Bloggang.com : p_pat_p : สมุย.....นั่งจนรากงอก @ Punnpreeda Pool Villa Beachfront

สมุย.....นั่งจนรากงอก @ Punnpreeda Pool Villa Beachfront

7 - 10 / May / 2008

"ปิดเทอมจะไปไหนกันนะ" เพราะคำถามนี้เกิดขึ้นในใจ บวกกับมือไวจองตั๋วแอร์เอเซีย 0 บาท จะว่าไปแล้วก็เตรียมตัวข้ามปีเลยทีเดียว เพราะจองที่พักจากงานท่องเที่ยวไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปี 50 หลังกลับจากเที่ยวฮ่องกง

ตอนเตรียมการมีคนที่จะไปด้วยกัน 5 คน แต่พอใกล้วันเดินทาง ยัยแอนเบี้ยว...อีกแระ แต่ดีไม่ไปน่ะไม่ผิด แต่คนไปจะทำดีแค่ไหนยังไงก็ผิดวันยังค่ำ เฮ้อ!

งงมะถ้างงก็จงงงต่อไป

เช้าวันที่ 7 Fight 9 โมงจากสุวรรณภูมิไปสุราษฏร์

เพิ่งเคยบินในประเทศกับหางแดง

ขอขำหน่อย เธอผู้นี้ใส่ชุดทหารเรือเพื่อเตรียมตัวไปทะเลสมุยโดยเฉพาะ

ได้ Boarding Pass มาแล้ว บินในประเทศเช็คอินเร็วดีจัง ไม่เหมือนบินระหว่างประเทศรอนานเป็นชั่วโมง

มีเวลาเหลือไปกินข้าวกันดีมั๊ยจ๊ะเพื่อนๆ

กินอิ่มแล้วหน้าบานนนนนแบบนี้เรยอะจ๊ะ

3 สาว หรือจะให้เรียกว่าสาวเหลือน้อยที่เดินทางไปในครั้งนี้ เหงา....เชียว

ถึงมีเพื่อนไปเรา 2 คนก็สวีทกันได้ ไม่รู้ว่ามีใครแอบหมั่นไส้อะปั่น

กรี๊ดดดดดด ได้นั่งเครื่องใหม่ป้ายแดง A320 หรือว่า 380 #กำ# จำไม่แม่น

นั่งที่ประจำ นั่งทีไรเลือกตำแหน่งนี้ทุกที

ได้ขึ้น Shuttle Bus คันแรก ตอนนี้คันที่ 2 เพิ่งมาจอด ฮี่ๆ มาก่อนเล่นเก้าอี้ดนตรีก่อน

40 นาทีไม่มีอะไรทำ นั่งดูคนข้างๆ กินมาม่าก็แล้วมองวิวทิวทัศน์ก็แล้วถ่ายรูปเมฆดีกว่า

Touch down แล้วล่ะ นิ่มมากๆเลย แถมถึงก่อนเวลา 15 นาทีด้วย

ถึงท่าอากาศยานสุราษฏร์ อ.พุนพิน ด้วยความปลอดภัย

หันไปมองอีกครั้งเต็มๆตา ฮู้.....เครื่องใหม่ป้ายแดง

ได้กระเป๋าครบแล้วรีบแจ้นไปซื้อตั๋วรถ+เรือ ไปสมุย ซื้อกับrพันธ์ทิพย์ทัวร์ ในราคาคนละ 350 บาท หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตว่าถ้าโชว์ Boarding Pass จะลดราคาให้คนละ 30 บาทแต่เอาเข้าจิงแล้วเค้าบอกปัดบอกว่าไม่ใช่ ก็เลยไม่รู้ว่าจริงแล้วเป็นเยี่ยงไร

รถใหม่แอร์เย็น แต่ขับช้าถึงช้ามาก พี่ต้นบอกว่าสงสัยเอาน้ำมันมะพร้าวเติม กรั่กๆๆ

มาถึงแล้วจริงๆนะ ไม่เชื่อดู้ป้ายสิ

ที่ จ.สุราษฏร์ มีแมงมุมยักษ์ด้วย

ขับรถช้าได้ใจมั่กๆ จากสนามบินสุราษฏร์ ไปดอนสัก พ่อใช้เวลาขับ 2 ชั่วโมงทั้งที่ระยะทาง 80 โล ทำให้หลับไปหลายงีบ ดีนะที่น้ำลายไม่ยืด

กว่าจะถึงก็เที่ยงนั่งมาตั้งแต่ 4 โมงคิดว่าจะทันเรือรอบเที่ยง มาช้าไป 10 นาทีเรือออกไปแล้วคราวนี้ต้องรอบ่ายโมงเลย คันนี้นี่แหละขับชักช้า

ทหารเรือมาแล้วจ้า...... เรากำลังจะต่อเรือเฟอร์รี่ไปสมุยกันนะก๊ะ

กินข้าวดีก่า กองทัพเดินด้วยท้อง อาหารที่นี่ก็ราคาพอใช้ได้ กับข้าว 1 อย่าง 30 บาท 2 อย่าง 35 น้ำฟรีค่ะ

กินอิ่มแล้วหันมาเห็นกระเป๋า อะจ๊ากกกกก Tag BP ของช้านนนมันทำไมเป็นเยี่ยงนี้ ชื่อที่เขียนไว้หายไปเลย นี่ขนาดไม่ได้ใส่รูปไว้นะ ถ้าไม่งั้นใครเห็นความสวยของเราคงไม่เอามีดตัดทิ้งไปเลยเหรอ

น่ารักปะสะพายกุเป๋าให้ภรรยา

เรือมาเทียบท่าแล้วจ้า รีบไปจองที่นั่งจะดีกว่า

นั่งตัวละคนเร้ยยย นิสัยเลวววววมาก

นั่งดูละครเรื่องขิงก็ร่าข่าก็แรงจนจบเป็นเรื่องๆ ก็ยังไม่ถึงสักที ลุกไปเดินเล่นดีกว่า

เรือมี 2 ชั้น แต่พวกเรานั่งในห้องแอร์ เดินออกมารับลมบ้างก็ดี เดินจนรอบเรือ กลับไปนั่งดื่มโค้กกับขนมขาไก่ต่อจนหมดก็ยังไม่ถึง

ดูสีน้ำทะเลฝั่งอ่าวไทยกันบ้าง

นานมากๆขอบอก 1 ชั่วโมงครึ่งผ่านไปเพิ่งจะเห็นเกาะสมุย นั่งจนรากงอก ผู้ชายคนนี้กลัวรากแก้วขึ้นยึดเรือ จึงต้องไปเดินห้อยโหนยืดเส้นยืดสาย

เกือบบ่าย 3 จากท่าเรือดอนสักมาหน้าทอนเกาะสมุยใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมงกับอีก 45 นาที เรือก็เทียบท่า

ครั้งนี้เรามาเที่ยวแบบหรูหรา ไฮโซ มีรถมารอรับด้วยจ้า

รถพาเรามาถึงหาดบางรักษ์ ต.บ่อผุด เป็นที่ตั้งที่พักที่เราจองไว้ตั้งแต่งานท่องเที่ยวไทย คือ Punnpreeda Pool Villa Beachfront ขอเชิญชมได้ ณ บัดนี้

ปันปรีดา เป็นที่พักระดับ 5 ดาว ราคาต่อคืนในช่วง Low 17000++ ซึ่งช่วงที่เราไปอยู่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นช่วงมรสุม แต่เราจองแพคเกจ 3 วัน 2 คืนพร้อมอาหารเช้า มินิบาร์ รถรับส่งจากท่าเรือ ได้ในราคาคืนเดียว คือ 17000 บาท อ๋อลืมบอก มี 2 ห้องนอนนะคะ

ก่อนอื่นพบกับ Wellcome Drink น้ำ apple และผลไม้ต้อนรับก่อนจ้า อ้อผ้าเย็นก็หอมชื่นใจมากเลยค่ะ

คนที่คอยดูแล Take care เราในบ้านหลังนี้ชื่อ"รษา" จะแนะนำว่าบ้านนี้มีอะไรในกอไผ่บ้าง

จากการสอบถามพูดคุย รษาสาวใต้นัยน์ตาคมคนนี้เป็นชาวพังงา เธอพูดกับเราด้วยความสุภาพอ่อนน้อม บางครั้งนั่งลงคุกเข่าปานกับว่าเราเป็นเจ้านายมียศฐาบรรดาศักดิ์

ระหว่างที่รษาอธิบายอยู่นั่น อิชั้นไม่รอช้ากดชัตเตอร์อย่างเดียวเลย

ห้งงนั่งเล่น มีทีวี LCD จอใหญ่พร้อมดีวีดี ติดแอร์ 2 เครื่องเย็นฉ่ำ และเชื่อมต่อกับโต๊ะทานข้าว พร้อมห้องครัว modern สุดเริ่ดพร้อมอุปกรณ์ทำครัว ถ้วยแก้วชั้นดีพร้อมสรรพ และมีเตาไฟฟ้าให้ทำอาหารเองได้ด้วย

ห้องนอนสามารถเปิดทะลุออกมาเพื่อมองบริเวณข้างนอกได้เลย อิอิ แต่เราไม่ชอบอะ ชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า

ห้องทางด้านขวามือจากประตูหน้าบ้านเป็นห้องของดำกับอร

ห้องนอนเป็นห้องโทนน้ำตาลครีม เรียบๆ แต่ดูหรู ชอบห้องสไตส์นี้เพราะเพราะออกแนวเดียวกับห้องนอนที่บ้านเลย

ส่วนห้องน้ำก็ใช้สุขภัณฑ์อย่างดีเยี่ยม กระเบื้องอย่างดีที่สำคัญสะอาดและสว่าง มีมู่ลี่เปิดมองความร่มรื่นของต้นไม้ได้อย่างสบายตา แต่ห้องนี้เป็น Shower

และอีกห้องคาดว่าเป็นห้องนอนใหญ่ เพราะรู้สึกจะกว้างกว่าแต่การตกแต่งไม่แตกต่างกัน ที่สำคัญเค้ารู้ได้ไงว่าเรานอนห้องนี้ เพราะมีจดหมายถึง คุณสุพัตรา เอ๊ะ ! ใครกันนะ วางไว้บนหมอน

ห้องนี้ห้องน้ำไม่ธรรมดาเนื่องจากมี อ่างจากุซซี่ นี่เอ้ง เหอๆๆ จะมีเวลานอนแช่ไหมล่ะนั่น

และสามารถแก้ผ้าแช่อ่างนอนเย้ยฟ้าท้าดินได้

เสื้อคลุม รองเท้า ผ้าขนหนูสำหรับใช้ที่สระว่ายน้ำ ร่ม ตู้เซฟ ไดร์เป่าผมไม่มีขาดตกบกพร่อง

มาแอบถ่ายรูปในห้องกัน 2 คน

ถ้าให้ผู้ชายคนนี้เฝ้าบ้านก็คงเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเฝ้า เพราะดูแล้วมีความสุขกับ TV, DVD และมินิบาร์ เครื่องดื่มและไวน์ ที่มีไว้บริการแบบไม่อั้น

แต่เราเองนั้นเป็นปลื้มกับสิ่งนี้มากที่สุด อยากลงไปแช่ให้สบายตัว สระจากุซซี่ริมทะเล วิริศมาหราอะไรขนาดนั้น

ดอกไม้สวยๆ บนโต๊ะสร้างความสดชื่นทางสายตา

นั่งกินผลไม้และของว่างที่รษาเตรียมไว้ให้ พักผ่อนหายเหนื่อยจากที่ขึ้นรถลงเรือกันมาจนรากงอกจนเวลา 16.30 น. ก็มีโทรศัพท์โทรมาว่ารถที่เช่าไว้มาส่งให้แล้วจ้า ก็รีบปิดประตูห้อง 904 ออกไปรับรถ

ระหว่างทางเดินก็ชมนกชมไม้ ชอบความร่มรื่นของปันปรีดาสุดๆ

Yaris นี้จาก Master Carrent ที่เราเจาะจงจองไว้จากงานท่องเที่ยวไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็มาจอดรอพร้อมให้เราขับไปซิ่งรอบเกาะสมุย

ขับรถไปเที่ยววัดพระใหญ่ ซึ่งเป็นวัดสำคัญของชาวสมุย พระองค์ใหญ่ขึ้นไปแล้วมองเห็นทะเล

พระอาทิตย์กำลังจะตกทะเลพอดี

มองลงมาเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่เหนื่อยนะ เดินขึ้นลงได้สบาย

บริเวณใกล้วๆวัดมีอุทยานวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีด้วย

หาดแถวนี้ไม่สวยเลย เพราะมีการทำประมงดูเลอะๆยังไงไม่รู้

ขับรถออกมาปากทางเลี้ยวซ้าย ไปอีกนิดก็ถึงวัดปลายแหลม

เพื่อนๆ บอกว่าหิวแล้ว ไปหาอาหารทะเลกินกันเถอะ เลยเลี้ยวรถกลับ สอดส่ายสายตาหาร้านบางปอซีฟู๊ด (ตาโข) จากที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาว่าอร่อย

ร้านนี้ติดชายหาดเลย เสียดายกว่าจะมาถึงก็มืดจนไม่เห็นทะเลแล้ว ได้ยินแต่เสียงคลื่น แต่ก็ยังได้บรรยากาศและกลิ่นอายทะเลอยู่

2 อย่างนี้ฟรีค่ะ แต่กะปิกับมะพร้าวขูดที่ฉาบอยู่บนกะลานี้ โต๊ะเราไม่ค่อยมีใครกินจึงเหลือบานเบอะ

อันนี้เสียเงิน อาหารก็เฉยๆ นะสงสัยหวังมากไปหน่อย พอกินแล้วก็งั้นๆ แต่สดจ้า มื้อนี้มี ปูผัดผงกระหรี่ ต้มยำทะเล ปลากระพง และอาหารทางใต้เป็นปลาหมึกหั่นๆมาอยู่ในน้ำกะทิ รสชาติแปลกๆ

มื้อนี้หมดไป 777 บาทจ้า เลขสวยจิงๆเล้ยยยยยย

กินอิ่มก็กลับที่พักอยากไปแช่น้ำในสระและฟังเสียงคลื่นคงจะมีความสุขที่สุด แต่วันนี้สวรรค์เบี่ยงอวสานต้องดูให้จบก่อน

แง....เสียงฟ้าร้อง อย่านะ ! ฝนอย่าตก ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมา แต่คุณสามีไม่ดูสวรรค์เบี่ยงไปเล่นน้ำอยู่คนเดียวในสระตากฝน สนุกสนานเหมือนเด็กๆ พอเราจะลงไปบ้างฝนตกหนักซะงั้น เซ็งโพดๆ

ไม่รู้จะทำอะไร เดินเล่นในห้องซะงั้น จิบไวน์ก็แล้ว น้ำส้มก็แล้ว เซ็งเลย

งั้นอาบน้ำนอนก็ได้ ง่วงแล้ว หลับสบายตื่นเช้ามารีบออกมาดูทะเลยามเช้า แต่ไม่ได้ลงไปเดินนะ อยู่บนบ้านก็เห็นแล้ว

คุณสามีไปเดินเล่นที่ชายหาด หน้าก็ยังไม่ล้าง ฟันก็ยังไม่แปรง

ชายหาดไม่ค่อยสวยเลยไม่อยากเล่น แต่อยากลงไปแช่สระนี้

ได้เวลาอาหารเช้า บอกให้รษายกมาให้ตอน 8 โมง อาหารเช้าที่นี่ส่งให้ถึงห้อง และให้เลือกได้หลายอย่างด้วย อยากทานก็ไรก็บอกไปไม่จำกัด

นั่งรอรษาเสริฟ์อาหารเช้า

มาแล้ว เต็มโต๊ะไปหมด แต่ละคนโลภมาก พอมาแล้วก็กินไม่หมด

เมื่อกินอิ่มแล้วรีบแยกย้ายกันไปอาบน้ำ เพราะวันนี้เราจะไปทัวร์รอบเกาะสมุยเลยทีเดียว เย้ๆๆๆๆ

ขับรถไปเรื่อยๆ ขับเลยเฉวงไป สมุยนี่หาหาดที่เป็นสาธาณะไม่ได้เลย ส่วนใหญ่จะต้องพักโรงแรมถึงจะมีหาดให้เล่นน้ำ เราเลยขับรถเล่นจุดแรกที่แวะคือจุดชมวิวก่อนที่จะขึ้นเขาไปหาดละไม

ต้องเดินลงบันไดไปหลายขั้น เล่นเอาเหนื่อยหอบแฮกๆ

ย้อนแสงหน้ามืดเลย

จุดชมวิวที่นี่มองทะเลสมุยได้สวยที่สุดเลย

ไปต่อกันที่หินตาหินยาย ทางเข้าแคบมากเสียค่าจอดรถ 20 บาท

เดินเข้าไปเห็นก้อนนี้ สงสัยเป็นหินของหลาน

และอันนี้หินตา

หินยาย

ผู้ชายคนนี้สนใจหินยายเป็นพิเศษ

ถ่ายกับป้ายเป็นหลักฐานว่าเราได้มาแล้ว

เดินหาน้ำมะพร้าวเย็นๆ แต่ไม่ค่อยมีเลย มีอยู่ร้านนึงแช่ไว้ในกระติกแต่น้ำดำปี๋เลย แถมไม่เย็นด้วย เลยมะอาววววดีกว่า

ดำกับอรอยากเล่นน้ำ จึงขับรถไปเฉวงเพื่อจะลงไปเล่นน้ำ แต่ไม่มีหาดสาธารณะให้เล่น อีกอย่างอยากหาขนมจีนร้านป้าไมตรีกินแต่จำผิดว่าอยู่เฉวง จิงแล้วอยู่แถวๆแม่น้ำต่างหาก ก็เลยลงไปเดินเล่นหาดส่วนตัวของโรงแรมแถวๆนั้นสักหน่อย

ขับรถกลับไปหาดละไมกินข้าวที่ร้านเสบียงเล

ร้านเสบียงเลอาหารอร่อยทุกอย่างเลย ถูกปากกว่าร้านบางปอซีฟู๊ดอีก มื้อนี้จ่ายไป 666 บาท แต่ก่อนเช็คบิลต้องหัวเราะท้องแข็งเพราะพี่ต้นเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองสับเปลี่ยนรองเท้าใครมาไม่รู้ แถมเก่ากึกแต่ที่มากว่านั้นไม่รู้คุณชายใส่มาได้ไงเพราะมันเล็กกว่าเท้าอีก แถมกว่าจะรู้ตัวเล่นเอาข้ามวันข้ามคืน

จากนั้นเราไปอควอเลี่ยม ไปดูโชว์นกและสัตว์ต่างๆ ค่าเข้าชมคนไทย 100 บาท

สวนสัตว์ก็มีชายหาดให้เดินเล่น มีต้นมะพร้าวสัญลักษณ์สมุย

เกือบบ่าย 3 โมงขับรถเที่ยวรอบเกาะ สมุยก็ไม่กว้างเท่าไหร่รอบเกาะก็ประมาณ 50 กว่าโลได้วนแป๊ปเดียวก็ถึงหน้าทอน พวกเราลงความเห็นกันว่ารีบกลับปันปรีดาเพื่อแช่อ่างให้สบายอุราดีกว่า

หน้าโรงแรมมีรถตุ๊กๆ จอดอยู่ขึ้นไปนั่งสักหน่อย
เพ่ๆ......พาไปเที่ยวหน่อยได้ปะ

ตั้งแต่มาพักที่นี่ยังไม่ได้พาทัวร์รีสอร์ทเลย ไปชมกันก่อนค่ะว่าปันปรีดาร่มรื่นแค่ไหน

ทางเดินชันค่ะ เลยต้องมีบันไดช่วยให้ก้าวได้ถนัดๆ

ที่พักมองเห็นทะเลทุกหลัง หลังที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งก็คือหลังริมสุดจะสามารถมองเห็นทะเลได้เกือบ 180 องศาเลยที่เดียว แต่แพงเกิ้นนนนถ้าจะไปนอนหลังนั้น

และตรงนี้คือหน้าบ้านที่เราพัก

แช่น้ำให้เย็นอุราดีก่า

ไปเดินเล่นที่ทะเล ชายหาดมีแต่หินและเปลือกหอยเต็มไปหมด เดินเจ็บเท้ามากๆเลย พี่ต้นโดนบาดเลือดไหล

ฝนตกปรอยๆ เรา 4 คนขับรถหาร้านระเบียงเรือ ซึ่งอยู่บนเนินเขาเกือบถึงหาดละไม ร้านนี้บรรยากาศดีสามารถมองเห็นสมุยในมุมสูง ถ้าฝนไม่ตกคงสวยกว่านี้

สั่งปลาหมึกนึ่งมะนาว หอยเชลล์ผัดฉ่า ลาบทะเล และทอดมันกุ้งมากิน อาหารอร่อยใช้ได้ แต่ยังแพ้เสบียงเล

มื้อนี้หมดไป 800 กว่าบาทค่ะแต่จำเศษไม่ได้
อิ่มจังตังค์อยู่ครบ เพราะศศิดำ รูดปืดๆ กลับไปใช้หนี้หัวโต 555

ตั้งใจจะไปกินไอศครีมที่ Bic C พอไปถึงไม่มีให้กิน เซ็งเล็กน้อยถึงปานกลาง สอบถามราคารถ Taxi ตกลงราคาเรียบร้อยเพราะต้องใช้บริการวันกลับ

ขับรถตามหาปั๊มน้ำมัน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าปั้มจะปิดบริการตั้งแต่ 4 ทุ่ม เราเลยไม่ได้เติมน้ำมันพรุ่งนี้ต้องคืนรถยาริสแล้ว จะทำไงดี อารมณ์บ่จอยเลย

กลับที่พักด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หาอะไรอ่านแก้เซ็ง

ตอนออกไปกินข้าวฝนตกหนัก สระน้ำและเตียงนอนริมสระเปียกโชก จากุซชี่จะปิด 11.00 น. พร้อมกับไฟที่ชายหาดก็ปิดเช่นกัน

น้ำทะเลขึ้นสูงมากเกือบถึงขอบสระเลย ได้ยินเสียงคลื่นชัดเจน

ตอนเช้าไม่อยากตื่นเลย อยากนอนพักผ่อนทั้งวัน กินๆ นอนๆ แต่เฮ้อ...ต้องไปเที่ยวเกาะเต่าเกาะนางยวนไม่ได้อยากไปเลยจริงๆ เบื่อนั่งเรือ เพราะเมาเรือนั่นเอง แต่ถ้าไม่ไปก็ต้องโดนงอน โธ่! ชีวิตที่เลือกไม่ได้

วันนี้บอกให้รษา เตรียมอาหารให้ตั้งแต่ 7 โมง เพราะรถจะมารับไปขึ้นเรือประมาณ 7 โมงครึ่ง พร้อมเก็บของเรียบร้อยเพื่อเช็คเอาท์ ถ้ารู้ว่าวันนี้จะใช้ที่พักไม่คุ้มแบบนี้ นอนลานวัดซะก็ดี

ความวุ่นวายของท่าเรือ

ลำเล็กๆ ที่จอดอยู่นั่นแหละที่เราจะขึ้น

เค้ามีขนมปังและกาแฟโอวัลตินไว้บริการก่อนขึ้นเรือ แต่เรากินยาแก้เมาเรือก่อนจะดีกว่า

ไหนๆก็จะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อย แต่บางคนยังงอนไม่เลิก

ไปเที่ยวครั้งนี้รู้สึกรักและขอบใจพี่ต้นมากเลย ที่เป็นกลางและอยู่เคียงข้างเราเสมอ

ถ้าขึ้นเรือลำนี้ไป ต้องหัวใจวายตายแน่ๆ เพราะคลื่นสูงไม่ใช่เล่น

ขึ้นเรือแล้วจ้า อ้อ ! ลืมบอกไป ค่าทัวร์เกาะนางยวนกับซีทรานวันนี้ รวมอาหารกลางวัน ราคาต่อหัว 1,350 บาท จองผ่านน้านวลเจ้าของเวบ samui center

ขึ้นรถได้ก็เมาเลย เมากลิ่นบนเรือ และจอดอยู่ทำให้ยิ่งเมากว่าตอนเรือวิ่งอีก

ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ แล้วก็เปลี่ยนเรือที่เกาะเต่า เรือจอดรอคนนานมากๆ เสียใจมากที่ไปกับซีทราน จอดรับคนส่งคน ทั้งที่พะงันและเกาะเต่า ไม่ใช่เรือนำเที่ยวโดยตรง

เปลี่ยนเรือก็เลยขึ้นไปนั่งข้างบนรับลมเย็นๆ

ไม่นานก็ถึงเกาะนางยวน ต้องเปลี่ยนเรืออีกแล้ว เพื่อนั่งเรือหางยาวเพราะเรือที่นั่งมาลำใหญ่ไม่สามารถจอดใกล้ๆได้

เสียค่าเข้าชม 30 บาทด้วยเพราะเกาะนางยวนเป็นของเอกชน แต่ของเรารวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์แล้วไม่ต้องจ่ายอีก

เค้าปล่อยให้เราเดินเล่นและดำน้ำตามอัธยาศัย เดินผ่านเจ้าตัวนี้ด้วย

ทางเดินขึ้นไปบนภูเขา จะมีที่พักของรีสอร์ทที่นี่แต่เราจะขึ้นไปชมวิวข้างบนไม่ได้ไปพักแต่อย่างใด

เหนื่อยเหมือนกันนะ มีหอบเล็กๆ

มองลงมาข้างล่าง

ปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด โอ้โห หายเหนื่อยเลย

ใครที่มาเกาะนางยวนส่วนใหญ่คงต้องขึ้นมายืนตรงนี้

ครั้งนึงที่เรา 2 คนได้มายืนตรงนี้

แดดร้อนมาก เพราะตอนที่เราขึ้นมานี่เป็นเวลา เที่ยงวันพอดีเลยจึงอยู่ได้ไม่นาน

อะไรไม่รู้ ตะไคร่ทะเล ฮี่ๆ

ชายหาดเกาะนางยวน มีฝาหรั่งนอนอาบแดดด้วย

ร้อนแล้วอะขึ้นไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารดีกว่า ใครที่มากับทัวร์อื่นที่ไม่ใช่ทัวร์เรา ฮือๆ กินอาหารที่นี่ด้วย ดูไฮโซน่ากินเชียว ไม่เหมือนทริปที่มากับซีทรานต้องขึ้นไปกินบนเรือ โลโซ ซะมะมี

มาสมุยยังไม่ได้กินมะพร้าวเลย มากินที่เกาะนางยวนลูกละ 80 บาท เลย์ถุงเล็กถุงละ 15 บาท

ดำกับอรไปดำน้ำ จิงแล้วเรา 2 คนก็อยากไปดำนะ แต่ตอนแรกอาสาเฝ้ากระเป๋า แต่เค้าไปกันเสียจนหมดเวลาเลย เรา 2 คนเลยอด

ถึงเวลาลงเรือ ซึ่งเค้าจะพาไปดำน้ำต่ออีก แต่คราวนี้เรา 2 คนดำไม่ได้เพราะว่าว่ายน้ำไม่แข็ง กลัวตายเนื่องจากมันลึกและคลื่นแรง

หัวหน้าทัวร์รีบประกาศให้คนที่ไปดำน้ำรีบขึ้นเรือ เนื่องจากฝนมาและลมเริ่มแรง กลัวเกิดให้การณ์ไม่คาดคิด

ขานั่งเรือกลับ ฝนตก คลื่นลมแรงน่ากลัวเชียว แถมเรือก็แอร์ไม่เย็น หายใจไม่ออกจอดรับจอดส่งคนนานมั่กๆ เมาเรือ โอยยยยยยยคิดว่าจะตายซะแร้นนนนน หายใจไม่ออก นึกถึงแรงงานพม่าแล้วเห็นใจเค้ามากๆ เลย

ก่อนลงเรือก็ดึงไอ้นี่ออกซะก่อน เพราะว่าก่อนขึ้นเรือเค้าผูกให้เป็นสัญลักษณ์ว่ามาทัวร์เกาะนางยวน แบ่งเป็น กรุ๊ฟๆ

เฮ้อขึ้นเรือมาได้นี่ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ จิงนะไม่สนุกเลยกับการมาเที่ยวเกาะนางยวนกับซีทรานในครั้งนี้เสียดายเงินคนละ 1350 บาทมั่กๆ

รถไปส่งที่ปันปรีดา แล้วพวกเราก็ให้ปันปรีดาไปส่งที่ The Imperial ต่ออีกที

Create Date : 19 พฤษภาคม 2551

Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 1:03:20 น.

6 comments

Counter : 4065 Pageviews.