ล่องเรือสามเหลี่ยมทองคำ ตักบาตรพระขี่ม้า ดูดอกป๊อปปี้บานดอยช้างมูบ
8-10/12/2550
หยุดสามวัน เหงาๆ บวกอยากช้อป จึงชวนเพื่อนๆที่ทำงานไปเที่ยวเชียงราย ผู้ร่วมเดินทางรวมทั้งเราด้วย มีทั้งหมด 5 คน มี พัต จุ๋ม แตง ครูจีน 2 คน คือจุนเหมยและมีสุข เป็นทริปนึงที่สนุกมากทริปนึงที่น่าจดจำ
ออกเดินทางตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ แวะทานข้าวซอยร้านโอมา ข้าวซอยชื่อดังแห่งนครลำปาง มีทั้งเนื้อ หมู ไก่ และลูกชิ้น
หมูสะเต๊ะไร้ควัน
และขนมปังหน้าหมู
มื้อนี้ทุกจานเลี่ยนๆ มันไปซะทุกอย่าง ไม่อร่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยกินจะบอกว่าอร่อย โดยเฉพาะมีสุข กับ จุนเหมยนี่จะว่าอร่อยมากกกกกค่ะ
เรารีบเดินทางต่อไม่จำเป็นไม่หยุดพักที่ไหน ผ่านพะเยาจึงแวะกว๊านพะเยาสักกะติ๊ดนุง
แล้วมุ่งหน้าไปวัดร่องขุ่น ปล่อยให้น้องๆไปเดินกัน ส่วนเราไปครั้งที่ 5 ได้แล้วล่ะเลยนั่งรอ แต่ที่เสร็จเพิ่มมาคือ ห้องน้ำสีทองผ่องอำไพหลังนี้
ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นดอยตุงเลย แต่ว่าจะ 4 โมงเย็นแล้วขึ้นไปกลัวปิด เลยเปลี่ยนใจไปสามเหลี่ยมทองคำแทน
ปีนขึ้นไปทำบุญ
นึกสนุกอยากนั่งเรือล่องน้ำโขง และข้ามไปเที่ยวตลาดฝั่งลาว จึงไปติดต่อ ลำละ 500 บาท ไปกัน 5 คนหารแล้วแค่คนละ 100 บาทเอง สนุกมากๆ
เรือพาไปวนแถวๆฝั่งพม่า แล้วพากลับไปฝรั่งลาว จอดที่ตลาดให้พวกเราลงไปดู
มีสุข นั่งหน้าเป็นหัวเรือ
เห็นฝั่งลาวลิบๆ โน่นแล้ว
แม่น้ำโขง สีไม่ใสแต่ก็ไม่ขุ่น
ถึงฝั่งลาวแล้วจ้า เตรียมตัวลงได้
เฮๆๆ ได้เหยียบฝั่งลาวแล้วคร้า....
ตะวันตกดินพอดีเลย สวยจัง
หลักฐานว่ามาถึงลาวแล้วจิงๆ
ช้อปปิ้งเมืองลาว
รีสอร์ทเมืองลาว
บ้านที่อยู่อาศัยอาศัยของเค้า
ต้นไม้ต้นนี้แปลก ลำต้นแปลกๆ แต่ว่าใหญ่โตดี
อ้อ...ลืมบอกไปว่าต้องเสียค่าเหยียบแผ่นดินลาวด้วยนะคะ
ล่องเรือกลับฝั่งไทย
ถึงฝั่งด้วยความปลอดภัยไม่ต้องไปเป็นภูตแม่น้ำโขง
ขากลับ จุนเหมยซ่าส์มากเลยขอนั่งข้างหน้า แล้วสนุกสุดๆ คนจีนก็ซ่าส์เป็นเหมือนกันเหรอ
ถ่ายรูปกะสัญลักษณ์ให้ชาวประชาได้รู้ว่าเราได้มาเยือน
หลังจากนั้น 5 สาวมุ่งหน้าสู่แม่สายเพื่อหาอาหารบริโภค วนเวียนไปวนเวียนมาร้านที่หมายตาก็คือหมูกะทะ แต่หมูกะทะร้านนี้มีกุ้ง อาหารญี่ปุ่นให้พวกเราสวาปามกันอย่างอิ่มหมีพลีมัน
กินเสร็จก็ไปเดินถนนคนเดินแม่สาย ของขายเยอะเลย เสื้อกันหนาวเยอะแต่ไม่ถูกใจเรา เดินจนเมื่อยบวกกับอากาศหนาวเย็นรีบเข้าที่พัก เนื่องจากเค้าโทรถามแล้วว่าจะมาหรือไม่มา
คืนนี้เราพักกันที่ ชาลิสารีสอร์ท จองไว้ 2 ห้อง ไปถึงมืดตึดตื่อรีบเข้าห้องใครห้องมันก่อนละกัน จุ๋มกับพัต 1 ห้อง แตง จุนเหมย และมีสุขอีก 1 ห้อง
ห้องก็สภาพเรียบๆเหมือนอพาร์ทเม้นท์ เหมือนหอ ยังใหม่คงเพิ่งสร้างมาไม่นาน
พักห้องนี้จ๊ะ
เดินชมสภาพรีสอร์ทยามเช้า
ข้อเสียของรีสอร์ทนี้ ไม่ชอบที่เค้าเร่งรัดจะให้โอนเงินในการจองที่พัก ดูเหมือนกระหายเงินจัดๆ ทุกครั้งที่โทรติดต่อจะให้โอนเงินให้ตลอด สรุปไม่ชอบอะ แต่เหตุที่พักที่นี่เพราะว่าอยากใส่บาตรพระขี่ม้า
ระยะทางที่ไปใส่บาตรก็ไม่ได้ใกล้วเหมือนกับที่บอกไว้ วนไปวนมาและช่วงที่ขึ้นเขาทางน่ากลัวมาก กว่าจะขึ้นไปได้เกือบเอาชีวิตไม่รอด รถตู้เต็มไปหมดจนไม่มีที่จะจอด
รอนานมากกว่าพระท่านจะขี่ม้าลงมาจากยอดดอย
เณรก็มีหลายรูป แต่มีม้าขี้ไม่ครบทุกรูป
เณรเดินเรียงแถว หน้าตามอมแมม บ้างก็ยังงัวเงียเหมือนยังไม่ตื่น ถ้าใครไม่ใส่บาตรไปยืนถ่ายรูปด้วยเฉยๆ ก็มีค้อนให้ด้วย อะนะ เณรก็ยังเด็กเหมือนกันนี่นา
ใส่บาตรเสร็จก็รีบจรลีลงจากดอยเพื่อมุ่งหน้าสู่พระตำหนักดอยตุง แต่พอไปถึงแล้วไม่สามารถเข้าได้เนืองจากคนล้นหลาม ต้องจอดรถไกลมาก แล้วกว่าจะต่อแถวเข้าไปชมพระตำหนักคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ จึงเปลี่ยนใจไม่เข้า แล้วเปลี่ยนแผนไปดอยช้างมูบแทน
แต่ที่ดอยช้างมูบก็เป็นส่วนหนึ่งของแม่ฟ้าหลวงด้วยเหมือนกัน
เสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาท
ดอกไม้ที่นี่ก็เป็นดอกไม้หายาก มีหลายพันธุ์ที่หาดูได้ยาก แต่ช่วงที่ไปดอกไม้ยังสวยไม่เต็มที่เพราะยังไม่หนาวจัดเท่าไหร่นัก
ดอกป๊อปปี้ทีถ่อขึ้นมาดู
ซากุระเมืองไทยก็มีไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็ดูได้ แต่ความสวยคนละขั้ว
มองลงไปข้างล่างสวยมาก อากาศกำลังเย็นสบายเลย
เรียกไม่เป็นอะว่าอะไร ขอเรียกตะไคร่ได้ป่าวที่มันเกาะอยู่บนต้นไม้
อุ๊ย ! เกาลัด แต่พอเพ่งดีๆ 555 เหมือนมะก่อ เร้ยยยยย
เดินจนเมื่อยแล้ว อยู่ที่นี่เกือบชั่วโมงได้ ชักชวนกันให้รีบเพราะชายแดนแม่สายรอเราอยู่
ขอรูปจุนเหมยกับมีสุขไว้เป็นที่ระลึก ถ้าพวกเค้ากลับเมืองจีนแล้วคงไม่ได้พบกันอีกเลยชั่วชีวิต
รูปหมู เอ้ย รูปหมู่ก่อนขึ้นรถ วานให้คนอื่นช่วยถ่ายให้แต่ แหม! หน้างอชะมัดเลย แต่ก็ขอขอบคุณนะคะ
มาอีกทางกลับอีกทาง เลือกเส้นทางที่ไปโผล่แม่สายเลย เสี่ยงๆมาก จะมีใครรู้ว่าพวกเราบ้ากันขนาดนี้ เส้นทางหฤโหดและไม่ปลอดภัยเปี่ยวเอามากๆ เส้นทางขนฝิ่นของราชาเฮโรอีนขุนส่าหรือป่าวก็ไม่รู้
ระหว่างทางก็มีด่านตรวจอยู่เรื่อยๆ บรึยยยย แต่เส้นทางนี้ก็เคยมากับพี่ต้อครูนุ้ยเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เจริญขึ้นเลยยังน่ากลัวเหมือนเดิม
รีบกินข้าวแล้วทำเรื่องผ่านแดนข้ามไปท่าขี้เหล็ก คนเยอะล้านเจ็ด ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าจะได้ข้าม พอข้ามไปแล้วก็ไปเรียกสามล้อไปเที่ยวในหมู่บ้านพม่า เสียค่ารถคนละ 40 บาทพาไปเที่ยว หมู่บ้านกระเหรี่ยง เจดีย์ชเวดากองจำลอง และวัดพม่า ซึ่งเราเคยไปมาแล้วทั้งนั้น ยกเว้นหมู่บ้านกะเหรี่ยงอย่างเดียว
งั้นตามมาดูหมู่บ้านกระเหรี่ยงกันดีกว่า เสียค่าเข้าชมตั้ง 90 บาทแพงชิบโป้งเลย
ป้าคนนี้อายุเยอะที่สุดในหมู่บ้านนี้ อายุมากหรือน้อยดูจากจำนวนห่วงที่คอได้เลย
มีสินค้าขายเล็กน้อยแต่ว่าไม่สามารถเร้าใจให้เสียเงินได้ ฮี่ๆ ของแบบนี้ไม่อยู่ในสเปคของอะฮั่น
มีการแสดงของชาวเขาให้ดู 2 ชุด
โดนชาวเขาข่มขืนตอนไหนวะเนี่ย อยู่ดีๆก็มีลูกเป็นอีก้อกับกระเหรี่ยง
ซูมจากระยะไกล พี่สมชายบอกว่าที่แถวๆนี้ล้วนเป็นของขุนส่าทั้งสิ้น แต่ตอนนี้ตายไปแล้วก็บริจาคให้รัฐบาลบางส่วนและที่เหลือให้ลูกๆหลานๆดูแลกันต่อไป อยากเป็นญาติขุนส่าขึ้นมาในบัดดล
ขึ้นรถไปชเวดากองแต่ว่าเคยไปมาครั้งนี้ครั้งที่ 3 แล้วเลยนั่งกินไอศรีมดีกว่า ให้คนอื่นๆไปเดินเที่ยว แต่มีรูปจากมุมสูงของ จ.ท่าขี้เหล็กสักรูปก็แล้วกันนิ
หลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่ผีนักช้อปเข้าสิง ไม่สนใจใครทั้งนั้นตัวใครตัวมัน ได้กระเป๋ามา 4 ใบ เสื้อยืดโปโลฝากสามีและพี่ชายคนละตัว เสื้อกันหนาวสีชมพู 1 ตัวชอบมากเลยใส่แล้วสวยด้วย ผ้าพันคออีก 1 ผืน และขนมอีกเล็กน้อย นาฬิกาฝากพี่ต้นอีก 1 เรือน
จากนั้นรีบขับรถเข้าเมืองไปเติมน้ำมัน แต่อยู่ดีๆ รถก็เสียเลือกที่เสียได้ดีมาก ยังนึกในใจอยู่เลยว่าแม่ย่านางไม่ทำให้เราลำบากเลย รถแบตหมดหน้า 7 11 และใกล้ช่าง บรรเทาอาการอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ขับแบบไม่ยอมดับเครื่องไปจนถึงเชียงใหม่ได้อย่างปลอดภัย ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ไป 2200 บาท
ลืมบอกไปว่าพักที่ปิงบุรี แต่ว่าเป็นห้องราคาประหยัดไม่ได้หรูหราอะไร เพราะเราพักฝั่งโซนที่เก่า แต่มีอาหารเช้าให้ด้วยก็ดีเหมือนกัน
เรากับมีสุขกิน ABF แต่คนอื่นกิน ข้าวผัด
เปลี่ยนแบตเรียบร้อยรถก็พาเรามุ่งหน้าสู่ Robinson Airport ช้อปต่ออีกเล็กน้อยพร้อมกับอาหารกลางวันและแยกย้ายกับมีสุขที่นี่ บ๊าย บาย นะจ๊ะมีสุข ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ
ป๋อล๋อ.... รถเสียทำให้พลาดถนนคนเดินวันอาทิตย์ เสียดายมากๆ
Create Date : 10 มกราคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 11:43:40 น. |
Counter : 4373 Pageviews. |
|
|
|
พี่พัตหน้าใสปิ๊งๆ เล้ย