...บ่นอนก่อนผัว แจ้งมาตื่นก่อน บ่เชื่อคำวอน ของคนนอกบ้าน บ่สะหลิดจิตซ่าน โบราณว่าไว้...............................................สะหลิด หมายถึง ดัดจริต อาจจะฟังดูแรงไปสำหรับคนถิ่นอื่น แต่ทางเหนือหมายถึง อาการไม่สำรวมกิริยาของสตรี

 
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
7 เมษายน 2551
 

ไขปริศนาดอยสุเทพ



หากว่าบ่ได้มาเป็นสะใภ้คนเมือง(เหนือ) แม่ญิงเมืองกอกอย่างข้าเจ้า เหตุใดไหนเลยจักรู้เรื่องราวเบื้องลึก เบื้องหลังที่ยังซ่อนมนต์ขลังอยู่ดั่งอั้น

ไม่ใครต่อใครยามได้มาเยือนเชียงใหม่ จุดมุ่งหมายคือ ต้องขอให้ได้ขึ้นไปไหว้สาบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพเป็นแม่นมั่น เพราะหนทางมันสะดวกนัก เหนือจากนั้นแล้วค่อยไปแอ่วไปดูวิถีชีวิต ธรรมชาติขุนเขา ขนบธรรมเนียม แลไปซื้อไปหาตามแหล่งสถานที่ขึ้นชื่อ ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ทิศไหนทางใดก็มีให้แอ่วบ่หมดบ่เสี้ยง

ด้วยบุญญาบารมีแห่งครูบาเจ้าศรีวิชัย (สิริวิชโย ภิกขุ) ครั้นเพิ่นได้ออกปากเอิ้นบอกถึงการสร้างหนทางขึ้นดอยสุเทพ ศรัทธาประชาชนทุกย่านแคว้นแดนล้านนาก็ไหลหลั่งมาร่วมสร้างร่วมแปง จนเมื่อตนครูบาได้ลงจอบลงขอแรก ถัดนั้นผู้คนร่วมร้อยร่วมพันก็คนละมือละไม้ แผ้วถางถากทางล่วงเลยเดือนปีผ่านพ้นจึงลุล่วง

วัดพระธาตุ หรือวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่คนเวียงเชียงใหม่เพิ่นเอิ้นกัน แต่ถ้าจะเอิ้นหื้อถูกต้องตามราชการก็ว่า วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร ทิพยวิมานบนยอดดอยเหนือม่านหมอกสวย คือความสงบเย็น เป็นความหลุดพ้น อันหมายถึง ดินแดนนิพพานมาแต่ต้น

บ่ได้อู้เกินจริงแม้แต่น้อย หากเพราะผู้สร้างผู้ถวาย คิดหวังหื้อเป็นดั่งอั้น
เหนือลานอนุสาวรีย์ครูบาเจ้าขึ้นไปหน่อย มีวัดมีชื่อในการสร้างศาสนาทายาทมอบไว้แด่พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษาอย่างชนเผ่าต่างๆ หากแม้นปรารถนามีปัญญาจะสืบอายุพระศาสนา ก็มีการบรรพชาหน่อเนื้อตนบุญร่วมร้อยรูปเป็นประจำทุกปี วัดนี้ ชื่อ ศรีโสดา

ถัดนั้นขึ้นไปบ่ไกลนัก ท่ามกลางหมู่แมกไม้เถาเครือ ซากปรักหักโค่น แนวกำแพงอิฐ กำแพงปูน บ่งชี้ว่าเป็นวัดวาอารามมาแต่ครั้งอดีต สืบค้นสืบเสาะจนได้ที่มาว่า เป็นวัดชื่อ สกิทาคา

ลุขึ้นไปถึงสันเขาจากการก้าวย่าง ยังพบแนวอิฐ เสาศิลา ซ่อนตัวใต้กิ่งใบทับถมเลยล่วง รอยอดีตแทบลบเลือนหาย แต่ไม่พ้นการเสาะสืบ นี่คือวัด อนาคา

สามีข้าเจ้า ผู้เป็นอดีตมหาเปรียญช่ำชองบาลีปิฎก เล่าบอกลำดับกระแสการเข้าสู่นิพพาน อันเป็นคำสอนแห่งการหลุดพ้นสูงสุดว่า อริยบุคคลผู้รู้แจ้งเห็นจริงโลกแล้ว ในลำดับต้น เรียกว่า พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าสู่กระแส
ลำดับเหนือจากนั้น เรียกว่า พระสกิทาคามี แปลว่า ผู้ที่หลังดับสังขารจะกลับมาเกิดอีกหนึ่งชาติเพื่อบำเพ็ญเพียร
ถัดนั้น เรียกว่า พระอนาคามี แปลว่า ผู้จะไม่กลับมาเกิดอีก
แลสูงสุดของอริยบุคคล เรียกว่า พระอรหันต์ แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลสทั้งปวง และเมื่อถึงกาลก็ดับขันธ์นิพพานไปดั่งอั้น

เปรียบดอยสุเทพตระหง่านสูง หากผู้ใดเดินล่วงลุชั้นต้น นมัสการเสียซึ่งวัดศรีโสดา(บัน) ก็ดีบ่หน้อย ฤาจักขึ้นเหนือไปสักหน่อย ขาบนบจบเกศวัดสกิทาคา(มี) ก็นับเป็นกุศล แม้นเรี่ยวแรงเดินยังไหว ต่อไปสักไม่กี่ย่างก้าว ที่วัดอนาคา(มี) ก็จะเหมาะจะเปิงควรดี

หากมีแรงกรรมส่ง จะขึ้นไปให้ถึงขั้นสูงสุด ไหว้สาพระบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพ อันเป็นดินแดนแห่งนิพพานสงบเย็น สักครั้งในชีวิตแม้บ่ได้ล่วงลุถึงนิพพานแท้ เป็นแต่เพียงนิพพานเทียม แต่อิ่มเอมบุญก็นับเป็นกุศลเจตนาตามปริศนาที่เพิ่นเล่าบอกเล่าเอิ้นไว้เน้อเจ้า...








 

Create Date : 07 เมษายน 2551
30 comments
Last Update : 7 เมษายน 2551 10:57:53 น.
Counter : 698 Pageviews.

 
 
 
 
เป็นความรู้ใหม่ของผมเลยครับ

ขอบคุณครับ
 
 

โดย: 9A วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:11:15:57 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ


สามีของปี้เปิ้นฮู้ลึกซึ้งแต๊ๆเลยเน้อครับ
เรื่องละเอียดแบบนี้ผมก่ยังศึกษาบ่าแตกฉานเต้อครับ

ได้เข้ามาอ่านในบล้อกปี้
ขนาดยังบ่ได้เขียนละเอียดลงลึก ยังฮู้สึกว่า
น่าสนใจ๋มากๆเลยครับ

ชอบคำว่า "ผู้เข้าสู่กระแส" ครับ

 
 

โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:14:07:26 น.  

 
 
 
เป๋นจะอี้นี่เอง
แต่ผม บ่ เคยได้ยินชื่อ วัดโสดา(บัน) วัดอนาคา(มี) เลยเน๊าะ
 
 

โดย: lets_kick_off IP: 125.25.96.28 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:15:20:34 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ มาขอบคุณที่ไปเยี่ยมที่บล็อคค่ะ
 
 

โดย: kookgee! IP: 58.9.44.105 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:05:00 น.  

 
 
 
สวัสดีเจ้า

ถ้าไม่ได้ดูprofile คงคิดว่าพี่เป็นคนเหนือแต๊ๆเชียว อู้คำเมืองได้ซุ้ดยอดเลยค่า
 
 

โดย: พะยูนน้อยกลอยใจ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:23:18 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่ blog นะครับ
 
 

โดย: Boy (dragoonboy ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:36:21 น.  

 
 
 
น่าไปจิงๆๆเลยเนอะ
ยิ่งได้รู้ประวัติอย่าลึกซึ่งอย่างนี้
วันหน้าจะต้องงไปให้ได้เลยค่ะ
 
 

โดย: Cholesterol วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:49:26 น.  

 
 
 
ไปมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเลยที่หาความรู้แบบนี้

 
 

โดย: ========> (seasiri ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:52:17 น.  

 
 
 
ปล.

เป็นคนคิดมากจริงๆแหละ ทายได้แม่นมากเจ้า...
 
 

โดย: ========> (seasiri ) วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:53:07 น.  

 
 
 
ข้าเจ้าอยากฮู้ว่าทำจะใดถึงจะได้เป็นสะใภ้คนเมืองบ้างกะเจ๊า..

ข้าเจ้าก็ไปตั้งหลายเตื้อ...บ่อเคยได้ป่ะ..อ้ายบ่าวที่ถูกใจสักเตื้อ..

 
 

โดย: จิ้งจอกสาวฝึกหัด วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:16:58:55 น.  

 
 
 
แวะมายามเฮือน หวัดดีค่ะ
 
 

โดย: woodchippath วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:17:08:32 น.  

 
 
 
อิอิ....สะหวัดดี เจ้า...

วันนี้กระต่ายสมองเสื่อมไม่ได้นอนเจ้า...

ขับรถไกล เหนื่อยหลาย..ยย..
 
 

โดย: Tazza วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:17:35:12 น.  

 
 
 
อ่านไปก็ขลังนักแล น่าเลื่อมใสในปราชญ์ของบุรุษผู้เป็นสามีของปี่ท่านเป็นอย่างยิ่ง
 
 

โดย: เบียร์วุ้น วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:17:58:57 น.  

 
 
 
มาสวัสดียามแลงเจ้า

อือม์...อ่านแล้วก็น่าคิดเจ้า ฝากไหว้สาอ้ายบ่าวตี้เป๋นสามีอี่ปี้โตยเน้อเจ้า

ม่อนน้อยขอคารวะ
 
 

โดย: แม่ไก่ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:20:57:49 น.  

 
 
 
เข้ามาอ่านครับ

ได้ความรู้เลย
 
 

โดย: กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:05:30 น.  

 
 
 
เอ๋อ...จ้วยลบคอมเม้นท์ตางบนหื้อจิ่มลอเจ้า ข้าเจ้ากดซ้ำเพราะต๋อนแรกมันขึ้นว่าเออเร่อร์อ่ะเจ้า

ขอสูมาโตยเจ้า
 
 

โดย: แม่ไก่ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:07:48 น.  

 
 
 
เคยไปอยู่มา 4 ปี๋แต่อู้บ่จ้านเจ้า ... ก่ข้าเจ้ามันเด็กใต้
กิ๊ดตึงเจียงใหม่จั๊ดนัก บ่ได้ขึ้นดอยมาหลายปี๋แล้ว
 
 

โดย: kenmania วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:22:33 น.  

 
 
 
ภาพฤษีดัดตน (ในวัดโพธิฯ) ภาพที่ 1.






เป็นคนที่หลงเสน่หืเมืองเชียงใหม่เหมือนกันครับ
ชอบความร่มเย็น+ใจดีของคนเมือง
 
 

โดย: katoy วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:42:35 น.  

 
 
 
มีโอกาส ได้ไปเชียงใหม่ จะแวะไป สักครั้ง

อู้ กำ เมือง ไม่เป็นกะเจ้า...
 
 

โดย: SeN~ora-eN-oscUrO วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:21:43:11 น.  

 
 
 
ผมเคยแต่ไปอยู่ลำปางนานเป็นเดือน
เดินเล่นรอบเมืองทุกเย็นจนจำถนนได้

...

คิดถึงกลิ่นไอเมืองเหนือจัง

แล้วจะแวะมาเล่นแถวนี้บ่อย ๆ นะครับ
 
 

โดย: จ่าสิบเอกโจ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:22:31:00 น.  

 
 
 
มาขอบคุณเจ้า...ไป้เจียงใหม่

หวังเหมือนกันค่ะว่าสักวันจะเจอคนที่ฟ้าส่งมา แต่ขอให้มาเร็วๆหน่อยได้มั้ยค่ะ...มันเหนื่อยใจ...
 
 

โดย: aom_mY67 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:22:43:51 น.  

 
 
 
อ่านแล้วคิดถึงเชียงใหม่จังเลยอ่า คิดถึงสมัยตัวเองสาวๆตอนเป็นนักศึกษาลั้นลาเจงๆT-T
 
 

โดย: plain water วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:18:46 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวชมจังเลยค่ะ
ยังไม่เคยไปดอยสุเทพเลย
 
 

โดย: Omiya วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:4:28:59 น.  

 
 
 
เป็นความรู้ใหม่จริงๆครับ
คราวหน้าต้องหาโอกาสไปนมัสการวัดทั้ง 3 วันให้จงได้..
 
 

โดย: ชรันจ์ วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:9:51:11 น.  

 
 
 
 
 

โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:13:27:34 น.  

 
 
 
เหมิอนอ่านบล๊อกสารคดีพื้นเมืองแบบซาวน์เทกซ์

ดอยสุเทพผมขึ้นไปแค่ครั้งเดียวเองครับ น้อยครั้งพอๆ กับที่ไปเชียงใหม่
และขึ้นไปอย่างไม่มีพื้นฐานของสถานที่ เหมือนกับทุกที่ที่ไป

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องพวกนี้
เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่เราก็ยังเสียดาย...เพราะตัวเองไม่ได้ใส่ใจ
ว่าจะลองใส่ใจดูเสียที
เริ่มจากบ้านตัวเอง เป็นไง :D
 
 

โดย: Dinner31 วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:14:01:39 น.  

 
 
 
เคยไปเที่ยวมาแล้ว
เพิ่งได้รู้ประวัตินะเนี้ยะ
 
 

โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:19:15:48 น.  

 
 
 
แวะเข้ามาขอบคุณที่อวยพรวันเกิดให้ค่ะ
 
 

โดย: juro (juro_energy ) วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:15:25:49 น.  

 
 
 
ไปมาหลายทีแล้วก็เพิ่งได้รู้เรื่องราวก็ตอนนี้เองครับ
 
 

โดย: CDCR265 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:5:43:55 น.  

 
 
 
ไปเชียงใหม่ แล้ว ๓แล้ว แต่ยังไม่ถึงดอยสุเทพเลย
+555...
 
 

โดย: อัสติสะ วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:10:08:07 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ออริกาโน
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้าเจ้าบ่ใช่สาวเหนือ บ่ได้อู้คำเมือง บ่ได้แต่งหย้องเสื้อผ้าฝ้าย กำไลคำ แลนุ่งซิ่นตีนจกมาแต่ต้น เป็นแค่แม่ญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนเหนือแท้ๆ แต่ใจเกินร้อย

เป็นแม่ญิงจากเมืองกอก(กรุงเทพ)ที่มีอะไรหลายอย่างชื่นชมและชื่นชอบความเป็นล้านนา

ทั้งวัฒนธรรม ภาษาพูด ภาษาเขียน ศิลปะ ขนบธรรมเนียม เครื่องประดับ และการแต่งกาย

คล้ายถูกหล่อหลอมมาแต่ครั้งอดีตชาติ บ่ใช่ว่างมงาย แต่หากเป็นอย่างนั้นแท้จริง

เทื่อนึ่ง ในหน้าหนาวปลายธันวาคม มีโอกาสมาพักผ่อน โดยมีแรงจูงใจจากกิจกรรมการเดินทางไปมอบอุปกรณ์กันหนาวแก่ชุมชนบนดอยสูงหลังดอยอ่างกา(อินทนนท์) อันเป็นส่วนที่ลึกเข้าไปในม่อนดอยของอำเภอแม่แจ่ม

ณ ที่แห่งนั้น จึงได้พบปะชายหนุ่มบุคลิกแปลกตา จนเป็นที่มาแห่งเรื่องราวทั้งหมดที่อยากจะเอิ้นบอกไว้ที่นี่ ผ่านภาษาปริวรรตที่อาจขัดหูขัดตา แต่ทว่างดงามในถ้อยวาจาที่รู้จักกันดีว่า "คำเมือง"
[Add ออริกาโน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com