KANCHANABURI :: ด่านเจดีย์สามองค์ VS เจดีย์พุทธคยา ได้มาแล้วนะสังขละ
จากตอนที่แล้ว "คุณปู่จามจุรีนอนพรไพลินริเวอร์ไซต์" เช้าวันใหม่วันที่สองของการเดินทาง จขบ. ตื่นมาประมาณแปดโมงเช้าที่รีสอร์ทมีอาหารเช้าให้ทาน ก็ใช้ได้อยู่นะมีให้เลือกหลายอย่าง แต่ต้องขออภัยไม่สามารถลงรูปได้รูปดันหายไปช่วงหนึ่งซะงั้นอ่ะ เช้าวันนี้อากาศก็ยังอื้มครึ้มเหมือนเดิม ประหนึ่งว่ามาที่นี่เรื่องฝนเป็นเรื่องปกติ พอทานอาหารเสร็จพวกเราก็นั่งอยู่ที่พักรอฝนหยุด รอจนจะเที่ยงแล้วมันก็ไม่หยุด อยู่ไม่ได้แล้วเราไปเที่ยวมันทั้งฝนเนี่ยแหละ โดยเลือกสถานที่ไกลสุดก่อนนั่นคือ "ด่านเจดีย์สามองค์"
บริเวณที่จอดรถมีขายซิตี้ทัวร์ด้วยล่ะ น่าจะต้องข้ามฝั่งเข้าชายแดนพม่าไป พอเดินเข้ามาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ "ด่านเจดีย์สามองค์" ในความเข้าใจของ จขบ. เจดีย์จะต้องยิ่งใหญ่มากแลดูอลังการ
พอเห็นเจดีย์ถึงกับอึ้ง เนี่ยอ่ะนะด่านเจดีย์สามองค์ที่ใครๆ พูดถึงกัน เจดีย์องค์เล็กไปไหมซึ่งตอนแรก จขบ.เข้าใจว่านี่เป็นเจดีย์จำลองเสียอีก เพื่อนบอกเนี่ยแหละเจดีย์สามองค์ที่เราจะมาดูกัน อุ๊ตะ .. ใหญ่มากจนตะลึงกันเลยทีเดียว
พออึ้งกับเจดีย์ก็แวะไปช็อปปิ้งกันค่ะ ที่ด่านแห่งนี้มีของให้เลือกซื้อมากมายจากพม่า ข้าวของเครื่องใช้งานไม้ที่นี่ถูกมาก แถมพวกเฟอร์นิเจอร์เดี๋ยวนี้เค้ามีบริการส่งถึงบ้านเลยล่ะ ราคาก็ไม่แพง ใครชอบกล้วยไม้ที่นี่ก็มีพันธุ์ไม้แปลกๆ เยอะทีเดียวสามารถเอาข้ามด่านกลับมาได้ค่ะ และแป้งทะนาคามีทั้งแบบสดและแบบสำเร็จวางขายกันเพียบ เครื่องประดับนานาชนิดราคาไม่แพงก็สามารถเลือกซื้อหากันได้ที่นี่
ไหนๆ ก็มาแล้วฝนก็ไม่หยุดก็เที่ยวมันที่นี่แหละข้ามไปเที่ยวฝั่งพม่าเลยแล้วกัน พอไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อนสาวดันลืมเอาบัตรประชาชนมาเลยไม่ได้ข้ามไปอีกฝั่ง แต่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจนะ กลับไปเที่ยวสังขละบุรีเก็บที่เหลือกันดีกว่า
หลังจากพวกเรากลับเข้ามาในสังขละภารกิจแรกหาข้าวกลางวันกินกันก่อนดีกว่า ตามรีวิวบอกว่ามีร้านอาหารที่แพมิตรสัมพันธ์อร่อย ตามรีวิวเลยไหนๆ ก็มาแล้วจัดซะหน่อย
อาหารรสชาติก็ธรรมดาอ่ะนะ ไม่จัดว่าอร่อยมากพอใช้ได้ ราคาก็ไม่แพงมาก พอทานกันอิ่มก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ ฝนก็แลดูท่าจะโปรยปรายมาอีกแระ ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้ใช้กล้อง DSLR เลยอ่ะ เนื่องจากฝนตกตลอดทริปก็ต้องใช้กล้องมือถือเนี่ยแหละถ่ายแทน ประหนึ่งว่าเหมือนจะให้มาซ่อมซะงั้นอ่ะ พวกเราไปยังจุดชมวิวสังขละอีกจุดหนึ่งเห็นวิวสะพานชัดเจนมากแต่ฝนก็ตกหนักมากเช่นกัน
จากนั้นพวกเราเดินทางต่อไปยังเจดีย์พุทธคยา ฝนก็ยังคงตกปรอยๆ ไม่มีอะไรจะเสียแระมันต้องลุยโลดจ้า
"เจดีย์พุทธคยา" หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้คิดริเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 (โห ปี จขบ.เกิดเลยอ่ะ) โดยจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดีย งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเป็นเงินสด ทองคำและวัสดุ ใช้แรงงานมอญชาย-หญิง ในหมู่บ้านประมาณ 400 คนปรับพื้นที่สำหรับก่อสร้างและเผาอิฐมอญขนาดกว้าง 4 นิ้ว ยาว 8 นิ้ว หนา 3 นิ้ว จำนวน 260,000 ก้อน
พ.ศ. 2525 เริ่มสร้างเจดีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กฐานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้าง ยาว 42 เมตร สูง 57 เมตร เสาเหล็ก 4 ทิศ จำนวน 16 ต้น ในปี พ.ศ 2532 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา 2 องค์ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร มีสีขาวใสอมเหลืองเป็นเงาบรรจุในผอบ 3 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกาและฉัตรทองคำหนัก 400 บาทขึ้นไปประดิษฐานบนยอดเจดีย์
สิ่งที่หนึ่ง จขบ.ว่าชาวไทยต่างกับชาวพม่ามอญเนี่ยคือแรงศรัทธาทางพระพุทธศาสนา คือบ้านเค้ายังยึดถือศาสนาเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ อิทธิพลทางตะวันตกยังเข้าถึงได้น้อย ยังคงมีความเป็นตัวเองอยู่สูง เรื่องศาสนาเนี่ยเคร่งมาก ไม่เหมือนบ้านเรานะเริ่มห่างจากวัดและศาสนามากขึ้นทุกที
จากด้านล่างเดินขึ้นบันไดไปก็ไหว้พระประจำวันเกิดจากนั้นก็เดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปยังเจดีย์ บันใดชันมากขึ้นมาด้านบนก็ถ่ายรูปแทบไม่ได้ เพราะพื้นที่แคบมากเลยได้รูปมาอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ ความสามารถมือถือของ จขบ.มีได้แค่นี้จริงๆ คริคริ
ตอนขึ้นไปไหว้พระเค้าใช้ดอกไม้นี้ไหว้แหละดอกเหมือนกล้วยไม้เลย ที่นี่ตรงฝั่งซ้ายมือจะมีร้านขายสินค้าพวกงานไม้เยอะเหมือนกันราคาก็ไม่แพง นี่ถ้า จขบ.เอารถมาเองนะมีต้องขนโต๊ะเก้าอี้กลับแน่ๆ อ่ะ จะถูกไปไหน จากนั้นก็ไปต่อยังวัดหลวงพ่ออุตตมะ มาถึงสังขละไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึงสังขละเหอะ
ที่นี่มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อประดิษฐานอยู่ ดูจากใบหน้าของหลวงพ่อต้องเป็นคนใจดีมีเมตตาแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่สร้างอนุสรณ์ไว้มากมายขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่นี่ถึงศรัทธาในหลวงพ่อ
ที่นี่มีการจัดแกลอรี่มีชีวิตด้วยล่ะ เป็นรูปที่หลายๆ คนถ่ายไว้ นำมาพิมพ์แล้วแขวนไว้ตลอดทางเดิน เพลินมากเลยอ่ะ เหมือนมีชีวิตเลยอ่ะ หลายรูปถูกถ่ายทอดออกมาโดยไม่ต้องบรรยายสะท้อนถึงการใช้ชีวิตของคนสังขละบุรีอย่างน่าจดจำเลยทีเดียว
การมาเที่ยวสังขละใช้เวลาไม่นาน เพราะแต่ละสถานที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ถ้าขับรถมาก็จะเร็วหน่อย แต่หากอยากหยุดเวลาไว้ที่สังขละบุรีแนะนำให้เดินเที่ยวค่ะ เพราะจะได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่นี่แบบใกล้ชิด ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวนิยมเดินเที่ยวกันล่ะ สำหรับตอนหน้าจะพาไปนั่งเรือชมเมืองโบราณกันค๊า ..
Photo and Story By Patthanid C.
Create Date : 03 มิถุนายน 2558 |
|
1 comments |
Last Update : 3 มิถุนายน 2558 10:00:49 น. |
Counter : 2637 Pageviews. |
|
|
|