Release my darkness to the world
<<
มกราคม 2567
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
21 มกราคม 2567

ลูกเสือ เนตรนารี วิชาที่แทบใช้ประโยชน์ไม่ได้ในโลกปัจจุบัน

เป็นประเด็นข่าวที่ร้อนแรงมาในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 กับเรื่อง ชุดลูกเสือ และมันก็จะมีแบบนี้อีกตลาดไปตราบเท่าที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยมีทั้งฝ่ายที่เสนอให้ยกเลิก และฝ่ายที่สนับสนุน ซึ่งแต่ละฝ่ายก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยส่วนตัวเราเป็นสายประนีประนอม (Compromise) ถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถหันหน้าเข้ามาพูดคุยเพื่อหาจุดร่วมสงวนจุดต่างกันได้ก็จะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ไหนๆ ก็ไหนๆ ผ่านวันเด็กมาแล้วมีโพลน่าสนใจอันหนึ่งได้ถามเด็กและเยาวชน พบว่าเด็กและเยาชนได้ไม่ได้อยากเรียนไอ้วิชาลูกเสือบ้าบอนี่เลย เลยขอเอามาพูดถึงสักหน่อย





หลักๆ ลูกเสือไทยเรียนอะไร? ที่จำได้ก็มี
1. ระเบียบแถว (แม่งตรวจเครื่องแบบทีก็หมดไป 20 นาทีแล้วมั้ง)
2. ประวัติลูกเสือไทย (2 หน้า A4)
3. ผูกเงื่อน, เข็มทิศ
4. ประถมพยาบาล
5. เดินทางไกล, ผจญภัย


หลักๆ มันมีมันมีอยู่แค่นี้ ซึ่งถามว่าได้เอามาใช้ในชีวิตจริงหรือไม่? คำตอบคือไม่ แทบไม่ได้เอามาใช้เลย เรามีความเห็นว่าควรปรับปรุงหลักสูตร (ถ้าจะให้มีต่อ)

1. ระเบียบแถว
บางครั้งเราก็รู้สึกว่ามันเกินไปจะเคร่งอะไรนักหน้า ชุดก็แพง ควรปรับให้เหลือแค่ผ้าพันคอกับหมวกก็พอ ฝึกระเบียบแถวก็พอเข้าใจนะ แต่ถ้ามากไปมันก็น่าเบื่อ

2. ก็เรียนไปอันนี้เราไม่ปฏิเสธ แต่ควรเพิ่มในส่วนของลูกเสือสากลด้วย ไม่ใช่รู้แค่ในไทยอย่างเดียว เราแทบจะเรียนแค่เปลือกมันอย่างเดียว ไม่ได้เรียนรู้ถึงแก่นมันเลย หลักๆ มันก็คือช่วยเหลือผู้อื่นก็เท่านั้น



3. บางครั้งครูก็ปัญญาอ่อน วิธีผูกง่ายๆ ครูมันไม่ยอม เงื่อนแบบเดียวกันบางครั้งผูกได้หลายวิธี เราจะเคร่งวิธีไปทำไมในเมื่อทำแล้วผลลัพท์ที่ได้เหมือนกัน ขอให้จำวิธีการผูกให้ถูกต้องตามวิธี แล้วได้ผลลัพท์ที่ถูกต้องก็เพียงพอแล้ว

4. จนถึงวันนี้ยังเรียนขันชะเนาะ กับดูดพิษงูอยู่เลย ล้าหลังมาก เลือดคลั่งต้องตัดขากี่คนแล้วล่ะ ควรเรียนรู้เบอร์ฉุกเฉิน การช่วยเหลือมืออาหารติดคอ การผายปอด เรื่องพวกนี้มากกว่า


5. เดินทางไกล, ผจญภัย อันนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่ที่จะทำให้กิจกรรมนี้สนุกหรือน่าเบื่อได้เลย ต้องชำแหละอีกมาก พอดีเราเคยดูสารคดีของต่างประเทศ ทั้งทางยุโรป เอเชีย แอฟริกา ซึ่งแนวคิดหลายๆ อย่างของลูกเสือได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในขณะที่เขาไทยเรามันมีแต่การสนองความใคร่ของครูอาจารย์ก็เท่านั้น

- เดินทางไกล กิจกรรมยอดนิยมในไทย แต่ทว่าครูหลายคนไม่มีความพร้อม อีกทั้งไม่มีการจัดเตรียมรถพยาบาลเผื่อกรณีฉุกเฉิน เราเจอเคสครูเกือบเป็นลม แล้วก็เกาะนักเรียนให้นักเรียนแบก เป็นภาระมาก ไม่มีรถพยาบาลอีก กว่าจะกลับถึงที่หมายเกือบตาย มันควรเตรียมความพร้อมให้มากกว่านี้



- กิจกรรมผจญภัย รอดสุ้มที่เป็นต้นไม้รกๆ เอามดแดงมาปล่อยในซุ้ม แล้วให้นักเรียนรอดซุ้ม เราได้ประโยชน์อะไรจากกิจกรรมนี้? อีกรูปแบบที่เห็นบ่อยคือเน้นให้เลอะสกปรกๆ บอกไว้เลยว่าคุณแม่หลายท่านไม่พอใจสิ่งนี้ ครูโปรดมาช่วยซักเสื้อด้วย!!



- เอาถ่านดำๆ เอาแป้งขาวๆ ทาหน้าเพื่ออะไร? เราได้ประโยชน์อะไรจากการกระทำนี้ ถ้าจะสื่อว่าเหมือนคนป่า คุณควรเรียนรู้การแต่งหน้าแบบพวกนักมวยปล้ำ แบบนั้นดูเจ๋งจริง และดูเป็นคนป่าแบบที่คุณต้องการจริง

- การประกอบอาหารที่ครูแทบไม่สอน แต่มีไม้ขีดให้แค่ 3 ก้าน ถ้าจุดไม่ติดคือ มผ. ไม่ผ่าน (เรียนใหม่ ซ้ำชั้น) ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะถ้าไม่รู้วิธีจุดจริงๆ 3 ก้านจุดไม่ติดหรอก กรณีนี้สื่อญี่ปุ่นทำได้ดีมาก ลูกเสือของทางญี่ปุ่นใช้ไฟแช็คเลย อีกอันที่น่าสนใจคือ ครูจะแกล้งให้วัตถุดิบไม่ครบ แล้วให้นักเรียนไปขอแบ่งจากกลุ่มอื่น ตามแบบฉบับที่สอนว่าต้องมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (จริงๆ ก็เตี้ยมไว้แล้ว โดยให้กลุ่มอื่นๆ เยอะเป็นพิเศษอยู่แล้ว) แต่เจอของไทยเจ๋งกว่า ประกอบอาหารผู้ปกครองคงเห็นใจมั้ง? ซื้อกุ้งให้เลย แล้วไปย่างกันเอง พกน้ำจิ้มรสเด็ดไปก็โอเคแล้ว อืม.... ก็ไม่รู้มันตรงตามวัตถุประสงค์มั้ยนะ แต่ที่แน่ๆ ครูเห็นแล้วน้ำลายหยด



- กิจกรรมรอบกองไฟ แสดงละครน่ะแหละ ถามว่ามันสนุกมั้ย? มันควรเป็นกิจกรรมที่สนุก ถ้าครูที่คุมหมู่นั้นๆ เข้ากับเด็กนักเรียนได้ ถ้าเจอครูเรื้อนๆ บอกเลยว่าแม่งพัง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอยภัยของตัวกิจกรรม ดังที่เราจะเห็นได้จากข่าว ลูกเสือถูกไฟคลอกท่วมร่าง คนที่จัดกิจกรรมก็ไม่ได้มีความรู้ว่ามันทำไปเพื่ออะไร ประยุกต์อะไรก็ไม่เป็น ที่สำคัญไม่ได้มีความพร้อมเรื่องการรักษาความปลอดภัย และสิ่งไม่คาดฝันเลย มันเลยเกิดเรื่องดังกล่าวนี้ขึ้น



อันที่จริงในโลกยุคปัจจุบันเนื้อหาหลายอย่างมันเปลี่ยนไปมาก เช่น หลงทางในป่า ในปัจจุบันสิ่งที่ควรทำคือรอความช่วยเหลือ อย่าออกจากจุดที่เรายืนสุ่มสี่สุ่มห้า หาทางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เช่น พลุสัญญาณ การเดินไปหาที่โล่งเพื่อจุดไฟเพื่อส่งสัญญาณควัน สิ่งเหล่านี้มากกว่าที่ควรสอน ประสบการณ์ที่เราได้รับ เรายอมรับว่าไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับสาระคดีของต่างประเทศ กิจการลูกเสือ-เนตรนารีไทยควรต้องมีการปฏิรูปอย่างเร่งด่วน




ขอพาดพิงการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบการไปแคมป์ เรื่อง Yuru Camp มีอยู่ตอนหนึ่ง (ซีซั่น2 ตอนที่ 1) สอนเรื่องการไปแคมป์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลูกสนที่ใช้ในการจุดไฟ การเผาฟืน ซึ่งไม่สามารถที่จะเก็บกิ่งไม้มาแล้วเผาได้เลย หรืออีกตอนก็มีสอนการทำเชื้อไฟแบบไม่ต้องพึ่งพาลูกสน ฯลฯ การ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะมีการแทรกความรู้วิธีการไปแคมป์หลายส่วนอย่างแยบยล ความรู้ เทคนิคที่แทรกเข้าไปได้ขนาดนี้ในขณะที่วิชาลูกเสือใช้เวลาไม่รู้กี่คาบ (คาบละ 50 นาที) ต้องบอกเลยว่าวิชาลูกเสือล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง


ภาพรินจัง First camp กำลังกระวนกระวายใจว่าข้าวที่หุงได้ที่หรือยัง


เราไม่ได้จะบอกว่าให้ไปดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็พอ แม้การ์ตูนจะอ้างอิงมาจากเรื่องจริง แต่อยากจะชิ้ให้เห็นว่า วิชาลูกเสือที่เราสอนๆ กันในประเทศไทยมันน่าเบื่อ และสาระที่ได้มันน้อยขนาดไหน ถ้าสามารถปฏิรูปวิชานี้ให้ดีขึ้นได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนเอง และที่สำคัญ มันควรเป็นแค่วิชาเลือกไม่ใช่วิชาบังคับที่ต้องเรียนเพื่อปลูกฝัง Popoganda


เกณฑ์การแบ่งสีของผ้าพันคอ


ประเด็นหลักๆ ที่ควรกล่าวถึงคือ เรื่องของราคาชุด ราคามันสูงจริงๆ แถมสีของผ้าพันคอ ต้องบอกเลยว่าตอนที่เห็นครั้งแรกเราร้อง "เชี้ยยยยย" หนักมาก เพราะเกิดมาพึ่งรู้ว่าแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดมันใช้คนละสี แต่ก่อนรู้แค่ตราด้านหลังที่ กทม. จะเป็นรูป วัดแต่ละจังหวัดก็แตกต่างกัน สมมติว่าถ้ามีเหตุต้องย้ายไปอีกจังหวัดต่างเขต ก็ต้องซื้อผ้าพันคอใหม่ เยี่ยมมากสิ้นเปลืองโดยแท้เลย ลองดูภาพประกอบด้านบนดูแล้วจะรู้ว่ามันแบ่งแยกย่อยจนเราไม่รู้เลยว่าแบ่งตามอะไร จะว่าแบ่งตามภาคก็ไม่ใช่ เอาเถอะถ้าคุณรักชอบในความเป็นระเบียบโดยแลกกับค่าใช้จ่ายขนาดนี้แล้วคุณคิดว่ามันคุ้มค่าก็เอา!! อยู่กันอย่างนี้ต่อไป ถ้าคิดว่ามันไม่คุ้มค่า ตอนนี้ไม่เหมาะหรือที่จะเปลี่ยน?



ชุดลูกเสือบางโรงเรียนบังคับให้ซื้อของโรงเรียนเองเลย คุณดูราคาก็แล้วกัน


แหล่งข่าว


อาจมีคนพูดว่าถ้าให้เป็นวิชาเลือก หรือแค่กิจกรรม เดี๋ยวจะไม่มีใครอยากเรียน คำถามก็ย้อนกลับมาที่ตัววิชานี้ เพราะอะไรถึงไม่มีใครอยากเรียน เพราะมันน่าเบื่อไง ก็เหมือนบริษัท หรือองค์กรบางแห่งที่ไม่สามารถดึงดูดคนเข้ามาได้ ต้องถามว่าเพราะอะไรคนถึงไม่อยากเข้า เพราะบริษัทเองหรือองค์กร ใช่หรือไม่ที่มันกาก!!


คุณว่ามันป่วยดีมั้ยล่ะ ใช้รถแบบนี้บรรทุกเด็กไปเข้าค่าย ไม่เกิดอะไรขึ้นก็ดีไป แต่แค่ครั้งเดียวก็มากพอแล้ว เหมือนไฟคลอกน่ะแหละ




เราจะหวังอะไรกับการศึกษาในยุคปัจจุบัน ในยุคที่นักการเมืองจากพรรคที่ไม่ได้มีนโยบายด้านการศึกษามาคุม แล้วบอกเราไม่ไดต้องไปแข่งขันกับใคร เน้นแต่เรื่องคุณธรรมความดีที่จับต้องไม่ได้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเด็กไทยลูกหลานไทยก็จะเป็นได้แค่แรงงานชั้นต่ำที่โง่ดักดานตามไม่ทันโลก

ปีนี้ขอจัดเรื่องการศึกษาในเชิงการเมืองเยอะหน่อย มันน่าจะเป็นเรื่องที่หลายคนให้ตวามสนใจ



To voter

บล็อกนี้เป็นบล็อก Political Blog โปรดเลือก Political Blog เพื่อเป้าหมาย Skyfall Political Blog




 

Create Date : 21 มกราคม 2567
13 comments
Last Update : 21 มกราคม 2567 15:20:00 น.
Counter : 451 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณmultiple, คุณหอมกร, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnonnoiGiwGiw

 

ผมเคยถามลูกเหมือนกันครับ
ว่าวิชาลูกเสือจำเป็นมั้ย ? สนุกมั้ย ?
ลูกบอกมีก็ได้ ไม่มีก็ได้
ถ้ามี ก็น่าจะปรับเป็นวิชาเอาตัวรอด
หรือ เป็นวิชาที่ใช้ได้จริงในชีวิตจริง
เช่นการช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ปฐมพยาบาล
หรือเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

อย่างเมืองนอกเค้าสอนเรื่องการกราดยิงด้วยซ้ำ
ว่าควรทำอย่างไร

แบบนี้ผมว่ามีประโยชน์กว่าเยอะเลย

เข้าไปดูคำคมลุงมาแล้วครับ
ผมว่าช่วงนี้ดีนะครับ
ลุงไม่อยู่ในกระแสข่าวเลย 555

 

โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2567 16:17:39 น.  

 

สมัยก่อนตอนที่เรียนวิชานี้ผมไม่ได้มองในมิติของราคาค่าชุดเลย แน่นอนว่ามันรวมไปถึงชุดนักเรียนด้วย ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่เป็นสายประนีประนอมเหมือนกันครับ จริงๆ วิชานี้มันควรเป็นวิชาที่สนุกสนาน แต่จากประสบการณ์ในยุคผมมันไม่สนุกเลย ครูที่สอนก็สอนน่าเบื่อ มีแต่ลงโทษแบบระบบหมู่ ผมไม่อยากคิดเลยว่ายุคนี้มันจะยิ่งน่าเบื่อไปกว่ายุค 90 ขนาดไหน โพลที่พูดถึงผมก็เห็นนะ เด็กเบื่อ อย่าว่าแต่เด็กเบื่อเลยครูก็เบื่อครับ ต่างคนต่างเบื่อ

เห็นราคาชุดก็รู้สึกว่ามันแพง ในแง่ของความคุ้มค่ามันคุ้มค่าหรือ? เรื่องนี้ต่อเนื่องมาจากบล็อกผมที่พูดถึงเรื่องคนไม่อยากมีลูกเหมือนกัน เจอค่าชุดนักเรียน ชุดลูกเสือแพงขนาดนี้กระอักครับสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ หรืออาจเป็นนโยบายที่ส่งเสริมให้คนไม่ต้องมีความรู้จะได้ปกครองได้ง่ายก็ได้ หลายโรงเรียนไม่มีก็ไม่ให้เรียน ถือว่าสอบไม่ผ่าน ข่าวมีให้เห็นเยอะ เพียงแต่ผมไม่ได้เก็บข่าว


ผมก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะเอาสีทาหน้าเพื่ออะไรในเมื่อทาออกมาแล้วก็ไม่ได้สวยอะไรเลย สีที่ใช้ปลอดภัยหรือไม่ก็ไม่รู้ ผมชอบแนวคิดแบบนักมวยปล้า ถ้าทาแล้วออกมาได้แบบนั้นก็โอเคอยู่ครับ แต่มันก็มีคำถามแหละว่าเราได้ประโยชน์อะไรจากการทาสีดังกล่าว ถ้าคำตอบคือไม่ มันควรทำหรือ?

ผมชอบการยกตัวอย่างจากการ์ตูน มันชัดเจนมาก และถือได้ว่าล้มเหลวในเรื่องการสอนการเข้าแคมป์เป็นอย่างมาก เพราะในการ์ตูน ถ้าตัดแค่การเผาลูกสน หรือการปอกไม้ให้เป็นช่อดอกไม้เพื่อจุดไฟ มันใช้เวลารวมๆ กันไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ

เรื่องสกปรกผจญภัยผมเข้าใจได้แหละครับว่าอยากให้เด็กได้สัมผัสประสบการณ์เอาท์ดอร์บ้าง ซึ่งมันก็ต้องมีบ้างที่จะเละ แต่เราจะจงใจทำให้มันเลอะ รวมไปถึงจงใจให้เด็กมันโดนมดกัดไปทำไม? วันหนึ่งเจอเด็กที่แพ้มด (พวกมดคัดไฟ) ขึ้นมา โรงเรียนจะรับผิดชอบไม่ไหวเอานะ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 21 มกราคม 2567 17:25:53 น.  

 

โอ้ โชคดี รร. ที่ อ.เต๊ะเรียนสมัยเด็ก ไม่มีวิชาลูกเสือนะครับ
แต่มีวิชากระบี่ กระบอง ก้าว ชิด ยก ซด เอ๊ย ก้าว ชิด ยก แทง อิอิ

คุณ โลกคู่ขนาน บอก ใครสอนเอ็งมาเนี่ย
บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปเรียนมั่งเย้ย 555

เอาจริงๆ เครื่องแบบนี่ ถ้าจะประหยัด ก็น่าจะใช้ชุดพละที่มีอยู่แล้วก็ได้ ไม่ใช่ใส่ชุดลูกเสือ แล้วจะจุดไฟเก่ง ผูกเงื่อนไวเป็นลิง ก็ไม่ใช่นะครับ555

หลักสูตรก็ปรับซะหน่อย เอาที่มีประโยชน์ในการเอาตัวรอดในชีวิต
เช่น การสังเกต คนเมายาบ้า ม้ากัญชากระท่อม

หรือถ้าไปเจอ แก๊งเด็กนรก เด็กโรคจิตใส่ชุดคอมแบท ถือปืนพร้อมแมกกาซีนมา เป็นตับ จะหลบหลีก ทำตัวยังไง ในสถานการณ์แบบนั้น

จริงๆแค่ใช้ชีวิตใน รร นี่ ก็มีเรื่องให้ต้องระวังแยะอยู่แล้ว
ถ้าไปเจอ เพื่อนเลว ครูหื่น จะป้องกันตัวยังไงนะครับ

แล้วหลักสูตรบางวิชานี่ ไม่เฉพาะ ลูกเสือ เรียนไปก็ไม่ได้เอาไปทำงาน เราสิ้นเปลืองกับเรื่องเหล่านี้เอามากๆ

เดี๋ยวนี้ พ่อแม่ จะตัดปัญหา ไม่ค่อยมีลูกกัน ก็เพราะกลัวเรื่อง
ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูและการเรียนจนกว่าจะจบนี่แหละนะครับ
อีกหน่อย คนชราจะครองโลก แน่นอนครับ555


 

โดย: multiple 21 มกราคม 2567 19:47:08 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 22 มกราคม 2567 5:23:16 น.  

 

มดแดงมาปล่อยไม่มีนะ
แต่ก็รู้สึกเป็นวิชาไม่ค่อยมีประโยชน์จริงๆ แหละ

 

โดย: หอมกร 22 มกราคม 2567 7:12:48 น.  

 

ห๊ะ! มันมีเกณฑ์สีผ้าพันคอด้วยหรอ 55555555 อันนี้ผมเพิ่งรู้ คิดว่าเหลืองเหมือนกันหมด เป็นเครื่องแบบมาตรฐานซะอีก

ผมเป็นคนนึงที่เป็นสายประณีประนอม คิดว่าควรเป็นวิชาเลือกสมัครใจ แต่...คงต้องปรับปรุงหลักสูตรแล้ว
ไอ่เงื่อนเนี้ย ตอนเรียนผมก็พูดกับเพื่อนว่า กุจะได้ใช้ในชีวิตจริงไหมเนี้ย ชีวิตจริงก็ใช้แต่การผูกที่มีประโยชน์ แต่ไอ่ที่ยาก ๆ ก็คงไม่ได้ใช้

การเดินทางไกลก็คงไม่น่า น่าจะปรับเป็นการหัดดูแผนที่ เข็มทิศ ดูดาว คือแผนที่ดาวเลยนะครับ การปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง ไม่ใช่ดูดพิษงูนะ 55555
ระเบียบแถวนี่ให้ลืมไปเลย 5555 ไม่รู้จะเรียนไปทำไม รด. ก็ต้องเรียนอยู่แล้ว

กิจกรรมรอบกองไฟ ผมก็มารู้หลังๆ เนี้ยว่าคนอื่นเค้าทำเรื่องแผลงๆ เช่นเล่นกับไฟแบบนั้น ที่ผมเคยทำคือ อ่ะ...แสดงละคร เคย แต่ตอนเด็กๆ เลยนะ ถ้ามัธยมไม่มีแล้ว เป็นการทำกิจกรรมสันทนาการ ทีมเวิร์ค อะไรมากกว่า ถ้าไม่ติดว่าง่วงก็โอเคอยู่

จากบล๊อก
จริงๆ เรียนอะไรก็ไม่เป็นไร แค่จบมามีสุตจริตอาชีพทำ ไม่โกงกินใคร ไม่มีนอกมีใน ไม่ต้องไปอยู่ในวงการสีเทาสีดำ หรือพรรณๆ พวกๆ ก็พอ

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 22 มกราคม 2567 14:33:02 น.  

 

ยินดีด้วยกับสายสะพายใหม่สมใจ จขบ. จ้า

 

โดย: หอมกร 23 มกราคม 2567 15:23:32 น.  

 


ยินดีกับสายสะพายที่ได้รับด้วยนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 23 มกราคม 2567 19:46:20 น.  

 

ยินดีกับรางวัล BlogGang ด้วยนะครับ

 

โดย: ปัญญา Dh 23 มกราคม 2567 20:43:54 น.  

 

เม้นผมที ผมอยากรู้นิดนึงครับว่า SKyfall ได้ไหม ^^
หรือสถานะสมาชิกมีผลไหม

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 23 มกราคม 2567 22:26:19 น.  

 

ยินดีกับสายสะพายด้วยครับ

 

โดย: The Kop Civil 24 มกราคม 2567 11:01:55 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ยินดีกับสายสะพายจากบบล็อกแก็งด้วยนะคะ
สมใจแล้วนะคะ

 

โดย: tanjira 24 มกราคม 2567 14:20:31 น.  

 

ยินดีกับสายสะพายด้วยนะค้าาาา

 

โดย: nonnoiGiwGiw 24 มกราคม 2567 17:08:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สมาชิกหมายเลข 7115969
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




การเมือง - สังคม เป็นเรื่องของทุกคน เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณหันหน้าหนีการเมือง การเมืองจะตามไปเล่นงานคุณอย่างไม่ต้องสงสัย

active citizen!! สิ่งรอบตัวเราแท้จริงแล้วเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น แม้คุณจะไม่อยากยุ่งกับการเมืองแต่การเมืองยังไงก็จะมีผลกระทบกับคุณ


โลกคู่ขนาน เรียกเราแบบนี้ก็แล้วกัน ในเมื่อระบบสมาชิกแบบเฟสบุ๊คไม่สามารถตั้งชื่อได้ เรามีตัวตนในโลกนี้ที่เป็น "light" งั้นเราก็จะเป็น "darkness" เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่มีอยู่

[Add สมาชิกหมายเลข 7115969's blog to your web]