Group Blog
 
 
ตุลาคม 2561
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ตุลาคม 2561
 
All Blogs
 

Us Travel Visa Interview







มาจะกล่าวบทนำ...


พื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ที่เจ้าของบล็อคมีไว้เพื่อเวิ่นเว้อ, 
เขียนถึงเหตุการณ์ที่พบเจอควรค่าแก่การจดจำและบันทึก 
จักเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ผ่านมาอ่านหรือไม่นั้น บอกเลยว่าไม่แน่ใจ 



เรื่องแรกที่จะประเดิมไดอารี่ของเจ้าของบล็อก นั่นก็คือ 



การสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกานั่นเองงงงงงงงงงง


เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเรามีนัดสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา 
ก่อนที่จะทำการสมัครเราเองหาข้อมูลเยอะแยะมากมาย 
ชั่งใจอยู่ว่าจะทำเรื่องเองหรือจ้างเค้าทำดี 
เพราะกิตติศัพท์เรื่องการอนุมัติวีซ่าของประเทศนี้นั้น 
บอกเลยว่าคาดเดาค่อนข้างยาก 
นอกจากวิจารณญาณของผู้สัมภาษณ์แล้วนั้น 
ไม่มีอะไรมารับรองได้เลยว่าท่านจะผ่านการพิจารณา 


สุดท้าย...เราก็ได้ข้อสรุปว่าจ้างเค้าทำดีกว่า 


เพราะอะไรน่ะหรือ? 

โบราณกล่าวไว้ว่า สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง 
หากจ้างเค้าทำถ้าพลาดมาอย่างน้อยก็ยังมีผู้รับผิดชอบร่วม(สุภาษิตอะไรของแก?) 

เราติดต่อเอเจนซี่ไว้ประมาณปลายเดือนสิงหาคม 
โดยขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่เคยอบรมไกด์ด้วยกันว่าในเชียงใหม่มีที่ไหนพอแนะนำได้บ้าง 
นางก็เลยแนะนำที่นี่มาให้ (อยากทราบที่ไหน เชิญหลังไมค์มานะจ๊ะ) 

จองคิวปลายสิงหา ได้คิวสัมภาษณ์ 22 ตุลา 
รอแค่เดือนครึ่งกว่า ๆ เอ๊ง (ท้ายประโยคเสียงสูงปรี๊ด)  
พอตกลงโอเคว่าจะทำกับเจ้านี้  เราก็ทำการโอนเงินค่าจองคิวสัมภาษณ์วีซ่า 
ส่วนค่าบริการของเอเจนซี่ค่อยมาจ่ายอีกทีในวันสัมภาษณ์ 

ในความรู้สึกของเราประเทศอเมริกายังคงเป็นประเทศที่ฮอตอยู่ 
อารมณ์ประมาณผู้ที่ถึงแม้จะมีอายุแล้วแต่ก็ยังแซ่บอยู่ 
ให้นึกภาพพี่เบิร์ดผู้ไม่เคยตกยุคของเราประกอบ (เกี่ยวมั๊ย? แกจะไปพาดพิงถึงเค้าทำไม) 


ช่วงเวลาที่รออยู่นั้นก็เตรียมเอกสารไปสิจ๊ะ เอกสารส่วนตัว,ประกอบอาชีพอะไร ในกรณีเจ้าของกิจการแนบเอกสารที่แสดงถึงบริษัทเราด้วย ทะเบียนการค้า, หนังสือรับรองบริษัท, รูปถ่ายกิจการ, statement, bank guarantee, passport มีกี่เล่มขนไปให้หมด


ในขั้นตอนของการเตรียมเอกสาร ของเรามีดังนี้ 
- หนังสือรับรองบริษัท ขอใหม่ให้มันอยู่ในช่วงระยะ 6 เดือนตามที่สถานฑูตกำหนด 
- ฺBank guarantee ขอ 2 วัน ก่อนไปสัมภาษณ์ 
- Statement ปรินท์เอง เป็น e-mail statement ทำ 2 วันก่อนไปสัมภาษณ์เช่นกัน
- ปรินท์รูปกิจการของเราประกอบ
- ทรัพย์สิน, หนี้สิน เอามาหมด (ของเราหนักไปทางหนี้สินซะส่วนใหญ่)

สมุดบัญชีตัวจริง เราเอาไปนะ แต่ไม่แสดง เพราะเราไม่ได้ปรับเลย เวลาปรับมันจะรวบเป็นยอดเดียว 


สองวันก่อนวันนัดสัมภาษณ์วีซ่า น้องเจ้าหน้าที่โทร. มาสอบถามข้อมูลเพิ่ม เราก็บอกในสิ่งที่เค้าต้องการไป พร้อมกันนั้นเราก็ได้ถามเค้าไปว่า 

เรา "ในกรณีของพี่น้องคิดว่าความเป็นไปที่จะผ่านการสัมภาษณ์มีสูงมั๊ยคะ"
น้องเจ้าหน้าที่ "ตอบยากเหมือนกันค่ะ" 
เรา "ทำไมอ่ะ วีซ่าอเมริกานี่มันแล้วแต่ดวงเหรอ?"
น้องเจ้าหน้าที่ "ประมาณนั้นแหละคะ่" น้องพูดพลางหัวเราะ
เรา "อ่อ เป็นเช่นนั้นเอง"
น้องเจ้าหน้าที่ "หนูว่าของพี่ถ้ามันจะติดก็น่าจะติดอยู่เรื่องเดียวแหละค่ะ เรื่องที่พี่โสด" 

จ้ะ...รู้สึกอบอุ่นใจเช่นไรก็มิรู้ อธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดมิถูกเลยจริง ๆ 



ก่อนไปสัมภาษณ์ 1 วัน เราเรียบเรียงเอกสารตามรายการที่เค้าให้มา ตรวจให้มั่นใจว่าไม่มีลืมอะไรแน่นอน

วันรุ่งขึ้นก็หอบเอกสารที่เตรียมมาไปด้วย เราไปถึงสำนักงานของเอเจนซี่ที่เราตกลงใช้บริการก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เราลำดับให้นะคะ ว่าเค้าให้บริการเราอย่างไรบ้าง 

1.  เจ้าหน้าที่คนแรกยืนต้อนรับอยู่ด้านหน้า ถามชื่อกับวันสัมภาษณ์แล้วให้เรานั่งรอ 
2.  เจ้าหน้าที่คนที่สองพาไปถ่ายรูป
3.  เจ้าหน้าที่คนที่สามเรียบเรียงเอกสารให้ใหม่
4.  หัวหน้าตรวจสอบเอกสาร+สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หากข้อมูลไม่สอดคล้อง มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนก็เปลี่ยนกันเดี๋ยวนั้นเลย จากนั้นแนะนำเราเกี่ยวกับข้อมูลที่เราจะต้องตอบให้ตรงกับที่กรอกใน DS-160 เราจะไปทำอะไร ไปตอนไหน ใครดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย 
5. เจ้าหน้าที่คนที่สี่ พาไปส่งถึงหน้าสถานฑูต รวมถึงยื่นใบนัดกับบัตรประชาชนให้ด้วย  


หลังจากนั้น ก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องฉายเดี่ยวแล้วค่ะ พอเข้าไปเจ้าหน้าที่เค้าก็ตรวจเหมือนตอนเราโดนตรวจก่อนเข้าไปในสนามบินนั่นล่ะค่ะ 

กระเป๋า+โทรศัพท์มือถือเราฝากไว้ข้างนอก เค้ามีบัตรฝากของพร้อมสายคล้องแขนให้ สามารถไปแลกคืนตอนสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เราเอากระเป๋าตังค์เข้าไปอย่างเดียว เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เงินอีกหรือเปล่า 

พอผ่านจากขั้นตอนนี้ ก็ยื่นเอกสารที่ทางเอเจนซี่จัดให้ ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าห้องสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่จะเลือกเอกสารที่ต้องใช้ และคืนเอกสารที่เหลือให้เรา ของเราเค้าถามว่าเราเคยไปอเมริกามาหรือเปล่า เราก็บอกว่าเคยค่ะ เจ้าหน้าที่เลยเอาพาสปอร์ตของเราไป 2 เล่ม คือเล่มปัจจุบันกับเล่มเก่าที่มีหน้าวีซ่า J1 

จากนั้นก็นั่งรอเจ้าหน้าที่เรียก เจ้าหน้าที่จะเรียกทั้งหมดสองครั้งนะคะ ครั้งแรกเรียกไปสแกนลายนิ้วมือ และสอบถามข้อมูลนิดหน่อย ระหว่างนั่งรอเค้าจะเปิดวีดีโออธิบายขั้นตอนในการสัมภาษณ์วีซ่าอย่างละเอียด แนะนำเลยนะคะว่าต้องดู เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง 

และนี่คือบทสนทนาระหว่างเราและเจ้าหน้าที่ช่องที่ 1 ในการเรียกเข้าไปสแกนลายนิ้วมือครั้งแรก

จนท. 1 "นี่ยังไม่ใช่การสัมภาษณ์วีซ่านะครับ"
เรา "ค่ะ" (อยากจะโบกว่า ดูวีดีโอด้านนอกจนจะท่องได้แล้วล่ะฮ่ะ)
จนท. 1 "คุณเคยไปอเมริกามาก่อนมั๊ย ?"
เรา "เคยค่ะ 1 ปี ไปเป็นออแพร์" 
จนท. 1 "นี่เป็นการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาเป็นครั้งแรกใช่มั๊ย ?" 

คิดนิดนึงก่อนตอบ เพราะตอนนั้นที่ขอไป เค้าเรียกว่าวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยน ฉะนั้นนี่ก็เป็นการขอวีซ่าท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกแหละ

เรา "ใช่ค่ะ" จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เราสแกนลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง
จนท. 1 "นั่งรอข้างนอกได้เลยครับ" 

เราออกไปนั่งรอด้านนอกได้ประมาณ 15 นาที ก็ถูกเรียกกลับเข้าไปที่ห้องเดิมอีกครั้ง คราวนี้ไปช่องที่ 2 นั่งรอไม่เกิน 5 นาที  และนี่คือบทสนทนาระหว่างเรากับเจ้าหน้าที่ช่องที่ 2 

คนสัมภาษณ์เราเป็นอเมริกันนะคะ สัมภาษณ์ภาษาไทย เพราะฉะนั้นเวลาอ่าน กรุณาอ่านแล้วใส่ฟิลของชาวต่างชาติที่สามารถพูดไทยได้ประมาณ 85% ลงไปด้วย 

จนท. 2 "สวัสดีครับ"
เรา "สวัสดีค่ะ" 
จนท. 2 "คุณเคยไปอยู่ที่อเมริกามาก่อนใช่ไหม" 
เรา "ใช่ค่ะ ที่ Arizona 1 ปี ประมาณ 2007-2008 แต่รอบนี้จะไป Oregon" 
จนท. 2 "ครั้งนี้คุณจะไปทำอะไร" 
เรา "ไปเที่ยว" น้ำเสียงและหน้าตาแป้นแล้นสุดฤทธิ์ 
จนท. 2 "เคยไปที่ไหนมาบ้าง"
เรา "อเมริกา, จีน, แคนาดา, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ลาว, สิงคโปร์, พม่าก็เคยไปนะคะ ไปบ่อยเลย แต่มันเป็นการขอวีซ่าแบบ one day ไม่ได้ลงตราประทับ" 

ว่าแล้วก็พลางหยิบพาสปอร์ตอันเก่าที่เหลืออีกสองอันยื่นไปให้ พร้อมกับถามคุณเจ้าหน้าที่ด้วยความเป็นมิตรว่า "จะดูมั๊ยคะ?" 
เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า แล้วบอกว่า "ไม่ต้องก็ได้"

จากนั้นเค้าก็ถามเรื่องเกี่ยวกับบริษัทของเรา ซึ่งตรงนี้เราไม่ขอเล่านะคะ ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูล เอาเป็นว่าเค้าถามอะไรมาตอบได้หมด ตอบจนเจ้าหน้าที่หมดคำถามอ่ะ (ฮ่า ๆ) 

จนท. 2 "เรียบร้อยแล้ว วีซ่าคุณผ่าน" พูดพร้อมยื่นพาสปอร์ตเล่มเก่าที่มีหน้าวีซ่า J1 คืนให้เรา เราก็แบบ อ้าวเฮ้ย เสร็จแล้วเหรอ ยังอยากคุยต่ออยู่เลยอ่ะ ยังไม่ได้เลยนะว่าทำไมอยากไป Oregon 
เรา "เรียบร้อยแล้วเหรอคะ ขอบคุณค่ะ" พูดพลางทำหน้าแป้นแล้นใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมพาร่างป้อม ๆ ของตัวเองออกมาจากห้องนั้น

คิวก่อนหน้าเรามีสัมภาษณ์ไม่ผ่านหลายรายเหมือนกันค่ะ บางคนก็เดินหน้างอกออกมา บางคนก็พูดออกมา ทำไมไม่ผ่านอ่ะ เราก็ไม่รู้นะว่าแต่ละคนโดนถามอะไรบ้าง 

ในกรณีของเราที่ผ่าน เราคิดว่ามันน่าจะมาจากเหตุผลหลัก ๆ 3 อย่าง คือ 
1. การงานมั่นคง 
2. เดินทางบ่อย หนังสือเดินทาง 4 เล่ม ลงตราประทับทุกเล่ม 
3. การตอบคำถาม เราตอบคำถามชัดเจน อธิบายได้ทุกเรื่อง 

เอาจริงเราก็ตอบตามความเป็นจริงทุกข้อแหละ ที่สำคัญเวลาฟังคำถามต้องตั้งใจฟังเจ้าหน้าที่ด้วย มีสติจะได้ตอบที่เค้าถามมาถูก เราจ้องหน้าเจ้าหน้าที่ตลอดตอนสัมภาษณ์ไม่หลบตาเลย (เป็นชะนีมีความมั่นใจในตัวเองสูง...ฮ่า ๆ) อีกอย่างเจ้าหน้าที่หน้าตาเป็นแบบที่เราชอบ คิดในใจถ้าสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ถือซะว่าซื้อบัตรมามีทแอนด์กรีทกับเจ้าหน้าที่กงสุลก็ละกัน...โฮะ ๆ (สาระอยู่ตรงไหน?) 


ฝากไว้ให้ได้คิดนิดนะคะ เราว่าจะขอวีซ่าประเภทอะไรเลือกให้ชัดเจนดีกว่าจะเที่ยว, เยี่ยม, คู่หมั้น ตรวจสอบให้ดีว่าในกรณีของตัวท่านเองนั้นอยู่ในหมวดไหน อย่างในกรณีของเราขอท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึงโฮสต์เก่าที่เคยอยู่ด้วยเลย เตรียมเอกสารแค่ในส่วนของเรา



สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านที่ต้องการไปเที่ยวอเมริกาเหมือนเรา โชคดีผ่านการสัมภาษณ์กันทุกคนนะคะ อเมริกากว้างมากค่ะ วีซ่า 10 นี่ยังไม่รู้เลยจะเที่ยวทั่วหรือเปล่า จริง ๆ ต้องให้สัก 50 ปีน้า จะได้เที่ยวปีละ 1 รัฐไปเล้ย







 

Create Date : 24 ตุลาคม 2561
1 comments
Last Update : 24 ตุลาคม 2561 7:36:42 น.
Counter : 389 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRananrin, คุณKavanich96

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 30 ตุลาคม 2561 2:47:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Pilkyo_Oilly
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Pilkyo_Oilly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.