KANCHANABURI :: เที่ยวบ้านมอญนอนแพจังเกิ้ลราฟท์
ตอนที่แล้วเล่าถึงการเดินทางมาพักที่ จังเกิ้ลราฟท์รีสอร์ท กันแล้ว ตอนนี้เราจะไปพาเพื่อนๆ ทุกท่านไปสัมผัสวัฒนธรรมของชุมชนชาวมอญกันค่ะ โดยมีไกด์ท้องถิ่นผู้ใจดี คุณบี๋ (ผู้จัดการรีสอร์ทจังเกิ้ลราฟท์) อาสาพาพวกเราเดินเที่ยวบ้านมอญค่ะ
จากรีสอร์ทเดินมาตามทางที่กำหนดไว้ขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกันทางเข้าหมู่บ้านมอญ คุณบี๋เล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนชุมชนมอญอาศัยอยู่ที่แม่น้ำไทรโยคใหญ่ แต่ต่อมาพอแพย้ายมาอยู่ไทรโยคน้อยก็อพยพถิ่นฐานตามมาตั้งรกรากอยู่ที่แม่น้ำแควน้อยแห่งนี้ จนเกิดเป็นชุมชนมอญ
บ้านชุมชนชาวมอญ อยู่กันอย่างเรียบง่าย ภายในหมู่บ้านมอญแห่งนี้ประกอบไปด้วย บ้าน โรงเรียน ที่เลี้ยงช้าง สนามฟุตบอล และวัด เรียกว่าครบเลยล่ะ
รายได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการทำงานในรีสอร์ทจังเกิ้ลราฟท์ และการขายของที่ระลึกเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากพม่า ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย เอาล่ะเราไปดูที่เลี้ยงช้างกันต่อเลยค่ะ
ช้างที่นี่มีอยู่สามเชือกเห็นจะได้ ใช่ว่าพวกมันจะอยู่เฉยๆ เดินไปเดินมานะ พวกมันมีหน้าที่ดูแลแขกนักท่องเที่ยวด้วยการพาเดินชมนกชมไม้ล่ะ น่ารักซะไม่มีอ่ะ
ถัดจากศูนย์เลี้ยงช้างก็จะเจอกันอาคารของที่ระลึก อาคารออกจะมืดหน่อย แต่ที่นี่จำหน่ายงานศิลปะเช่น หุ่น ข้าวของเครื่องใช้งานไม้ต่างๆ พวกเราเดินได้ไม่นานนักก็เดินออกกันมา แล้วเดินไปยังโรงเรียนมอญ
ที่นี่มีเด็กไม่กี่คนส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กลูกหลานชาวมอญแห่งนี้ เรียนภาษาไทยและภาษามอญ จากนั้นคุณบี๋พาเราเดินลัดเลาะไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอสนามฟุตบอลประจำหมู่บ้าน
หญ้างี้เตียนเชียวล่ะ เพราะมีเครื่องตัดหญ้าชั้นดีเล็มหญ้ากันชนิดที่ว่าโตไม่ทันกันเลยทีเดียว จากนั้นเดินมาอีกหน่อยก็เจอวัดมอญ ที่ดูยังไงก็ไม่เห็นจะเหมือนวัดเอาเสียเลย
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง และพระพุทธรูปที่ดูลักษณะน่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก จากนั้นเดินไปอีกหน่อยก็เจอเจดีย์ชเวดากองจำลอง
ทำซะเหมือนเชียว คุณบี๋เล่าว่าคนสร้างเจดีย์แห่งนี้เป็นคนเดียวกับที่สร้างเจดีย์หลวงพ่ออุตะมะล่ะ จากนั้นคุณบี๋ก็พาพวกเราเดินกลับรีสอร์ท
งานนี้ต้องขอบคุณคุณบี๋ที่เสียสละมาเป็นไกด์พาเราเที่ยวหมู่บ้านมอญนะคะ เอาล่ะกลับมาที่พักด้วยความที่พวกเราอยู่ห้องต้นแพ มุมดีเชียว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียดายที่อาคุงนายแม่ไม่กล้าเล่นน้ำ ไม่งั้นล่ะก็จะไปโดดน้ำแข่งฝรั่งแล้ววว อิอิ
สุดท้ายเลยมานอนเปลเล่นชิวๆ รอเวลาหนึ่งทุ่มเพื่อทานอาหารเย็น แหม.. พอนอนแล้วแทบไม่อยากลุกเลย ช่วงเย็นอากาศเย็นมากเหอะ มิน่าล่ะที่นี่ถึงไม่ต้องติดแอร์ ก็เล่นเย็นซะจนไม่อยากอาบน้ำขนาดนี้ เอาล่ะไปทานอาหารเย็นกันดีกว่า
อาหารมื้อค่ำของพวกเราสุดแสนจะโรแมนติก เพราะด้วยความที่ไม่มีไฟฟ้า ความสว่างภายในห้องอาหารจึงได้มาจากแสงตะเกียงล่ะ มิน่าล่ะทำไมชาวต่างชาติถึงชอบรีสอร์ทแห่งนี้
หมูทอดกระเทียม
ผัดผักรวมมิตร
ผัดบวบ
ผัดกระเพรา
แกงเทโพ ส่วนอาหารก็ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา เพราะรสชาติอร่อยทีเดียว เรียกว่าถูกอกถูกใจชาวต่างชาติเค้าล่ะ พนักงานเสิรฟ์ที่นี่เป็นลูกหลานชาวมอญนี่แหละ คุณบี๋เล่าว่าเด็กมอญพวกนี้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เขียนไม่ได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าสปีคกันเป็นไฟเลย
พอทานอาหารค่ำกันเสร็จ ก็ได้เวลาไปชมระบำมอญกันแล้วล่ะ ค่าเข้าชมท่านละ ๑๐๐ บาท ใช้เวลาแสดงประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าๆ แหม.. เราก็เพิ่งดูระบำมอญเป็นครั้งแรก ต้องบอกว่าท่วงท่าทำนองและดนตรีเร็วมากๆ ดูแปลกตาดีจัง ช่างภาพชัตเตอร์กันระรัวเลยทีเดียว ก่อนที่จะราตรีสวัสดิ์เข้านอนไปพร้อมๆ กับบรรยากาศติดแอร์ทั้งขุนเขา ขอบอกว่าเย็นมากมาย ดันลืมเอาเสื้อหนาวมาเสียด้วย งานเข้าเลยเรา
เช้าวันใหม่ตื่นเร็วข้างนอกหมอกลงเยอะเลย คุงนายแม่เรียกแต่เช้าเลย ว้าว.. หมอกลงสวยเชียว อากาศงี้เย็นยังกะอยู่ทางเหนือเลยล่ะ นานๆ ได้สูดอากาศเย็นๆ มันชื่นใจสบายปอดจริงๆ เดินชมวิวได้สักพักชักหิวไปทานอาหารเช้าเลยดีกว่า
อาหารเช้าก็เป็นแบบอเมริกัน อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะล่ะ แล้วก็ตบท้ายด้วยผลไม้สับปะรดหวานอร่อย พอทานเสร็จแล้วก็ง่วงขึ้นมาเชียว ก็นะนานๆ จะได้มาพักผ่อนจริงๆ สักที ไม่งั้นล่ะไม่มีวางจากหน้าคอมหรอก เหอๆ สำหรับวันนี้พวกเรานัดเรือมารับสิบโมงเช้า เพราะว่าจะไปเที่ยวกันต่อตามสถานที่ต่างๆ ของเมืองกาญจนบุรีล่ะ เอาล่ะได้เวลาอำลารีสอร์ทสุดยอดผจญภัยแห่งนี้กันแล้วค่ะ
Photo and Story By Patthanid C. www.patthanid.bloggang.com Facebook : Patthanidfc
Create Date : 04 ตุลาคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 0:28:32 น. |
Counter : 5081 Pageviews. |
|
|
|