...บ่นอนก่อนผัว แจ้งมาตื่นก่อน บ่เชื่อคำวอน ของคนนอกบ้าน บ่สะหลิดจิตซ่าน โบราณว่าไว้...............................................สะหลิด หมายถึง ดัดจริต อาจจะฟังดูแรงไปสำหรับคนถิ่นอื่น แต่ทางเหนือหมายถึง อาการไม่สำรวมกิริยาของสตรี

 
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
27 เมษายน 2551
 

“ระลึกชาติ” เรื่องจริงบนเส้นบางบางของคำว่า “งมงาย” ภาคจบ

บ่เมินนัก...หลังสามีของข้าเจ้า หยิบหนังสือเล่าบอกตามนิมิตของคุณไพศาล แสนไชย ไปอ่าน ซึ่งกล่าวถึงเรื่องราวการก่อสร้างพระธาตุเจ้าหริภุญไชยในอดีต ที่ระบุว่า เพิ่นเป็นหนึ่งในคนร่วมสร้างร่วมแปงพระธาตุ โดยมีชื่อในอดีตชาติว่า บ่าหนานเส็ด และอ้างชื่อในชาติปัจจุบันของเพิ่นหราอยู่ในหน้าหนังสือดั่งอั้น เพิ่นก็หันมายิ้มกับข้าเจ้า ซึ่งใจจดใจจ่อใคร่รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเป็นมาอย่างใด แล้วเพิ่นก็อู้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบบ่ตื่นเต้นเลย (ซึ่งผิดกับข้าเจ้าขนาด)ว่า...

“เพิ่นเก่งแท้ เพิ่นรู้ได้จะไดว่าอ้ายเคยเป็นพระหน้อยอยู่วัดประตูลี้แห่งนั้น”
ได้ฟังแล้วข้าเจ้ายิ้มกว้าง อยากให้ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงอย่างใจนึก

“แต่ก็อย่างว่านะ มีสำเนาทะเบียนเยอะแยะระบุว่า อ้ายอยู่วัดนั้นมาก่อน”
ประโยคนี้ทำหื้อข้าเจ้าใจแป้ว เพราะเพิ่นก็วิเคราะห์ได้มีเหตุผลบ่หน้อย

“มาผ่อตรงนี้เน้อ ชื่อของตุ๊เจ้าทังหลายเหล่านี้ อ้ายรู้จักหมดนะ ล้วนเป็นครูบาอาจารย์อ้ายทั้งหมด”
สามีของข้าเจ้ากางหนังสือเล่มนั้นออก แล้วชี้หื้อดูรายชื่อของพระผู้ใหญ่หลายๆ รูป ที่อ้างไว้ในหนังสือว่าในอดีตชาติล้วนมีชื่อร่วมสร้างร่วมแปงพระธาตุเจ้าหริภุญไชยมาทั้งนั้น ถึงตอนนี้ข้าเจ้าใจชุ่มชื่นขึ้นมาอีกหน่อย มันเป็นไปได้อยู่แล้ว คนที่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อน ก็ต้องกลับมาเกิดร่วมกันอีก แถมด้วยเพราะบุญบารมีครั้งสร้างพระธาตุ ชาตินี้เลยเกิดมาเป็นตุ๊เจ้ากันหมด ข้าเจ้ารีบแถเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน

แล้วสามีข้าเจ้า ผู้เป็นอดีตสามเณรเปรียญ อดีตมหาเปรียญธรรม 5 ประโยค
ก็ขึ้นธรรมาสน์อีกครั้ง โดยมีอุบาสิกา(สีกา) ผู้รู้น้อยในธรรมอย่างข้าเจ้านั่งฟังอย่างตั้งใจ

“เรื่องการนิมิตแล้วนำมาเล่าบอก พอเป็นไปได้อยู่ ถ้าหากคนที่นิมิตได้นั้น เพิ่นได้ศึกษาประวัติศาสตร์การสร้างบ้านแปงเมืองหริภุญไชยมาก่อน บวกกับการคาดเดาเรื่องราวต่างๆ แล้วนำมาเล่าบอก อาจเขียนออกมาได้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างอั้นละ ก็บ่ดีไปเชื่อนัก ลองใช้ปัญญาธรรมดาสามัญกึ๊ดกอยเอาเน้อ ว่ามันจะมีความเป็นไปได้กี่มากน้อย”

“เรื่องอย่างอี้ บ่ใช่จะเชื่อกันได้ง่ายๆ เน้อ แม้จะอ้างถูกตัวก็ตามเทอะ แหมอย่างหนึ่ง บ่ว่ามันจะเป็นเรื่องแท้ กาว่าบ่แท้ มันก็บ่ยะหื้อชีวิตเราดีขึ้นหรือเลวลง ขอหื้อเราหมั่นทำความดี สร้างกุศลตามกำลังจะพึงยะพึงทำได้ก็พอ”

“เรื่องระลึกชาติได้ หรือเรื่องกลับมาเกิดใหม่ เป็นเรื่องจริงแท้ โดยมากคนที่ระลึกชาติได้ หรือกลับมาเกิดใหม่จะบ่รู้ตัวเก่า ส่วนมากจะเป็นคนอื่นมากำหนดหื้อ โดยยึดเอาหลักฐานที่มี หรือสิ่งที่พิสูจน์กันได้ง่ายๆ อย่าง ไฝ ฝ้า ปาน หรือจำบ้านเก่า ชื่อเก่า ญาติเก่า และถึงหากเป็นคนที่รู้ตัวเอง เพิ่นก็มักจะบ่ค่อยมาโพนทะนาหื้อรู้กันในวงกว้าง”

“ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว สอนว่า จิตเป็นตัวนำไปเกิด จะไปเกิดในภพใดภูมิใด ดีหรือบ่ดี ขึ้นอยู่กับกรรมที่สั่งสมไว้ แลก็มีอยู่บ้างแม้ว่าจะสั่งสมกรรมดีบ่นักบ่มาก แต่หากในชั่วขณะจิตที่ใกล้จะละร่างนั้น ได้คิดถึงแต่กรรมดีที่สร้าง ก็มีผลหื้อไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้ ดังที่จะพบปะเวลาคนใกล้ตาย จะมีผู้เฒ่าผู้แก่คอยเอิ้นบอกว่า พุทโธเน้อ ธัมโมเน้อ เพื่อหวังหื้อจิตจดจำเอาแต่สิ่งดีดีนั้นแล”

“แหมอย่างหนึ่ง พระพุทธศาสนาบ่งว่า การจดจำเรื่องราวในอดีตชาติของตนได้ มีเหตุมีผลดังนี้ เมื่อจิตละสังขารแล้ว กลับมาเกิดทันที โดยบ่ได้ไปหลงข้องแวะในภพภูมิอื่น อันนี้ เป็นเหตุหื้อจิตยังจดจำเอาเรื่องราวในชาติที่แล้วของตนได้อยู่ แต่เมื่อโตขึ้นเรื่องราวจะค่อยเลือนหายไป สังเกตได้ว่า เมื่อมีข่าวเรื่องคนระลึกชาติได้ จำเรื่องราวในชาติก่อนได้ บ่ว่าในเมืองไทย หรือประเทศอื่นๆ คนเหล่านั้น มักจะเป็นเด็กเสมอ”

“ส่วนเรื่องการระลึกชาติได้ด้วยการฝึกฝน หรือการสามารถรู้อดีตชาติของตนและของคนอื่นได้นั้น ตามหลักพระพุทธศาสนาก็มีสอนไว้อยู่ เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาณ จิตที่ได้ฌานสมาบัติสามารถรู้เหตุกรรมในอดีตได้ แต่บ่ใช่ว่าจะฝึกปฏิบัติกันได้ง่ายๆ เน้อเจ้า ในสมัยพุทธกาลผู้ที่รู้อดีตชาติของคนอื่น และของตนเองได้ ก็เห็นจะมีแต่พระพุทธเจ้า กับพระอริยสาวกบ่กี่องค์เท่านั้น ในปัจจุบันก็มีพระเถระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายรูปได้ธรรมปฏิบัติข้อนี้ แต่ก็บ่มีหลักฐานอันใด เพราะเพิ่นบ่ได้นำสิ่งที่รู้ที่เห็นมาโพนทะนาเอิ้นบอกให้มันเอิกเกริก หากบ่แม่นเพราะว่าต้องการจะสั่งสอนธรรมสำหรับบางคนเท่านั้น บ่เช่นนั้นแล้ว ก็จะเข้าข่ายอวดอุตริมนุสสธรรม เป็นผิดอาบัติอีก”

“เอาเป็นว่า เรื่องนี้ ขอหื้อเราหมั่นทำกุศล สร้างแต่กรรมดี หื้อรู้ไว้เป็นเรื่องปรุงแต่งจิตให้รีบสั่งสมบุญก็พอละ ถึงอ้ายจะเคยเป็น “บ่าหนานเส็ด” หรือ บ่แม่น “บ่าหนานเส็ด” ก็บ่ต้องไปคิดนัก หื้อรู้จักตัวเองในชาติปัจจุบันไว้ก็พอ”

เมื่อได้ฟังดั่งอี้ ข้าเจ้าก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ คล้ายตกอยู่ในภวังค์ บ่คิดว่าสามีเพิ่นจะบ่เชื่อ และบ่จับจิตจับใจแลหลงไปกับเรื่องอดีตชาติ แม้จะมีชื่อเพิ่นปรากฏในหน้าหนังสืออย่างอั้น ทั้งยังเล่าบอกแนวคิดคำสอน แลหลักปฏิบัติที่ถูกที่ควรที่เพิ่นเคยได้ร่ำได้เรียนมา หื้อผู้รู้น้อยอย่างข้าเจ้าได้นิ่งอึ้งมึนงง รับบ่ทันกับแนวคิดที่ช่างแตกต่างจากสิ่งที่ข้าเจ้าได้คิดไว้ขนาด

แต่ครั้นกำหนดจิตรู้เท่าทันปัจจุบันขึ้นมาได้ ข้าเจ้าจึงรีบเอิ้นถามเพิ่นไปว่า

“อ้ายหนานเส็ด ยามแลงนี้ จะกินข้าวกับอะหยังดีเจ้า?”



Create Date : 27 เมษายน 2551
Last Update : 27 เมษายน 2551 22:05:36 น. 13 comments
Counter : 1285 Pageviews.  
 
 
 
 
เรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ พยายามแกะอ่านมั่ก ๆ ไม่ได้ยินภาษาถิ่นเหนือนานแล้ว
 
 

โดย: ดอกหญ้าสีน้ำเงิน วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:21:58:24 น.  

 
 
 

ตกลงว่าคนเราต้องหมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว

ทำจิตใจให้ผ่องใส อยู่ตลอด เพราะไม่รู้ว่าจะหมดลม

เอาตอนไหน....
 
 

โดย: เค็มจัง ตังค์อยู่ครบ IP: 124.120.185.234 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:22:31:31 น.  

 
 
 
แว๊ะมาเยี่ยมค่ะ

เรื่องราวน่าสนใจมากๆ
 
 

โดย: Smile@UK วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:2:33:53 น.  

 
 
 
มาอ่านต่อเจ้า...
 
 

โดย: แม่ไก่ (แม่ไก่ ) วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:12:47:37 น.  

 
 
 
แอบมาส่งยิ้มหวาน ๆ จ้าาาาาาาาาาาาาา
ดูแลตัวเองรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
 
 

โดย: for_me_miss_u วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:22:42:07 น.  

 
 
 
ยินดีเจ้า
ที่เข้าไปสะกิดต่อมเหงาตอนแดดเปรี้ยง ฮ่า ฮ่า
ยอมรับค่ะ..คนจะเหงา ไม่ค่อยเลือกเวลาเหงาจริงๆ

ยินดีเช่นกันเจ้า
 
 

โดย: กลีบดอกโมก วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:13:52:12 น.  

 
 
 
มาแล้ว ชอบๆขอบคุณมากๆคะ
 
 

โดย: sawkitty วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:20:53:04 น.  

 
 
 
แต่ถ้าจะให้ดี ไม่เกิดอีกน่าจะดีที่สุดเน๊าะ
เราก็เคยสงสัยนะว่า วิญญาณกำเนิดมาจากอะไร มันต้องมีเริ่มต้นสิ
แต่คิดให้หัวแตกก็ไม่รู้อยู่ดี เลยเลิกคิดดีกว่า 5555
 
 

โดย: ========> (seasiri ) วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:10:07:10 น.  

 
 
 
น่านดิเน๊าะ


อดีต ก็คือ อดีต ...........


ปัจจุบันสำคัญกว่าเป็นไหน ๆ
 
 

โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 30 เมษายน 2551 เวลา:12:17:13 น.  

 
 
 
ตอนแรกนึกว่าคนเหนือ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
 
 

โดย: Baby Gibbs IP: 121.73.41.201 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:54:14 น.  

 
 
 



มาหวัดดีตอนบ่ายค่า

สบายดีน๊า

 
 

โดย: ก ร ะ ต่ า ย ต า ก ล ม วันที่: 3 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:46:37 น.  

 
 
 
 
 

โดย: sawkitty วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:46:12 น.  

 
 
 
สวัสดีเจ้า สบายดีน่อเจ้า

แวะมาอ่านตอนจบเจ้า อ่านแล้วก่อเข้าใจ๋ว่าต้องทำความดี หมั่นทำบุญ สะสมบุญนักๆ

แต่เปิงใจ๋กำนี้เจ้า “อ้ายหนานเส็ด ยามแลงนี้ จะกินข้าวกับอะหยังดีเจ้า?” อิอิอิ น่าฮั๊กดีเจ้า
 
 

โดย: แม่เฮือน วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:35:34 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ออริกาโน
 
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ข้าเจ้าบ่ใช่สาวเหนือ บ่ได้อู้คำเมือง บ่ได้แต่งหย้องเสื้อผ้าฝ้าย กำไลคำ แลนุ่งซิ่นตีนจกมาแต่ต้น เป็นแค่แม่ญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนเหนือแท้ๆ แต่ใจเกินร้อย

เป็นแม่ญิงจากเมืองกอก(กรุงเทพ)ที่มีอะไรหลายอย่างชื่นชมและชื่นชอบความเป็นล้านนา

ทั้งวัฒนธรรม ภาษาพูด ภาษาเขียน ศิลปะ ขนบธรรมเนียม เครื่องประดับ และการแต่งกาย

คล้ายถูกหล่อหลอมมาแต่ครั้งอดีตชาติ บ่ใช่ว่างมงาย แต่หากเป็นอย่างนั้นแท้จริง

เทื่อนึ่ง ในหน้าหนาวปลายธันวาคม มีโอกาสมาพักผ่อน โดยมีแรงจูงใจจากกิจกรรมการเดินทางไปมอบอุปกรณ์กันหนาวแก่ชุมชนบนดอยสูงหลังดอยอ่างกา(อินทนนท์) อันเป็นส่วนที่ลึกเข้าไปในม่อนดอยของอำเภอแม่แจ่ม

ณ ที่แห่งนั้น จึงได้พบปะชายหนุ่มบุคลิกแปลกตา จนเป็นที่มาแห่งเรื่องราวทั้งหมดที่อยากจะเอิ้นบอกไว้ที่นี่ ผ่านภาษาปริวรรตที่อาจขัดหูขัดตา แต่ทว่างดงามในถ้อยวาจาที่รู้จักกันดีว่า "คำเมือง"
[Add ออริกาโน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com