Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
Au Pair's Story 2007-2008
Live-in Caregiver 2009-2010
Taiwan trip 2016
Hello Korea 2013
Hajimete Kansai! 2017
My Diary
มกราคม 2560
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
14 มกราคม 2560
Part 05: Day 4 History, Shin Sa Dong and Myoengdong
Part 04: Day 3 Soul Tower, Subway Shopping and Korean tradition food
Part 03: Day 2 Peekaboo Korea!
Part 02: Day 1 อันยองโคเรีย
Part 01: วิถีติ่ง
All Blogs
Part 06: Day 5 อันยองฮีคาเซโย South Korea
Part 06: Day 5 Ginseng time
Part 05: Day 4 History, Shin Sa Dong and Myoengdong
Part 04: Day 3 Soul Tower, Subway Shopping and Korean tradition food
Part 03: Day 2 Peekaboo Korea!
Part 02: Day 1 อันยองโคเรีย
Part 01: วิถีติ่ง
Part 05: Day 4 History, Shin Sa Dong and Myoengdong
วันนี้ตรงกับวันหยุดเพื่อนพี่สาวมาเที่ยวด้วย โดยนัดเจอกันที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง วันนี้โปรแกรมเที่ยวมีชินซาดง, พระราชวังเคียงบ๊กกง และตลาดเมียงดง โดยที่แรกที่เราแวะเที่ยวกัน คือ ชินซาดง ชินซาดงก็เป็นตลาดแห่งหนึ่งที่เราเห็นว่ามีป้ายโฆษณาทางโทรทัศน์เยอะมาก ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่อการใด
ส่วนร้านค้าอื่น ๆ ก็มีพวกของที่ระลึก, ร้านอาหาร มีร้านขอยของน่ารัก ๆ หลายอย่าง ขายแบบเป็นโหลก็มี เป็นแหล่งชอปปิ้งมอลล์ขนาดย่อมแห่งหนึ่งของเกาหลี ที่ตลาดนี้เราได้ลองชิมอูด้งในภาษาญี่ปุ่น และโอเด้งในภาษาเกาหลี อร่อยดี มีน้ำซุปให้ซดด้วย เหมาะกับอากาศหนาวในวันนี้ยิ่งนัก
บรรยากาศที่ตลาดอินซาดง
ส่วนด้านล่างนี้คือโอเด้งแสนอร่อย
สถานที่ต่อไปคือพระราชวังเคียงบ๊กกง
ตรงทางเข้าวังด้านหน้าที่ติดกับถนนทางฝั่งผู้ประดิษฐ์ตัวอักษณของประเทศเกาหลี เราเห็นมีทหารยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยแล้วเค้ายืนแบบนิ่งมาก เพราะอากาศที่หนาวทำให้เราไม่แน่ใจว่าทหารที่ยืนนอยู่หน้าประตูเป็นทหารจริงหรือเปล่าหรือว่าเค้าเอาหุ่นมาวาง เราเลยถามเพื่อนพี่สาวว่าเค้าใช่คนจริงหรือเปล่า พี่เค้าก็เลยบอกว่าลองเข้าไปดูใกล้ ๆ สิ เราก็เดินเข้าไปดูจริง ๆ นะ จ้องหน้าทหารคนนั้นแทบจะสิง สุดท้ายเราเห็นหนวดปลอมที่เค้าติดอยู่กระตุก เลยรู้ว่าเค้าใช้คนจริง ๆ แหละยืนอยู่ตรงนั้น หนาวแทนเลย บรื๋อออ
จากนั้นก็พากันเดินข้ามถนนไปยังรูปปั้นของท่านนี้ (ตามรูปด้านล่าง) เราจำรายละเอียดอะไรได้ไม่มาก รู้อย่างเดียวว่าท่านเป็นคนประดิษฐ์ตัวอักษรของประเทศเกาหลี คงจะประมาณพ่อขุนรามคำแหงของไทยเรานั่นแหละค่ะ
ต้นไม้ในช่วงหน้าหนาว ถ้าดูใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีแม่ขะนิ้งเกาะด้วย อยู่ยาวไม่มีการเหี่ยว ตู้เย็นไม่ต้อง อิอิ
ท่านผู้นี้คือนักรบในประวัติศาสตร์ของเกาหลี ซึ่งเราจำชื่อของท่านไม่ได้เช่นเคย (แป่ววววววว) ท่านเป็นนักรบที่เก่งมากสามารถรบชนะญี่ปุ่นในขณะที่ฝ่ายเกาหลีมีกำลังน้อยกว่า ภาษาวัยรุ่นเรียก แทบัก ชูนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลย
บริเวณรอบอนุสาวรีย์ของท่านทั้งสอง
จากนั้นก็พากันไปต่อที่นี่ มยองดง หรือ เมียงดง อยากเรียกชื่อไหนเอาที่สบายใจว่าเลยค่า
แหล่งชอปปิ้งสุดฮิตของคนทั่วไป ใครมาที่นี่แล้วใจแข็ง เงินไม่ปลิวออกจากกระเป๋านี่ถือว่าเก่ง ข้าน้อยขอคาราวะ เราสูญเสียไปกับที่นี่หลายล้าน(วอน)ค่ะ ทุกสิ่งอย่างสมเหตุสมผลสมควรแก่การเสียเงิน แฮนด์ครีมซื้อหนึ่งโหลแถมอีกหนึ่งโหล, เสื้อขนเป็ดยูนิโคล่ ตัวละ 800 บาท เสื้อกันหนาวคอเต่าตัวละ 300 บาท (เราจัดมา 2 ตัว) รองเท้านิวบาลานซ์ในราคาหลักร้อยงี้ ทุกอย่างหลักร้อยหมดเลย อดใจไม่ให้ซื้อไม่ไหวจริง ๆ
ยิ่งพวกร้านเครื่องสำอางนี่นะ คนขายพูดได้ทุกภาษา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เอากะเค้าสิ (ช่วงที่เราไปยังไม่มีคนขายที่พูดภาษไทยได้) ร้านพวกนี้จะเริ่มจากแจกที่มาร์กหน้าฟรีก่อน โดยจะยืนแจกกันตรงหน้าร้านนั่นแหละค่ะ ซอนมุล ซูเซโย ลูกค้าท่านใดเห็นแก่ของฟรีก็จะถูกล่อลวงเข้าไปในร้าน สุดท้ายจึงได้ค้นพบว่าสิ่งของที่อยู่ในมือของตัวเองมีมูลค่ามากกว่าของแจกฟรีที่ได้มาซะอีก มีอยู่ร้านหนึ่งคนขายพูดภาษาอังกฤษได้ ชวนเราคุยใหญ่นางบอกนางเคยไปเมืองไทย ไปภูเก็ตหรือพัทยานี่ล่ะ คุยกันยาวเลย นางบอกนางชอบเมืองไทย สุดท้ายนางยัด ซอนมุล ใส่ให้ในมือ เพื่อนพี่สาวเลยถามว่า รู้จักกันมาก่อนใช่มั๊ย ฮ่า ๆ
นี่คือเมนูที่เรากินกันที่เมียงดง เรียกอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แต่รู้ว่าอร่อย เราชอบเมนูนี้ที่สุดในระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในเกาหลี เป็นเนื้อไก่กับกุ้งพริกแกงของเกาหลี จริง ๆ มันมีเนื้อหลายชนิดนะคะ แต่พี่เค้าสั่งเนื้อมาแค่ 2 อย่าง เอามาผัด ๆ ในกระทะ ตอนหลังเอามาม่ามาผัดรวมด้วยค่ะ อร่อยหนักเข้าไปอีก ร้านนี้พนักงานมาผัดให้ค่ะ ไม่ได้ผัดเอง ตอนผัดก็จะมีที่ครอบกันกระเด็นใส่ลูกค้า อยู่เกาหลีนี่พนักงานร้านอาหารทำให้เกือบทุกอย่าง ควรค่าแก่การจ่ายทิปเป็นอย่างมาก
พากันมาหลบหนาวในดังกิ้นโดนัท เห็นไม่มีหิมะแบบนี้อย่าชะล่าใจค่ะ เกาหลีกับแคนาดา เกาหลีหนาวกว่าเน้อ
กว่าเราจะหลุดออกมาจากมยองดงได้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้วค่ะ เราแยกกับเพื่อนพี่สาวที่หน้ารถไฟใต้ดินนั่นแหละ จากนั้นคณะทัวร์ที่เหลืออีก 2 คน ก็พาร่างกลับโรงแรมพร้อมข้าวของพะรุงพะรังในมือ หลังจากพักเหนื่อยกันแล้ว พี่สาวก็พาเราไปกินไก่ทอดราดซอสร้านดังที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรม อร่อยอีกแล้วค่ะ คนเยอะมาก ตอนที่เราเข้าไปมีลูกค้านั่งกันกลุ่มใหญ่เลย ลักษณะเหมือนพนักงานบริษัทพากันมาสังสรรค์
เมนูไก่ของที่นี่มีหลายแบบนะคะ แต่ที่ขึ้นชื่อก็ไก่ทอดเนี่ยล่ะ พี่เค้าสั่งมา 2 แบบ แบบราดซอสกับแบบออริจินัล เราไม่ได้ถ่ายแบบออริจินอลมา เค้าเสิร์ฟคู่กับหัวไชเท้าดองสีขาวบริสุทธิ์และก็สลัดซึ่งสามารถทานด้วยกันได้อย่างลงตัว ให้มาเยอะอยู่ค่ะ ทานกันไม่หมด ห่อกลับมากินที่โรงแรมด้วย เบียร์เค้าก็รสชาติดีนะ
พอกินไก่เสร็จเราก็พากันกลับโรงแรม แต่เรานึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้ลอง "พานาน่าอูยู" หรือนมกล้วยอันแสนเลื่องชื่อของที่นี่เลยนี่นา เราก็เลยกลิ้งออกจากโรงแรมลงไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อด้านล่าง
ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะที่ตั้งของโรงแรมกับร้านสะดวกซื้อมีความลาดชันมาก เกือบตั้งฉากเลยทีเดียว ชวนพี่ไปพี่บอกไม่ไป เหนื่อยแล้ว เราก็เลยต้องออกไปคนเดียว ตอนเราเดินลงไปก็เฉย ๆ นะ แต่ขากลับนิสิ เงยหน้ามองทางเดินกลับ แล้วจู่ ๆ เพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว
ฉันมาทำอะไรที่นี่?
ทำไมขาไปกับขากลับมันต่างกันจังแว๊ ได้แต่ปลอบตัวเองในใจ ไม่เป็นไรพอถึงโรงแรม ค่อยดื่มนมกล้วยทดแทนพลังงานที่เสียไปก็แล้วกัน และนมกล้วยก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะอร่อยสมคำร่ำลือ มันหอม อร่อย หวานละมุน ฟินนนนนน
Create Date : 14 มกราคม 2560
Last Update : 28 มิถุนายน 2560 10:37:59 น.
0 comments
Counter : 517 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pilkyo_Oilly
Location :
ลำพูน Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add Pilkyo_Oilly's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.