Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
หัวหิน มนตร์เสน่ห์แห่งความทรงจำ

หัวหินเป็นถิ่นสัญญา จากไปกลับมาผิดหวัง คลื่นสวาทมันแรง

มันแกล้งมาดล ร้อนจนใจสั่น เคยพลอดชู้สู่สวรรค์

รักกันมั่น ใจฉันยังปลื้ม มันซาบมันซึม มันปลื้มไม่นาน วิมานทลาย

หัวหินเป็นถิ่นสำคัญ ขาดเธอ กลับพลันเงียบเหงา มองแสงดาวเรียงราย

คลื่นยังคร่ำยังครวญ จันทร์แจ่มยังนวล เย้ายวนไม่วาย

คอยชื่นชู้อยู่แลหาย เห็นรอยทราย ใจฉันหวิวหวั่น

เคยนั่งชมคลื่น เคยชื่นใจกัน ฉันยังไม่ลืม



เพลงหัวหินสิ้นมนต์รัก นี้ได้ยินคราใด ทำเอาใจเพ่มนไหวหวั่นทุกที อ้า...ก็ป๋าสุเทพ วงศ์กำแหง ใครๆก็รุ้ว่าเสียงทุ้มนุ่มลึกเขย่าใจสาวๆรุ่นแม่รุ่นป้าๆ มากแค่ไหน ฮ่าๆ(ขนาดเพ่มน ม่ายช่ายป้า ยังเคลิ้ม....เอิ๊กๆ) สาวคนไหนเกิดทันเพลงนี้ เพ่มนกะๆดูอายุคงไม่ต่ำกว่าสามสิบอิๆ งานนี้เพ่หนุ่มก็ต้องเคย......ไปทั้งหัวหิน ทั้งเคยได้ยินเพลงนี้อ่ะ 55





ขึ้นเพลงเก่าๆมาให้หวนถึงวันเวลาเก่าๆ อ่ะนะสาวๆไม่ต้องคิดมาก เพ่มนไม่ได้มีความหลังอารายกับเพลงนี้ แค่ชอบเพราะเพลงมันเข้ากับสถานที่และบรรยากาศที่เพ่มนจะพาสาวๆบ้านนี้ไปเที่ยวกันนั่นเอง...อืม พจมน เอ้ย เพ่มน ก็เลยหวนคิดถึง ชายศร เอ้ย.. ชายกลาง เจ้าของบ้านทรายทอง ตอนมาฮันนิมูนก็เท่านั้น อิๆ เท่านั้นจริงๆ (5555 ไม่ได้คิดอารายจริงๆ.....เอาหล่ะๆ ยอมก็ได้ เอาเป็นว่าแอบคิดนิดนึงว่า ชายกลางดันถือศีลห้า ตอนมาฮันนิมูน แต่พจมน เอ้ย..พจมาน ไม่ได้ถือศีล ..อิ ๆเกือบปาย......หุๆ) เกือบ..จะห้ามใจไว้ไม่ไหว เอิ๊กๆ ก็แค่นั้น คิดมากกว่านี้เดี่ยวติดเรท55555)


ในบรรดาที่เที่ยวที่เพ่มนไปเยียนมากที่สุดก็เห็นจะเป็น หัวหิน แหล่ะค้า สาวๆ เรียกว่าไปบ่อยมากๆ ไปทุกปี ปีละหลายครั้งอยุ่ เพราะทะเลที่คงความสวยไม่สร่างซา (เรียกว่าถ้าเป็นสาวก็เรียกว่าสาวสองพันปี แม้แต่คลีโอพัฒตรายังอาย ฮ่า ๆ....ว่าไปน้าน)ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก หัวหินเป็นหัวเมืองตากอากาศที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานอีกด้วย เรียกง่ายๆว่าคลาสิคนะค้า


เดิมทียังไม่มีใครเรียกบริเวณนี้ว่า หัวหิน ชื่อนี้ถูกเรียกพื้นที่ที่มีลักษณะทางธรรมชาติที่หินสวยงามกระจายอยู่ทั่วไปรอบๆบริเวณ ก่อนหน้าที่เราจะเรียกกันว่า หัวหิน นั้น เล่ากันว่าประมาณปี พ.ศ. 2377 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พื้นที่เกษตรกรรมบางแห่งของเมืองเพชรบุรีแห้งแล้งกันดารมาก ทำให้ประชาชนบางส่วนได้อพยพย้ายลงมาทางใต้ จนมาถึงบ้านสมอเรียง ซึ่งอยู่เหนือขึ้นมาจากเขาตะเกียบและบ้านหนองแก หรือที่เรารุ้จักกันว่า บ้านหนองสะแกในปัจจุบัน ที่บ้านสมอเรียงนี้เองมีหาดทรายชายทะเลแปลกกว่าที่อื่น คือ มีกลุ่มหินกระจัดกระจายอยู่อย่างสวยงาม ทั้งที่ดินก็มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับทำไร่ทำนาการประมง จึงได้ลงหลักปักฐานสืบมาจนกลายเป็นหมู่บ้านที่เรียกกันแต่แรกว่า “ บ้านสมอเรียง ”


มนต์ของทะเลหัวหินหน้ารร.รถไฟ ที่ใครๆก็ยังไหลหลง





ครั้นต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ (พระองค์เจ้าชายกฤษดาภินิหาร ต้นราชสกุลกฤดากร)


ทรงเป็นเจ้านายพระองค์แรกที่มาสร้างตำหนักหลังใหญ่บริเวณชายทะเลด้านใต้ของหมู่หิน (ปัจจุบันอยู่ติดกับโรงแรมรถไฟ หรือโรงแรมโซฟิเทลฯในกาลต่อมา) และประทานชื่อตำหนักว่า “แสนสำราญสุขเวศน์” และทรงตั้งชื่อให้หาดทรายบริเวณตำหนักและหาดถัดๆไปทางใต้เสียใหม่ว่า “หัวหิน” ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการเรียกชื่อบริเวณนี้ว่า หัวหิน นั่นเอง


รร.ฮิลตัน (เดิมเคยชื่อรร.เมเลีย เดิมบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของตำหนัก "แสนสำราญสุขเวศน์" มาก่อน




แต่เป็นคนละส่วนกับบ้านแหลมหินเดิม ซึ่งบ้านแหลมหินเดิมมีอาณาเขตด้านใต้ถึง แค่ต้นเกดใหญ่ชายทะเล (ปัจจุบันอยู่หน้าโรงแรมโซฟิเทลฯ มีศาลเทพารักษ์ใหญ่) เท่านั้น ไม่ถึงที่ดินของเสด็จในกรมฯ ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไป ชื่อที่เรียกว่า “หัวหิน” นั้นจึงได้แผ่คลุมทั่วทั้งหาด และครอบคลุมทั้งตำบล จนขยายเป็นอำเภอหัวหินในเวลาต่อมา เอาเป็นว่า ถ้าสาวๆคนใดเคยมา ก็จะเห็นว่าพื้นที่บริเวณหน้ารร.รถไฟ รร.ฮิลตัน ไปจนจดตลาดฉัตรไฉย ที่กลายเป็นแหล่งที่พลุกผล่านเต็มไปด้วยร้านค้าย่านธุรกิจและฝูงชนมากมายในปัจจุบัน นั่นแหล่งคือพื้นที่ดังเดิมเก่าก่อนของหัวหินนั่นเอง (เพ่มนเองเสียดายบรรยากกาศเก่าๆมากๆเลย แต่ก็อดใจไม่ไหว ถ้ามาหัวหินแล้วไม่ได้มากินไอติมสเว่นเซ่นที่นี่ 555 อ้าว....เป็นงั้นไป)


พูดถึงตลาดฉัตรไชย เพ่มนเลยอยากเล่าไปพร้อมๆกับรร.รถไฟ เลยว่า ตลาดนี้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ต้นราชสกุลบุรฉัตร ก็ได้จัดสร้างตลาดฉัตร์ไชยขึ้นในที่ดินพระคลังข้างที่ โดยออกแบบให้มีหลังคารูปโค้งครึ่งวงกลมต่อเนื่องกัน 7 โค้ง เพื่อสื่อความหมายว่าเป็นการสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 7 ทั้งตัวอาคารและแผงขายสินค้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ตัวตลาดโล่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และจัดว่าเป็นตลาดที่ถูกสุขลักษณะที่สุดของประเทศไทยในขณะนั้น ชื่อตลาดฉัตร์ไชยนี้ ก็มาจากพระนามเดิมของพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรนั่นเอง ต่อมาตลาดฉัตร์ไชยและโรงแรมรถไฟ หรือโฮเต็ลหัวหินก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของชายทะเลหัวหิน


ตลาดฉัตรไชย






มาหัวหินที่ไร เด็กๆก็มีความสุขที่ได้เล่นน้ำทะเลทุกครั้งไป เรียกว่าเช้าเล่นทราย เล่นน้ำทะเล สายๆเล่นน้ำสระ ขึ้นมานอนพักดูหนัง พอบ่ายก็ออกไปเล่นที่ทะเลอีกแหล่ะ ตัวดำเป็นเหนื่อยง ขนาดทากันแดด 45 เท่าก็แทบเอาไม่อยู่ มาเที่ยวหัวหินครั้งที่มาแล้วประทับใจมากที่สุด คงเป็นครั้งที่ได้พักที่โรงแรมรถไฟ นี่แหล่ะ


ความสุขของสามหนุ่ม




จะสวยแค่ไหน สาวๆก็ลองดูรูปเอาเองละกัน อิๆ เอ้า... ไหนๆเพ่มนก็พามาเที่ยวหัวหินแล้ว ก็ลองตามมาฟังเรื่องเล่าของโฮเต็ลหัวหินกันบ้างดีกว่า โรงแรมรถไฟหัวหิน หรือโฮเต็ล หัวหิน เป็นโรงแรมแห่งแรก ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเกือบ 90 ปีมาแล้ว ถ้าสาวๆบางคนนึกภาพบรรยากาศในสมัยนั้นไม่ออก เพ่มนก็ขอแนะนำให้นึกถึงหนังเรื่อง ปริศนา ตอนท่านชายพจปรีชา และท่านหญิงรัตนาวดี รวมทั้งบรรดาพระประยูรญาติ พากันมาพักตากอากาศ ที่หัวหินแห่งนี้ ในสมัยนั้นแม้แต่ครอบครัวชั้นกลางอย่างครอบครัวของนางเอกปริศนาเอง ก็ยังนิยมมาพักตากอากาศที่นี่ ก็เรียกได้ว่ายุคสมัยนั้น เป็นยุคที่รุ่งเรื่องที่สุดของหัวหินเลยก็ว่าได้


ด้านนอกของตัวรร.รถไฟ อีกมุมที่น่าประทับใจ







ใครเป็นแฟนปริศนา ก็จะรุ้จักดี อิๆ (เค้าถึงมีคำกล่าวที่ว่านิยายเป็นบันทึกของกาลเวลา เพราะในนิยายแต่ละเรื่องจะสะท้อนสภาพชีวิตของผู้คนในสมัยนั้นๆ ไงจ้า สาวๆ ที่สำคัญผู้แต่งเรื่องนี้เป็นถึงพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต” เจ้าของนามปากกา ว.ณ.ประมวญมารค นั่นเอง) ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ท่านชายกลางก็ยังเคยพาพจมาน พินิจนันท์ (ไม่ช่ายสว่างวงค์นะ จะบอกให้ อิๆ ) เจ้าสาวของท่านมาฮันนิมูนที่นี่เลยจ้า ( อิๆ งานนี้ เพ่มนไม่ต้องรื้อฟื้นความหลังกันมากมาย เพราะว่าสาวๆ บ้านนี้ ใครก็อยากเป็นพจมานกันทั้งนั้น โดยเฉพาะตอนที่เพ่หนุ่ม เอ้ย..คุณชายกลาง พาพจมน เอ้ย... พจมาน มาฮันนิมูน ฮ่าๆ อ้อ เกือบลืม ตามฐานันดรศักดิ์แล้ว ท่านชายพจปรีชา มีศักดิ์สูงกว่าคุณชายกลางนะจ้า สาวๆ ศักดิ์เต็มๆก็ท่านคือหม่อมเจ้าพจปรีชา อ่ะ ส่วนคุณชายกลางศักดิ์เต็มๆคือหม่อมราชวงศ์ อันนี้ถ้าเพ่มนจำไม่ผิด แต่ถ้าจำผิด ช่วยบอกด้วยจ้า เพ่มนจะรีบมาแก็ไขทันที อิๆ)





เพ่มนกำลังจะเล่าต่อไปว่าในสมัยปู่ย่าตายายของเรา เมื่อเกือบเก็าสิบปีที่ผ่านมานั้น หัวหินถือเป็นเมืองตากอากาศชั้นนำของไทยเลยที่เดียว ซึ่งก็เป็นไปตามพระราชประสงค์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ของไทย ที่ทรงริเริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ เริ่มจากที่สถานีหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร มาจดที่ บ้านสมอเรียง(บริเวณสถานีรถไฟหัวหินในปัจจุบัน) จวบจนในอีกหลายปีต่อมาทางรถไฟสายใต้สร้างเสร็จสิ้น ทอดยาวไป เชื่อมต่อกับทางรถไฟชายแดนของประเทศมาเลเซีย หัวหิน จึงมีชื่อเสียงว่าเป็นสถานที่พักตากอากาศอันลือชื่อของไทยตลอดมา


เพ่มนพาจะพาสาวๆ ย้อนกลับไปในสมัยที่คุณชายกลาง เอย ท่านชายพจปรีชา เอย ยังชอบมาหัวหิน (อิๆ โบราณ ไปนิดแต่ก็ยังคงความคลาสิคอยู่ 55) ในวงสังคมชั้นสูงในสมัยนั้น มักนิยมมาสร้างบ้านพักตากอากาศที่นี่ รวมทั้งพระตำหนัก และตำหนักต่างๆก็เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันแทบทั้งสิ้น จึงนำมาซึ่งความสวยงามของสถาปัตยกรรม ที่รุ่งเรืองในยุคนั้นและหลงเหลือมาให้เห็นจนทุกวันนี้




โฮเต็ลรถไฟเอง นั้นประกอบไปด้วย อาคารที่สวยสง่า แลดูคลาสสิก สูงเพียง 2 ชั้น หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดงสด ตัดกับตัวตึกสีขาวสะอาดตา โดดเด่นด้วยลวดลายประกอบสไตล์โคโลเนียลทอดยาวไปตาม ชายหาดบนพื้นที่ถึง 97 ไร่
สำหรับตัวอาคารแบ่งออกเป็น 3 ปีก คือ ปีก Railway คือ อาคารเดิมของโรงแรมรถไฟ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ดำเนินการสร้างเมื่อปี พ.ศ.2464





ในบริเวณโรงแรม ยังมีสนามเทนนิสและสนามกอล์ฟที่ก่อสร้าง ไปพร้อมๆ กัน งานก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2464 แล้วเสร็จเปิดเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2465 งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 128,634.94 บาท
ปีก Colonial Wing เป็นฝั่งที่ก่อสร้างต่อจากปีก Railway และ ปีกสุดท้ายคือ Garden Wing ซึ่งเป็นปีกใหม่ล่าสุดที่ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2542 รวมห้องพักทั้งหมด 207 ห้อง โดยที่ตึกใหม่นั้นมีลักษณะโครงสร้างที่เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบเก่าสอดประสานกลมกลืนไปกับตัวตึกเก่า







อาคาร Railway ออกแบบโดย A Rigazzi สถาปนิกชาวอิตาเลียน ประจำกรมรถไฟ เป็นตึกแบบยุโรปทรงโคโลเนียล มีอาคารยาว 2 หลัง ต่อกันเป็นมุมฉาก ในแนวเหนือ-ใต้ กับตะวันออก-ตะวันตก ชั้นล่างมีห้องโถงใหญ่เป็นล็อบบี้ลงทะเบียนแขกที่เข้ามาพัก พื้นห้องส่วนนี้ปูด้วยหินอ่อนจากอิตาลี วางเล่นลายหมากรุก มีชุดรับแขกวางกันเป็นกลุ่ม ส่วนภายในห้องพัก พื้น และประตูหน้าต่างเป็นไม้สักทั้งหมด จากห้องโถงนี้มีบันไดใหญ่ลงสู่ถนนไปชายหาด


บันไดทางขึ้นลงของตัวโรงแรม




จากบันไดไม้สักขึ้นสู่อาคารชั้น 2 จะพบห้องโถงใหญ่สำหรับนั่งพักแขก สิ่งก่อสร้างที่เห็นจะเป็นงานไม้ทั้งหมด นอกจากบางส่วนที่ต้องอาศัยงานคอนกรีต แต่ละห้องซึ่งเป็นห้องเตียงคู่นั้นค่อนข้างกว้าง ทำให้บรรจุเตียงได้เพียง 28 เตียง


ภายในห้องพักในปัจจุบันอ่ะ





โถงด้านล่างทานอาหารเช้าที่นี่จ้า




ในยุคสมัยนั้นรร.นี้เรียกว่าหรุสุดๆ บรรดาแขกที่มาพักในยุคนั้นยังได้เพลิดเพลินไปกับบาร์เหล้า ห้องบิลเลียด สนามเทนนิส และสนามกอล์ฟ โรงแรมรถไฟจึงเป็นที่พักตากอากาศ และสถานที่นัดพบของหนุ่มสาว(แบบว่าพวกไฮโซอ่ะ ถึงมาพักมาเที่ยวที่นี่ได้ อิๆ) ที่สมบูรณ์แบบและหรูหราที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย (เป็นที่เล่ากันว่าเคยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ บางคน บางคู่เคยมาเจอกันที่นี่ และได้แต่งงานกันในที่สุด เหตุเพราะบรรยากาศของหัวหินเป็นใจ 555 ไม่เชื่อต้องถาม ชายกลางซะแล้ว ....อ้าว ไม่เกี่ยวกันเลยจิ อิๆ พอวันเวลาผ่านไปหลายสิบปีก็ยังแวะเวียนกลับมารำลึกความหลังอย่างต่อเนื่อง)


สถานีรถไฟหัวหิน








จะเรียกได้ว่าชื่อเสียงของหัวหินนั้น เติบโตเคียงข้างมากับโรงแรมรถไฟก็ว่าได้ ต่อมามีการสร้างบังกะโลขึ้นคือ เซ็นทรัลหัวหินวิลเลจ ซึ่งได้ถูกคัดเลือกให้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง “Devil's Paradise” เช่นเดียวกับโรงแรมรถไฟหัวหิน ซึ่งใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง “The Killing Fields” โดยเป็นการจำลองสถานที่คือ โรงแรมชั้นนำในกรุงพนมเปญในยุคสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว (อิๆ เพ่มนปลื้ม อ่ะ ได้มาเยี่ยมสถานที่ประวัติศาสตร์)


หมากรุกฝรั่งขนาดยักษ์เล่นได้ อิๆ




อาคารตอนกลางคืนอ่ะ โค ตะ ระ สวยจ้า
ทำให้นึกถึงงานราตรีลีลาศ ในสมัยก่อนอ่ะ




ทิวทันศ์ด้านนอกโฮเต็ลรถไฟ อีกมุมหนึ่ง อลังการมากค้า
ประมาณว่ายุคของท่านชายพจปรีชากับปริศนา อย่างไงอย่างงั้นเลย อิๆ
หรือจะเป็นยุคเดียวกับชายกลาง กับพจมาน 555 ดีอ่ะ





ส่วนเอกลัษณ์อีกอย่างที่ยืนตะหง่าอวดสายตานักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักที่นี่ก็คือ ช้างพลายดัดจากต้นข่อยกลางสวนสวย เมื่อเพ่มน มองออกไปจากลานสวนกว้างที่จ้าต้นเมฆ กับจ้าวต้นไม้วิ่งไล่จับกัน ส่งเสียงใสอย่างสนุกสนาน ก็จะเห็นต้นข่อยดัดเป็นรูปสัตว์ต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่วสวน เด็กๆวิ่งลอดใต้ท้องช้างที่เป็นต้นข่อย เหมือนอย่างที่เพ่มนเคยเล่า ช้างพลายดัดตัวโตเอกลักษณ์เก่าแก่อีกอย่างหนึ่งของโรงแรมแห่งนี้ด้วยความตื่นเต้น ช้างตัวเดียวกันนี้ สมัยก่อนคนรุ่นคุณปู่ คุณย่า คุณตา หรือคุณยายต่างพากันเดิน ลอดใต้ท้องช้างแล้วทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะความสนุกสนาน แต่เพื่อความเป็นสิริมงคลตาม ความเชื่อในสมัยนั้น


ช้างพลายดัดจากต้นข่อยอายุร่วมเก้าสิบปีแล้วอ่ะ






สระว่ายน้ำในโรงแรม มีหลายสระมากเลย





อ้า....นะ งานนี้ เรื่องยาวมากค้า แต่สาระเต็มเปี่ยมชวนให้ฝันถึงหนุ่มใต้เชื้อสายจีนที่แสดงเป็นคุณชายกลางเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าจะหมดยุคของ พจมาน กับปริศนา ไล่มาจนถึง รัตนาวดี ละอองดาว แล้วก็ตาม ประมาณว่านางเอก ต้องใส่กระโปรงพองๆบานๆในยุคนั้นแล้ว แต่หัวหิน ก็ยังคงความสง่า สวยงามและคลาสิค เพื่อรอคอยการกลับมาของนักท่องเที่ยวรุ่นเก่า และคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่อย่างเต็มใจ


วิวทะเลหน้ารร.อ่ะ สวยใช่ป่ะ อิๆ





ปล.1.ขอบอกว่าเพ่มนเล่าเรื่องนี้หาข้อมูลโค ตะ ระ แยะมากๆ ผิดพลาดประการใด ของอภัยด้วยคร๊าบท่าน
ปล.2 ขอบขอคุณข้อมูลต่างๆมากมายและรูปตลาดสวยจาก //www.gotomanager.com //www.geocities.com และ
//www.thaiweekender.com ค้า



Create Date : 21 ตุลาคม 2551
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2551 14:13:31 น.



Create Date : 25 มีนาคม 2556
Last Update : 25 มีนาคม 2556 13:30:23 น. 0 comments
Counter : 3272 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Setakan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





อยากให้คนที่เข้ามาได้รอยยิ้ม
และความสุขกลับไปค่ะ

..................

นิยายปี 53










นิยายปี 54










งานเขียนในบล็อกนี้สงวนลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ส่วนหนึ่งส่วนใด โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร




TOP : Users Online hits
Friends' blogs
[Add Setakan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.