Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
มนต้นไม้ขอเมาส์ ตอน...เจ้าต้นเมฆเป็นหนุ่มแล้วจ้า




เรื่องเล่าเมาส์ลูกชาย เจ้าต้นเมฆเป็นหนุ่มแล้วจ้า



วันนี้วันเด็ก สามหนุ่มเลยพากันไปกองทัพอากาศ ไปดูเครื่องบินโชว์ผาดแผลงกับฮิลิคอปเตอร์ ก่อนจะพากันไปเฝ้าบูธของพ่อดอกมะลิอีกที ปล่อยให้คนสวย เอ้ย มนต้นไม้(อ่านแล้วอย่างเพิ่งหมั่นไส้ก่อนนะคะ แค่ขำๆนะคะไม่มีอะไร) อยู่คนเดียว พูดเหมือนถูกทิ้งจริงๆแต่ไม่ใช่หรอกค่ะ พอดีสังขารไม่อำนวยมากกว่า ช่วงนี้ยืนเดินนานๆมากไม่ไหว เลยขออยู่เฝ้าบ้านแทน เห็นเด็กๆอยากไปเที่ยววันเด็กกัน เลยนึกขึ้นมาได้ว่าพี่ต้นเมฆจะเป็นหนุ่มแล้วเน้อ ไม่กี่ปีคงควงสาวแทนน้องไปทำอย่างอื่นแทนแล้วมั้ง เหอๆว่าแล้วก็เลยขอเม้าส์เจ้าต้นเมฆก่อนเลยดีกว่า

.............

ปลายปีที่ผ่านมามนต้นไม้ได้สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเจ้าต้นเมฆ จากที่เคยเป็นเด็กชายตัวน้อยๆมาปีนี้เห็นชัดเลยว่าเริ่มเปลี่ยนไป ลักษณะทางกายภาพภายนอกนี่จะเห็นชัดมาก สูงเกือบเท่าหูบนแม่แล้ว ตัวเริ่มใหญ่ หัวไหล่เริ่มตัน ที่สำคัญบ่นว่าเจ็บหน้าอกบ่อยๆ เอ๊ะ...อย่างไงเนี่ย ไอ้เราก็ไม่รู้มาก่อนว่าเด็กผู้ชายเวลาแตกเนื้อหนุ่มเนี่ยก็เป็นเหมือนกัน ไอ้ที่เรียกว่านมแตกพานเห็นทีจะใช่ ที่ว่าเปลี่ยนไปภายนอกก็เห็นจะมีประมาณนี้ นอกนั้นก็ยังเหมือนเดิม ยังเล่นเป็นเด็กๆชอบแหย่น้อง ขนหน้าแข้งกับหนวดก็ยังไม่เขียว ยังไม่มีให้โกน ฮา


พอถามพ่อดอกมะลิก็บอกว่าบ้านเขาจะเป็นหนุ่มกันช้าทุกคน กว่าจะเริ่มโตเต็มที่ก็โน้นย่างเข้าสิบห้าพอดี เราก็เลยไม่ทันได้เอ๊ะใจตอนที่เขาบอกว่าเจ็บหน้าอก นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของอาหารการกิน กินเยอะมาก ไม่รู้เอาท้องมาจากไหน เหมือนคำโบราณเขาว่าไว้ไม่มีผิด ว่าท้องยุ้งพุงกระสอบ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ แต่เรื่องนี้กลับทำให้ดีใจนะ เพราะว่าจะได้สูงใหญ่แข็งแรง แม่ช๊อบชอบ


จากเด็กตัวน้อยๆต้องจูงมือเดินกันมาตลอด มาตอนนี้กลายมาเป็นคนดูแลเราเสียแล้ว พอดีเมื่อปลายปีที่แล้วสุขภาพมนต้นไม้ไม่ค่อยดี และต้องเขาผ่าตัดใหญ่ ช่วงเวลาที่คิดว่าแย่ที่สุดกลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไป เมื่อคนที่เราเคยจูงมือ มาตอนนี้กลายเป็นคนจูงมือเราแทน พาเดินออกกำลังสลับกับเจ้าตัวเล็กขี้อ้อนอีกคน


หนำซ้ำเวลาที่ย่าไม่อยู่เขายังช่วยหุงข้าวต้มน้ำชงโอวันติน หาอะไรให้แม่กับน้องกินอีกด้วย นึกแล้วก็ดีใจแม้จะแอบมีเกเรบ้างตามประสาเด็กกำลังโต จะว่าเป็นหนุ่มก็ไม่ใช่ เป็นเด็กก็ไม่เชิง เพราะบางวันก็ยังแก้ผ้าโทงๆเล่นน้ำกับน้องอยู่เลย ดีนะที่ตาแม่ไม่เป็นกุ้งยิง พอดุเข้าแทนที่สองพี่น้องจะสลดกลับกระโดดเป็นผีจีน กระเด้งดึ้งดั้งจนพ่อแม่ฮาแตก ก่อนวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไปฮ่าๆ แต่เป็นกับที่บ้านเท่านั้น เพราะต่อหน้าย่านุ่งผ้าเรียบร้อยแถมปิดประตูลงกลอนแน่นเชียว หุๆ ไอ้เรารึนึกว่าเจ๋ง เห็นมาเล่นหนังอาร์ให้ดูเกือบทุกวัน คิดว่าที่เขาไม่อายก็เพราะเราเลี้ยงมานั่นเอง แต่ตอนหลังต้องขอร้องแถมบังคับว่าอย่าทำเลยลูกสงสารคนสวย(อีกแล้ว)เถอะ ก็เลยเพลาๆไป เดี๋ยวนี้หายขาดแล้ว


ส่วนเรื่องอื่นจะมีให้กังวลก็ตรงอารมณ์นี่แหล่ะ ช่วงนี้ฉุนเฉียวโมโหง่ายเหลือเกินแต่ก็เป็นแป๊บเดียวแหล่ะ พอเตือนเขาก็ฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นกับเจ้าต้นไม้(เจ็ดขวบ)เพราะชอบคอยไปแย่เขาอยู่เรื่อย ทะเลาะกันเป็นประจำ แต่คนข้างๆบอกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาสามคนพี่น้องผู้ชายล้วนตีกันชกกันจนพ่อแม่ปวดหัว เป็นงั้นไป...


เรื่องไปโรงเรียนนี่ก็เรื่องใหญ่เพราะว่าหลังผ่าตัดมนต้นไม้ต้องพักยาว ดีที่ว่าโรงเรียนอยู่ห่างจากบ้านไปแค่กิโลเดียว อาศัยพี่ต้นเมฆเดินนำย่าพาน้องไปโรงเรียนทุกๆวัน ไม่ได้เห็นเองว่าเขาทำอย่างไรบ้างในระหว่างนั้น แต่ย่ากลับมาเล่าให้ฟังว่าพี่เมฆจูงมือน้องไม่ปล่อยเลย(แม้บางครั้งจะลากจนแทบปลิวติดมือไปก็เถอะ) พอหลังจากนั้นสักเดือนกว่าๆมนต้นไม้ก็เดินไปส่งเอง สังเกตอยู่เหมือนกันว่าเขาจูงมือน้องตลอด ช่วงไหนมีรถเข้าออกก็จะดึงน้องเอาไว้ อืม...เหมือนที่เราเคยพร่ำบอกเลย


วันนี้เห็นแล้วว่าเขาเชื่อฟังและทำตาม ไม่ได้แค่ฟังไปวันๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่พอดีเป็นคนไม่ขี้บ่นชอบพูดเนื้อๆแบบวัยรุ่น ก็เลยได้ใจเจ้าต้นเมฆมั้ง เรื่องเดินไปโรงเรียนนี่ก็เพิ่งถูกเพื่อนแซวมาหมาดๆเมื่อวานนี้เอง ปกติก็ไม่ได้สังเกตตัวเองเพราะมัวแต่ไปสนใจคนอื่นมากกว่า สามคนแม่ลูกก็เดินไปโรงเรียนตามปกติ ทีนี้ตอนยังไม่ผ่าตัดก็จะเป็นคนเดินเร็วมากขนาดเคยมีคนว่าจะไปตามควายที่ไหน ฮ่าๆ พอดีเป็นคนชอบทำอะไรเร็วๆยกเว้นเวลาวิเคราะห์ตัวเลข เพราะถ้าพลาดแล้วเดี๋ยวยาว


มาตอนนี้สังขารมันไม่อำนวยเพราะเพิ่งผ่านผ่าตัดมาได้สี่สิบวันเอง แต่ก็ต้องทำเพราะไม่อยากรบกวนคนอื่นนานๆ เวลาเดินก็เร็วมากไม่ได้เพราะเจ็บแผล แต่ถ้าไปเที่ยวสู้ตายค่ะ เอ้ย...ไม่ใช่ ทีนี้เจ้าสองตอก็เดินจูงมือกันนำหน้าลิ่ว ทิ้งคนสวย เอ้ย...ทิ้งเราเอาไว้ข้างหลัง(ความจริงพูดถูกแล้วนะเพราะสวยที่สุดในบ้านในบ้านแล้ว ไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว แต่พอพูดอย่างนี้ทีไร เจ้าต้นเมฆต้องร้อง ...โห...แม่ ขณะที่เจ้าต้นไม้ยิ้มแก้มแทบปริ ส่วนพ่อดอกมะลิทำท่าเหมือนมีอะไรติดคอ ฮาาา)


โม้มาก ถึงไหนแล้ว อ้อ...เขาสองคนเริ่มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ มนต้นไม้เลยตะโกนเรียกพี่ต้นเมฆให้รอหน่อย แต่แทนที่จะหยุดรอเขากลับลากน้องมารับแทน มนต้นไม้ก็ไม่ได้สังเกตว่าอาการที่เขาจับมือเราเดินไปด้วยกันเนี่ยเรียกว่าถูกจูงมือ แต่ลักษณะมันคงเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะแทนที่เราจะเดินนำ แต่เขากลายเป็นคนเดินนำแทน นึกแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ เออ...ใช่ ลูกเราเป็นหนุ่มแล้ว รู้จักจูงมือสาวเดินแล้วด้วย แหะๆ ถึงแม้สาวคนนั้นจะแก่ไปหน่อยก็ตาม ความจริงไม่ทันได้นึกอะไรแบบนี้หรอก อย่างที่บอกพอโดนเพื่อนที่เขามาส่งลูกเหมือนกันแซวเข้าเราก็เลย เออ...ใช่ว่ะ


เขาแซวว่า เป็นไง ตอนนี้เดินตามลูกไม่ทัน ต้องให้ลูกจูงแล้วหรือ?(เขาไม่รู้ว่าเราไปผ่าตัดมา) หลังจากลากจนมาถึงโรงเรียน พี่ต้นเมฆก็ยอมปล่อยมือแม่อาสาพาน้องไปส่ง แต่เราพอไหวก็เลยบอกให้เขาไปเถอะ เดี๋ยวทีเหลือแม่จัดการเอง ก่อนจะขึ้นบันไดไปก็ต้องจุ๊บแก้มกันตามธรรมเนียม เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เวลาหอมนี่ต้องซ้ายขวากลางหน้าผาก แล้วกอดตบท้ายอีกทีพร้อมกับบอกว่าแม่รักลูก ซึ่งเขาก็จะทำกลับมาเหมือนกัน วันไหนทำโทษมนต้นไม้จะไม่หอม เขาบอกว่ารู้สึกแย่มาก อันนี้เขาบอกเองนะ


แต่พอขึ้นปอห้าเพื่อนๆมักจะมารอแล้วทำหน้าล้อเลียน เจ้าต้นเมฆเลยไม่ค่อยชอบให้เพื่อนรอ บางทีก็บอกให้ไปก่อนเลย มนต้นไม้เห็นอย่างนั้นแล้วก็คุยกับต้นเมฆว่าการแสดงความรักต่อคนที่เรารักไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะลูก ไม่ต้องอายเราไม่ได้ทำอะไรผิด ดูอย่างในหลวงสิ พระองค์ยังกอดยังหอมสมเด็จย่าอยู่เลย ลูกเคยเห็นใช่ไหม


เขาก็ตอบว่าครับ พร้อมส่งยิ้มให้ กิจวัตรเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพียงแต่มนต้นไม้เข้าใจดีว่าบางครอบครัวไม่ได้เป็นแบบนี้ เห็นเป็นเรื่องแปลกจึงมาล้อลูกเราคงคิดว่าเป็นลูกแหง่ (แต่ขอบอกว่าเจ้าต้นเมฆนี่นักบู๊ระดับแนวหน้า หรือไม่อย่างน้อยๆก็ประเภทพวกทะลวงฟันทีเดียวนะ แต่ว่าจะไม่ทำใครก่อนเท่านั้นเอง) เมื่อกลัวลูกอาย เลยลดเหลือจุ๊บแก้มที่หนึ่งกับกอดเท่านั้น แต่กลับต้นไม้ยังเหมือนเดิม


แต่หลังๆมานี่เขาจะแสดงออกว่ารักคนในครอบครัวมากขึ้น พูดว่ารักคนโน้นคนนี้บ่อยขึ้น(สงสัยพูดตามน้อง เพราะน้องปากเบาช่างอ้อน แต่ความจริงก็พูดอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยบ่อยเท่านี้)เป็นต้นว่า เมฆรักแม่ครับ รักพ่อครับ หรือไม่ก็พี่รักหนู(หมายถึงเจ้าต้นไม้ชอบแทนตัวเองว่าหนู) บางทีก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า เมฆขอกอดแม่หน่อย โธ่เอ้ย…เด็กน้อย หรือจะเรียกว่าหนุ่มน้อยดี รู้จักขอกอดสาวสะแล้วฮ่าๆๆ



เวลาคุยกับเด็กมนต้นไม้มักจะชอบแซวแบบเพื่อนสอนแบบพี่มากกว่า ยกเว้นเวลาทำโทษจะเน้นแบบผู้ใหญ่(มีตีด้วยนะ ไม่ใช่ว่าจะใจดีไปเสียทุกเรื่อง บางคนรับไม่ได้ แต่ว่าที่บ้านเป็นแบบนี้แหล่ะ ครูที่โรงเรียนลูกก็ตีกระหน่ำเหมือนกันเพราะเป็นชายล้วน ผู้ปกครองบางคนรับไม่ได้ไม่เคยตีลูก แทบเอาออกเลย แต่มนต้นไม้ว่าการถูกตี การต้องทนกับความคับข้องใจ แรงกดดันหรืออะไรทำนองนี้จะช่วยให้ลูกรู้จักชีวิตมากขึ้นและรับได้ทุกสภาพ


พอดีไม่ได้เลี้ยงแบบไข่ในหินก็คิดแบบนี้แหล่ะ ถูกผิดไม่รู้ แต่พอลูกถูกตีก็ไม่โวยวายเพราะรับได้เข้าใจเหตุผลที่ต้องโดนกันทั้งห้องประมาณนั้น ส่วนไอ้รุ่นพี่ที่เคยๆโดนไม้เรียวกัน พอจบออกมาก็เห็นเป็นใหญ่เป็นโตกันทั้งนั้น ระดับนายกก็มี) เคยตีต้นเมฆที่มือ แล้วลูกบอกว่าไม่เจ็บ เลยต้องอธิบายใหม่ให้เข้าใจว่า ที่แม่ตีเพราะอยากให้รู้ตัวว่าทำผิด จะได้ไม่ทำอีก แต่ถ้าไม่เจ็บเดี๋ยวจัดให้เอาไหมล่ะ จากนั้นมาเขาก็เข้าใจและแทบไม่ได้ตีอีกเลย หลังๆมานี่ส่วนใหญ่จะเป็นการปะทะคารมกันมากกว่า เอ็ย…เหนื่อยเสียยิ่งกว่าตีอีกนะ


กลับมาพูดถึงเรื่องแซวลูก ทุกๆวันที่ไปโรงเรียนจะชอบชวนคุยถามนั่นเป็นไงนี่เป็นไง มีอะไรจะเล่าให้ฟังไหม เขาก็จะเล่าให้ฟังตลอด มรดกนี่ตกทอดมาถึงเจ้าต้นไม้อีกคน บางวันแย่งกันเล่าจนแยกประสาทหูแทบไม่ทัน (ยิ่งเรื่องที่คิดว่าสำคัญเวลาพ่อดอกมะลิกลับมานี่แย่งกันเล่าอย่างกับนกกระจอกแตกรังทีเดียว เราทั้งแม่ด้วย ฮา)ทีนี้พอฟังแล้วบางเรื่องชักไม่ค่อยดี เช่นเพื่อนแอบเปิดเวปโป๊ที่โรงเรียนดูตามประสาโรงเรียนชายล้วน มนต้นไม้ก็จะอยากจะห้าม แต่ถ้าห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เราเข้าใจธรรมชาติของเด็กดีว่ากำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น


ก็จะคุยว่าอย่าทำที่โรงเรียนเพราะมันไม่เหมาะสม ถ้าครูมาเจอจะซวยได้ เคยได้ยินไหมคำว่า เมื่อความซวยมาเยือน คนอื่นทำไม่โดนแต่พอเราทำครั้งแรกไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ กลับโดนอย่างแรง ต้นเมฆเข้าใจแค่ไหนไม่รู้ แต่หลายๆครั้งต่อจากนั้นมนต้นไม้ก็ยังใช้คำพูดนี้เตือนสติลูกเสมอ ถ้าเห็นว่ามันไม่ถูกไม่ควร ซึ่งต่อมาเขาก็เข้าใจไปเองเมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์บางอย่างแบบที่เตือนเอาไว้ไม่มีผิด


มาต่อเริ่องเปิดเวปโป๊ พอไม่ทำที่โรงเรียน ตอนนั้นแค่ปอสามเอง เพื่อนพวกนั้นแก่แดดน่าดู แต่พอปอห้า เจ้าต้นเมฆก็คงจะทนสิ่งแวดล้อมไม่ไหว มีมาแอบเปิดที่บ้าน มนต้นไม้จับได้ สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเริ่มบ่อย วันหนึ่งเลยเตือนว่า เมฆ...แม่ไม่ว่าถ้าลูกจะดูเวปเหล่านี้ แต่อย่าหมกมุ่นกับมันเพราะมันจะเสียเวลาดีๆของลูกไปนะลูก หลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ทำอีก หรืออาจทำแต่ก็น้อยลงอยู่ในระดับที่รับได้


บางทีเดินๆไปเห็นเด็กผู้หญิงข้างๆโรงเรียนลูกจูงมือกับเด็กผู้ชายรุ่นพี่มอต้นเอง เราก็จะแกล้งแซวว่า เมฆมีแฟนยัง เขาก็จะโธ่…แม่ โรงเรียนมีแต่ผู้ชาย มนต้นไม้ก็จะบุ้ยใบ้ให้มองข้างๆ แล้วสอนว่าลูกเป็นผู้ชายต้องให้เกียรติ์ผู้หญิงมากๆนะลูก มีแฟนได้แม่ไม่ห้าม แต่ถ้ามีแล้วไม่สบายใจทำให้เราเสียการเรียน อย่างนี้เมฆต้องคิดเอาเองแล้วนะว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ลูกยังไม่มียังไม่เคยแม่ก็แค่พูด ถึงเวลาเมฆเองล่ะที่เป็นคนต้องตัดสินใจ


เพราะว่าแม่ก็มีแฟนตั้งแต่มอสี่ แต่พ่อกับแม่ก็คบกันช่วยกันจนพ่อได้เกียรตินิยม แม่ก็เรียนได้สามกว่า เข้าใจไหมลูก ครับ…นี่คือคำตอบสั้นๆของเด็กชายอายุสิบสองขวบ ที่ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มได้ ต้นเมฆเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีแต่มุมที่น่ารักเท่านั้น ทั้งดื้อทั้งซนแต่ก็มีเหตมีผลไม่ได้เกเรอะไร ที่สำคัญไม่ใช่พระเอกในนิยายที่ทำผิดไม่เป็น เพียงแต่เลี้ยงมากับมือเลยเข้าใจเขามากหน่อยเท่านั้นเอง


มนต้นไม้ก็แค่อยากเล่าให้ฟังถึงความเปลี่ยนแปลงของเด็กตัวเล็กๆที่เราเคยป้อนข้าวป้อนน้ำให้เท่านั้น มาตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่จะต้องรับผิดชอบอะไรต่ออะไรอีกมายในฐานะแม่ก็อยากให้ชายหนุ่มในอนาคตคนนี้มีความสุขรับมือในทุกสถานการณ์ได้เมื่อเข้าไปอยู่ในสังคม อ่านแบบเพลินๆ เล่าแบบขำๆค่ะ ไม่ได้คิดจะมาอ้างอวดอะไร ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ


ปล. ขอให้เด็กๆทุกคนมีความสุขมากๆจ้า










Create Date : 14 มกราคม 2555
Last Update : 14 มกราคม 2555 11:21:54 น. 0 comments
Counter : 851 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Setakan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





อยากให้คนที่เข้ามาได้รอยยิ้ม
และความสุขกลับไปค่ะ

..................

นิยายปี 53










นิยายปี 54










งานเขียนในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร




TOP : Users Online hits
Friends' blogs
[Add Setakan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.