ต้องรอด ชญาน์พิมพ์
ความหรูหราสวยงามและร่ำรวยที่ใครๆก็ต่างปรารถนา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่อดิเลียจอห์นสันต้องการเลยแม้แต่น้อยสิ่งเดียวที่เธอต้องการก็คืออิสระเสรีที่ไม่อาจกักขังเธอไว้เหมือนที่คอร์เซ็ตอันแสนรัดรึงพันธนาการเธอไว้กับคำว่าสุภาพสตรีอันมีเกียรติเพราะมันทำให้เธอไม่อาจทำในสิ่งที่คิดหรือปรารถนาได้ แม้กระทั่งความรักหากแต่เมื่อวันหนึ่งวันที่เธอคิดว่าชีวิตนี้คงจบสิ้นไปพร้อมกับอินเดียนแดงป่าเถื่อนพวกนั้นเธอกลับได้ค้นพบ บางทีเธออาจกำลังต้องมนต์ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นและคำว่านิมิตาวา คเตโล แม้อดิเลียจะไม่รู้ซึ้งถึงความหมายนั่นหากมันกลับทำให้เธอไม่อาจลืมเลือนอินเดียนแดงผู้อาจจะพรากหัวใจของเธอไปพร้อมกับเขาด้วย
เม้นท์ส่วนตัวนะคะ
ใครคิดถึงงานชญาน์พิมพ์บ้างไหมคะ ในที่สุดก็กลับมาแล้วค่ะคนอ่านเกือบลืมกันแล้วยังว่ามีนักเขียนชื่อนี้อยู่ ขอแอบเหน็บด้วยความรักสักหน่อยนะคะ แต่งานนี้ไม่ได้คนเดียวแต่มาแบบเป็นงานชุดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครสามารถลากพี่ทอฟฟี่ไปทำงานด้วยได้เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าทำงานช้ามาก กลัวจะไปเขียนงานไม่ทันชาวบ้านชาวช่องเขาแต่สุดท้ายก็เข็น ก็เอาแส้เฆี่ยน เทียนลนจนสำเร็จออกมาเป็นต้องรอดได้นี้ล่ะค่าพี่เอฟีน่าล่ะปลื้มปริ่มใจเป็นที่สุด
คือสารภาพเลยว่าตอนแรกที่เอาคอนเซปต์งานมาเล่าให้ฟังฟีน่าแทบจะเอามือทาบอกแล้วร้องอุทานว่า ตายแล้ว เพราะอะไรน่ะหรือคะฟีน่าน่ะเป็นคนไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์ของอินเดียนแดงมาก แต่ก็ดูสารคดีมาบ้างปกติความสนใจของฟีน่าไปทางท่านลอร์ด เลดี้มากกว่าประเภทอ่านหนังสือนิยงนิยายพวกหนุ่มล่ำ สาวระทวยมาก็ไม่น้อยส่วนใหญ่อินเดียนแดงเนี่ยจะเป็นนิยายแนวบทโศกาอาดูรสูญสิ้นแผ่นดินกลบหน้าอะไรทำนองนั้น ตอนนั้นคิดเลยว่าไม่นะมันต้องจบเศร้าระทมตรมน้ำตากันแหงๆ แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องกลับมาว่า ไม่นะจบไม่เศร้าย่ะ มันเป็นนิยายรัก มันต้องสมหวังโอเคอย่างน้อยไม่พบรักกันชาติหน้าหรือบนสวรรค์ แบบนี้พี่เอฟีน่ารับได้
ดังนั้นเมื่อคอนเซปต์ยังคงเป็นแบบเดิมก็วางใจได้ล่ะว่าต้องรอดแล้วตรู (คืออ่านรอดแหงๆ) แล้วมันก็จริงค่ะแม้ว่าเรื่องนี้จะฉีกสไตล์การเขียนงานที่ปกติงานของพี่ทอฟฟี่จะเป็นนิยายร่วมสมัยทุกเล่มแต่เล่มนี้จะให้กลิ่นแบบอ่านนิยายแปล หนุ่มล่ำโอบกอดสาวน้อยผมทองผ้าผ่อนหลุดลุ่ยอะไรทำนองนั้นมากกว่าค่ะเพราะเนื้อหาของเรื่องอยู่ในดินแดนอเมริกายุคที่ยังไม่เข้าสู่ยุคตื่นทองหรือสงครามกลางเมืองนะคะแต่จะเปลี่ยนสไตล์แบบไหน เราก็ยังคงเน้นแนวเดิมคือ พระเอกต้องบ้ารักนางเอกเท่านั้นนี้ล่ะสิ่งที่ฉันต้องการ
แม้ว่าชุดนี้อย่างที่บอกว่าเป็นชุดพิเศษที่มีนักเขียนทั้งหมดเจ็ดท่านเนื้อหาของนิยายก็ไม่เรียกว่าต่อเนื่องกันจนเรียกว่าเป็นเล่มต่อที่ต้องอ่านเล่มไหนก่อน คืออยากลองเล่มไหนก่อนก็ได้ตามความต้องการ ตัวละครเล่มอื่นอาจจะมีปรากฏตัวบ้างนะคะแต่ก็ไม่ได้มีบทบาทมากมายเท่าไร
นางเอกก็ยังคงเป็นสาวน้อยผู้บอบบางสวยราวกระเบื้องพอร์ซเลน เหมาะสมกับการเก็บไว้ตั้งโชว์เสียมากกว่าแต่ใครจะรู้ว่าแม่อดิเลีย หรือดีดี้ สาวน้อยอังกฤษจะแสนพยศและบู๊ล้างผลาญประหนึ่งชีลืมตัวไปว่าเป็นลูกสาวผู้ดีอังกฤษ ไม่ใช่ราชินักบู๊ประเภทมล.สุรีวัลย์ สุริยงหรือจารุณี สุขสวัสดิ์นะจ๊ะแม่คุณทูนหัว(เช็คอายุเหลือเกินนะเนี่ยเรา) แต่นี้ล่ะเสน่ห์แบบอดิเลีย หรือจะเธอจะรู้ว่าอนาคตต้องท่องไว้ว่า เป็นเมียพี่เจคต้องอดทน
แต่ถึงจะให้เธอเป็นสาวขาบู๊แค่ไหนอดิเลียก็ไม่ถึงขนาดนักรบอะแมซอนหญิงหรอกนะคะเพราะเธอก็ยังเติบโตมาจากการถูกเลี้ยงให้เป็นกุลสตรีที่เหมาะสมกับการเป็นภรรยาที่เชิดหน้าชูตาของสามีแม้ว่าเธอจะเกลียดประเพณีที่กักขังความคิด ความอ่านของผู้หญิง เหมือนเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่แต่เมื่ออดิเลียไม่ได้เกิดยุคเรา ต่อให้เธออยากแหกกรงขังทางสังคมสักเพียงใดเธอก็ยังต้องเป็นอดิเลีย จอหน์สัน สาวในศตวรรษที่สิบเก้าอยู่ดี และอีกประการสำคัญ ไม่ว่าอดิเลียจะเป็นเช่นไรเธอก็ยังแพ้ทางโคเผือกแก่อย่างพี่เจคที่หลอกกินเด็กสาวอยู่นั้นล่ะอันนี้ประเด็นสำคัญมากค่ะ
แต่สำหรับพี่เจคงานนี้เรียกว่าเป็นงานหนักเลยล่ะเพราะใครจะไปคิดว่าคนที่ไม่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะมาตกหลุมรักผู้หญิงสักคนกลับมาพลาดพลั้งหัวใจให้กับผู้หญิงที่รักไม่ได้ เพราะสาวเจ้าดันมีคู่หมั้นแล้วแต่นะความรักใครมันจะไปห้ามกันได้ อาการรักมันแน่นอก จะยกออกยังไงก็ไม่ได้จนเกิดอาการที่ฟีน่าแซวกันเลยว่า นี้มันโรคจิตชัดๆ ทั้งปีนต้นไม้แอบมองสาวเจ้าประหนึ่งว่าไม่ได้เห็นหน้าจะกินข้าวไม่ลง ต้องคอยตามตอแยเขาจนคนรอบข้างพระเอกทุกคนรู้ดีว่าแกหลงรักสาวงามชื่อว่าอดิเลียจนถอดใจไม่ได้แล้วแต่จะรักแค่ไหน เจคก็รู้ดีว่าหนทางระหว่างเขาและอดิเลียเป็นไปได้ยากหากแต่พระเจ้าที่เจคเคยคิดว่าหลงลืมเขาและลิขิตให้เขาต้องมาใช้ชีวิตบนเส้นทางที่เขาเกือบไม่รอดก็ยังทรงพระเมตตามอบความสมหวังให้เขาและอดิเลียบ้างแม้ว่ามันจะไม่ได้ราบรื่นหรือเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบที่ไร้หนามคอยทิ่มแทงแต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้ค้นพบกับคู่ชีวิตคู่วิญญาณที่พร้อมจะเคียงข้างเขาไปในทุกๆที่
อย่างน้อยชื่อคนเขียนก็ทำให้คนอ่านน่าจะพอวางใจได้ค่ะว่าถ้าต้องการเสพรสหวานคุณก็ได้รับ เพราะนี้คือรักแรกพบระหว่างเจคและอดิเลียที่เริ่มต้นมันคือความไม่ชอบหน้าของอดิเลียต่อชายปริศนาที่กลับทำให้เธอหัวใจสั่นไหวไม่ต่างไปจากอินเดียนแดงตาสีเขียวคู่นั้นบางอย่างที่ดึงดูดกันและกัน จนมันความรักที่ลึกซึ้งและพร้อมจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่ออีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เสียดายชีวิต
แม้เวลาที่ทั้งสองพบกันอาจจะไม่ยาวนานนักแต่มันก็สร้างความผูกพันระหว่างกันอย่างที่เราค่อยๆเห็นว่าทำไมผู้หญิงที่ค่อนข้างไว้ตัวแบบอดิเลียถึงได้มอบหัวใจกับเจคได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่เธอคือราชินีน้ำแข็งที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนนั่นก็คือความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงของเจค เขาอาจจะดูไม่น่าไว้วางใจในบางทีแต่เมื่ออดิเลียได้เริ่มรู้จักเขาละวางทิฐิและความไม่ชอบหน้าที่ยกขึ้นมาปกปิดหัวใจเธอก็รู้ในทันทีว่าเขาคือผู้ชายที่เธอจะฝากชีวิตได้
เหมือนกับที่เจครู้สึกว่าอดิเลียจะเป็นผู้หญิงที่เขารักจนตลอดชีวิตใช่แล้วที่เธอสวย สะดุดตาสะดุดใจชายทุกคนที่ได้มองเห็นเธอ แต่มีแต่เขานี้ล่ะที่เห็นตัวตนของอดิเลียผู้หญิงที่กล้าลุกขึ้นปกป้องคนที่ตนรักด้วยความกล้าหาญ ไม่กลัวเกรงแม้ความตายทั้งๆที่เธอหวาดกลัวต่อศัตรูแค่ไหนผู้หญิงที่มีร่างนักรบอยู่ความในความเป็นผู้หญิง
ใครที่กลัวว่าพอบอกว่าเป็นนิยายแนวย้อนยุคที่เราอาจจะไม่คุ้นเคย จะต้องมาทำความเข้าใจกับ รายละเอียดปลีกย่อย ไม่ต้องกลัวค่ะเพราะเสื้อผ้าหน้าผม ไม่ได้จัดเต็มจัดหนัก จนเป็นวิกิพีเดียมาเองเอาแค่พอให้เห็นภาพคร่าวๆเท่านั้นเองแต่ก็มีส่วนที่ทำให้เราได้รู้ได้เห็นอะไรใหม่ๆบางอย่างที่ฟีน่าก็ไม่เคยรู้มาก่อนอย่างเช่นแหวนหมั้นของนางเอก หรือขนบธรรมเนียมอะไรประหลาดๆ ที่เราอ่านแล้วก็แบบว่าคิดกันไปได้
หรือแม้แต่เนื้อหาความหนักของความระทมของคนชนเผ่าก็เล่าให้เราเห็นภาพว่าในสภาพสังคมสมัยนั้นคนที่เป็นพวกผิวสีทั้งหลายไม่ว่าจะสีอะไร ต่างก็ถูกมองเป็นพลเมืองชนสองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเดียนแดงหรือคนจีนที่มาสร้างทางรถไฟในสมัยนั้น ก็ได้รับการปฏิบัติแบบคนที่เหมือนไม่ใช่คนไม่ได้ลงลึกหรือขมขื่นจนเหมือนกับเรานั่งดูสารคดีนะคะเอาแค่พอให้ได้รสชาติว่าทำไมคนชนเผ่าต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนกำเนิดของตัวเองทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิดหนึ่งความผิดเดียวของเขาคือไม่ใช่คนผิวขาวก็เท่านั้นแต่ใช่ว่าคนผิวขาวด้วยกันเองจะไม่ถูกรังแก มันก็เหมือนการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทำไมมนุษย์เราถึงไม่เคยมองคนที่ต่างด้วยคำว่าเท่าเทียมกัน คนที่คุณบอกว่าเขาต่ำต้อยกว่าแท้จริงเขากำลังก่อร่างสร้างชาติให้คุณเหมือนคนจีนที่สร้างอเมริกาด้วยทางรถไฟที่คุณแสนภูมิใจจึงไม่ต้องกลัวความหนักของเนื้อหาค่ะ
แล้วเรื่องนี้ทำให้เราเห็นอะไรล่ะสิ่งแรกเลยเหมือนที่ฟีน่าบอกไว้ข้างบน ทุกคนล้วนแต่เป็นมนุษย์เหมือนกันเจคเป็นชายหนุ่มผิวขาวที่น่าจะเป็นที่รังเกียจของคนอินเดียนแดงแต่ทำไมเขากลับได้รับการยอมรับล่ะเพราะเขาให้ใจกับคนอินเดียนแดงตอบแทนในมิตรไมตรีที่เขาได้รับเสมอมาจนเขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนผิวขาวสักเท่าไร แต่เขาคืออินเดียนแดงคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อรักษาความเป็นอินเดียนแดงเอาไว้ให้ได้ นางเอกก็เช่นกัน เธอไม่ได้รับการยอมรับง่ายดายหากแต่หัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเธอก็ทำให้เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดนี้เช่นกันมันไม่เกี่ยวว่าคุณเป็นใคร หากคุณมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่คุณก็คือวีรบุรุษเป็นเพื่อนตายที่ยอมแลกได้ทุกอย่าง และเม้นท์ฮาๆ แกมแซวเล็กน้อยใครที่ติดตามอ่านเฟซพี่ทอฟฟี่จะรู้เลยว่าเธอประหนึ่งเป็นแฟนต้ายุวทูตของประเทศอินเดีย เรื่องนี้ก็ยังไม่พ้นอินเดียอดิเลียเกิดในอินเดีย แถมมีคนสนิทเป็นสาวอินเดียเรียกว่าประทับตรารับรองว่าของจริง นี้ล่ะชญาน์พิมพ์อะไรแบบนั้น
ในส่วนของเม้นท์อย่างแท้จริงบางล่ะความที่ฟีน่าได้อ่านงานเรื่องบนไฟล์งานไม่ใช่เล่มจริง จึงต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าในส่วนเม้นท์บางประการอาจจะไม่เหมือนกับในเล่มจริงนะคะ
ข้อแรก คำผิด อาจจะไม่ค่อยเห็นสักเท่าไรแต่คำหนึ่งที่ต้องขอพูดถึงเลยก็คือคำว่า ระเหิดเป็นควัน คำนี้ใช้ผิดนะคะ เพราะว่าในรูปของการระเหิดนั้นหมายถึงของแข็งที่กลายเป็นไอหรือก๊าซเลย โดยไม่เปลี่ยนเป็นของเหลวก่อนอย่างเช่นการบูร ลูกเหม็น ที่จะใช้ระเหิดแทนระเหยไม่ใช่น้ำแข็งที่แปรสสารจากของแข็งกลายเป็นของเหลว จึงเรียกว่าระเหยแล้วระเหิดนั้นจะไม่ใช่กับคำว่าเป็นควัน แต่จะใช้กับคำว่าระเหิดเป็นไอหรือระเหิดหายไปน่าจะถูกต้องกว่า
การตัดคำอันนี้ฟีน่าไม่แน่ใจจริงๆในตัวเล่ม แต่เท่าที่อ่านในไฟล์งานการตัดคำชื่อคนมักจะมีปัญหาที่สุด อาทิเช่น คำว่าจอห์นสัน จอห์นอยู่อีกบรรทัดสันอยู่อีกบรรทัดหนึ่ง คยาตีนี้เป็นชื่อคนที่ต้องให้อยู่ด้วยกันก็แยกกันอยู่อีกเช่นกันต้องตัดคำให้ระวังขึ้นหน่อยนะคะ เพราะมันเสียอรรถรสในการอ่านไม่น้อย
หากภาพรวมทั้งหมดของการอ่านเรื่องนี้ฟีน่าชอบค่ะ สนุกดี ได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมมาด้วย และยังคงโรแมนติค อ่อนหวานลุ้นว่าอะไรจะทำให้อดิเลียกับเจคลงเอยกันได้ท่ามกลางอุปสรรคทั้งมวลคู่หมั้นที่น่ารังเกียจของนางเอก ความอยู่รอดและการต่อสู้เพื่อคนอินเดียนแดง ทางออกของความรักที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยแต่ท้ายที่สุดมันก็มีหนทาง ที่เมื่อฟีน่าอ่านจบแล้วชอบมากกับตอนจบแบบนี้มันให้ความรู้สึกที่เรียกว่า ใช่แล้ว ฉันบอกตัวเองได้ว่านี้ล่ะการจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจริงๆนะเราได้รู้เรื่องของสองคนนี้ด้วยคำพูดไม่กี่คำพูดแต่มันอธิบายทุกอย่างได้เป็นร้อยๆคำว่าเขาสองคนต้องผ่านอะไรมาบ้างทุกข์ สุขสักเพียงใด บนหนทางที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เพื่อให้ทุกคนต้องรอด
และเพื่อให้คนอ่านได้รู้สึกอินกับตอนนี้มากขึ้นนะคะฟีน่าขอแนะนำให้ลองดูสารคดีตัวนี้ดูค่ะ ฟีน่าได้ดูแล้วรู้สึกประหลาดใจมากเพราะเนือหาของสารคดี ทำให้เราเห็นภาพของตอนพี่เจคได้ชัดเจนมากขึ้นทั้งการพูดถึงการสร้างรางรถไฟ และสภาพสังคมของเรื่องนี้ ใครจินตนาการไม่ออกลองทัศนาได้นะคะ