแบบนี้ มันคงมาไม่ได้หรอก เพราะ ผีมันกลัวไฟ”

เสียงใส ๆ ค้านอย่างหวาดกลัว มองไปมารอบ ๆ ห้องนั่งเล่นอย่างหวาดระแวง

“ผียุคใหม่ไม่กลัวไฟแล้วล่ะ โง่จัง ... ผีจะมาไม่มา มันก็ขึ้นกับว่าเธอจะทำการบ้านหรือเปล่า...ฉะนั้นรีบทำซะ”

เด็กหญิงน้ำตาคลอ พยายามเขียนหนังสือตัวด้วยลายมือโย้เย้ตามประสาเด็ก ๆจะทำได้ สมุดสวย ๆ หน้าปกเป็นลายการ์ตูนน่ารักวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะน่าระบายสีเล่นมากกว่าทำการบ้าน และตุ๊กตาน่ารักสามตัววางบนโต๊ะกำลังรอการเล่นตามจินตรนาการประสาเด็กๆ

การบ้านของแม่หนูน้อยมีมากกว่าพี่ชายคิดมากนัก

“ผีมันหน้าตาเป็นยังไงเหรอ”
ไม่วายส่งเสียงถามอีก เด็กชายผู้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ทำเสียงรำคาญในลำคอกับอาการซักไซ้ไล่เรียงของผู้เป็นน้อง ผีหน้าตาเป็นอย่างไรล่ะ... ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน

“เอ่อ…มันคงห่มผ้าขาว ตาโบ๋ มีแต่กระดูกล่ะมั้ง”

ตอบส่ง ๆ มั่ว ๆ ไปเพราะหนังการ์ตูนกำลังสนุก เด็กชายไม่วิตกกังวลกับการบ้านมากนักเพราะพรุ่งนี้เช้ายังมีเวลาไปลอกกันเพื่อนคนไหนก็ได้ เผลอ ๆ อาจแกล้งลืมสมุดลืมอะไรไปแล้วแต่จะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองได้ ไม่ต้องกลัวว่าครูจะตี เพราะสมัยนี้ครูตีเด็กไม่ได้

“อย่าลืมนะ” กำชับอีกครั้ง

“ทำการบ้าน และทำให้เสร็จ ไม่งั้นผีมันมาจริง ๆ มาจับคนไม่ทำการบ้านเข้าไปห้องครัว สับเนื้อทำเป็นอาหารของพวกมัน”

“พี่พูดจริงเปล่า”

“พูดจริงสิ ใครจะกล้าโกหก คนโกหกผีมันจะมาหา” ผู้เป็นพี่ว่าไปเรื่อย พยายามวางมาดเป็นผู้ใหญ่ทั้งคำพูดและการกระทำ

“ถ้าผู้ใหญ่ไม่ทำการบ้านล่ะ” ผู้เป็นน้องยังไม่หมดข้อสงสัย

“ผีมันก็ต้องมาหาอยู่แล้ว”

“มันจะมาหาทำไม”

“จะไปรู้กับผีมันเหรอ….รีบทำการบ้านเข้าเถอะ อย่ามามัวแต่ถามมากเรื่อง ผีมันจะมาแล้ว”

เข็มนาฬิกาเดินผ่านเวลาสองทุ่มไปแล้ว พ่อแม่ยังไม่กลับบ้าน บางทีอาจไปกินเลี้ยงกับเพื่อน หรืออาจติดอยู่บนถนนกับเพื่อนร่วมชะตากรรมนับไม่ถ้วน คืนนี้ลมข้างนอกพัดแรง ฝนทำท่าจะตก หน้าต่างห้องครัวยังอยู่ถัดไปจากห้องนั่งเล่นปิดดังปัง เด็กชายสะดุ้งเฮือก นึกในใจว่าตอนเช้าทำไมไม่มีใครปิดให้เรียบร้อย แต่ยังอุ่นใจว่าประตูหน้าต่างมีเหล็กดัดกันขโมยไว้อีกชั้นหนึ่ง และขโมยคงไม่นึกพิศวาสบ้านซึ่งดูไม่ร่ำรวยหลังนี้เท่าไรนัก

จู่ๆไฟดับพรึบ !

เสียงเด็กหญิงผู้เป็นน้องร้องเสียงหลง เด็กชายนั่งเซ่ออยู่พักหนึ่งกับจอทีวีซึ่งปราศจากภาพเคลื่อนไหวของแสงสี ประกายสายฟ้าลอดมาจากประตูหน้าบ้านสว่างกระชั้นสั้นราวกับมีหลอดไฟขนาดยักษ์ทำงานอยู่เบื้องนอกแล้วขาดหายกะทันหัน ติดตามด้วยเสียงคำรนคำรามครืนของอสุนีบาตพาดฟากฟ้าอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง

“พี่จ๋า… หนูกลัว”
เสียงผู้เป็นน้องร้องมาในความมืด ผู้เป็นพี่สูดลมหายใจเข้าปอด ระงับอาการตื่นตกใจ พลางร้องบอกไปว่า

“นั่งอยู่เฉย ๆ อย่าเดินไปมา เดี๋ยวชนข้าวของหัวร้างข้างแตก แม่กลับมาจะดุเอาอีก พี่จะไปหาเทียนไขกับไฟฉาย”

“ไฟดับการบ้านก็ไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำการบ้านผีก็จะมา”

เสียงใส ๆ สะอึกสะอื้น ไม่ต้องบอกก็พอจะนึกภาพออกว่าหนูน้อยหวาดกลัววิตกกังวลเพียงใด

“เดี๋ยวไฟก็มาเองล่ะน่า”

เด็กชายปลอบใจส่ง ๆ ขณะพยายามเดินมะงุมมะงาหราไปในความมืด จากการเคยชินกับแสงจ้าแล้วจู่ๆกลับมืดลง ทำให้สายตายังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อะไร ๆ ช่วงแรกจึงดูแย่ไปหมด ยังดีพอมีแสงจากสายฟ้าแลบเป็นระยะ ทำให้พอสังเกตเห็นอะไรได้บ้าง

“ผีมันจะมาแน่ ๆ หนูได้ยินเสียงมันเดินอยู่ชั้นบน”

เด็กชายชะงักกึกตรงบันไดอย่างไม่รู้ตัว เสียงของน้องสาวดูจริงจังและมั่นใจในสิ่งที่พูดเหลือเกิน ฟังดูแล้วมันชวนขนลุกในสถานการณ์แบบนี้

“ผีที่ไหนพูดบ้า ๆ” ร้องปลอบใจตัวเอง แต่รู้สึกว่าเสียงจะเริ่มสั่นนิด ๆ

“มันจะมาจริง ๆ หนูรู้ เพราะการบ้านยังไงก็ไม่เสร็จแน่”

“เลิกพูดเถอะน่า ยิ่งพูดผีมันยิ่งจะมา”

“มันมาแล้วนี่คะ กำลังเดินลงบันไดลงมา”

ผีบ้าผีบอไหนจะเดินลงมา ในเมื่อมันเป็นเรื่องหลอกเด็กแกล้งขู่น้องให้ทำการบ้านเท่านั้น ไม่มีทางเป็นจริงได้อย่างเด็ดขาด แต่ความมั่นใจก็เริ่มสั่นคลอนเมื่อหูเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างค่อย ๆก้าวลงมาจากบันใดชั้นบน มันแว่วแผ่วเบาหากรู้สึกดังชัดเจนในความรู้สึก บางอย่างกำลังลงมาจากชั้นบนอย่างเชื่องช้าแต่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญ

บ้านซึ่งเคยอาศัยอยู่ดี ๆแท้ ๆ พอความมืดเข้ามาเยือน อะไรก็ดูน่ากลัวไปหมด บันใดซึ่งเคยวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กๆ กลายเป็นเส้นทางปีศาจอันชวนสยองจนขนลุก เมื่อนึกถึงสิ่งเร้นลับซึ่งมองไม่เห็นและไม่เข้าใจกำลังคุกคามมุ่งร้าย

ลมวูบมาจากมุมไหนของบ้านก็ไม่ทราบ ของบางอย่างลอยมาปะทะใบหน้า คล้ายชายผ้าสะบัดลม ดูเหมือนจะมีกลิ่นสาบสางลอยมาด้วย เด็กชายพยายามควานไขว่คว้ามือในความมืด ปลายมือเหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่างบางเบาแล้วมันก็ลื่นไหลวูบห่างออกไป

เสียงหวีดร้องของน้องสาวดังมาจากห้องนั่งเล่น ดูท่าทางเธอกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างซึ่งเธอรับรู้และมองเห็นอยู่คนเดียว ลมโชยข้างกายมีกลิ่นอับราวกับเรือนร่างไร้ชีวิตเดินเฉียดผ่านลงไประยะใกล้ชิด วูบนั้นเด็กชายรู้สึกราวเลือดในคัวเย็นจนจับเป็นน้ำแข็ง เท้าเหยียบขั้นบันใดพลาดเสียหลักหล่นกลิ้งลงมาไม่เป็นท่า

เสียงฟ้าร้องอีกครั้งกึกก้องจนบ้านสะเทือน

เด็กชายโงหัวขึ้นมาจากพื้น ด้วยอาการมึนงง แสงฟ้าแลบรอดมาจากทางประตูห้องนั่งเล่น แม้จะเป็นเพียงวูบเดียว แต่ยังทันพอมองเห็นร่างดำทะมีนซ่อนอยู่ในผ้าคลุมสีขาว ยืนนิ่ง ดวงตาทั้งคู่ลุกแดงจ้าปานแสงไฟซึ่งทำให้ตัวเย็นเฉียบ

ผีร้ายชัด ๆ ผีร้ายซึ่งมีรูปร่างหน้าตาท่าทางแบบเดียวกับที่เขาบอกไว้กับน้องสาวเมื่อครู่ไม่มีผิด ยังไม่ทันอ้าปากร้อง แสงสว่างก็ดับลับหาย รวมทั้งร่างร้ายนั้นด้วย มันกลืนหายไปกับความมืด

ลมพัดอู้เข้ามาทางประตูซึ่งเปิดกว้างเหมือนรอรับละอองความเยือกเย็นแห่งสายฝนเข้ามาในห้อง หอบไอเย็น เศษกระดาษ ปลิวมาปะทะใบหน้าซึ่งปากอ้าตาค้างกับเหตุการณ์ร้ายจนแทบจับไข้ไปในบัดดล

“มาจับเด็กไม่ทำการบ้าน….. มาจับเด็กไม่ทำการบ้าน”

เสียงแหบแห้งสั่นเครือปนมากับเสียงหวีดหวิวของสายลมละอองฝน เจ้าผีตัวนี้มันมาอย่างมีจุดประสงค์ มาจับเด็กไม่ทำการบ้าน งานอื่น ๆ ของผีน่าจะมีให้ทำกว่านี้ก็มีมากมาย แต่นี่มันมาเพื่อจับเด็กไม่ทำการบ้าน..??.. ไอ้พวกผีว่างงานจิตเสื่อม !

แสงฟ้าแลบอีกครั้ง คราวนี้เจ้าผีร้ายมายืนอยู่ในห้องแล้ว การปรากฏตัวของมันเป็นเส้นตรง มุ่งหน้าตรงมาอย่างไม่ต้องสงสัย

กลัวก็กลัวจนแข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด แต่จะรอให้เจ้าผีร้ายเข้ามาถึงตัวง่าย ๆ คงไม่มีทาง อย่างไรต้องหนีให้สุดชีวิต เด็กชายตะกายไปทางบันใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขึ้นไปแล้วจะทำอย่างไรต่อไป แต่รู้ว่าต้องหนีไปให้ได้เสียก่อน

เอาอีกแล้ว.... ! อะไรบางอย่างคล้ายผ้าลอยมาปะทะใบหน้ากย่างน่ารำคาญ เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ตั้งใจและเป็นเวลาเดียวกันกับแสงสายฟ้าจ้าขึ้นอีกครั้ง

คุณพระช่วย...! เขากำลังหมอบอยู่แทบเท้าเจ้าผีร้ายซึ่งมันขึ้นไปคอยอยู่บนขั้นบันใดแบบไม่ทันรู้ตัว ก้มหน้าลงมามองประหนึ่งจะหยอกเย้าเยาะเย้ย ผ้าคลุมเก่าแก่สกปรก ระพื้นนั่นมันตราสังห่อศพชัด ๆ

“โอ๊ย……!”

หงายหลังกลิ้งลงมาจากบันใดอีกครั้ง สติกระเจิดกระเจิงจนร้องออกมาราวคนสติแตกลั่นบ้าน แต่ดูเหมือนจะถูกเสียงลมฝนกลบจนหมดสิ้น

“จะมาจับเด็กไม่ทำการบ้าน.... จะมาจับเด็กไม่ทำการบ้าน”

เสียงแหบโหยชวนสยองจนแทบทำให้จับไข้แว่วมาอีก เจ้าผีร้ายคิดจะจับเขาด้วยเหตุผลแค่นี้เองหรืออย่างไร คนไม่ทำการบ้านไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้น ยังมีอีกมากมายนับไม่ถ้วนในโลก ทำไมไม่ไปจับ จำเพาะเจาะตงต้องมาจับพวกเขาในบ้านนี้ด้วย คิดแล้วไม่เข้าใจเลย

ตะกายหนี เหมือนหมาหนีน้ำร้อน ชนเข้ากับร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างร้องสุดเสียง

น้องสาวของเขานั่นเอง เธอตัวสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำ เจ้าผีร้ายยังไม่ได้เอาตัวเธอไปอย่างที่คิดเอาไว้

“เห็นไหม ผีมันมาแล้ว”

เด็กหญิงกระซิบเสียงสั่น กอดผู้เป็นพี่แน่น
“แต่มันไม่ได้มาจับหนูหรอก เพราะหนูทำการบ้าน ถึงจะยังไม่เสร็จก็ตามเถอะ แต่มันจะมาจับพี่นั่นแหละ เพราะพี่ไม่ทำการบ้าน”

“จะบ้าเหรอ”
เขาร้องลั่น หันไปยังเงาตะคุ่มซึ่งตอนนี้มายืนอยู่บนโซฟาข้างหน้านี่เอง งานนี้ไม่ใครคนหนึ่งนั่นล่ะจะต้องบ้า เพราะผีบ้าผีบออะไรจะแค่มาจับเด็กไม่ทำการบ้าน ก็มันเรื่องหลอกเด็กชัด ๆ เป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออกเลยสักนิดในตอนนี้

“พี่บอกหนูนี่นา ว่าผีมันจะมาจับเด็กไม่ทำการบ้าน หนูทำแล้ว แต่พี่ไม่ทำการบ้าน มันจะมาจับพี่”

“รีบหนีกันเถอะ” คว้าแขนเล็ก ๆ นั่นเตรียมลากให้หนีจากเจ้าผีร้าย
“หนูไม่หนี มันไม่ทำร้ายหนู เพราะหนูเป็นเด็กดีแล้ว มันจะจับพี่ พี่นั่นล่ะต้องหนี”

เสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิด เอาล่ะสิ... น้องตัวแสบหาเรื่องให้กลุ้มอีกแล้ว แต่ตอนนี้กลัวมากกว่ากลุ้ม บอกไม่เชื่อก็ตามใจตอนนี้ขอเอาตัวรอดก่อน ว่าแล้วก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปทางประตู ต้องหาทางหนีออกจากบ้านหลังนี้ให้ได้

เงาตะคุ่มนั้นเดินผ่านเด็กหญิงโดยไม่สนใจจริง ๆ ใช่แล้ว....! เขานั่นเองเป็นคนไม่ทำการบ้าน!!!

ไฟฟ้าติดพรึบขึ้น!

ทั้งบ้านสว่างไสวอีกครั้ง เขาภาวนาให้เจ้าผีร้ายมันหายไป ผีมันแพ้แสง เขาเคยรู้มาแบบนี้

แต่ให้ตายดับลับลาโลก.... เจ้าผีร้ายนั้นยังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้าง ๆ ตัวเขานี่เองไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ชัดเจน และมีตัวตนถนัดชัดตาจริงจังที่สุด ผียุคใหม่ไม่กลัวไฟอย่างที่บอกน้องสาวเอาไว้ไม่มีผิด

มือเย็นเฉียบราวน้ำแข็งของมันคว้าใส่คอก่อนจะขยับตัวหนี แล้วเริ่มลากเหยื่อออกไปทางห้องครัว

เด็กชายตาเหลือก ตกใจกลัวแทบสิ้นสติ มันลากเขาไปยังห้องครัว หรือว่ามันจะสับเขาเป็นชิ้น ๆทำเป็นอาหารอย่างที่เคยพูดขู่น้องเอาไว้

“เด็กไม่ทำการบ้าน ต้องสับเป็นชิ้น ทำเป็นอาหารเย็น”

เสียงพึมพำอันน่าขนลุกดังมาจากโต๊ะกินข้าวในห้องอาหาร ซึ่งอยู่ก่อนจะถึงห้องครัว ผีร้ายห่มผ้าขาวสามตัวนั่งเรียบรายเป็นระเบียบเรียบร้อยบนเก้าอี้มือถือช้อนส้อมรออยู่ ตาแดงจ้าลุกโชนมองมาอย่างกระหาย ร่างของเด็กชายถูกลากผ่านไปยังห้องครัว ส่วนน้องสาวมาแอบยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ประตูห้องอาหารด้วยท่าทางเป็นห่วงผู้เป็นพี่

มันเรื่องบ้าบอชัด ๆ ทำไมเรื่องราวมันเป็นไปอย่างที่เขาพูดไว้ทุกประการ หรือว่าเขามีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรก็เป็นไปตามนั้น

“พวกแกไม่มีตัวตน พวกแกจงหายไปเดี๋ยวนี้”

เด็กชายร้องสุดเสียง หวังว่าพวกผีร้ายจะหายวับไปกับตา แต่พวกมันกลับพากันหัวร่องอหายอย่างขบขัน ผีตัวหนึ่งหัวเราะดังลั่นตัวสั่นหัวสั่นจนนัยน์ตาข้างหนึ่งหลุดกระเด็นออกมาจากเบ้าตา กลิ้งหลุน ๆ หมุนติ้วมาหยุดจ้องมองตาวาวอยู่บนพื้นใกล้ ๆ อีกตัวหัวเราะจนคอหมุนหัวเอียงไปมาราวกับไม่มีกระดูกคอต่อ

พวกมันเริ่มพากันยกเด็กชายขึ้นไปวางบนโต๊ะอาหาร ขณะผีร้ายอีกตัวเดินงุ่มง่ามเข้าไปในห้องครัว กลับมามาพร้อมกับมีดหั่นเนื้อเล่มยาว

“เด็กไม่ทำการบ้าน ต้องสับเป็นชิ้น ทำเป็นอาหารเย็น”

พวกผีร้ายพึมพำเหมือนเสียงสวดมนต์มรณะ ช่วยกันตรึงร่างอาหารมื้อเด็ดไว้บนโต๊ะ ไอ้ตัวร้ายซึ่งถือมีดเดินมาหยุดมองพลางแสยะยิ้มอย่างพอใจในผลงาน คมมีดในมือล้อประกายไฟสว่างวูบวาบ ผีร้ายอีกตัวโงนเงนไปมาอยู่แถวชั้นวางของเหมือนจะหาเครื่องปรุง

“ผมทำการบ้านแล้วครับ ผมทำแล้ว”

เด็กชายแหกปากร้องสุดเสียง ร้องออกไปด้วยสัญชาติญาณมากกว่าจะคิดถึงความเป็นจริงว่าวันนี้การบ้านยังไม่ได้แตะสักนิด

แต่ผลของมันเกินคาด มีดซึ่งกำลังเงื้อสูงหยุดชะงัก ท่าทางของพวกผีร้ายดูลังเลใจ ทำให้เขาใจชื้นขึ้นรีบร้องย้ำไปอีก

“ผมทำการบ้านแล้วจริง ๆ ทำแล้วจริง ๆ”

“แกโกหก….”

ผีร้ายจ้องมองเด็กชายและคำรามในลำคออย่างเดือดดาล แล้วหันไปทางผู้เป็นน้องสาวซึ่งแอบดูอยู่ตรงประตูห้องอาหารหนูน้อยหลบวูบไปอย่างรวดเร็ว หลับตาปี๋ แต่หูยังแว่วเสียงน่ากลัวชวนขบลุกถามมาว่า

“พี่ชายเธอทำการบ้านจริง ๆ นะหรือ”

“เขายังไม่ได้ทำการบ้านเลยค่ะ”

หนูน้อยตอบเสียงใสซื่อ ก็เธอเห็นว่าตั้งแต่กลับบ้านมา พี่ชายตัวดียังไม่ได้แตะกระเป๋านักเรียนเลยด้วยซ้ำ เสียงแหบต่ำคำรามอย่างพอใจ หันไปทางเหยื่อซึ่งดิ้นกระแด่ว ๆ บนโต๊ะ มีดในมือเงื้อขึ้นสูงอีกครั้ง

“ผมทำการบ้านแล้ว” แหกปากสุดเสียง

“น้องจ๋า น้องผู้น่ารักที่สุดของพี่ เชื่อพี่สิว่า พี่ทำการบ้านแล้ว แต่ยังไม่เสร็จเท่านั้น จริง ๆ “

คิ้วน้อยๆของผู้เป็นน้องขมวดอย่างลังเลใจ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เงาร่างของผีร้ายสั่นไหววูบวาบไปด้วย พวกมันส่งเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อถูกขัดจังหวะ

“เชื่อพี่สิ พี่เป็นพี่ จะหลอกน้องไปทำไม”

“ทำตอนไหน หนูกลับมาเห็นพี่เอาแต่นั่งดูทีวีอย่างเดียว”

เงาผีร้ายเริ่มชัดเจนขึ้นอีกครั้ง พวกมันหัวเราะอย่างพึงพอใจด้วยน้ำเสียงชวนชนลุก เด็กชายรีบชี้แจงชนิดหายใจหายคอแทบไม่ทัน

“ทำตอนอยู่โรงเรียน ก่อนจะกลับบ้าน แต่ยังไม่เสร็จกะว่าจะมาทำต่อที่บ้านและกำลังจะทำอยู่พอดีไฟมันดับก่อน”

“แน่นะ” เสียงใส ๆ ถามเสียงสูงอย่างคาดคั้น

“ให้ตายเลยสิเอ้า…”

ผู้เป็นพี่ลงทุนสาบาน และในทันใดนั้น ร่างของผีร้ายทั้งสามตัวพลันจางหายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนอย่างคลั่งแค้นและผิดหวัง มีดหั่นเนื้อหล่นลงมาจากอากาศ ปักฉึกบนพื้นโต๊ะสั่นไปมาห่างใบหน้าไปเพียงนิดเดียว เด็กชายตะกายลงมาจากโต๊ะด้วยอาการขวัญหนีดีฝ่อแทบเยี่ยวราด
ชัดแล้ว ...ไม่ใช่ตัวเขาหรอกสร้างเจ้าผีร้ายขึ้นมา น้องสาวของเขาต่างหากเป็นผู้สร้างผีร้าย สร้างมาจากความเชื่อของเด็ก ๆ ความเชื่อที่มั่นคงบริสุทธิ์ จนเกิดพลังดึงความชั่วร้ายให้หลุดออกมาจากรอยรั่วของนรกเมื่อโอกาสมาถึง ซึ่งจะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่อาจเดาได้

เขามองไปรอบๆตัวอย่างไม่ค่อยไว้วางใจ พวกมันอาจจะกลับมาเมื่อไรก็ได้ เพราะว่าเขาโกหก ถ้าเรื่องแดงออกมา อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงรีบพาน้องสาวมาห้องนั่งเล่นอย่างอกสั่นขวัญแขวน ดึงสมุดการบ้านออกมาจากกระเป๋าด้วยมือสั่นเทา แล้ววันนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจทำการบ้านอย่างจริงใจตั้งใจสุดในชีวิต


++++++

“โอ..วันนี้เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ทำไมลูก ๆ นั่งทำการบ้านเรียบร้อยผิดธรรมชาติมาก”

ผู้เป็นแม่ทักทายอย่างประหลาดใจ สามทุ่มกว่าแล้วเธอกับสามีจึงพากันหอบข้าวของพะรุงพะรังกลับเข้าบ้าน ฝนเพิ่งหยุดตกไปไม่นาน อากาศยังคงหนาวเย็นยะเยือก

“ผีมันมาค่ะแม่ มันจะมาจับคนไม่ทำการบ้าน”

ลูกสาววางปากกาลง วิ่งไปกอดแม่ซึ่งวางข้าวของลงอ้าแขนรับร่างน้อย ๆ ยกขึ้นอุ้มอย่างรักใคร่เอ็นดู

“ผีที่ไหนกันจ๊ะ..ผีไม่มีในโลกหรอก”

“แต่พี่บอกว่ามันจะมาแล้วมันก็มาจริง ๆ”

“หลอกอะไรน้องอีกล่ะ” ผู้เป็นพ่อหันไปทำเสียงดุกับลูกชายคนโต ซึ่งตอนนี้นั่งทำการบ้านอยู่อย่างถวายหัวสุดชีวิตแบบไม่เคยทำมาก่อน แล้วเขาจะบอกหรืออธิบายได้อย่างไรว่าเจ้าผีร้ายมันมาเยือนจริงๆ ถึงพูดไปใครจะเชื่อ

“เปล่าครับ”

เขาตอบสั้น ๆ แล้วก้มหน้าก้มตารีบทำการบ้านต่อไป การบ้านซึ่งกะว่าจะไปลอกเพื่อนพรุ่งนี้เช้า จะต้องเสร็จก่อนนอนคืนนี้ เพื่อไม่ให้มีปัญหาสยองค้างคาใจอะไรตามมาอีก

“มากินข้าวกันดีกว่า ลูกคงหิวแย่แล้ว”

แม่ถือถุงอาหารถุงใหญ่เข้าไปในห้องครัว แล้วก็ร้องเสียงดังอย่างตกใจ
“ตายแล้ว ใครเอามีดมาปักโต๊ะเล่นนี่ รับมาซะดีๆ”

เด็กชายกลืนน้ำลายฝืดคอ จะตอบว่าผีทำ สงสัยว่าคงโดนหนักกว่าเก่าอีก แต่เสียงแจ๋วๆของน้องสาวเจ้าปัญหาก็ตอบขึ้นว่า

“ผีมันทำค่ะแม่ มันจะแทงพี่ พอดีมันหายไปเสียก่อน มีดก็เลยตกลงมา”
“ชักจะเอากันใหญ่แล้ว ใครเล่นรับมาเสียดีๆ”
“ผมครับ”

เด็กชายรีบอ้างความรับผิดชอบเพื่อให้เรื่องมันจบลงโดยเร็ว จะว่าจะตีก็เชิญเถอะ คืนนี้ชักปลงกับชะตากรรมของชีวิตแล้ว แต่เรื่องดูเหมือนจะยุ่งยากขึ้นอีกเมื่อเสียงของผู้เป็นน้องดังขึ้นว่า

“พี่โกหก หนูเห็นกับตา ผีมันทำหล่นจากมือ..โกหกบาปนะรู้ไหม”

“ไม่ต้องยุ่งน่า “พี่ชายตวาด ใจคอเริ่มไม่ดี
“พี่เคยบอกว่าโกหกมันไม่ดี คนโกหกผีมันจะมาหา”

ผู้เป็นพี่สะดุ้งเฮือก ปากกาแทบหล่นจากมือ ตัวเย็นเฉียบ ปากเอ๋ยปาก... ! ทำไมตอแยเรื่องน่ากลัวแบบนี้ ตอนนี้น้องสาวเชื่อสนิทว่าเขาโกหก และผีมันจะมาหาคนโกหก ทันใดนั้นหางตาคล้ายเป็นผ้าอะไรสักอย่างเคลื่อนไหววูบวาบอยู่ทางประตู ไม่กล้าหันไปมองเต็มตา แต่ความหวาดกลัวปะทุจับขั้วหัวใจจนแทบขาดใจตายไปในบัดนั้น รีบปราดไปจับแขนผู้เป็นน้องบอกเสียงสั่นรัว

“คนโกหกผีมันไม่มาหาหรอก พี่พูดเล่น เชื่อสิ...อย่างนั้นใครโกหกผีมันก็มาหาทุกคนล่ะสิ”

เด็กน้อยส่ายหน้า มองไปข้างหลังผู้เป็นพี่แล้วบอกเสียงสั่น ๆ ว่า

“ใครบอกว่าผีไม่มา มันยืนอยู่ข้างหลังพี่นั่นไง”

เด็กชายหันไปมองโดยอัตโนมัติแล้วก็เห็นเต็มตา
เจ้าผีร้ายซึ่งใบหน้ามีแต่โครงกระดูกห่มผ้าขาวตัวหนึ่งยืนจ้องมองมาจากข้างตู้โชว์ สายตาแดงเป็นจุดลุกวาวยังคงมองมาอย่างผู้ชนะและมุ่งร้าย เด็กชายร้องสุดเสียงด้วยความตกใจกลัว

“เล่นอะไรกันเด็กพวกนี้”

พ่อโผล่มาจากห้องครัวด้วยใบหน้าบึ้งตึง เขาเองก็เหนื่อยมาจากงานและกำลังช่วยภรรยาเตรียมอาหารให้คุณลูก ๆ อยู่ การถูกกวนประสาทแบบนี้ก็ทำให้อารมณ์เสียได้เหมือนกัน ส่วนเจ้าผีร้ายหายวูบไปเหมือนไม่อยากปรากฏตัวให้คนอื่นเห็นนอกจากเด็กสองคนนี้เท่านั้น

“ผีมัน…..” พูดได้แค่นี้พี่ชายก็รีบเอามืดอุดปากน้องสาวไว้ รีบขอโทษผู้เป็นพ่อแล้วลากน้องสาวมาหลบอยู่หลังโซฟากระซิบว่า

“ไม่ต้องบอกอะไรให้พ่อกับแม่ฟัง พวกเขาไม่เชื่อกันหรอก พูดไปก็จะกลายเป็นว่าเราโกหก”

“ทำไมพ่อกับแม่ไม่เชื่อล่ะ”

“ก็เพราะว่าพ่อกับแม่เป็นผู้ใหญ่”

“เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ต้องเชื่อก็ได้เหรอคะ”

เด็กชายเกาตัวเอง .. หาคำอธิบายกับคำถามแบบนี้ไม่ได้ บางครั้งความคิดของผู้ใหญ่และเด็กก็มีช่องว่างพิเศษชนิดหนึ่ง ทำให้การสื่อสารและการยอมรับวางอยู่คนละบรรทัดฐาน

“ช่างเถอะเรื่องนั้น ว่าแต่ตอนนี้ช่วยทำให้ผีมันหายไปได้ไหมน้องจ๋า” เขาขอร้องน้องบังเกิดเกล้า แต่เด็กน้อยสั่นหน้าบอกว่า

“มันหายไปได้ แต่มันจะกลับมาอีก”

“ให้มันหายไปโดยไม่ต้องกลับมาอีก”

“หนูจะทำได้อย่างไรล่ะ หนูไม่ใช่ผู้วิเศษ และอีกอย่างมันไม่ได้มาหาหนู มันมาหาพี่เพราะพี่โกหก”

แม่หนูน้อยท่าทางไม่รู้สึกรู้สมเลยสักนิดว่าผีร้ายนั่นเกิดจากความเชื่อของเธอเอง ความเชื่อที่เข้มข้นจนเป็นรูปเป็นร่าง ความเชื่อซึ่งมีพลังเร้นลับเชื่อมโยงไปยังโลกแห่งปีศาจร้ายและฝันร้าย

“ฟังให้ดีนะ” เด็กชายพยายามอธิบายอย่างอดทนปนหวาดกลัว
“พี่มันมาหาคนโกหกก็จริง แต่มันแค่มาดูเฉย ๆ ไม่ทำอันตรายอะไร แถมบางทียังหาสิ่งของเงินทองมาให้อีก”

“หนูไม่เชื่อพี่หรอก ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรสักนิด ผีมันไม่ได้โง่ขนาดนั้น อยู่ดี ๆ จะเอาข้าวของเงินทองมาให้คนโกหกได้อย่างไร หิวข้าวแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า”

ว่าแล้วหนูน้อยก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปห้องอาหารปล่อยให้เด็กชายตาค้างกุมหัวตัวเองอยู่ด้วยความสับสนและสยองจิต

เจ้าผีร้ายค่อยโผล่หน้าขึ้นมาจากโซฟาดวงตาสีแดงส่องประกายเรืองวาว อย่างผู้มีชัยขากรรไกรซึ่งมีแต่กระดูกขยับไปมาดูแล้วเหมือนว่ามันกำลังยิ้มหัวเราะเยาะเย้ยหยัน เพราะรู้ว่าเขาไม่กล้าโวยวายแน่ มือมีแต่กระดูกข้างหนึ่งยกขึ้น เล็บของมันคมกริบและยาวราวใบมีด

เด็กชายอยากร้องก็ร้องไม่ออก ร่างกายแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ประสาทลั่นปะทุ ปานสมองจะระเบิดออกมา ได้แต่ปากอ้าตาค้างจ้องมองภาพเบื้องหน้าอยู่อย่างนั้น

“โกหกมันไม่ดี คนโกหกผีมันจะมาหา”

เสียงแหบโหยชวนเสียวรากฟันนั้นมันช่างเหมือนคำพูดที่ใช้ขู่น้องสาวเหลือเกิน กรงเล็บขยับอยู่ตรงหน้าอย่างข่มขู่อยู่ในที ใบหน้ามีแต่กระดูกนั้นเอียงคอ มองดูเขาอย่างสนใจ ถ้ามันตะปบหรือตวัดเล็บนั่นสักทีมันก็คงมากพอจะทำร้ายจนบาดเจ็บหรือล้มตายได้

แต่เจ้าผีนั่นไม่ทำอะไร ในที่สุดมันค่อยถอยห่างและลางเลือนหายไป
เด็กชายพลิกตัวตะแคงหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อยและอยู่ในสภาพคนขวัญกระเจิง แต่ยังรู้สึกอุ่นใจว่าเจ้าผีร้ายมันไม่ทำอันตราย มันเพียงแต่มาหา…..

ในความรู้สึกประสาทสั่นระริกจวนขาดนั้น เขาพลันรู้สึกได้ เจ้าผีร้ายมันเพียงแต่มาหาเท่านั้น เพราะว่าเขาบอกกับน้องสาวตัวดีแค่นั้นจริง บอกแค่ว่าผีมันจะมาหาคนโกหก แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าผีมันจะทำอะไรต่อไป ต่างจากการขู่เรื่องการบ้าน ซึ่งบอกชัดเจนว่านอกจากจะมาหาแล้วยังจะจับทำไปอาหารอีกด้วย

ใช่แล้ว.... ความคิดวูบขึ้นมาทำให้เขาสั่นไปทั้งตัวด้วยความตื่นตระหนก เจ้าผีร้ายปรากฏตัวกระทำการไปตาม “คำพูดของเขาและความเชื่อของผู้เป็นน้อง” เท่านั้น เป็นเหมือนข้อตกลง หรือกฎ กติกา อะไรบางอย่างซึ่งไม่มีทางเข้าใจ

แล้วทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเขาด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกัน อาจเป็นไปได้ว่าอะไรบางอย่างมีพลังอำนาจมหาศาลเกินกว่าจะคาดคำนวณได้ หมุนเสี่ยงวงล้อแห่งชะตากรรมของเหล่ามนุษย์แล้ววงล้อนั่นหยุดเมื่อเข็มแห่งความน่าสะพรึงกลัวมาหยุดอยู่บ้านหลังนี้พอดี

เสียงแม่เรียกให้ไปทานข้าวแว่วมาจากในห้องอาหาร เด็กชายลุกขึ้นเดินตรงไปอย่างลำบากยากเย็นต่อไปนี้ต้องระวังคำพูดคำจากับน้องสาวแล้ว ขืนพูดอะไรผิดพลาดไปเป็นเรื่องแน่

++++

อาหารมื้อนี้จืดชืด เลยเวลาอาหารเย็นมามากแล้ว เด็กชายผู้เป็นพี่รู้สึกว่าข้าวฝืดคอเหลือเกิน เห็นอะไรแวบๆ มักจะผวาแบบคนประสาทเสีย คิดว่าเป็นพวกผีร้ายอยู่เรื่อย

“ทานผักด้วยสิจ๊ะ.. เด็กคนไหนไม่ทานผักเดี๋ยวผีมันจะมาหา”

แม่บอกกับลูกสาวซึ่งเขี่ยอาหารในจานเล่นอยู่ แต่ผู้เป็นพี่ถึงกับสะดุ้งเฮือกช้อนแทบหล่นจากมือ รีบตักผักในจานใส่ปากชนิดหายใจหายคอแทบไม่ทัน เอาอีกแล้ว..แม่จ๋าแม่..ทำไมพูดแบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง แค่น้องสาวคนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว

“แม่ไปขู่น้องทำไม ผีที่ไหนกัน” เขาโอดครวญให้กับชะตากรรมของตัวเอง
“เอ…วันนี้ทำไมกินผักเก่งจริงแฮะ”

ผู้เป็นพ่อตั้งข้อสังเกตลูกคนโต

“พี่เขากลัวผีนะค่ะพ่อ”
เด็กหญิงอธิบายขึ้นด้วยเสียงใสแจ๋วตามประสา เวรกรรม …ขำก็ไม่อยากจะขำ เด็กชายอยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ มากกว่า แต่กลัวพ่อกับแม่หาว่าบ้าก่อนวัยอันควร จึงลุกจากเก้าอี้ไปดื่มน้ำ พ่อกับแม่มองตามอย่างแปลกใจ

+++

“ลูกเราวันนี้อาการแปลก ๆ นะคะ”

“สงสัยเรียนมากไปหน่อย ไม่มีอะไรหรอกน่า”

“แปลก ๆ ทั้งสองคนเลยนะ”

“ช่างเถอะน่า คืนนี่ง่วงนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์ที่รัก”

“คุณคะ……..”

“………”

“อ้าว หลับเสียแล้ว อีตาบ้า การบ้านก็ไม่ยอมทำ เอาแต่หลับทุกวัน”

ในห้องนั่งเล่นข้างล่างกลุ่มควันสีขาวรวมตัวกันในความมืด กลายเป็นผีร่างมีแต่กระดูก ห่มผ้าสีขาวโพลนที่สามารถมองเห็นได้แม้ในความมืด หัวเราะในคำรามอย่างพึงพอใจในการกลับมาอีกครั้ง เสียงแหบสั่นพร่าดังออกมาจากปากของมันชวนขนลุกขณะค่อย ๆ ก้าวเท้าขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน

“คนไม่ทำการบ้าน ผีจะมาหา คนไม่ทำการบ้าน ผีจะมาหา”




 

Create Date : 11 มีนาคม 2553
6 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2553 21:47:24 น.
Counter : 1151 Pageviews.

 

แฮะ แฮะ..กลัวผี ไม่ได้ทำการบ้านหลายคืนแล้วด้วยซิ คืนนี้ต้องทำการบ้านตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ ว่าแต่ไอ้ปากกาที่จะใช้ทำการบ้านนี่ซิ มันไปถูกไฟที่ไหนลนมาก็ไม่รู้ ทำไมปากกาทั้งด้ามมันอ่อนไม่มีแรงขึ้นมาทุกวัน 555

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ IP: 113.53.78.95 11 มีนาคม 2553 10:48:43 น.  

 

"น้องสาววัยเจ๊ดขวบผู้ซึ่งทำหน้าคาตื่นและวางมือจากตุ๊กตาน่ารักหันมาคว้าปากกาแท่งสวยตรียมทำการบ้าน "
7 ขวบนี่ยังใช้ดินสอทำการบ้านอยู่นะคะ

 

โดย: Setakan 11 มีนาคม 2553 13:35:30 น.  

 

55555 อ่านแล้วลุ้นระทึกมากๆค่ะ

 

โดย: คนอ่อนไหวที่แกล้งใจแข็ง (Tukta21 ) 11 มีนาคม 2553 14:59:31 น.  

 

โหๆๆๆ

ว่างช่วยตอบกัลบเมลล์ผมทีนะครับผมประทับใจมากๆ

farmblacksheep@hotmail.com

 

โดย: Legend of samurai IP: 117.47.234.89 27 กรกฎาคม 2553 16:17:54 น.  

 

พ่อโดนเข้าให้แร้วมั้ง 555

 

โดย: มาโซคิส 28 ตุลาคม 2555 6:04:14 น.  

 

ถ้าผีมาจริงๆก็ดี....จะได้ขอไปอยู่ด้วย

 

โดย: 957799 IP: 115.87.102.66 23 สิงหาคม 2556 3:55:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Psycho man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add Psycho man's blog to your web]