ฝนนี้ที่ภูเก็ต...Millennium Patong

16 October 2008

ออกจากวัดฉลองรีบบึ่งรถมาป่าตอง ถามทางมาตลอดก็มาถึงห้างจังซีลอน โรงแรมที่เราจะพักในคืนนี้ อยู่ติดกับห้างจังซีลอนเลยล่ะ เหตุที่ไม่เลือกโรงแรมติดทะเล เพราะกลัวสึนามิ และ Millennium ก็เป็นโรงแรมใหมสร้างหลังสึนามิ

จอดรถปั๊ป มีบริการขับรถไปเก็บให้ เราก็เดินเฉิดฉายไปเช็คอิน



พนักงานอธิบายยืดยาว เพราะเราเป็นแขก VIP ฮิๆ เค้าให้บัตรส่วนลดสปา 500 บาทและฟรีจากุชชี่สำหรับคู่ฮันนีมูน ของที่ระลึกจากห้างจังซีลอน และ upgrade ห้องให้เป็น Deluxe ด้วย



มีหลายห้องเลยค่ะ



มีน้ำล้น น้ำไหล ทำให้รู้สึกเย็นๆ แอร์ก็เย็นอยู่แล้ว รู้สึกดีมากๆ เพราะข้างนอกร้อนถึงแม้จะมีฝนตกพรำๆ เป็นบางช่วง



เราอยู่ชั้น 5 ค่ะ



เอ... มาภูเก็ตพักโรงแรมไหนๆ ทำไมมีปรับปรุงต่อเติม 2 ที่เลย ชั้น 5 บางห้องก็กำลังซ่อมแซม แต่ของเราห้องนี้ค่ะ ตามเฮียเข้าไปเลยค่ะ



น่านอนอีกแระ





แต่คราวนี้ไม่มีกุหลาบมาโรย



มาดูส่วนอื่นกันบ้างดีกว่า ต้องถ่ายรูปไว้ทุกมุม อุตส่าห์มาแล้วนี่



มุมนี้นั่งสบายที่สุดเลย





เค้ามีกล่องเล็กๆ วางไว้บนโต๊ะ เปิดออกดูเป็นช็อกโกแลตค่ะ อร่อยด้วย ให้สามี 1 ชิ้น เรากินเอง 3 ชิ้น รักสามีมากมั๊ยคะ....อิอิ กลัวเค้าอ้วน



จุกจิกๆ ที่โรงแรมมีให้ แต่ให้ Amenities ตั้ง 2 ชุดแน่ะ อยู่ในห้องน้ำ อีก 1 ข้างนอกอ่างล้างหน้าอีก 1



คนนี้กินน้ำเปลือง กินเก่งยังกะอูฐ



ห้องน้ำค่ะ แบ่งเป็นสัดส่วน ทั้งห้องอาบน้ำห้องสุขา และตรงกลางเป็นห้องแต่งตัว มีที่วางของกว้างใหญ่ ที่สำคัญน้ำไหลแรงมากๆ



ออกไปดูที่ระเบียงกันบ้าง โอ้ยโยยโยวววว เปิดม่านไปเจอ swimingpool เต็มๆ เห็นฝรั่งนอนอาบแดดตัวแดงๆ



นั่งเล่นหายเหนื่อย นี่จะบ่าย 3 แร้นนนเข้าไปในเมืองหาบะหมี่ฮกเกี้ยนกินกันดีกว่า ว่าแล้วก็ออกไปขึ้นลิฟท์ มุมนี้ถ่ายจากหน้าลิฟท์ค่ะ



มุมสูงๆ มองลงไปเป็นสวนหย่อมและน้ำพุตรงกลาง อยู่ชั้นเดียวกับ Lobby



สอบถามเส้นทางกับเบลบอย อธิบายซะละเอียดแถมวาดรูปแผนที่ให้ด้วย น่ารักจัง เฮียเลยจ่ายทิปให้ด้วยความเต็มใจ

ขับรถไปฝนก็ตก แต่ตกไม่หนัก เกือบชั่วโมงเราก็ถึงตัวเมืองภูเก็ต ขับรถวนไปวนมา หาร้านหมี่ต้นโพธิ์ ชมเมืองภูเก็ตไปด้วย ย่านตึกเก่าๆ ตึกชิโนโปรตุกิส



วนไปวนมาจอดถามดีกว่าว่าอยู่ตรงไหน ถามไปถามมา กลับกลายเป็นว่าคนท้องถิ่นบอกว่า หมี่ต้นโพธิ์ไม่อร่อยสมคำร่ำลือแล้ว ไปกินหมี่อ่าวเกดีกว่า ซึ่งข้อมูลตรงกับพนักงานที่โรงแรมแนะนำ

หมี่อ่าวเก อยู่ถนนนี้ค่ะ



เป็นร้านเล็กๆ เก่าๆ ดูไม่ค่อยน่ากิน อิอิ





เราว่าไม่อร่อยด้วยอะ มันๆ เลี่ยนๆ ไม่ชอบหมี่แบบนี้อะ ผิดหวังอย่างแรงจะไปกินโอ้เอ้ว ก็ไม่ทันเพราะเย็นแล้ว 4 โมงถามคนแถวๆนั้นเค้าบอกว่าเคยถึงบ่าย 3 ก็กลับแล้ว

งั้นเราขับรถไปเที่ยวหาดราไว ดีกว่า คันนี้แหละเช่ากับ Mastercar เป็น Vios รุ่นใหม่ ในราคาวันละ 599 ในวันธรรมดา และ 699 ในวันหยุด รวมประกันอีกวันละสามร้อยกว่าบาท จริงๆ แล้วไม่ทำประกันก็ได้ แต่ว่าภูเก็ตถนนหนทางน่ากลัวทำไว้ก็สบายใจดี เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย



หาดราไว ก็ไม่ได้ไกลมากขับรถ ครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ภูเก็ตรถเยอะจังแหะ จอดรถหน้าร้านราไวไข่มุก



เดินไม่ไกลก็ถึงชายหาด มีสะพานปลายื่นไปในทะเลให้เดินเล่น





มีคู่รักมาเดินเล่นบนสะพานหลายคู่



แต่คู่นี้น่าหมั่นไส้มะคะ



มีเรือประมง ได้อารมณ์ทะเลมั่กๆ







ได้เวลาไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรมเทพแล้ว ขับรถไปประมาณ 10 โลก็ถึง จอดรถตีนเขาแล้วเดินขึ้นไปทางลัด ขนาดลัดยังเหนื่อย

อะไร...จะขไหนหนาด คนเยอะมากๆ จับจองพื้นที่กันเต็มไปหมด แต่เราก็เบียดซ้ายเบียดขวาเข้าไปจนได้



แต่เราว่าแหลมด้านนี้สวยกว่าอีก







ให้เปรียบเทียบว่าแหลมทางด้านไหนสวยกว่ากัน





นั่งรอไม่นาน พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน เอ้ย...ตกทะเล







ใครๆ ต่างกล่าวขานกันว่า พระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรมเทพสวยที่สุด ก็สวยจริงๆนะ เพราะมองจากที่สูงทำให้เห็นแสงเจิดจ้า ระดับสายตาแบบนี้



เป็นครั้งที่ 2 ที่เราได้เห็นพระอาทิตย์ตกทะเลแบบเต็มๆ และชัดๆ ครั้งแรกเห็นที่หาดเจ้าหลาว ชายหาดรีสอร์ทบ้านตุ่ม



หลายรูปหน่อยนะคะ เพราะว่าไปภูเก็ตนี่ไม่ใช่เล่นๆ เลยค่ะ ค่าครองชีพเอย การเดินทางเอยต้องใช้ทั้งเวลาและเงินมหาศาล บางทีไปต่างประเทศยังถูกกว่าอีก

แดงฉ่ำเลยรูปนี้



ถึงแม้จะเป็นกล้องเล็กๆ แต่ฝีมือแบบเราถ่ายได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว



อันนี้อะไรไม่รู้ อยู่บนพื้นอ่านไม่เป็น ไม่รู้ความหมาย ใครรู้ช่วยบอกทีค่ะ



ขับรถต่อไป ตั้งใจขับรถเลียบชายหาดจะไปจุดชมวิว 3 อ่าว และอยากไปดูกังหันไม้ แต่ว่ามืดแล้ว ถ้าไปก็ถ่ายรูปไม่เห็นอยู่ดี เปลี่ยนใจไปทางห้าแยกฉลองดีกว่า



ถึงเวลาอาหารเย็น ร้านที่เราต้องการคือ กันเองสาขา 2 ค่ะ



คนเต็มร้านเลยค่ะ อย่าหวังว่าจะได้นั่งริมอ่าว เราต้องเข้าไปนั่งในส่วนของ Bar ทำไมไปทางไหนคนก็เยอะไปหมด นี่ขนาดช่วงโลว์ซีซั่นนะคะ



แต่ถึงคนจะเยอะ แต่อาหารไม่ช้า สั่ง แกงกะทิเนื้อปู กุ้งมะขาม ยำกันเอง และหมี่ลวกมากินกับแกงกะทิปู ข้าวสวย 1 จานเอามาแบ่งกัน



ค่าอาหารและเครื่องดื่ม มื้อนี้ 475 บาท อร่อยค่ะ อร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะหมี่กะทิเนื้อปูสมราคา 200 บาทเนื้อปูล้วนๆ เลย

กินเสร็จเรากลับโรงแรมค่ะ แต่ยังไม่ขึ้นห้องนะคะโรงแรมอยู่ในห้างแบบนี้จะพลาดโอกาสได้ยังไง



ภายในห้างมีโชว์น้ำพุและไฟในเวลา 20.30 น. มีเรือสำเภาลำใหญ่สวยงามมากๆเลย





จังซีลอนไม่ได้อยู่ติดชายหาดป่าตองนะคะ มี 3 ชั้น ไม่ได้กว้างอะไรมากมายแต่ว่าออกแบบได้สวยงามค่ะ





ของราคาค่อนข้างแพงนะคะ ที่ภูเก็ตอะไรก็แพงไปหมดเลยค่ะ ที่พัก อาหาร การเดินทาง ค่าครองชีพแพงสูง แต่เราพักที่โรงแรมมิลเลียนเนี่ยม สามารถซื้อของในห้างลด 15-30 เปอร์เซ็นต์ แล้วทางโรงแรมยังให้บัตรมารับของกำนัลฟรีที่ห้างอีก ได้แต่เดินๆ ดูอย่างเดียว ไม่นึกอยากได้อะไรเพราะก็เหมือนๆ กรุงเทพแถมต้องหอบหิ้วให้เมื่อยอีก



เดินดูแสงสีและผู้คนเมืองป่าตองดีกว่าค่ะ



มีร้านเหล้า ผับ บาร์มากมาย เต็มไปด้วยชาวต่างชาติและผู้หญิงกลางคืน



ป่าตองคึกคักแม้ยามดึกดื่น เราเดินเล่นได้สบายๆ



เดินไปถึงชายหาดเท่านั้นเอง ไม่ทันใดฝนกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เรา 2 คนเปียกปอน เรียกรถสองแถวให้ไปส่งโรงแรม คิดเงินตั้ง 200 บาททั้งที่ใกล้แค่นี้เอง เดินไปก็ไม่เกิน 500 เมตร เสียดายเงินเดินเอาถุงหิ้วคลุมหัวแล้วเปียกกลับโรงแรมก็ได้ฟร่ะ

17 October 2008

ตื่นเช้าไปจองทำสปา เพราะว่ามีบริการฟรีสำหรับคู่ฮันนีมูน แช่อ่างจากุชซี่ครึ่งชั่วโมง





ทั้งสปาและสระว่ายน้ำ อยู่ชั้นที่ 4 จะไปทำสปาต้องเดินผ่านสระว่ายน้ำ ผ่าน Fitness







มองจากสระว่ายน้ำเห็นห้องเราด้วย อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ต้องยืนบนเก้าอี้



ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ ห้องอาหารอยู่ชั้นล่าง คนเต็มไปหมดเลยมีแขกพักเยอะทั้งที่ราคาห้องพักก็ไม่ใช่จะถูก



มีอาหารให้เลือกเยอะค่ะ กินจนอิ่มจนแน่นท้อง



กินเสร็จไปเดินเล่นที่หาดป่าตอง เมื่อคืนไปถึงแล้วฝนตกไปแก้ตัวใหม่ตอนเช้าค่ะ

ฝาท่อระบายน้ำ





มีหลายคนมาชวนให้เราเช่าเรือ แต่ว่าไม่มีใครพูดภาษาไทยกับเราเลยสักคนคงคิดว่าเราเป็นต่างชาติ ไปมาเลเซียก็มีคนทักว่าเป็นญี่ปุ่น หนูลูกครึ่งค่ะ ครึ่งไทยครึ่งจีน



ผู้ชายคนนี้ยืนหันซ้ายแลขวา หันหลังให้ทะเลบอกว่าแสบตา



แว่นตาก็ไม่ชอบใส่ ต้องบังคับ





มีหัวใจมากฝากค่ะ จากเรา 2 คน





ภูเขาด้านนั้น มีคนโดดร่มด้วยค่ะ





เก้าอี้ 2 ตัวนี้ดูเหงาๆ ไหมคะ



นั่งๆก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งเกิดสึนามิค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าตรงที่นั่งอยู่นี้จะมีคนตายเกลื่อนไปหมด คิดแล้วก็กลัวค่ะรีบกลับโรงแรมดีกว่า



เดินผ่านร้านอาหารขอถ่ายกับเชพตัวน้อยน่ารักนี้หน่อยนะคะ



ได้เวลานัดทำสปาแล้วค่ะ เดินข้ามสะพานนี้ไปค่ะ





ติดต่อทำสปาได้ที่นี่ค่ะ นั่งรอเค้าเตรียมอ่างค่ะ



ห้องนี้ค่ะ ตามมาเลยค่ะ โบว์สีฟ้าจะบอกให้รู้ว่ามีคนใช้บริการอยู่ข้างในห้ามรบกวน



หอมน้ำมันหอมระเหยค่ะ ข้างในติดแอร์ไว้เย็นกำลังดี เป็นห้องส่วนตัวห้องนี้เค้ายกให้เรา 2 คนโดยเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้วค่ะ



ว้าว...น่านอนแช่เป็นที่สุด



เขินเหมือนกันนะเนี่ย แต่สบายที่สุด ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า



จากหน้าห้องทำสปาก็เป็นวิวสระแบบนี้



ขึ้นไปบนห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกทีค่ะ



แล้วลงไปสั่งคอกเทลคนละแก้ว เพราะเป็นอภินันทนาการจากโรงแรมค่ะ





สวยค่ะอยากนั่งนานๆ อ่านหนังสือเล่มโปรดและจิบเครื่องดื่มเย็นๆ



ตกแต่งได้สวยค่ะห้องนี้ ผ่อนคลายแต่ก็หรู



มาแล้วค่ะ Vergin Calada และ Lasberry Fancy 2 แก้วนี้ถ้าให้จ่ายเอง ก็ประมาณ 300 บาท



ข้างนอกร้านก็ได้รับการออกแบบอย่างดีค่ะ



ยังมีเวลาเหลือไปเดินเล่นจังซีลอนต่ออีกหน่อยค่ะ



ไฮไลท์ของห้างอยุ่ที่เรือนี้เลยค่ะ





ที่ระลึกจากห้างค่ะ ถุงใส่ ipod อาเฮียจับถุงยังกะเป็นของน่ารังเกียจ



ได้เวลาคืน Keycard แล้วค่ะ



ติดใจในบริการและความสะดวกสบายค่ะ ถ้าเป็นช่วง Hight ราคาคืนละ 5000 up ช่วง Low แบบนี้ก็ยังแพงอยู่ดีค่ะถ้า walk in แต่เราได้มาคุ้มแสนคุ้มค่ะ ก็ซื้อตั้งแต่ต้นปีไม่ให้ถูกได้ไงเนอะ

บ๊าย บาย Millennium เราต้องไปเที่ยวต่อแล้วค่ะ

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551		3 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 21:15:34 น.
Counter : 3535 Pageviews.
Share Tweet