|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ไหว้สาครูบา องค์พระธาตุเจ้า สามกษัตริย์ หลักสะดือเมือง แลศาลพระภูมิช้างหน้าศาลาธรรม
บ่รู้กี่ครั้ง หากได้มาเยือนเชียงใหม่ ยามใดบ่ได้ไปขาบไหว้อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย ก็คล้ายจะเดินทางไปวันตก ออก เหนือ บ่ม่วนในใจแท้
ทั้งมีโอกาสสักเทื่อ การได้ขึ้นดอยไปนมัสการองค์พระบรมธาตุเจ้า บนดอยสุเทพแล้ว ยามอยู่ที่ไหนทางใดในเชียงใหม่ ขอหื้อได้แลหันพระบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพก็เป็นอันอบอุ่นใจบ่หน้อย
หากแต่เทื่อนี้ ยามข้าเจ้าลุกแต่เมืองกอกย้ายมาอยู่เชียงใหม่ดั่งอั้นแล้ว การไปสาขาบไหว้คงบ่เหมือนแต่คราครั้งก่อน เพราะปรารถนาจะมอบตนมอบตัวเป็นลูกหลานเพิ่น มีเหตุอันใดบ่เหมาะบ่ควรเพิ่นจะได้เตือนตัก แลตั้งสติตนบ่ทำเรื่องให้หม่นหมองศรีเกิดแต่บ้านแต่เมืองเพิ่น
ที่ลานครูบาเจ้าศรีวิชัย ยามเช้าตรู่ รถรายังบ่นักบ่แน่น ไหว้สาขาบนบครูบาเจ้าแล้ว ตักบาตรพระหนุ่มเณรน้อยจากวัดศรีโสดาเสีย 9 รูป ก็เหมาะก็เปิงดี ถัดนั้น ขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ เดินเวียนขวาบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่องบ่นอิติปิโส ภะคะวา อะระหังสัมมา สัมพุทโธ..ฯลฯ ให้ใจเป็นผุดเป็นผ่อง เข้าทำนองธรรมบ่หื้อละ พระบ่หื้อถอน(จากใจ) ก็เป็นม่วนงันชมชื่นยินดี
ลงจากดอย แวะซื้อมาลัยมะลิซ้อนช่อใหม่ ธูปเทียนบูชาเข้าไปไหว้นบจบคุณศาลพระภูมิช้างแก้ว หน้าศาลาธรรมในมหาวิทยาลัยเสีย บ่ใช้เวลานานนัก เนื่องบอกกล่าวเพิ่นทราบเพิ่นรู้ว่า ข้าเจ้าจักได้มายะก๋ารทำงานอยู่กับเพิ่นที่นี่ ฝากตนฝากตัวไว้เป็นลูกเป็นหลานท่านตามธรรมเนียมปฏิบัติ
712 ปีผ่านพ้น นพบุรีศรีนครพิงค์ทำเลข้างหน้าเป็นน้ำ ข้างหลังเป็นขุนเขา ด้วยเตชะบุญญาบารมีแห่ง พญามังรายเจ้า ปฐมกษัตริย์แห่งนคร ครั้นจะไม่นำพาก็ดูกระไรอยู่ บอกกล่าวคนข้างกายข้าเจ้าให้รีบบึ่งไปแยกกลางเวียง ณ ที่นั่น อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ตระหง่านน่ากริ่งเกรงบ่หน้อย จัดแจงมาลาขาบนบก้มเศียร แทบบาทเบื้องพญาทั้งสามเป็นเสร็จสิ้น บ่ายหน้าเคลื่อนกายไปบ่ไกลนัก ที่วัดสะดือเมือง มีเสาหลักบ่งการสร้างบ้านแปงเมืองมาแต่เมื่อ 712 ปี ปฏิบัติตามธรรมเนียมผู้มาขออาศัยบ่ให้มันขึด มันขวง ปิดทองอร่ามศาลหลักสะดือเมืองเสีย ในใจข้าเจ้าก็อิ่มเอม ปลื้มปิติถ้วนกระบวนการยกย้ายถิ่นฐานจากเมืองกอกแดนไกล สู่เมืองเชียงใหม่ดังนี้แล...ฯ
Create Date : 02 เมษายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 2 เมษายน 2551 10:08:32 น. |
Counter : 814 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:15:34:26 น. |
|
โดย: ชรันจ์ วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:10:16:33 น. |
|
| |
|
ออริกาโน |
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ข้าเจ้าบ่ใช่สาวเหนือ บ่ได้อู้คำเมือง บ่ได้แต่งหย้องเสื้อผ้าฝ้าย กำไลคำ แลนุ่งซิ่นตีนจกมาแต่ต้น เป็นแค่แม่ญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่คนเหนือแท้ๆ แต่ใจเกินร้อย
เป็นแม่ญิงจากเมืองกอก(กรุงเทพ)ที่มีอะไรหลายอย่างชื่นชมและชื่นชอบความเป็นล้านนา
ทั้งวัฒนธรรม ภาษาพูด ภาษาเขียน ศิลปะ ขนบธรรมเนียม เครื่องประดับ และการแต่งกาย
คล้ายถูกหล่อหลอมมาแต่ครั้งอดีตชาติ บ่ใช่ว่างมงาย แต่หากเป็นอย่างนั้นแท้จริง
เทื่อนึ่ง ในหน้าหนาวปลายธันวาคม มีโอกาสมาพักผ่อน โดยมีแรงจูงใจจากกิจกรรมการเดินทางไปมอบอุปกรณ์กันหนาวแก่ชุมชนบนดอยสูงหลังดอยอ่างกา(อินทนนท์) อันเป็นส่วนที่ลึกเข้าไปในม่อนดอยของอำเภอแม่แจ่ม
ณ ที่แห่งนั้น จึงได้พบปะชายหนุ่มบุคลิกแปลกตา จนเป็นที่มาแห่งเรื่องราวทั้งหมดที่อยากจะเอิ้นบอกไว้ที่นี่ ผ่านภาษาปริวรรตที่อาจขัดหูขัดตา แต่ทว่างดงามในถ้อยวาจาที่รู้จักกันดีว่า "คำเมือง"
|
|
|
|
คุณ ไดอารี่สีหม่น แนะนำผมมาตี้นี่ครับ
ก่เลยแวะมาทักทายครับ
ครูบาผมก่นับถือท่านมาตลอดครับ
ส่วนวัดสะดือเมืองยังบ่าเกยไปเลยครับ