ปลายฟ้า..... แค่หลับตาลงคงพบกัน @ปาย
วันที่ 26-28 พ.ย. 2550ปลายฟ้า แค่หลับตาลงคงพบกัน โอบกอดดวงใจสายสัมพันธ์ ท่ามกลางความฝันของเรา ดาวน้อยล่องลอยมาลงตรงหัวใจ เก็บเกี่ยวความรัก คิดถึงไป .....ได้ยินเพลงนี้ทีไร จะนึกบรรยากาศหนาวๆ ทิวเขาสวยๆ ดอกไม้สีสดๆ อารมณ์เหงาๆ คิดถึงเมืองหนือ จึงเป็นที่มาที่ทำให้คิดว่า หนาวนี้เราจะไปที่ไหนสักที่ของเมืองเหนือ นั่นก็คือปาย นั่นเอง ก่อนมาถึงปายพวกเราไปเที่ยว แม่ฮ่องสอนมากันก่อน 1 คืน เที่ยวมาเรื่อยๆจนมาถึงปาย ในเวลา 6 โมงเย็น เราเช็คอินเข้าที่พัก The Quater ซึ่งจองที่พักมาจากงานท่องเทียวไทยเมื่อเดือนสิงหาคม ในราคา คืนละ 2,500 บาท ถ้า 2 คืน 4,900 บาทพร้อมบัตร dinner แถมให้อีก 1,000 ถ้าไม่จองในงานราคาแพงกว่านี้คืนละ 3000 กว่าบาทเชียว แต่เราเลือกแบบคืนเดียวเพราะว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศนอนหลายๆ ที่ มีน้ำตะไคร้หอมๆ และอร่อยด้วยมาต้อนรับ เช็คอินเรียบร้อย เค้าพาเราไปห้อง 6Aหน้าห้อง มีใบไม้ร่วงหล่นไว้ที่พื้นด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูสกปรกแต่อย่างใด ดูเหงาๆ ได้บรรยากาศหนาวๆ ไปอีกแบบแอ้น แอน แอ๊น เปิดประตูเข้ามาจะพบกับเตียงนอน น่านอนแบบนี้เรยยยนะเจ้าคะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้ให้เสร็จสรรพ มี WIFI Internet ไว้ให้เราแย่งกันเล่นในคืนนี้ด้วย เสื้อคลุม ตู้เซฟ มีร่มกันฝน และร่มกันแดดให้อีกอย่างละ 1 รองเท้าคนละคู่เข้ามาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้เป็นสัดส่วน มีอ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ทั้งหมดเป็นปูนเปือย รู้สึกเฉยๆ กับห้องน้ำไม่ได้หรูหราอะไรมากมาย มี shower อันใหญ่ตกใส่หัวแตกได้แต่อาบแล้วเย็นแทบขาดใจ อิอิ มีน้ำอุ่นจ้ะ และมีโอ่งอาบน้ำใส่น้ำให้ให้ค่อนโอ่งคงมีไว้สร้างบรรยากาศเก๋ๆ และครีมอาบน้ำที่เราไม่ได้ใช้เลย เพราะคิดจะเก็บมาเป็นที่ระลึก แต่แล้วตอนเช็คอินเค้าคิดเงินตั้ง 400 บาทเลยขอคืน ไม่ประทับใจเลย ราคาที่พักขนาดนี้แต่หวงขวดครีมอาบน้ำ ผลไม้ต้อนรับ 555 มีเหรอจะเหลือชมความงามของห้องกันเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกกันดีกว่า อยากเห็นเมืองปายยามค่ำคืนแย่แล้ว ก่อนไปขอนั่งพักรับอากาศสดชื่ดตรงนี้อีกสักครู่ ตอนแรกจะขอยืมจักรยานของโรงแรมไป แต่ต้องถีบไปคนละคันเลยเปลี่ยนใจไม่เอาไปดีกว่า หาที่จอดรถได้ก็ไปเดินถนนคนเดินของเมืองปายกันก่อนเลยยังไม่ทันไรหนูก็เริ่มช้อปแล้วนะฮ้า ที่เมืองปายนี้จะมีร้านขายโปสการ์ดและของเก๋ๆมากมาย และจัดร้านได้น่ารักมากๆด้วย เราเลยได้สมุดบันทึกมา 4 เล่ม ไปรษณีย์ปาย สีขาวสะอาดตาดูดีมากๆเดินกันพอเป็นกะษัย เพราะพรุ่งนี้เราก็ต้องมาเดินอีก อากาศเริ่มเย็นและท้องเริ่มหิวเราเริ่มมองหาร้านอาหาร อากาศหนาวเราอยากกินอะไรร้อน จึงตัดสินใจไปร้านผัดไทหน้าวิน แต่ไม่ได้ไปกินผัดไทนะ ไปกินหมูจุ่ม รอนานมากเนื่องจากคนเต็มร้าน โต๊ะแทบไม่มีนั่ง ยำกระเพาะปลาไข่เจียวร้อนๆ มื้อนี้อาหารรสชาดพอกินได้ แต่ไม่ถึงกับอร่อย อาเฮียจ่ายเงินไป 200 เท่าไหร่จำไม่ได้ อิอิ ไม่ได้จ่ายเอง ลืมๆอากาศหนาวจนปวดหัวเพราะว่าไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวติดมา รีบกลับที่พักดีกว่าเมื่อมาถึงโรงแรมหายปวดหัวซะงั้นคนบางคนพูดจาไม่เข้าหูเรื่องอินเตอร์เนต งั้นก็ปล่อยให้เล่นไปคนเดียว หมั่นไส้นัก ง้นก็ไม่ต้องมีกิจกรรมร่วมกัน ดี...สมน้ำหน้า อาบน้ำอาบท่านอนดูทีวีสบายอารมณ์ และก็นอนหลับอย่างมีความสุขบนเตียงนุ่มๆ ตื่นเช้ามาอากาศหนาวแทบไม่อยากตื่นชะโงกหน้าออกมานอกห้อง ต้องสะดุ้งอากาศหนาวจัง แถมหมอกเยอะมากๆเหมือนฝนตก เพราะมีหยดน้ำตกลงมาเยอะแยะไปหมดรีบล้างหน้าแปรงฟัน หวีผม เพื่อไปชมตลาดเช้าและใส่บาตรใส่บาตรเสร็จเดินได้ไม่นานต้องรีบกลับมา เนื่องจากเช้านี้ยังไม่ได้ปล่อยลูกระเบิดเลย ทำให้ต้องรีบเผ่นกลับโรงแรมแถบไม่ทัน มาถึงโรงแรมหมอกเริ่มจางลงบ้างแล้วนอนเล่นสักพักก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวรีบลงไปทานอาเช้าที่บริเวณห้องอาหารเป็นบุฟเฟต์ มีให้เลือกหลากหลาย เรา 2 คนทานเยอะมากๆของคุณชายตัวดำฮ่า ๆ เผยโฉมจอมเขมือบตัวเป็นๆ แบบคาหนังคาเขากินอิ่มแล้วลุกได้ไม่ต้องจ่ายตังค์ ฮี่ๆ จ่ายไปแล้วนี่นาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปู๊นนนนไปเดินสำรวจที่พักกันดีกว่า สวยๆ แบบนี้จะพลาดได้ยั่งไร ไปสระว่ายน้ำหนาวแบบนี้ครายจะมาว่ายฟร่ะ งั้นขอนั่งเล่นละนิดนุงถ่ายรูปคู่สักกะติ๊ด ที่พักจะเป็นบ้านหลังแฝดแบบนี้ค่ะเดินสำรวจจนทั่ว ชอบมากๆเลยมีมุมสวยๆ เยอะแยะไปหมด ชอบที่พักแบบนี้สุดๆ แต่ชื่นชมได้ไม่นานต้องรีบไปเก็บของเพือเตรียมตัวไปเที่ยวที่อื่นต่อ บริเวณบันไดก่อนที่จะมาถึง รีเซฟชั่นหลังจาก Check out ก็โบกไม้โบกมือให้ไปเอาขวดครีมอาบน้ำมาคืน ไม่งั้นต้องเสียเงิน 400 แพงไปเว้ยยยย ไม่ได้เงินเฮาหรอกถึงจะงกขวดครีมอาบน้ำ แต่เราก็ชอบการดีไซน์และการตกแต่งที่ลงตัวของ The Quater มากนับได้ว่าเป็นที่พักที่หรูที่สุดของปายในตอนนี้เลยก็ว่าได้ อยากจะถ่ายรูปให้ครบทุกมุม แต่อะนะ แค่นี้ก็หลายรูปมากๆ แล้วจ้าร่ำราอาลัย The Quater เป็นที่เรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่วัดน้ำฮูวัดน้ำฮูตามตำนานเป็นวัดที่สร้างในสมัยพระนเรศวนมหาราช เพื่อถวายให้พระพี่นางสุพรรณกัลยาระหว่างที่ยกทัพมาจากพม่า ส่วนชื่อน้ำฮู นั้นที่องค์พระในโบสถ์มีน้ำซึมออกมาจากเศียรพระพุทธรูป จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อวัดออกจากวัดน้ำฮูก็มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านสันติชล เพื่อไปดูหมู่บ้านของคนจีน จะมีร้านของชาจีนและร้านของของที่ระลึกแบบจีนๆ ถ้วยชงชา สมุนไพรจีน บ๊วย อะไรแบบนี้นี่แหละ ก็ขายไม่แพงมากนักพอรับได้ คล้ายๆ ที่ดอยแม่สลอง แต่เราไม่ได้ซื้อไรมาบ้านที่เห็นจะเป็นบ้านดิน ผสมมูลสัตว์ แต่พอแห้งแล้วไม่เหม็นน๊า เป็นแค่เบื้องหลังการทำเท่านั้น ที่หมู่บ้านได้จัดทำพี่พักไว้ให้บริการด้วย แต่ตอนที่เราไปยังสร้างไม่เสร็จดี รู้สึกว่าจะเสร็จแล้วแค่ 1 หลังเตียงสไตล์จีน ถ้านอนที่นี่ 1 คืน คุณจะกลายเป็นชาวจีนโดยพลันพักที่นี่ 1 คืนเท่าไหร่กันนี่หลังละ 1000 บาทต่อคืน อืมมม์จะพักดีมั๊ยน๊า ไปเดินเล่นกันอีกหน่อยดีกว่าศาลากลางน้ำ มีที่นั่งที่นอนไว้ให้พักผ่อน ชิลล์ๆ ด้วยไปลองชิมอาหารจีนกันดีกว่า เมนูมาแล้ว จะสั่งอะไรดีล่ะ ไม่หิวเลยแต่อยากกินเอานี่ละกัน ข้าวเลี่ยงฟืนทอดลาบหมูแต่ไหงใส่ผักกาดมาด้วยอีกใจก็อยากสั่งขาหมูแต่อีกใจก็จะทานหมดหรือนั่น งั้นสั่งมาแค่หมั่นโถก็พออาหารออกรสชาดมันๆ เลี่ยนๆ สั่งแก้วนี้มาสยบความเลี่ยนแต่อาหารที่นี่ราคาไม่แพง จ่ายไป 120 มีเศษอีกนิดหน่อย เมื่ออิ่มแล้วเดินออกมา ไม่รู้ใครโยนขาหมูมาให้เจ้านี้แทะ แทะจนไม่สนใจใครเลย น่ารักมั่กๆมีชิงช้าให้เล่น แต่ว่าคนก่อนหน้าเราขึ้นไปแล้วร้องเสียงโหยหวนมากๆ เหมือนจะเสียวสุดๆ เราขอบายดีกว่า ก่อนเดินไปขึ้นรถก็มาพบกับม้าตัวนี้จ้า เค้ามีไว้ให้เช่าขี่เดินรอบ แต่ไม่เรากลัวโดนม้าดีดกระโหลกขับรถไปวนๆดูบ้านชาวเขา แต่ไม่เห็นมีอะไรให้ดู เลยคิดว่าจะไปสอบถามศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พอไปถึงแล้วเจ้าหน้าที่ไปทานข้าว ระหว่างรอเลยสั่งโกโก้เย็นแล้วไปนั่งดื่มที่ร้าน Together เลือกโปสการ์ดสวยๆ มา 2 ใบ แลกกันเขียน แล้วส่งไปที่ทำงานของเราทั้ง 2 คนเขียนเสร็จเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมาพอดี เลยไปขอแผนที่เมืองปายมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก จุดหมายต่อไปคือ บ้านต้นไม้ บ้านบนต้นไม้ก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ้าให้พักขอคิดดูก่อนเพราะว่าต้องปีนขึ้นลงลำบากลำบนถามคนที่กำลังลงมา เค้าบอกว่าห้องก็ไม่ได้สวยมากเท่าไหร่ แค่มันเก๋ไปอีกแบบเท่านั้นเองเดินเล่นไปเรื่อยๆ รีสอร์ทนี้ติดน้ำ กำลังต่อเติมและก่อสร้างยังไม่เสร็จ มีรูปปั้นนี้ด้วยล่ะเฮ้ออออ มีเขาซะแล้ว ดีนะไม่จูงจมูกเราด้วยง่ะ หิวแล้วไปร้านอาหารกันดีกั่ว เดินไปข้างบนมีร้านอาหารน่านั่งด้วยดูหลังคาร้านอาหารซะก่อน หรูแค่ไหนภรรยาอยากโกอินเตอร์ สั่ง สปาเก็ตตี้คาโบนารา คุณสามีลูกทุ่ง พูดอังกฤษสำเนียงอุทัย สั่ง..ผัดซีอิ้ว อิ่มแล้วเราไปเที่ยวน้ำพุร้อนท่าปายกันต่อ เสียค่าเข้าชมคนละ 30 และรถยนต์คันละ 50 บาทมุ่งหน้าสู่สะพานประวัติศาสตร์ขับรถผ่านกองแลน แต่ไม่ขอขึ้นไปดู เพราะเห็นหลายๆคนไปมาแล้วบอกไม่มีอะไรแล้วเราก็มาถึง Cofee in love หลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกให้รู้ว่าพวกเรามาถึงปายแล้วจริงๆหน้าร้านชัดๆ ก่อนที่จะเข้าไปสั่ง cake กินสตอเบอร์รี่ชีสเค้ก ชิ้นละ 80 บาทเค้กกาแฟ ขมมั่กๆ เค้กไม่อร่อยเท่า Love at first bite ดูหลังคาสิคะปลูกหญ้าและดอกไม้ด้วย รีบบึ่งรถไปพระธาตุแม่เย็น เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน พอไปถึงกำลังตกดินพอดี ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา แต่กดไม่ทัน เสียดายม้าก มาก ปายวิมานคือที่พักของเราในค่ำคืนนี้จองที่พักจากงานท่องเที่ยวไทยในราคา 2300 บาท แต่ก่อนมาได้โทรมาเลื่อนวันไม่มีห้องอื่นว่างแล้วนอกจากห้อง สวีทซึ่งต้องเพิ่มเงิน 1000 บาท ห้องสวีทต่างจากห้องอื่นๆ แพงกว่าห้องอื่น เพราะว่าเป็นบ้านหลังแรกที่ติดกับแม่น้ำปาย และมีเตียงพิเศษให้มองวิวติดริมกระจก แพงไปนิดนะราคานี้ จริงแล้วสัก 2500 ก็โอเคแล้ว แต่อย่างว่าหละนะเรามาช่วง Hight ก็ต้องยอมและเราพักห้องนี้ ซึ่งเป็นชั้นบนเข้ามาดูข้างในกันเลยตะกร้าต้อนรับสวยๆ เป็นผ้าขนหนูสะอาดๆ เพราะมุมนี้เตียงนี้ทำให้เราเสียเงินเพิ่มขึ้นอีก 1000 มีรองเท้ากับที่ชั่งน้ำหนักให้ด้วย ที่ชั่งน้ำหนักมีไว้ทำไมเนี่ย งง หลังรูปนี้จะเป็นอะไรเปิดประตูมาก็จะพบกับห้องน้ำค่ะและเครื่องบรรณาการที่ปายวิมาน เตรียมไว้ถวายองค์หญิงองค์ชายให้คืนนี้Open Air หนาวมั่กๆ ระเบียงห้องข้างๆ แต่ระเบียงห้องของเรามีคนบ้าที่ไหนมานอนอยู่เนี่ยลงมาข้างล่างมาดูบรรยากาศยามค่ำคืนไปเดินเที่ยวถนนคนเดิน ที่ปายนี่ฝรั่งเยอะจัง มีร้านเอาใจฝรั่งเต็มไปหมดมีร้านหนังสือเช่าด้วยป้ายรถเมล์ บรรยากาศปายๆร้านมิตรไทยคนเนืองแน่น กว่าจะมีที่ว่างให้เราเข้าไปดูบ้างก็ยืนรอตั้งนาน ทั้งๆ ที่โปสการ์ดร้านอื่นสวยกว่าอีก อากาศเย็นแบบนี้ สมควรแล้วที่เจ้าตัวนี้จะสวมเสื้อ เดินจนเมื่อยก็ได้เวลากินข้าวแล้ว ร้านนี้คือร้านที่เราเลือก pai river cornerบรรยากาศภายในร้านอาหารมาแล้ว ยอดฟักแม้วผัดกับเห็ดหอมสดต้มยำทะเล สั่งมากินกับข้าวเปล่าคนละจานอากาศหนาวมาก จนปากสั่นต้องรีบกลับห้องพัก ถึงห้องพักของเราแล้วจ้าอาบน้ำแล้วนอนหลับแสนสบาย อากาศหนาวมากห่มผ้าห่มหลายชั้นจึงจะหายหนาว รีบตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าลุกไปดูวิวที่ริมหน้าต่างหมอกจัดมากๆ มองลงไปสวยจังห้องสวีทดีแบบนี้ ไม่ต้องลงไปทนหนาวถึงข้างล่าง อยู่ในห้องก็นอนดูได้เลยภาพทั้งหมดเราถ่ายผ่านหน้าต่างหมอกจางลงแล้วเห็นทางเดินชัดเจน อีกสักครู่จะอาบน้ำแล้วลงไปข้างล่างไปรับอากาศบริสุทธิ์ดีกว่านอนอ่านหนังสือมีความสุขแบบนี้ไม่อยากจะไปไหนเลยคนบางคนไม่ยอมตื่น ดูดิ ! ขนาดนอนยังรัดเข็มขัดเลยอาบน้ำเก็บของเรียบร้อยแล้วลงมาเดินเล่นค่ะ ความหนาวลดลงไปนิดนุงแปลนี้เมื่อวานไม่ว่างเลย เช้านี้ไม่มีใครนอน หนาวละสิถึงไม่ลงมานอนกันน่ะ หุ หุแม่น้ำปายยามเช้าบ้านมี 4 หลัง หลัง 2 ห้อง จึงมี 8 ห้องข้างบนที่เป็นส่วนของห้องอาหารอีก 4 ห้อง ทั้งรีสอร์ทมีอยู่ 12 ห้องแต่ว่าขายแพงแบบนี้ก็ได้มากโขอยู่บ่อน้ำโบราณแต่คนโบราณกว่านอกจากจะโบราณแล้วยังอ้าปากงับลม เฮ้อ...เวรกรรมอะไรของเรานะ ถึงคิดสั้นได้เพียงนี้ บริเวณหน้า Front จัดสวนหย่อมและมีกังหันเล็กๆ น่ารักดีสามล้อกับสาวงาม(แงะ) ถามกี่ครั้งๆ ก็บอกว่าคนขับไม่อยู่ เลยไม่สามารถใช้บริการอะไรเค้าได้อ้าวๆ ตาคนนี้มายืนอะไรอยู่ตรงนี้ละจ๊ะ บริเวณเตาผิงใกล้ๆกับห้องอาหารนั่งสมาธิหาเลขเด็ดงวดนี้อยากรู้จังหลังคาสูงแบบนี้เวลาหยากใย้ใยแมงมุมขึ้น จะละกันยังไง อิอิง่ะ หิวแล้วไปปิ้งหนมปังกินดีกว่าคนนี้ เวลากินไม่เคยดูแล take care ใคร นิสัยเอาอกเอาใจไม่เคยมีอยู่ในสายเลือดอาหารเช้าที่นี่ไม่เป็นบุฟเฟ่ท์ มีให้เลือก ระหว่างข้าวต้มกับ ABF เราเลยเลือกไม่ให้เหมือนกันแล้วมาแบ่งกันกินดีกว่าข้าวต้มอร่อยดีเหมือนกัน เห็ดหอมอร่อยกินจนหมดเกลี้ยงผลไม้และน้ำส้มคั้นตบท้ายระหว่างที่จะเดินขึ้นไปเก็บของบนห้องพัก ยังมิวายแวะกินลมชมวิวอีกโคมไฟทางเดินสวยๆคนบางคนขึ้นไปอยู่บนห้องพักแล้วเกาะกระจกมองลงมา บ๊าย บาย ปายวิมาน ไปแล้วนะก่อนจะกลับเราไปขับรถเล่นวนดูถนนหนทาง เก็บตกกันอีกเล็กน้อย ไหนๆมาแล้วขอไปดูสนามบินปายหน่อยเถ๊อะเทศบาลปายด้วยจริงแล้วอยากดื่มกาแฟหรือกินอาหารอีกสักมื้อ ที่ Food Factory แต่ว่าเพิ่งสวาปามมากันหยกๆ เลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปห้วยน้ำดังทันทีต้องเสียค่าบำรุงสถานที่ปกติไปห้วยน้ำดังต้องไปตั้งแต่ ตี 5 เพื่อไปดูทะเลหมอก แต่เราไปถึงตอน 11 โมงมีอะไรอะป่าวววว ก็คนมันขี้เกียจตื่น หนาวหรือไม่ก็ดูได้จากตรงนี้แหละ พวกเราอยู่ที่ห้วยน้ำดังกันด้วยความเร่งรีบเนื่องจากว่าต้องรีบไปเชียงใหม่เพื่อไปรับเจ้าอ้อมาทำ passport เป็นอันว่าทริปแม่ฮ่องสอนและปายของเราก็จบและผ่านไปด้วยดี และชีวิมีสุข แล้วพับกันใหม่ในทริปต่อไปนะคะ