เปรี้ยวซ้า....
น้องสาวขวัญกลับมาจากบ้านเมืองไทยแล้ว คุณน้องลาพักผ่อนไป สามสัปดาห์ครึ่ง กลับมาขนของมาฝาก เจ๊ เพียบ ถูกใจอย่างแรงก็น้ำพริกนรก 2 กระปุกนี่ล่ะค่ะ คราวนี้แหละ จะกินแต่ข้าวไข่เจียวน้ำพริกนรก ให้มันเบื่อกันไปเลย (ขี้เกียจทำกับข้าวมาก จนฝีมือตกไปเยอะ เด๋วนี้ทำไรก็จื้ด จืด เหมือนชีวิคข้าน้อยเลย) วันที่น้องสาวขวัญกลับมานี่ เป็นวันทีเพื่อนอีก 2 คนกลับจากไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอน เหมือนกัน คือ เจ๊ติ๊ กลับจากบราซิล และฟราซิสโก กลับมาจาก บาเลนเซีย สเปน ช่างพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ซะจริงๆ ฉันเองก็หัวหมุน หัวฟู แยกโปรตีนอยู่ในแลป ไม่ได้ไปรับสาวขวัญที่สถานีรถไฟ ทำงานอยู่ดีๆ เจ๊ติ๊ก็เดินเข้ามาในแลป ก็ กรี๊ดกร๊าด ทักทายกัน หน้าตาเจ๊อิดโรยมาก ท่าทางจะเจทแหลก (jet lag) ถามสารทุกข์ สุกดิบ กันแล้ว อยู่ดีๆ เจ๊ก็ถามขึ้นมาว่า " กุสุมา เธอจะจบทันสิ้นปีนี้ไหม" ฉันอึ้งกิมกี่ ฮ่วยแม่ใหญ่ ซะมาถามข้อยแบบนี้ เจ็บกระดองใจเด้ กลั้นใจตอบ"ไม่ทันหรอก ทันแค่ปิดแลป (นรก) น่าจะได้อยู่ถึงฤดูใบไม้ผลิโน่น"เจ๊ติ๊ทำหน้าตาเหนื่อยๆ แล้วบอกว่า" ฉันดีใจจังเลยที่เธอจะรียนไม่จบปีนี้" แว้ก...... แม่ป้า ทำไมพูดจาอย่างงี้ ฉันมองหน้าเจ๊แก อย่างตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก แล้วอ้อมแอ้มไปว่า "ทำไม เธอพูดแบบนี้ล่ะ"เจ๊ติ๊ " เพราะฉันต้องการความช่วยเหลือจาก เธอ สามีฉัน เขี่ยฉันทิ้งแล้ว เราเลิกกันแล้ว " ว่าแล้ว เจ๊ก็น้ำตาแตกกระจาย กุสุมา อึ้ง เสียยิ่งกว่าอึ้ง รีบเข้าไปกอดปลอบเพื่อน กอดก็กอดไม่ถนัด เพราะอีกมือยังต้องคอยเก็บโปรตีน สงสารเจ๊ติ๊มาก นี่มัน holiday หลอนชัดๆ มาทำงานเป็น post doc ทั้งเครียด ทั้งเหนื่อย ทั้งเหงา ได้กลับไปเยี่ยมบ้าน คุณซะมีดั๊นมาขอเลิกเอาซะได้ โลกถล่มสิคะ งานนี้ จาก holiday ก็กลายเป็นนรกไปเลยเต็มๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ คนเราเนี่ย บทจะไป มันเอาอะไรมาฉุดไม่อยู่จริงๆ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือ มันไม่มีวี่แวว มีปี่มีขลุ่ยอะไรเลยค่ะ ตอนที่สามีเขายังอยุ่ที่เยอรมันด้วยกัน เขาดูรักกั๊น รักกัน หวานแหวว ไอ้เราได้รับรู้โศกนาฏกรรมรัก ก็ได้แต่เศร้าใจ ห่างกัน ยังไม่ทันสองเดือนดีเลยค่ะ พี่น้อง ถ้าเป็นแฟนกันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่มันมีอยู่เนี่ย มัน "พันธะสมรส" นะคะ ถ้าไม่คิดจะอยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วจะแต่งงานกันทำไม เวรกรรมเจ๊แกหุ่นดีไปเลย เพราะผอมลง 4 กิโล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องไปพบจิตแพทย์ กินยาคลายเครียด สภาพโทรมสุดๆ ฉันก็ปลอบใจเจ๊ไป เข้าใจความรู้สึกของแกดี และรู้ดีว่าสำหรับเจ๊ต้องทุกข๋ทรมานกว่าฉัน เพราะนี่มันสามีทิ้ง ตอนฉันถูกเขี่ยทิ้ง (ไม่ใช่จากสามีนะ) ฉันก็สภาพแบบนี้แหละ จากอวบๆ น่ารัก 51 โล กลายเป็นมัมมี่ 47 โลไปเลย นรกสุดๆ แต่ก็ลดน้ำหนักได้เร็วดี กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกคนอยู่ในสภาวะประหลาด เจ๊ติ๊ ------เลิกกะสามี ซึมเศร้าอย่างแรง และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า พูดจา คิดอะไรก็ช้า เพราะฤทธิยาน้องสาวขวัญ-------- กลับมาจากบ้านเมืองไทยแล้วคิดถึงที่บ้านหนักกว่าเดิม คุณพ่อ-คุณแม่ มาส่งที่สนามบินก็พากันร้องไห้ เพราะห่วงลูก ชีวิตในด๋อยแลนด็มันแสนลำบากฟรานซิสโก----- มาอารมณ์เดียวกับขวัญ คือ ร้องเพลงพี่เบิร์ด "ฉันมาทำอะไรที่นี่...." เพราะแกรู้สึกว่าสเปนบ้านเกิดเมืองนอน แกดีเหลือแสน แล้วแกมาดิ้นรนสู้ชีวิตอยู่ที่นี่ทำไม ตัวฉัน นางสาวกุสุมา -----กำลังเครียดจนเกือบบ้ากะเรื่องเรียน โปรตีน เอนไซม์ เขียน thesis ทำงานดึกดื่นทุกวัน เท่านั้นยังไม่พอ เสือกเปิดศึก 2 ด้าน เอาปัญหาหัวใจเรื่องอีกิ๊กเก่า (ทันสมัยไหม มีกะเขาด้วยนะ) มาวุ่นวายใจอีก จองเวรจองกรรม กันอยู่นี่แหละ หลายเรื่องรุมเร้า เวลาทำงานมันลอยๆ ชอบกลทนไม่ไหว รู้สึกต้องเปลี่ยน life style ตรูจะหมกตัวตายอยู่ในแลปวันละ 12 ชั่วโมงอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว บ้าได้ที่ก็หอบหิ้วกันไปดูคอนเสิร์ตกันซะทุกวัน มาตั้งกะวันพุธ แดนซ์กันกระจาย ไม่อายคนด๋อย (คนด๋อยจะเต้นเหมือนซอมบี้ หรือไม่ก็ไม่เต้นเลย ขยับขาเฉยๆ ดนตรีจะมันแค่ไหนก็ช่าง ฉันเคยเจอนักดนตรีมาขอบใจหลังจบคอนเสิร์ต ท่าทางแกจะเสียเซล์ฟมาก เล่นอย่างมันส์ แต่ไม่มีหน้าไหน ลุกขึ้นเต้นเลย นอกจากไอ้แกงค์ต่างด้าว 2-3 คนนี่แหละ) นู่นแหละค่ะ ตกเย็นฉันไปวาดลวดลายตามคอนเสิร์ต ซ้อมกระดกแก้วไวน์ และซึบเหล้าคอกเทลวันละแก้ว สองแก้ว แล้วก็เข้านอนตอนเที่ยวคืน ตื่นมาทำงานตอนแปดโมงครึ่ง อัศจรรย์จริงๆ เล้ย......ส่วนเมื่อคืนก็ไปทำกับข้าว และตำเหล้าคาปิรินย่ากินกัน เจ๊ติ๊ขน คาชาซามาจาก บราซิล 4 ลิตร ตำกินกันเมื่อคืน หมดไปหนึ่งลิตร กินแล้วอยากจะย้ายไปอยู่ที่บราซิลจริงๆ เล้ย..... เพราะเหล้าดีมากกกกกกกกก...... อร่อยยยยยย........หอมมมมมม........กลมกล่อม...........แจ่มมมมม.............มากๆๆๆๆๆ น้ำตาลอ้อยบราซิลก็หวานเจี๊ยบ... .(เจ๊ขนมา 2 กิโล) แทบจะตบกันตาย เพราะแย่งกันกิน .......มึนเมาพอใช้ได้ เพราะข้าน้อยดันทำเก่ง กินไวน์เข้าไปผสมอีก ฟรานซิสโก้บอก "นี่กุสุมา ฉันซื้อมาเพราะเธอบอกเธอชอบ Rioja ไม่ใช่เหรอ แล้วเลือก Crianza มาให้เธอเลยนะเนี่ย จะไม่กินเลยเชียวเหรอ เปิดแล้วด้วย" เออ เออ เออ เอามา เอามา รินมา รินมา .......ได้เรื่องแล้วนั่นปะไร พูดจาอะไร ขำกลิ้งหมด สงสารฟรานซิสโก เหมือนกัน ต้องมาฟังหญิงมึนเมาสามคนคุยกัน บทสนทนาก็ แหม สตรีซ้า... จากนั้นก็เดินเป๋ร้องเพลง Don't cry for me Argentina ลงไปในเมือง เพราะเจ๊ติ๊ เปรี้ยวกว่าเพื่อน นัดน้องโธเบียส (เพื่อนอีกคน) ไปเที่ยวเธค ต่อ เอาเลยเจ๊ สู้ๆ ผู้ชายคนนั้นจะ ว่าเราไม่มีค่า ไม่น่าดึงดูด ไม่สวย ไม่เร้าใจ ก็ไม่ต้องไปแคร์ เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด เราเหมาะกับคนที่ดีกว่า อีตาผู้ชายคนนั้น......ส่วนฉัน ก็เหมือนกัน ต้องคิดแบบที่ฉันบอกเจ๊ และ เราทำได้ ......(ถ้าไปดื่มอย่างนี้ทุกวัน ก๋ไม่แน่) ปรัชญาวันนี้"เอาวะ ถึงชีวิตมันจะ บัดซบ อับเฉา เศร้าสร้อยเพียงใด ถึงอย่างไรเหล้าก็ยังอร่อยเหมือนเดิม"
555 เขียนมันส์ดี
นึกถึงตอนแก๊งต่างด้าวแด๊นซ์กระจาย ฮา 55555