จุดเปลี่ยน # บทที่ 14 ซ.ต.พ.ซึ่งต้องพิสูจน์
บทที่ 14 ซ.ต.พ. ซึ่งต้องพิสูจน์ ผมไปพบคุณหมอที่จะทำการรักษาผมตามนัดหมาย คุณหมอท่านนี้เป็นคนหมอที่เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกของโรงพยาบาล มีคนไข้รอเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมากถึงแม้ผมจะได้นัดไว้ล่วงหน้าแล้วก็ยังต้องรอเป็นเวลานาน คุณหมอแจ้งให้ทราบว่าเพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำตัวอย่างชิ้นเนื้อไปวิเคราะห์ว่าเป็นเนื้องอกชนิดใด เพื่อให้เคมีบำบัดได้อย่างเหมาะสมในขั้นต่อไป ผมนอนโรงพยาบาลเพื่อรอการผ่าตัด คุณหมอที่ทำการผ่าตัดได้แนะนำผมว่าน่าจะลองใช้วิธีการเจาะเพื่อดูดเนื้อเยื่อขึ้นมาเป็นตัวอย่างวิเคราะห์ดูก่อน ถ้าสามารถตรวจวิเคราะห์ได้จะได้ไม่ต้องทำการผ่าตัดและสามารถลดความบอบช้ำของร่างกายด้วย แต่อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ก็มีโอกาสที่ไม่สามารถตรวจวิเคราะห์ผลของเนื้อเยื่อได้ เพราะอาจได้จำนวนตัวอย่างที่น้อยเกินไป ผมก็เห็นด้วยที่จะเลือกวิธีที่จะเจาะพิสูจน์ก่อนเพราะเป็นวิธีที่จะถนอมตัวมากกว่า วันรุ่งขึ้นคุณหมออีกท่านหนึ่งก็มาเป็นผู้ดูดเนื้อเยื่อ คุณหมอใช้เข็มฉีดยาที่มีขนาดยาวกว่าเข็มฉีดยาทั่วไป แทงเข้าไปบริเวณหน้าอกผมแล้วดูดเอาเนื้อเยื่อออกมา ตอนที่คุณหมอแทงเข็มนั้นผมเองก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองเพราะมีผ้าปิดตาไว้แต่รู้สึกได้จากแรงกดเข็มจากมือหมอ เมื่อเสร็จสิ้นการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ ผมก็สามารถกลับบ้านได้เลยโดยมีนัดให้มาฟังผลอีก 1 สัปดาห์ ช่วงเวลานี้ผมยังคงไปทำงานตามปรกติ พร้อมทั้งถ่ายทอดวิชาความรู้ ประสบการณ์ทำงานและภาระหน้าที่แก่เพื่อนร่วมงาน และตั้งตารอฟังผลเนื้อจากคุณหมอว่าจะเป็นอย่างไร ผมไปฟังผลเนื้อเยื่อโดยมีเพื่อนร่วมงานไปให้กำลังใจและไปลุ้นกับผลการตรวจ คุณหมอแจ้งผลว่าเนื้อเยื่อที่เจาะไปนั้นไม่สามารถวิเคราะห์ถึงชนิดของเซลล์ได้ จะต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่ง ก็เป็นอันว่ายังต้องพิสูจน์กันต่อ ผมนัดหมายกับทางโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเข้ารับการผ่าตัด ในชีวิตผมเคยเข้ารับการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งตอนประสบอุบัติเหตุ จะแตกต่างกันก็คือตอนนี้ผมมีการเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ก่อนการผ่าตัดมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาสอนวิธีการหายใจเพราะหลังการผ่าตัดอาจมีการบาดเจ็บที่ปอดซึ่งจะทำให้หายใจไม่ถนัดหรืออาจจะมีการเจ็บหน้าอก จึงให้ฝึกการหายใจด้วยท้องคือเวลาหายใจเข้าให้ทำท้องป่องเก็บลมไว้ เมื่อหายใจออกก็ให้หน้าท้องแฟบก็จะช่วยลดแรงที่ปอดได้ แล้วก็ได้เวลาขึ้นเขียงเข้าห้องผ่าตัด ก็ปรากฎข้อความขึ้นที่โทรศัพท์มือถือผมเป็นข้อความให้กำลังใจซึ่งมาได้ทันเวลาพอดีอย่างเหมาะเจาะ บุรุษพยาบาลเข็นผมเข้าห้องผ่าตัดจากนั้นคุณหมอวิสัญญี ก็เริ่มวางยาสลบ ผมก็หลับไปมาฟื้นตัวอีกที ที่ห้องพัก ไอซียู และมีสายระโยงระยางเต็มตัวผมไปหมด ผมรู้สึกว่าตนเองยังแข็งแรงดีอยู่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่าที่จะกลับมาได้เลยในวันนั้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพื่อจะต้องได้รับอนุญาตจากคุณหมอก่อนซึ่งผมต้องพักฟื้นต่ออีก 2 คืน ผมกลับมารอฟังผลอีกครั้งหนึ่งโดยมีนัดหมายในการฟังผลอีก 5 วัน แต่เมื่อถึงเวลาก็ปรากฎว่าผลยังไม่ออกคุณหมอก็แจ้งว่าถ้าทราบผลการวิเคราะห์แล้วจะโทรแจ้งผลทราบซึ่งคงไม่น่าเกิน 3 วัน แต่แล้ว 3 วัน ก็ผ่านไปผมก็ยังไม่ทราบผล ผมเริ่มเป็นกังวลใจเพราะแรกเริ่มนั้นมีการคุยกันว่าจะต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วนแต่นี้ในขั้นตอนของการพิสูจน์ก็ใช้เวลาเนิ่นนานเหลือเกิน ผมโทรติดต่อสอบถามผลกับทางโรงพยาบาลเป็นระยะ ๆ ก็ยังไม่ทราบผล และไม่เพียงแต่ผมที่รอฟังผลอยู่ตอนนี้ทุก ๆ คน ก็ต่างรอฟังผลอยู่เช่นกันและเฝ้าสอบถามติดตามผลกับผมอยู่อย่างต่อเนื่องทำเอาผมรู้สึกกดดันอึดอัดใจมากขึ้นไปอีก จึงต้องโทรเร่งรัดกับทางโรงพยาบาลอีก จนคุณหมอก็ได้โทรมาแจ้งว่าได้ทราบผลการวิเคราะห์แล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้คือเป็นเซลล์ที่เรียกว่า เจิมเซลล์ ก็เริ่มรักษากันได้
|
|
|
|
|
|
Create Date : 12 กรกฎาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 1 กรกฎาคม 2551 20:41:13 น. |
Counter : 941 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
ถั่วแปบคลุกมะพร้าวอ่อนโรยงาดำ
|
|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|