RATCHABURI :: คลายร้อน ณ น้ำตกเก้าโจร กะเดอะแก๊งค์ ณ เมืองโอ่ง
ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พวกเราชาวเดอะแก๊งค์แห่งบีพี ได้มาบุกเมืองราชบุรีอีกครั้ง คราวนี้เจ้าบ้านแห่งเมืองราชบุรีเลยพาไปแอ๋วน้ำตกเก้าโจร ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของเจ้าเหมือนกัน ไม่ไกลไปกลับไม่เกินร้อยโลเอง อิอิ พวกเราออกสตาร์ทจากอำเภอโพธาราม ขับรถเข้าเมืองจากนั้นใช้เส้นทางสวนผึ้ง พอเจอแยกรีสอร์ท์ใหญ่ๆ ก็ให้ไปทางไปเซนารี่แล้วเลยไปอีกก็จะพบกับน้ำตกเก้าโจร เอาล่ะมาดูกันว่าน้ำตกเก้าโจรนั้นจะเป็นอย่างไร ตามไปเลยค่ะ พอมาถึงก็เสียค่าผ่านทาง 20 บาท เจอคนขับ (น้าเหี่ยว) ถามน้องว่า "มีน้ำเปล่า" เด็กเก็บเงินบอกว่า "มีขับ" น้าเหี่ยวถามต่ออีกว่า "ขวดเท่าไหร่" ทำเอาเด็กเก็บเงินงงกะมุขน้าเหี่ยวเลย เหอๆๆ รีบไปดีกว่าเดี๋ยวเจอเด็กตบ อิอิ พอจอดรถเสร็จสรรพก็ขนเสบียง ม้าเร็วของเราก็ไปหาข่าวแล้วกลับมาบอกว่า "เดินไม่ไกลแค่สองร้อยเมตรเอง" เออใกล้ดีอ่ะ ระหว่างทางเดินไปน้ำตกก็มีร้านค้าขายอาหารเพียบเรียกว่ามาแต่ตัวก็ได้มาหาอะไรทานกันข้างหน้าสบายๆ ไก่ย่างงี้หอมชวนหิวเลยอ่ะ จากนั้นพวกเราก็เดินไปตามทางที่เรื่อยๆ จนมาเจอกับสะพานยอดฮิต ที่ใครๆ มาต้องมาถ่ายกับสะพานนี้แหละ เค้าทำดีอ่ะมาปุ๊บก็ถึงสะพานก่อนเลย ไม่ต้องเดินเหนื่อยดีอ่ะ
ใครไม่ถ่ายไม่รู้ล่ะ เวย์นี้ จขบ. ขอเก็บรูปก่อน อิอิ เดี๋ยวพลาดเดินกลับมาแล้วไม่ได้ถ่ายอ่ะ แบบว่าเหนื่อยแล้วอ่ะไม่ถ่ายล่ะ ประมาณนั้น พอถ่ายรูปกันเสร็จสรรพก็หันไปเห็นป้ายหินแผ่นหนึ่ง ที่ทุกคนตั้งใจอ่านกันอย่างจริงจัง อ่านข้อมูลที่บันทึกลงบนแผ่นหินแล้วอยากจะเป็นลม
เส้นทางประมาณ 4,800 เมตร เดินเท้าเกือบสี่ชั่วโมง โอ้ว .. แม่เจ้า เดินไปเดินกลับ แปดชั่วโมงเลยนะนี่ เอาล่ะตรู .. ลูกทัวร์ถึงกับอึ้ง เอาไงกันดี เอาวะไหนๆ ก็มาแล้ว ป้ายก่อนหน้านี้เค้าบอกว่าเดินไปน้ำตกชั้นสามถึงชั้นเก้าก็สวยแล้ว เอาวะมาแล้วนี่เดินไปดูหน่อยก็แล้วกัน
นี่เป็นน้ำตกชั้นอนุบาล ที่มีคนเยอะพอสมควร บ้างก็เล่นน้ำ บ้างก็นั่งทานข้าวกัน ดูเหมือนไม่ค่อยลึกแต่ขอบอกว่าลึกเอาเรื่องเชียวล่ะ จำได้ว่ามีคนขึ้นบนต้นไม้แล้วก็กระโดดลงมากันอย่างสนุกสนาน เห็นแล้วก็หวาดเสียวเหอะ พวกเราหันซ้ายมองขวายังไม่โดนไปกันต่อดีกว่า ระหว่างทางก็จะพบกับแผ่นหินจารึกเรื่องราวความเป็นมาของหินบริเวณน้ำตกแห่งนี้ อารมณ์เหมือนมาสำรวจเส้นทางธรรมชาติอ่ะ ขอบอกว่าร้อนมาก หากมาที่นี่เตรียมหมวกหรือร่มมาด้วยก็ดีนะคะ เอาล่ะพวกเราเดินจนมาถึงน้ำตกชั้นที่ 1 แล้วววว ซึ่งพวกเราจะยึดเป็นฐานที่ตั้งนั่งเล่นน้ำแล้วล่ะ แล้วแต่ละคนก็หาทำเลดีๆ นั่งแช่เท้ากันเย็นสบาย มีปลามาตอดด้วยยังกะสปาปลาเลยอ่ะ แต่มาทั้งทีจะมาเล่นน้ำแค่นี้ดูจะไม่ใช่ขาลุยอย่าง จขบ. เอ้ยมาแล้วขอขึ้นไปดูอีกหน่อยแล้วกัน งานนี้เลยมีขาลุยอีกสามคนที่จะเดินขึ้นไปสำรวจด้านบนต่อ ที่เหลือก็นั่งเล่นชิวๆ กันตรงนี้แหละ โอ้ว.. นี่แห่งหินเพลิงเหรอเนี่ย ไมมีแต่หินฟ่ะ ทางเดินก็แทบจะปีนแล้วอ่ะ ไหนฟ่ะน้ำตกเค้าบอกว่าอีก 200 เมตร นี่มันกิโลแม้วเปล่าวะเนี่ย ไกลจังอ่ะยังไม่ถึงชั้นที่สามเลยอ่ะ พวกเราก็เดินลัดเลาะตามโขดหินไปเรื่อยๆ จนมาถึงป้ายน้ำตกชั้นที่ 3 ทำเอาขาตรูสั่นเลย ไม่ได้ฟิตแอนด์เฟริม์ก่อนมาเดินลุยด้วย เอาล่ะไปดูกันที่เค้าบอกว่าสวยมันจะแค่ไหนกันเชียว แต่รู้สึกว่า ถ้าเป็นตำรวจมาตามหาโจรที่น้ำตกนี่ แค่ชั้นสามตรูก็ไม่ตามแระ ปล่อยให้มันอยู่ในนี่แหละ ไกลเกิ๊น
เดินมาตั้งไกล ไหนฟ่ะความสวย หรือว่าเรามาผิดหน้าไม่ใช่หน้าน้ำของเค้าหว่า จะว่าไปน้ำก็ใสอยู่นะแต่มันก็ดำจนหน้ากลัวว่ามันลึกเปล่าหว่า พอถ่ายรูปกับน้องขอนเสร็จพวกเราก็ตัดสินใจเดินกลับดีกว่า เพราะหนทางข้างหน้าดูแล้วจะลำบากเกิ๊น นี่เค้าให้เรามาเดินสำรวจธรรมชาติแบ่งซึมซับหรือไงฟ่ะเนี่ย ทางงี้เลือนลางเชี๊ยะว่าจะไปทางไหน ตามตำนานของน้ำตกแห่งนี้เค้ามีประวัติความเป็นมาว่า "เดิมที่รู้จักน้ำตกแห่งนี้เฉพาะกลุ่มชาวกระเหรี่ยง ซึ่งเป็นชนพื้นบ้านที่นี่ ต่อมาได้มีบริษัทของชาวต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานพื้นที่ตอนล่างของน้ำตกเพื่อทำเหมืองแร่ เมื่อประมาณปี พ.ศ 2484 เรียกกันติดปากในกลุ่มชาวกระเหรี่ยงว่า "เหมืองนายห้างฝรั่ง" ต่อมาเมื่อหมดสัมปทานก็มีบริษัทคนไทยเข้ามารับสัมปทานแทน จนหมดสัมปทานเมื่อปี พ.ศ. 2523 หลังจากนั้น อำเภอสวนผึ้งก็พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาจนปัจจุบัน" ตามตำนานของน้ำตกแห่งนี้เค้ามีประวัติความเป็นมาว่า "เดิมที่รู้จักน้ำตกแห่งนี้เฉพาะกลุ่มชาวกระเหรี่ยง ซึ่งเป็นชนพื้นบ้านที่นี่ ต่อมาได้มีบริษัทของชาวต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานพื้นที่ตอนล่างของน้ำตกเพื่อทำเหมืองแร่ เมื่อประมาณปี พ.ศ 2484 เรียกกันติดปากในกลุ่มชาวกระเหรี่ยงว่า "เหมืองนายห้างฝรั่ง" ต่อมาเมื่อหมดสัมปทานก็มีบริษัทคนไทยเข้ามารับสัมปทานแทน จนหมดสัมปทานเมื่อปี พ.ศ. 2523 หลังจากนั้น อำเภอสวนผึ้งก็พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาจนปัจจุบัน"
ส่วนน้ำตกเก้าโจนนั้นตามตำนานเล่าว่า มาจากคำว่า "เก้ากระโจน" ซึ่งอาจเป็นเพราะน้ำตกมีจำนวนเก้าชั้น ซึ่งแต่ละชั้นไม่ไกลเกินไปนัก จึงเปรียบเทียบกับคำว่ากระโจนเพียงเก้าครั้ง ต่อมาเมื่อนักท่องเที่ยวรู้จักมากขึ้น เกิดการเข้าใจผิดทางความหมายและตัวสะกด จึงกลายเป็น "เก้าโจร" ฟังดูแล้วเหมือนกับแหล่งซ่องสุมของโจรแลดูน่าสะพึงกลัวสำหรับนัำท่องเที่ยว จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "น้ำตกเก้าชั้น" แทน
ไม่อยากจะบอกว่าใครบอกฟ่ะว่า "แค่เก้ากระโจน" กระโจนแต่ละชั้นขนาดนี้ไม่ไหวนะ ต้องกระโจนไกลเกิ๊นอ่ะ ไอ้เราก็ไม่รู้ประวัติก็นึกว่าที่ช่องสุ่มโจรแน่ๆ เลยดูจากลักษณะภูมิประเทศแล้วขอบอกว่า "ใช่เลย" เอาล่ะ อำลากันไปด้วยภาพสวยๆ จากน้ำตกเก้าโจร ที่ไปได้แค่สามชั้นก็ขาดใจแระ "ยาดมอยู่ไหนฟ่ะ" เดินมาหาเพื่อนๆ ที่นั่งเล่นกันอยู่ข้างล่าง ไม่อยากจะบอกว่า "ไม่เดินไปนะดีแระ เหนื่อยอิบอาย"
จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับ โชคดีชะมัดที่ตอนนี้ฝนกำลังตั้งเค้ารอตกเลยอ่ะ ดีนะที่พวกเราเดินออกมาเสียก่อนไม่งั้นมีหวังเปียกปอนเชียว พอออกจากน้ำตกได้ก็วิ่งตรงไปอำเภอจอมบึงเลยล่ะ เพราะเรามีนัดกับสมาชิกคนสุดท้ายที่เดินทางตามมา จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือ "ถ้ำค้างคาวร้อยล้าน" ไว้มาต่อตอนหน้านะคะ
Photo and Story By Patthanid C. www.patthanid.bloggang.com Facebook : Patthanid FC
Create Date : 25 เมษายน 2555 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2556 22:09:41 น. |
|
5 comments
|
Counter : 2616 Pageviews. |
|
|
|