Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
เที่ยวสุโขทัยตามใจสั่ง




เคยสัญญากับเพ่ดอกมะลิ จัสมินจากอเมริกาว่าจะเล่าเรื่องตอนไปเที่ยวสุโขทัย จังหวัดที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่เกรียงไกรในอดีต ประจวบเหมาะเชียว ที่วันนี้เป็นวันเพ็ญขึ้น สิบห้าค่ำเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิงสนุกกันจริงวันลอยกระทง อ้าว เพลงเร้าจาย(เมื่อสามสิบปีที่แล้ว อิๆ) พาไปนั่น ฮ่าๆ


ห่างหายไปพอสมควรแก่การคิดถึงเพราะภาระปากท้องเป็นหลัก แต่งานอดิเรกที่มีใจรักมั่น ทำให้ต้องหวนคือถิ่น(แค่อยากจะเนียนๆว่าร๊าก...คนในเครื่องแบบอายุสามสิบห้าหยก แถวๆนี้เท่านั้นเอง เหอๆๆ มีหยอด...)


ทริปสุโขทัยครานั้น ก็เมื่อไม่นานมานี่เอง ตอนที่เพ่มนเพิ่งจะเริ่มเข้าทำงานได้สามปีได้แล้วมั้ง และพอมีกะตังค์ พร้อมที่จะลุยยย...สุโขทัย ดินแดนประวัติศาตร์ ชาติไทย ฟังดูแล้วโค ตะ ระ แห่งความยิ่งใหญ่เลยอ่ะ ฮ่า... เอ้า สาวๆ อย่ารอช้าตามมาเป็นสรี ในสมัยสุโขทัยกันเร็ว อิๆ


เพ่มนมีสารถีประจำตัวที่มีความชอบท่องเที่ยวคล้ายๆกัน ก็เรียกว่าโชคดีไป พ่อดอกมะลิของเพ่มนขับขึ้นเหนือโดยใช้เส้นถนนพหลโยธินจนถึงนครสวรรค์แล้วแยกพุ่งตรงไปจังหวัดสุโขทัย จำได้ว่าออกจากบ้านที่ท่าอิฐประมาณตีสามตีสี่ ฟ้าสางจางปางอีกทีก็ใกล้ จะถึงนครสวรรค์แล้วมั้ง อันนี้ถ้าเพลาคลาดเคลื่อน สรีผู้งามงดขอประทานอภัย สำนวนเป็นยี่เกไปหน่อย แต่ถ้าทำให้คนอ่านพึงมีรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยได้ ผู้เล่าขานตำนานเมืองสุโขทัยก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความยินดี ฮิๆ


แวะทานข้าวเช้าแถวๆนั้นแหล่ะ ก่อนจะบึ่งรถโรดไปสุโขทัยต่อเลยอ่ะ ถึงสุโขทัยตอนสายๆซักสิบเอ็ดโมงแก่ๆ เพ่มนก็แวะเข้ากสิกรสาขาสุโขทัย เลยที่เดียว เพราะเรามันศิษย์มีครู มิได้มาแบบตัวเปล่าเล่าเปลือย ที่พูดอย่างนี้เพราะเพ่มนมีผุ้อุปถัมภ์ เป็นเพ่ที่ทำงาน อดีตผจก.สาขาสุโขทัยหลายสมัย แต่ตอนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ สนญ.เสียแล้ว อันที่จริงจะเรียกว่าอาหรือลุงถ้าจะเหมาะกับอายุเพ่เค้ามากกว่า ฮ่าๆ ขำตอนที่ทำงานอยุ่ เพ่ที่ทำงานอายุคราวม่าม๊าปาป๋า แต่ก็ยังให้เราเรียกเพ่ อิๆ แต่ถ้าไม่เรียกเพ่ แล้วเรียกเป็นอย่างอื่นคงฮา...พิลึก


ทำให้เพ่มนคิดได้ว่าควรจะเรียกสุดสวยที่บ้านว่าเจ้... น่าจะดีนะ ตั้งแต่นั้นมา เพ่มนก็เรียกม่าม๊าเพ่มนว่าเจ้....ตลอด เรียกแบบนี้แม่ชอบหรือเปล่าไม่รุ้ แต่เรียกที่ไร ยิ้มแก็มบานทุกที ฮ่าๆ เจ้...ของฉาน


เอ้า..นอกเรื่องไปเยอะเลย เล่าต่อละกัน ด้วยว่าเพลาที่พี่มนจะล่องขึ้นมาเที่ยวยามนี้อ่ะ.....เป็นช่วงที่เรียกว่า เค้ากำลังจะจัดงานแสงสีเสียงที่อุทยานประวัติศาสตร์ พอดิบพอดี (เรียกว่าเพ่มนวางแผนล่วงหน้าอย่างแยบคายมั๊กๆ ขอบอก) ที่ต้องเล่าให้ฟัง เพราะว่าถ้าใครเที่ยวบ่อยๆคงจะรุ้ว่าช่วงไหนที่ไหนมีงานดังแบบว่าเป็นที่นิยม เหมือนมีมหกรรม บรรดาที่พักและอาหารการกิน รวมทั้งสรรพสิ่งรอบๆข้างจะโค ตะ ระ แห่งความแพง ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว และอาจจะหาที่พักแรมไม่ได้เอาซะด้วย ที่พักที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหรือจัดงาน ก็จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งหัวหงอกหัวดำ เอ้ย... ทั้งไทยทั้งเทศ จะถ่ายรูปแต่ละที มักจะติดหัวแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

พลุที่จุดในงานแสงสีเสียง




ปกติเพ่มนมักไม่นิยมมาเที่ยวช่วงเทศกาล แต่งานนี้จำเป็น เพราะอยากมาเที่ยวงานแสงสีเสียง และงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ เพ่มนอยากมามากๆ เลย แต่ก็ขอบอกว่าต้องเตรียมใจไว้ก่อน พราะคะเนดุแล้วผู้คนนับแสนพระยะค่ะ (สุดสวยรับมะได้จริงๆ แต่ก็หนีไม่พ้น อิๆ) ก็อย่างที่รุ้ๆกันอ่ะนะว่าะสุโขทัย ขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์ อารยธรรมประเพณีที่งดงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่แล้ว


ช่วงเวลาที่ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวแบบอุ่นหนาฝาคลั่งอยุ่สองงานใหญ่ๆ คืองานหลักจะเป็นงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ปล่อยประธีปโคมลอย และก็จะมีงานที่ยิ่งใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนั่นก็คือว่าแสงสีเสียงประวัติศาตร์ของเมืองสุโขทัยนั่นเอง ควบคู่กันไปในคราเดียวเลยอ่ะ เพ่มนขอเรียกว่างานช้างละกัน ด้วยว่าคนเยอะมโหฬาบานตะไท ชัวรื คิดสะระตะ แล้วเพ่มนเลยลางานล่วงหน้ามาก่อนวันหนึ่งเพื่อขึ้นมาเที่ยวดักหน้ามหาชน อย่างนกรุ้ อิๆ(แปลว่า รุ้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนอ่ะจ้า สำนวนโบ นิดหน่อย แต่พอรับได้อ่ะนะ)


ทีนี้พอมาถึงก็ไปหาเพ่ที่เป็นลูกน้องเก่าซึ่งเคยเป็นผจก.สาขาที่นี่มาก่อน ให้พาไปที่พักราคากันเองแต่ดูโอเค ไม่จิ้งหรีด เอ้ย ไม่น่าเกลียดจนเกินไป และที่สำคัญเอาแบบไม่ไกลอุทยานประวัติศาสตร์ที่จะเป็นสถานที่จัดงานยามค่ำคืน นอกจากนี้แล้วยังมารับตั๋วที่ต้องจองเอาไว้ล่วงหน้าอีกเกือบเดือนด้วยอ่ะ แต่ก็คุ้มค่าที่รอคอยเพราะได้ที่นั่งแบบว่าหลังพวกซ้อๆ วีไอพีแถวเดียว งานนี้เพ่มนได้เฮ ต้องขอขอบคุณเพ่ๆที่ใจดีเอื้อเฟื้อน้องสาวคนนี้ตลอดมานะค้า ก่อนอื่นขอเปิดตัวเมืองสุโขทัยด้วยคำขวัญก่อนอื่นเลย


" กำเนิดอักษรไทย งานใหญ่ลอยกระทง มั่นคงพุทธศาสนา
พระแม่ย่ามิ่งเมือง อดีตรุ่งเรืองคือเมืองสุโขทัย "

ข้างบนเป็น คำขวัญเดิม ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงคำขวัญใหม่หลังจากที่สุโขทัยได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก


“มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา
งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข”

คำขวัญโดยอาจารย์สำราญ สีแก็ว

ตามธรรมเนียมขอเพ่มนเรื่องเล่าที่ดูเหมือนไม่มีสาระแต่ขอสอดแทรกสาระไว้หน่อยอ่ะ จังหวัดสุโขทัยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม โดยตอนเหนือเป็นที่ราบสูงมีภูเขาเป็นพืดยาวมาทางทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดแพร่ และอุตรดิตถ์ พื้นที่ตอนกลางเป็นที่ราบและตอนใต้เป็นที่ราบสูง มีแม่น้ำไหลผ่านจากเหนือลงใต้ โดยผ่านพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสำโรง เมืองสุโขทัย และอำเภอ กงไกรลาศ เป็นระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร อาณาเขตทางทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดกำแพงเพชร และพิษณุโลก ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดตาก และลำปาง และทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดพิษณุโลก และอุตรดิตถ์

สวยทุกรูปเลยอย่างให้เห็นด้วยอ่ะ



สุโขทัยมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ก่อนจะกลายมาเป็นจังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน สาวๆทราบไม่ค่ะว่าแต่เดิม ก่อนจะเป็นจังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน ตัวเมืองในปัจจุบันนี้มิใช่กรุงสุโขทัยอันเป็นราชธานีเดิมมาก่อน แต่เป็นเมืองสุโขทัยที่ ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๑ แห่งราชวงศ์จักรีทรงย้ายผู้คนทั้งหมดจากพื้นที่สุโขทัยเดิม มาตั้งเมืองใหม่ทางฝั่งตะวันออกของลำน้ำยมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๖ โดยห่างจากตัวเมืองสุโขทัยที่เคยเป็นราชธานี ๑๒ กิโลเมตร เพราะมีพระดำริว่า เมืองสุโขทัยเป็นเมืองใหม่ไม่มีผู้คนพอจะต่อสู้รักษาให้พ้นจากการรุกรานจากพม่าข้าศึกได้ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เมืองสุโขทัยเคยเป็นอำเภอที่มีชื่อว่า "อำเภอธานี" มาก่อนโดยขึ้นอยู่กับอำเภอสวรรคโลก จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๘๒ ทางการจึงได้ยกฐานะเป็นจังหวัดดังปรากฏอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้


คำว่า "สุโขทัย" มาจากสองคำ คือ "สุข+อุทัย" หมายความว่า "รุ่งอรุณแห่งความสุข" จังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน ในอดีตเคยเป็นอาณาจักรสุโขทัยมาก่อนเป็นอาณาจักรแรกของชนชาติไทยมีประวัติความเป็นมายาวนานถึง ๗๐๐ ปี และปัจจุบันก็นับเป็นจังหวัดที่เป็นมรดกโลกอีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยด้วยจ้าเอาเป็นว่าเล่าความเป็นมากันพอเป็นพิธีละกันนะ

ยามค่ำคืนก็งดงามมากๆ โบราณสถานต่างๆ ถูกสาดส่องด้วยแสงไฟ



เพ่สมุหบัญชีเค้ากะลังติดลูกค้าอยุ่พอดี แต่ก็ใกล้พักเที่ยวแล้วหล่ะ เพ่มนกับฝาชีรอซักพักเพ่เค้าก็ขับรถพาไปที่พัก จากนั้นเพ่เค้าก็ขอตัวกะร่างกาย อิๆ ไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ บอกว่าเย็นจะมาพาเพ่มนไปหาอะไรทานอร่อยๆ กัน แต่เพ่มนกราบขอบพระคุณงามๆ แล้วบอกว่าไม่เป็นไรค่ะเพ่ เพราะน้องมนคนงามอาจจะกลับเข้าเมืองมาไม่ทันเพราะโปรแกรมออนทัวร์เพียบ เลยขอลากันสียตรงนั้นเอง เพ่เค้าน่ารักในดีมากเลย ไม่รุ้ว่าที่เพ่มนกะฝาชีปฏิเสธไปแกจะเสียใจมากหรือเปล่า แต่เท่าที่รุ้เห็นแกยกมือตีปีกพรั๊บๆ ไม่เลี้ยวหลังกลับมาเลยฮ่าๆ ไม่ช่าย... ล้อเล่น


เอาเป็นว่าเพ่มนก็กะสารถีสุดที่เลิฟก็ไม่มีกางขวางคอ เอ้ย ...เพ่ก็ขับรถไปทานข้าวกลางวันกันแถวอุทยานประวัติศาสตร์นั่นแหล่ะค้า กะว่าจะเดินเล่นเก็บรูปสวยๆซะก่อนค่ำ แล้วจึงค่อยเข้าไปดูงานแสงสีเสียงตระการตา บอกเล่าความเป็นมาของอาณาจักรสุโขทัย เรียกว่าสุดสวยอลังการเพราะใช้พื้นที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงเมื่อหลายร้อยปีก่อน เพ่มนนั่งดูไปทั้งทึ่งแอนด์อึ่ง ในความยิ่งใหญ่ของชนชาติไทยบรรพบุรษของเราจริงๆเลยค้าสาวๆ


งานแสงสีเสียงอีกรูปจ้า



สุโขทัย ในอดีตเคยเป็นราชธานีแห่งแรกของชาติไทย เมื่อ 700 ปีมาแล้ว ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนึ่งในเขตภาคเหนือตอนล่าง โขทัยได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ. ศ. 1800 มีการสถาปนาราชวงศ์พระร่วงขึ้นปกครองสุโขทัย โดยมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นปฐมกษัตริย์ ตลอดระยะเวลา 120 ปี ราชวงศ์


สุโขทัย มีกษัตริย์ปกครองหลายพระองค์ ที่สำคัญคือ "พ่อขุนรามคำแหงมหาราช" ผู้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย และวางรากฐานการเมือง การปกครอง ศาสนา ตลอดจนขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง และด้วยความสำคัญในฐานะที่เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะของไทยในสมัยเริ่มสร้างอาณาจักรที่ยังหลงเหลืออยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก โดยองค์การ UNESCO เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2534

บรรยายกาศตอนกลางวันสดชื่นสวยงาม




อาณาเขต จังหวัดสุโขทัยอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 427 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 6,596 ตารางกิโลเมตร


ตอนเย็นๆเพ่มนก็รีบไปหาอะไรทานแล้วเราสองคนก็รีบไปด้อมๆมองแถวอุทยานเพื่อเก็บภาพสวยๆ ที่งานแสงสีเสียงที่เพ่มนใช้เวลาในการชมแสดงเกือบสามชั่วโมง เล่าถึงความเป็นไปเป็นมาของอาณาจักรจนกระทั่งกลายเป็นจังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน ประมาณนี้อ่ะค้า


สาวๆ ก็ลองตามมาอ่านละกัน เรียกว่าคนดูตื่นตาตื่นใจในฉากที่เนรมิตขึ้นบนสถานที่จริง ตัวละครก็แต่งกายเต็มยศ ย้อนอดีตโบราณอย่างสวยงามแยบยล ก่อนจะมีการตบท้ายด้วย สืบสานเล่าขานนางนพมาศด้วยอ่ะ แต่เพ่มนขอเล่าเฉพาะความเป็นมาก่อนละกันจ้า สาวๆคนไหนสนใจ ก็ลองขึ้นไปดุเอาเองละกัน รับรองไม่เสียใจที่ได้ไปเยือนจังหวัดที่ได้รับยกย่องว่าเป็นมรดกโลกเลยที่เดียว

รูปงานแสงสีเสียงจ้า




อาณาจักรสุโขทัยเมื่อแรกตั้งเป็นอาณาจักรเล็กๆ สมัยที่รุ่งเรืองที่สุดคือสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีอาณาเขตทิศเหนือจรดเมืองลำพูน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจรดเทือกเขาดงพญาเย็น และภูเขาพนมดงรัก ทิศตะวันตกจรดเมืองหงศาวดี ทิศใต้จรดแหลมมาลายู มีกษัตริย์ปกครองเป็นเอกราชติดต่อกัน 6 พระองค์ อาณาจักรสุโขทัยเสื่อมลงและตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาเมื่อสมัยพญาไสลือไท โดยทำสงครามปราชัยแก่พระบรมราชาที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ.1921


ลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ ได้อธิบายไว้ว่าวิธีการปกครองในสมัยสุโขทัยนั้น นับถือพระเจ้าแผ่นดินอย่างบิดาของประชาชนทั้งปวง คำว่าปกครองแบบพ่อปกครองลูกนี้ มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อจิตใจของ คนไทยเป็นอย่างยิ่ง พระเจ้าแผ่นดินสมัยสุโขทัยตอนต้น ประชาชนมักใช้คำแทนตัวท่านว่า "พ่อขุน" จนถึงสมัยกรุงอยุธยารุ่งเรือง และยึดครอบสุโขทัยได้ ก็นำเอาของขอมเข้ามาแทรกแซงก็ได้เปลี่ยนไปใช้คำว่า "พระยา "แทน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับกษัตริย์ซึ่งเดิมเปรียบ เสมือนพ่อกับลูก ได้กลายสภาพเป็นข้ากับเจ้าบ่าวกับนายไป


เมื่อ พ.ศ. 1826 พ่อขุนรามคำแหงได้ทรงคิดค้นประดิษฐ์ ลายสือไท หรืออักษรไทยขึ้น แล้วโปรดให้ทำการจารึกไว้ในแท่งศิลาหินชนวนสี่เหลี่ยมสูง 111 เซนติเมตร


อาณาจักรสุโขทัยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจอยู่ที่การเกษตรเป็นหลัก โดยมีการค้าและการทำเครื่องสังคโลกเป็นส่วนประกอบสำคัญ จากหลักฐานต่างๆ เท่าที่ได้ค้นพบและศึกษาค้รนคว้ากันมา เศรษฐกิจของอาณาจักรสุโขทัยน่าจะมีเพียงแค่พอกินพอใช้ในอาณาจักรเท่านั้น มิได้มีความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์มากเท่ากับอาณาจักรอยุธยา ทั้งนี้เพราะสภาพภูมิศาสตร์และทำเลที่ตั้งของอาณาจักรสุโขทัยไม่เอื้อต่อการเพาะปลูกและการเป็นศูนย์การค้ามากเท่ากับอาณาจักรศรีอยุธยา



ซึ่งมีอาณาบริเวณอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง สภาพทางเศรษฐกิจที่ไม่อุดมสมบูรณ์มากนี้เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้อาณาจักรสุโขทัยไม่สามารถมีอำนาจทางการเมืองอยู่ได้ยืนนาน
แม้กรุงสุโขทัยจะมีอายุยืนนานถึง 20 0 ปี มีพระมหากษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงสืบต่อกันมา 9 รัชกาล แต่สุโขทัยก็มีอิสระเฉพาะ 120 ปีแรก ช่วงที่เจริญทึ่สุดคือ สมัยของพ่อขุนรามคำแหง

อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง



ในสมัยของพระยาเลอไท ราชโอรสของพ่อขุนรามคำแหง ได้นำพระพุทธศาสนา “ลัทธิลังกาวงศ์” มาเผยแพร่เพิ่มเติม เป็นการปลูกฝังพุทธศาสนาให้กับชาวสุโขทัย และในสมัยเดียวกันนี้เองพบว่ามีการจารึกของขอมว่า ประมาณ พ.ศ. 1860 ปรากฏว่าเมืองรามัญเป็นกบฎ พระเจ้าหฤทัยชัยเชษฐฯ ได้ยกกองทัพไปปราบปรามไม่สำเร็จ จนเป็นเหตุให้เกิดการแข็งเมืองตั้งแต่นั้นมา ทำให้ชาวสยามทางภาคกลาง พวกเมืองละโว้ และเมืองสุพรรณบุรี ภายใต้การนำของพระเจ้าอู่ทอง ได้อพยพมาตั้งอาณาจักรใหม่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเรียกว่า “กรุงศรีอยุธยา”


สมัยพญาลิไทย หรือพระมหาธรรมราชาที่ 1 โอรสของพระยาเลอไทยในจารึกว่า “พระธรรมราชา” ทรงทำนุบำรุงบ้านเมืองโดยการทำการขุดคลอง ทำถนน ถวายเป็นพระราชกุศลต่อพระบิดา ถนนนี้เรียกว่า “ถนนพระร่วง” มีความยาวจากเมืองกำแพงเพชรไปเมืองสุโขทัยต่อไปจนถึงเมืองสวรรคโลก ในปี พ.ศ. 1902 พระองค์ทรงสร้างพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่หลายองค์ เช่น พระศรีศากยมุนี (เดิมเป็นพระประธานอยู่ในวิหารหลวงวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย ปัจจุบันได้อัญเชิญมาไว้ที่พระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ) และทรงโปรดให้แต่งหนังสือเรื่อง “ไตรภูมิพระร่วง” ซึ่งถือเป็นหนังสือสำคัญทางประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทยเล่มหนึ่ง


สมัยพญาลือไท หรือพระมหาธรรมราชาที่ 2 โอรสของพญาลิไทย ครองราชย์ พ.ศ. 1812 ได้ยกทัพปราบปรามเมืองเหนือที่แข็งเมืองจนยอมแพ้อ่อนน้อมต่อกรุงสุโขทัย จนถึง พ.ศ. 1914 กรุงศรีอยุธยาได้ยกทัพมาตีสุโขทัย รบกันอยู่ 6 ปี กรุงศรีอยุธยาสามารถยึดครองเมืองต่างๆ โดยรอบสุโขทัยไว้ได้ สมัยพญาไสเลอไทย หรือพระมหาธรรมราชาที่ 3 โอรสของพระมหาธรรมราชาที่ 2 ในสมัยนี้พระองค์ทำสงครามกับสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว) กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้ตีหัวเมืองฝ่ายเหนือไว้ในอำนาจขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา ราชธานีจึงย้ายมาอยู่ที่เมืองสองแคว (เมืองพิษณุโลก)


สมัยพญาปาลราช หรือพระมหาธรรมราชาที่ 4 โอรสของพระมหาธรรมราชาที่ 3 ครองราชย์อยู่ที่เมืองสองแคว (เมืองพิษณุโลก) ใน พ.ศ. 1962 – 1981 เป็นสมัยที่กรุงสุโขทัยตกเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาแล้ว เมื่อสิ้นสมัยพญาปาลราช กรุงสุโขทัยก็ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา นับเป็นการสิ้นสุดของอาณาสุโขทัย อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่อาณาจักรหนึ่งของชนชาติไทย

รูปบรรยากาศในงานแสงสีเสียง ขอบอก ฮือฮา...มากค้า



กว่าจะจบนั่งกันจนเมื่อยแก้มก้นกันไปเลย พอการแสดงจบเพ่มนก็ยังเดินเที่ยวงานต่อคล้ายๆงานวัดอยู่นานเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่วายรถติด เกิดการจราจรคับคั่ง เรียกว่าเซ็งกันเป็นแถวๆ กว่าจะกลับถึงที่พัก เพ่มนใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะออกจากงานได้ อิๆ ดีที่มีคนขับให้ เพ่ก็เลยขอหลับยาวเอาแรงไว้เที่ยววันพรุ่ง หลับรวดเดียวจนถึงรร.เลยอ่ะ ดูเวลาจ๊าก........ เที่ยงคืนแล้ว ที่เห็นๆรถส่วนใหญ่ก็ทะเบียน กทม. ทั้งน้าน เฮ้อ...ฝูงชนคนเมืองนั่นเอง


วันรุ่งขึ้นเพ่มนก็เดินทางไปดุสิ่งที่ขึ้นชื่อควบคู่กับจังหวัดก็คือทองสุโขทัย ที่อำเภอศรีสัชนาลัย ก็ได้ไปดุเฉยๆอ่ะ มะมีตังค์ซื้อ มันสวยมากเลยแต่ราคาก็แพงมากด้วยจิ อิๆ ไหนๆมาแล้วก็ต้องเลือกมาร้านดั้งเดิมกันเลยทีเดียวชื่อว่าร้านสมสมัยจ้า ถ้ามาไม่ถุกเดียวหาแผนที่ให้ อ่า.... ไม่ได้ค่าน้ำร้อนน้ำชาอะไร แต่อยากบอกต่อว่างานทองเค้าสวยหยด อ่ะ เลยอยากบอกต่ออิๆ สุโขทัยมีประวัติความเป็นมายาวนานเท่าไหร่ ทองสุโขทัยก็มีประวัติทองความเป็นไปไม่แพ้กันเลยอ่ะสาวๆ อันนี้ไม่ต้องบอกก็รุ้อิๆ

ขบวนการทำทองโบราณ



“ ทองโบราณ ” ก็คือทองสุโขทัยที่ทำลวดลายเลียนแบบทองโบราณ โดยใช้ทองเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99 % ในการผลิตชิ้นงาน และเป็นงานหัตถกรรมที่ผลิตด้วยมือ โดยอาศัยเครื่องมือที่ผลิตขึ้นมาใช้เองอย่างง่าย ๆ ด้วยช่างที่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน เล่ากันต่อๆมาว่าสมัยก่อนมีช่างชาวจีน 2 คนจากกรุงเทพฯ ชื่อพ้ง กับ ขุ่ย ล่องเรือมาเพื่อหาพื้นที่ตั้งถิ่นฐานทำมาหากิน โดยใช้ฝีมือด้านการทำทอง ในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ ในที่สุดก็ตกลงใจตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ ต. ศรีสัชนาลัย จ. สุโขทัย



แต่ด้วยที่ช่างชาวจีนนั้นเป็นคนต่างชาติต่างภาษา การจะเข้ามาตั้งหลักปักฐานทำกินในจังหวัดสุโขทัยจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่น นายเชื้อ วงศ์ใหญ่ คุณพ่อคุณสมสมัยได้เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ และในเวลาต่อมาจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาช่างทองจากช่างทองชาวจีนท่านนั้น นายเชื้อใช้เวลาสั่งสมและศึกษาขั้นตอนการทำทองทุกรูปแบบ จนกระทั่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง จึงเปิดร้านทองขึ้นมารับทำทองตามสั่ง คือ ร้านทองสมสมัย และในร้านปัจจุบันนี้ก็คือร้าน ๆ เดียวกับที่เปิดครั้งแรก

ช่วงแรกนายเชื้อจะรับทำทองตามสั่งเพียงอย่างเดียว ยังไม่มีทองรูปพรรณวางจำหน่าย เมื่อลูกค้าต้องการสร้อยสักหนึ่งเส้นก็ต้องนำทองมาสั่งทำ ส่วนรูปแบบที่จะจำจะเป็นแบบเรียบง่ายธรรมดา ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากทองทั่วไปในท้องตลาดยุคนั้น นอกจากกรรมวิธีการผลิตเท่านั้นที่ใช้มือทำขึ้นมาล้วน ๆ โดยอาศัยเครื่องมือง่าย ๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เองส่วนเนื้อทองก็ใช้ทอง 96.5 %

ในเวลาต่อมานายเชื้อก็ได้ถ่ายทอดวิชาช่างทองให้แก่คุณสมสมัย ลูกสาวซึ่งเป็นคนรักในงานศิลปะ ได้ใช้พื้นฐานความรู้เรื่องการทำทองที่สืบทอดมาจากคุณพ่อในการแกะ ลวดลายออกมาว่าสร้อยเส้นนั้นเริ่มต้นและสิ้นสุดการถักอย่างไร เพียรพยายามค่อย ๆ แกะลายออกมาทีละปล้องทีละข้อ จนสามารถทราบถึงขั้นตอนในการทำ งานสุโขทัยในช่วงแรกๆ นั้นเป็นงานผลิตตามสั่ง กล่าวคือ เมื่อลูกค้าต้องการสร้อยสักเส้นก็จะนำทองมาให้ทำ ทางร้านก็จะคิดเฉพาะค่าแรงเท่านั้น แบบในช่วงแรก ๆ จะมีไม่หลากหลายมากนักจะเป็นเพียงเส้นถักและลูกปะคำติดลายต่าง ๆ ร้อยกับเส้นถักเท่านั้น ในเวลาต่อมาจึงค่อย ๆ พัฒนารูปแบบมีการเดินลายงานฉลุ และลงยา

ในระยะแรกกลุ่มลูกค้าของทองสุโขทัย คือคนที่สนใจนิยมสะสมของเก่าและชื่นชอบในงานศิลปะ และเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากราคาขายที่สูงกว่าราคาทองปกติ เหตุที่ราคาทองสุโขทัยราคาสูงกว่าทองธรรมดาทั่วไป (ทองตู้แดง 96.5% ) ก็เพราะทองสุโขทัยเป็นงานหัตถกรรมที่ใช้มือทำขึ้นมาล้วน ๆ ต้องใช้เวลาในการผลิตนานและได้ปริมาณน้อย นอกจากนี้ยังใช้ทองสูง 99.99% คุณสมสมัยคิดว่าถ้านำทองเปอร์เซ็นต์สูงมาใช้ในการผลิต จะทำให้งานทองมีคุณค่าและสวยงามแปลกตา จึงเป็นผู้ริเริ่มนำทอง 99.99% มาผลิตชิ้นงาน เพื่อให้งานมีความสวยงามเช่นทองในสมัยโบราณตั้งแต่นั้นมา

เครื่องประดับเข็มขัดทองสุโขทัยที่ทำจากมือทั้งเส้น



เมื่อทองสุโขทัยเข้าตลาดได้สักระยะหนึ่งจึงเริ่มแพร่หลายและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้น จากเดิมที่จำกัดกลุ่มเพียงแค่วงแคบ ๆ เฉพาะลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ก็ขยายกว้างออกไป เนื่องจากทองสุโขทัยเป็นงานฝืมือที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวสวยงามแปลกตา และมีรูปแบบหลากหลายแต่ละชิ้นล้วนถูกบรรจงประดิษฐ์ประดอยด้วยฝีมือช่างในท้องถิ่น การผลิตชิ้นงานใช้เวลานานและผลิตได้ปริมาณไม่มากนัก และขณะนั้นช่างฝีมือดีก็มีจำนวนน้อย

จากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง จึงไม่สามารถที่จะผลิตได้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า เพราะขณะนั้นร้านมีช่างเพียง 4-5 คนเท่านั้น คุณสมสมัยจึงเริ่มคิดที่จะขยายการผลิตโดยการฝึกช่างขึ้นมาเองจากคนในหมู่บ้าน จึงได้เริ่มสอนเด็กในหมู่บ้านให้รู้จักวิธีการทำทอง ชิ้นงานที่ได้ออกมาก็ปราณีตบรรจงในที่สุด จนเรียกได้เต็มปากว่างานทองสุโขทัยเป็น “ งานปราณีตศิลป์ “ โดยแท้

เนื่องจากทองสุโขทัยได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของลูกค้ามากขึ้นนี้เอง ทำให้มีผู้ผลิตรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมาเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้แรงงานในท้องถิ่นอยู่ ต่อมาเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2540 ประกอบกับปัญหาในเรื่องการดำเนินงาน ทำให้บางร้านต้องเลิกกิจการไปส่วนที่ยังเหลือทำอยู่ปัจจุบันจึงมีจำนวนไม่มากนัก หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีร้านทองสมสมัยผู้ริเริ่มงานทองสุโขทัยรวมอยู่ด้วย ยังคงผลิตผลงานที่มีคุณภาพให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของสังคมต่อไป

ก็อย่างที่บอกละค้าเพ่มนก็ได้มีโอกาสเข้าไปดุขบวนการทำทองสุโขทัยที่ร้านสมสมัยมาด้วย ก็ประทับใจในฝีมือภูมิปัญญาท้องถิ่นจริงๆงานทองที่นี่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ดดเด่นไม่เหมือนใคร ว่าแล้ว น่าจะหาเอาไว้ซักเส้นดีป่ะสาวๆ ถ้าสาวคนใดได้แวะไปที่สุโขทัยก็อย่าลืมแวะดุไปชมไปหาซื้อเก็บไว้หมั้นหนุ่มๆ เอ้ย หมั้นเพ่หนุ่ม ซักห้าบาทสิบาทพอมี อิๆ ขอแอบเนียน ฮ่าๆ ก็มาตามแผนที่นี้ละกัน อิๆ

การเดินทางเส้นทางที่1 ตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านนครสวรรค์ ตรงมายังกำแพงเพชรเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านอำเภอพรานกระต่าย อำเภอคีรีมาศ เข้าอำเภอเมืองสุโขทัย แล้วต่อไปยังอำเภอศรีสัชนาลัย ระยะทางประมาณ 440 กิโลเมตรเส้นทางที่2 ตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านนครสวรรค์ เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 117 ตรงเข้าพิษณุโลก ถึงพิษณุโลกเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 วิ่งตรงมาตัดทางหลวงหมายเลข 101 ที่อำเภอศรีสำโรงแล้วเลี้ยวขวาตรงมายังอำเภอศรีสัชนาลัย รวมระยะทางประมาณ 420กิโลเมตร

ไปไม่ถูกมีแผนที่แถมให้ อิๆ



อันนะต่อไปก็จะพาไปดุของดีคุ่เมืองสุโขทัยอีกอย่างคือเครื่องสังคโลก สาวๆหลายๆคนก็คงพอจะจำกันได้สมัยเรียน เครื่องสังคโลก นะถ้าจะให้สอบผ่านก็ต้องจำให้แม่นๆว่าพบมากในที่อำเภอเดียวกันกับแหล่งทองโบราณอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย และที่สำมะคัญ เพ่มนจะพาสาวไปดุเตาโบราณ เรียกว่า “เตาทุเรียง” ที่ใช้ในการผลิตเครื่องถ้วยชามดังกล่าว


เอ้า… ตามสาวๆ เดี๋ยวแดดจะนายวายไปซะก่อนเร้ว ตามอักษรที่จารึกบนศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้จารึกเกี่ยวกับเครื่องสังคโลกเอาไว้รวมถึงเตาทุเรียงที่ใช้ในการเผาเครื่องสังคโลกด้วย มีการค้นพบเตาทุเรียงรอบเมืองสุโขทัยเป็นจำนวนมาก รวม 49 เตา แสดงว่ายุคพ่อขุนรามคำแหง เป็นศูนย์การค้าและการผลิตที่ใหญ่ ในการผลิต ถ้วยชามสังคโลก ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลาย มีชื่อเสียงมาก จนอาจเรียกได้ว่า เป็นนิคมอุตสาหกรรม มีจารึกด้วยว่าผลิตมากพอที่ส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านได้แก่ หมู่เกาะบอร์เนียว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย (ชวา) แม้ประเทศญี่ปุ่นก็มีเครื่องปั้นดินเผาสังคโลกจึงนับเป็นมรดกตกทอดที่มีคุณค่ายิ่งมาจนถึงปัจจุบัน
เครื่องสังคโลก.


สังคโลก เป็นเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี มีการเคลือบผิวและตกแต่งลวดลายงดงาม เผาด้วยความร้อนสูงมากประมาณ 1,150-1,280 องศาเซลเซียส เตาเผาและเทคนิคการเผาได้รับการพัฒนามาเป็นเวลานานนับร้อยปี ตั้งแต่สมัยต้นกรุงสุโขทัยจนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา รูปแบบของสังคโลกมีหลากหลายอันเนื่องมาจากเทคนิคการตกแต่งทั้งการเคลือบและลวดลายต่าง ๆ กัน ดังนี้

เครื่องปั้นดินเผา อีกลักษณะหนึ่งที่ขุดพบ




• เครื่อง ปั้นดินเผาเนื้อแกร่งไม่เคลือบ แต่ประดับลวดลายด้วยการใช้แม่พิมพ์กดลวดลายประทับ เช่น ลายก้านขด หรือลายเรขาคณิต นอกจากนี้ก็มีการประดับด้วยวิธีการปั้นดิน แล้วแปะติดเข้ากับภาชนะก่อนเข้าเตาเผา เข้าใจว่าเป็นแบบดั้งเดิมที่มีมาก่อนและทำสืบต่อมาในระยะหลังด้วย

• เครื่องถ้วยเคลือบสีน้ำตาลเข้มเป็นการเคลือบสีพื้นสีเดียว ลักษณะรูปแบบและสีน้ำเคลือบคล้ายกับเครื่องถ้วยลพบุรีประเภทเคลือบสีน้ำตาล

• เครื่องถ้วยเคลือบขาวที่เขียนลวดลายใต้เคลือบสีน้ำตาล มีลักษณะคล้ายเครื่องถ้วยจีนจากเตาสือโจ้ว กับเครื่องถ้วยอันหนานของเวียดนาม

• เครื่องถ้วยเคลือบขาวที่เขียนลวดลายบนเคลือบสีน้ำตาลทอง

• เครื่องถ้วยเนื้อดินแกร่งกึ่งสโตนแวร์ไม่เคลือบแต่ชุบน้ำดิน แล้วเขียนลวดลายด้วยสีแดง

• เครื่อง ถ้วยเคลือบสีเขียวไข่กา หรือเซลาดอน (celadon) ตกแต่งลวดลายด้วยการขูดและขุดลายในเนื้อดิน แล้วเคลือบทับ ประเภทนี้คล้ายคลึงกับเครื่องถ้วยจีนจากเตาหลงฉวน สมัยราชวงศ์ซ้องตอนปลายถึงราชวงศ์หยวน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 19-20

• เครื่องถ้วยดินเผา หรือตากให้แห้งแล้วนำสลิปน้ำดินขาวทาทับอย่างหนา ๆ สลักลายเบา แล้วจึงนำเข้าเตาเผา


เครื่องสังคโลกแบบต่างๆ และเครื่องสังคโลกในพิพิธภัณฑ์ที่สุโขทัย



สังคโลกหยุดการผลิตไประยะหนึ่ง จนกระทั่งปลายศตวรรษ 1960 ได้มีการฟื้นฟูสังคโลกครั้งใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบล้านนาที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำปาง ปัจจุบันมีเครื่องสังคโลกสมัยใหม่ที่รู้จักกันในนาม ศิลาดล ชามตราไก่ ในรูปของภาชนะแบบต่าง ๆ
เครื่องสังคโลกของสุโขทัยนับวันจะหายากยิ่งขึ้น ราคาบางชิ้นซื้อขายกันนับสิบล้านบาท จึงเป้นที่นิยมทำเลียนแบบมาจำหน่ายกันมากขึ้น

เตาทุเรียง ที่ใช้เผาเครื่องสังคโลก ขุดพบรอบๆศรีสัชนาลัย




ไปเที่ยวหลายทีแหล่ะมีอีกที่ๆเพ่มนภูมิใจนำเสนอ สำหรับคนชอบไหว้พระ เพ่มนแวะไปไหว้พระที่วัดศรีชุม ที่อยู่ใกล้นี่เอง แถวๆอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แบบว่าไม่ต้องไปไหนไกลอ่ะ เดินกันทั้งวันยังดูไม่ทั่วไม่หมดเลยสาวๆ อิๆเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอัจนะ" คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยปรากฏอยู่ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 ว่า " เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้...............มีพระอจนะ มีปราสาท" พระประธานในมณฑปจึงมีชื่อว่า "พระอจนะ"

วัดศรีชุม



" วัดศรีชุม" คำว่า "ศรี" มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิมของไทยว่า "สะหลี" ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ ศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ พระ มณฑปกว้างด้านละ 32 เมตร สูง 15 เมตร ผนังหนา 3 เมตร ผนังด้านซ้ายเจาะเป็นทางทำบันได ในผนังขึ้นไปถึงหลังคา ตามฝาผนังอุโมงค์มีภาพเขียนเก่าแก่ แต่ปัจจุบันเลือนไปหมดแล้ว


เอานะ...พาเที่ยวเยอะแหล่ะ ส่งท้ายวันนี้เป้นวันลอยกระทง แถมยังเป้นวันเกิดของเพ่มนสุดสวยซะด้วย ก้เลยมีแต่ของแจกของแถมตรึม ส่งท้ายด้วยความเป็นมาของนางนพมาศกันซักนิดนึง ไหนๆ ก็มาเที่ยวสุโขทัยกับเพ่มนแล้วจิ


นางนพมาศเกิดในรัชกาลพญาเลอไท กษัตริย์ที่ 4 แห่งราชวงศ์พระร่วง บิดาเป็นพราหมณ์ชื่อ โชติรัตน์ รับราชการในตำแหน่งปุโรหิต มารดาชื่อ เรวดี ได้ถวายตัวเข้าทำราชการในราชสำนักสมเด็จพระร่วงเจ้า จนกระทั่งได้รับตำแหน่ง "ท้าวศรีจุฬาลักษณ์" พระสนมเอก นางนพมาศได้ทำคุณงามความดีเป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมากมายแต่ถ้านับเอาที่สำคัญๆ มีอยู่ ดังนี้


คือหลังจากที่เข้าไปถวายตัวอยู่ในวังได้ไม่นานมีพระราชพิธีจองเปรียงลอยพระประทีป นางได้คิดประดิษฐ์โคมเป็นรูปบัวกมุทบาน มีนกเกาะดอกไม้สีสวยๆ ต่างๆ กัน เป็นที่โปรดปรานของพระร่วงมาก

ประทีปที่ทำจากกะลา และขันอลูมิเนียมเล็กๆ หล่อเทียนมีไส้ให้จุด ที่สระน้ำหน้าอุทยาน มีโคมลอยขายด้วย แล้วแต่กำลังซื้อ



ต่อมาในเดือนห้ามีพิธีคเชนทร์ศวสนาน เป็นพิธีชุมนุมข้าราชการทุกหัวเมือง มีเจ้าประเทศราชขึ้นเฝ้าถวายเครื่องราชบรรณาการด้วย ในพิธีนี้พระเจ้าแผ่นดินทรงรับแขกด้วยเครื่องหมากพลู นางก็ได้คิดประดิษฐ์พานหมากสองชั้นร้อยกรองด้วยดอกไม้งดงาม พระร่วงทรงโปรดปรานและรับสั่งว่า ต่อไปผู้ใดจะทำการมงคลก็ดี รับแขกก็ดี ให้ใช้พานหมากรูปดังนางนพมาศประดิษฐ์ขึ้น ซี่งเป็นต้นเหตุของพานขันหมากเวลาแต่งงาน ซึ่งยังคงใช้จนถึงปัจจุบัน

พานพุ่มใช้ในงานมงคลต่างๆ



และนางได้ประดิษฐ์พานดอกไม้ ถวายพระร่วงเจ้าเพื่อใช้บูชาพระรัตนตรัย พระร่วงทรงพอพระทัยในความคิดนั้น ตรัสว่า แต่นี้ต่อไปเวลามีพิธีเข้าพรรษาจะต้องบูชาด้วยพนมดอกไม้กอบัวนี้



นางนพมาศจึงไม่ได้แต่จะมีชื่อเสียงเรื่องการประดิษฐ์กระทงเพียงอย่างเดียวแต่นางก็ได้เป็นผู้ต้นคิดประดิษฐ์สิ่งที่ต้องใช้งานสิ่งอื่นๆอีก เท่าที่เพ่มนเล่าไปแล้วอ่ะสาวๆ เค้าเรียกว่าสวยและฉลาดค้า ขอชมจากใจ อิๆ

จะเรียกว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ได้นะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสังคโลก ทองสุโขทัย กระทง ประทีป ในรูปภาพที่เอามาให้สาวๆดูกัน เป็นประทีปที่ใช้จุดลอยน้ำทำจากกะลา และที่อยู่ในเข่งหลายๆเข่ง ทำจากขันอลุมิเนียมเล็กๆหล่อเทียนใส่ไส้ไว้สำหรับจุด พอลอยไปไกลๆ จะสว่างสวยงามมากเลยอ่ะ

ส่วนโคมลอย เพ่มนไม่ได้จุดเอง เพราะว่าคืนที่สอง ขับรถเข้าไปในอุทยานไม่ได้เลย วนอยู่รอบนอกใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ฝาชีเพ่มนเลยตัดสินใจขับกลับรร.ซะง้าน แต่ขนาดว่าตัดใจแล้วนะ รวมเวลาไปกลับรร.ล่อไปเกือบสี่ชั่วโมง เซ็งเหมือนกันอ่ะ แต่ต้องทำใจอย่างเดียว ดีว่าเพ่มนได้รูปสวยๆเมื่อวานไปแล้ว ก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้างอ่ะ ทริปนั้น เจอดารากะลังรุ่ง คุณนุษบา กะเพื่อนสนิทที่นามสกุลศรีเฟื่องฟุ้งด้วยอ่ะ เรียกว่าเฮงดีอ่ะ ส่วนเรื่องฮาๆ ก็มีไว้เล่าให้ฟังวันหลังละหัน เหอๆ


แล้วเพ่มนก็ไม่ลืมที่จะแวะไปหาเกี่ยวเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำสุโขทัย ของแท้ๆต้องใส่ถั่วฝักยาวดิบ หันเฉียงมาหม่ำรองท้องก่อนจะไปเที่ยวต่อละกัน อิๆ อิ่มอร่อยได้บุญได้ความรู้และสุขใจไปตามๆกันค้า

ถ้าทำได้ก้อยากกลับไปเกิดสมัยที่อะไรๆยังเงียบสงบงดงามแบบนั้นบ้างจังเลย แต่ไม่แน่ เพ่มนอาจจะเคยเกิดในยุคนั้นมาแล้วก้ได้ใครจะไปรุ้ๆ ที่รุ้ๆก็คือเพ่มนชอบประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนะรรมสมัยก่อนมากๆเลย เอวัง.... จะต้องไปแล้วหล่ะจ้า แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่จ้า..



ปล.1 อุทยาน ประวัติศาสตร์สุโขทัยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น. นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท และเวลา 9.00-21.00 น.
ปล. 2 ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆและรูปภาพสวยจาก

1. ททท. และประวัติศาสตร์วรรณกรรม ของ ผศ.บุญยงค์ เกศเทศ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์
2. ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดสุโขทัย
3. //www.moohin.com
4. //www.info.ru.ac.th/province/sukhotai
5. //www.somsamaigold.com
6. //www.oknation.net





Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2552 13:55:11 น.
Counter : 7348 Pageviews.



Create Date : 25 มีนาคม 2556
Last Update : 25 มีนาคม 2556 13:28:00 น. 0 comments
Counter : 6976 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Setakan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





อยากให้คนที่เข้ามาได้รอยยิ้ม
และความสุขกลับไปค่ะ

..................

นิยายปี 53










นิยายปี 54










งานเขียนในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร




TOP : Users Online hits
Friends' blogs
[Add Setakan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.