พอวนครบรอบแพก็ลากเราไปผูกไว้ที่หาดน้ำตื้น ให้เราสามารถลงเล่นน้ำได้ ไม่รอช้าทุกคนก็ค่อยๆ กระโดดลงกันอย่างสนุกสนาน ทริปนี้เรามีน้องแพรวาไปด้วย ถึงแม้จะเป็นเด็กคนเดียวในทริป แต่น้องก็น่ารักไม่ร้องแถมยังเล่นกับพวกเราอย่างสนุกสนานอีกต่างหาก
เล่นน้ำกันได้สักพักใหญ่ๆ เริ่มมืดก็ต้องทยอยขึ้นมาเพื่อเริ่มทำอาหารเย็น บนแพมีตะเกียงแก๊สให้สองอัน ทำให้ลำบากตอนทำอาหารอยู่พอสมควรเพราะไฟไม่สว่าง แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่งดีเหมือนกัน
โดยเฉพาะสองหนุ่ม นอกจากรับหน้าที่ล้างกุ้งและปลาหมึกแล้ว ต้องรับผิดชอบย่างกุ้งอีกด้วย ซึ่งก็เป็นไปด้วยความลำบากเพราะต้องย่างแบบไร้ไฟ ทำให้ดูยากว่ากุ้งสุกหรือไม่สุกกันแน่
ช่างแตกต่างกับสองหนุ่มนี่อย่างฟ้ากับเหว เลยโดยแซวว่า ท่านเจ้าคุณ เพราะมาถึงก็เริ่มเมากันเลย บรรยากาศดีเสียนี่กระไรยามค่ำคืนจิบเบียร์เย็นๆ
พวกเราใช้เวลาทำอาหารกันนานพอสมควรเพราะมองไม่ค่อยเห็น สุดท้ายก็เป็นที่สำเร็จออกมาอย่างที่เห็น กับข้าวเยอะมาก ยังกับจะไปไหว้เจ้า กินกันไป ย่างกันไป ช่วงเวลากินเป็นช่วงเวลาเดียวที่กลุ่มเราเงียบมาก สังเกตุได้จากเจ้าเบ๊นซ์
หันไปมองแพอื่นกันบ้าง มีเสียงกีต้าร์คลอเบาๆ ได้แสงตะเกียง ตรงที่เราผูกแพ ไม่มีแพไหนใช้ไฟฟ้าเลยสักแพ เลยทำให้บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ นานๆ ได้ออกไปต่างจังหวัดสักที ทำให้รู้สึกเงียบสบายดีจัง และไม่นานนักกิจกรรมที่ต้องมีทุกครั้งยามดึกก็เกิดขึ้น
เล่นกันได้สักพักชักหนาว ก็เริ่มเปลี่ยนแนวมาเล่าเรื่องสยองขวัญ จนสุดท้ายก็เผ่นนอนกันหมด เก็บแรงไว้เที่ยววันพรุ่งนี้ต่อ ...