Group Blog
 
 
มกราคม 2560
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 มกราคม 2560
 
All Blogs
 

Taiwan Day 4: The Adventure begins








วันนี้เที่ยวอิสระ ใครใคร่ไปทางไหนก่าไปโลด เรากับพี่สาวว่าจะพากันไปไหว้พระสัก 3 วัด แล้วก็ไปตลาดปลาต่อ หลังจากนั้นเราว่าจะไปเดินเที่ยวตลาดกลางคืนที่อื่นต่อ ตอนแรกกะไปแค่ 2 คน ไป ๆ มา ๆ เพื่อนในกรุ๊ปทัวร์สนใจจะไปด้วยจาก 2 เลยกลายเป็น 11 สุดท้ายจากวัด 3 วัด เหลือแค่วัดหลงชานวัดเดียว, ตลาดปลา แล้วก็กลับโรงแรมเพราะพี่สาวเรานางบอกนางหมดแรงแล้ว ส่วนสมาชิกที่เหลือท่านอื่น ๆ ก็ไปต่อตามความชอบส่วนตัว

พวกเราเดินทางไปวัดหลงชานด้วยรถไฟใต้ดินค่ะ ภาพด้านล่างคือบรรยากาศของวัดหลงชานในช่วงเช้านะคะ จะเห็นว่าประชากรอุ่นหนาฝาคั่งในระดับหนึ่งทั้งชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยว คนไต้หวันเค้าก็นิยมทำบุญเหมือนคนไทยเรานี่แหละค่ะ วัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องครอบครัว คนที่นี่เชื่อว่าใครมีปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวให้มาขอพรที่นี่จะเห็นผล










จะไม่ให้หมดแรงยังไงไหวล่ะค่ะ วันที่เราเที่ยวกันเองอากาศที่ไต้หวันเริ่มร้อนแล้วค่ะ แต่พี่สาวและเพื่อนวัยรุ่น(รุ่นผู้ปกครอง)ของเราหลาย ๆ ท่านแต่งกันมาซะ winter love song มันก็ต้องร้อนเป็นธรรมดา

อากาศที่ไต้หวันเอาแน่เอานอนไม่ได้นะคะ อย่างทริปนี้ของเราเนี่ยสามวันแรกค่อนข้างหนาวเย็นประหนึ่งอยู่ในห้องแอร์จนพี่สาวเราตัดสินใจซื้อเสื้อเพิ่ม เพราะนางคิดว่าวันต่อไปมันจะหนาวเพิ่มขึ้นอีก พอวันที่ 4, 5 อยากร้อนขึ้นมาก็ร้อนหน้าตาเฉยซะอย่างนั้น ใครที่แพลนว่าจะมาเที่ยวที่นี่ติดวิตามินซีมาเผื่อไว้ด้วยเลยก็ดีนะคะ หรือไม่ก็สำรวจสภาพอากาศล่วงหน้ามาก่อนก็ได้ เราเองได้ทำความเข้าใจอากาศของไต้หวันมาล่วงหน้าจากดูพยากรณ์อากาศในเว็บที่เชื่อถือได้ เลยจัดเสื้อผ้าได้เหมาะกับสภาพอากาศ เราไม่มีปัญหา ณ. จุด ๆ นี้นะคะ


ต่อไปเราจะขอพาทุกท่านเดินทางไปยังตลาดปลาอันเลื่องชื่อนะฮับ จากวัดหลงชานเราเดินทางกันโดยแท็กซี่ ประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงที่หมาย ที่นี่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เอาไว้โชว์สัตว์น้ำที่ยังมีชีวิตอยู่ กับอีกส่วนที่ทำการฌาปนกิจเรียบร้อยแล้วและพร้อมที่จะลงไปอยู่ในท้องของเรา

โดยที่เค้าจะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าและให้เราใช้น้ำยา sanitizer ล้างมือก่อนเข้าไป โดยที่เราจะได้เข้าไปในส่วนของอาหารสดก่อน จากนั้นก็เข้าไปเลือกอาหารที่ปรุงสุกแล้ว จ่ายเงินเสร็จก็โซ้ยโลดเลยค่ะ โดยเค้าจัดสถานที่ทานอาหารอยู่ด้านนนอก มีทั้งแบบยืนและนั่ง แบบเป็นร้านนั่งทานก็มีนะคะ แต่เราต้องสั่งอาหารของร้านเค้า



ด้านหน้าทางเข้าตลาด



เดินเข้าไปก็จะเจอของพวกนี้อยู่ในโซนเดียวกับสิ่งมีชีวิต





เครื่องดื่มขวดสวย ๆ









คนขายเค้าท่าทางจะชอบเด็กที่เห็นในรูปนั่นคนขายจับออกมานะคะ
เค้าจับปูเป็น ๆ ออกมาให้เด็กดู เราเดินตามน้องเค้าเลยได้ถ่ายรูปปูมาด้วย


ในไลน์ของอาหารที่ปรุงสุกแล้ว มีให้เลือกสรรมากมาย



สิ่งนี้ทุกคนบอกว่าอร่อย แต่เราไม่ได้ชิม...แป่ววว



ผลไม้ก็มีนะคะ อาหารครบ 5 หมู่เลย




ผักผลไม้สดก็มา



ตามาด้วยน้ำผลไม้ในรูปแบบที่หลากหลาย







งานมิลเล่อร์ก็มา อาหารที่ดีต้องมาจากความใส่ใจของคนทำ คริคริ


ใกล้ ๆ กับตลาดปลา มีตลาดสดอีกค่ะ คล้าย ๆ กับตลาดบ้านเราแหละ ขายทุกสิ่งอย่างเหมือนกัน ผัก, ผลไม้ ก็มีคล้าย ๆ กัน อาหารทะเลของเค้าสดมาก ลูกพลับใหญ่และหวานกรอบ มัวแต่ตกใจกับขนาดลืมถ่ายรูปมาซะนี่ แต่ชมพู่ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ น้ำเยอะแต่ไม่ค่อยหวาน ออกเปรี้ยว ๆ เฝื่อนนิดหน่อย





เห็นปลาจะละเม็ดตาใสแป๋วแบบนี้ อยากจับไปนึ่งบ๊วยจริง ๆ
ห้องครัวไปทางไหนเก๊าของยืมใช้โหน่ย


ขากลับใช้บริการแท็กซี่เช่นเคยค่ะ เพราะแถวนั้นไม่มีรถไฟใต้ดิน รถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดก็ต้องไปแท็กซี่อยู่ดี เลยตัดสินใจกันว่านั่งแท๊กซี่ยาวไปเลยละกัน แท็กซี่พาไปลง สถานี Main ซึ่งเป็นสถานีกลาง

ซึ่งจากสถานีนี้สามารถเดินทางไปต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดินหรือรถไฟที่ออกไปจังหวัดอื่น ๆ ของไต้หวัน (สำหรับเรามันคือหัวลำโพงเล็ก ๆ นี่เอง) ณ. สถานนี้เรามีโอกาสลงไปวิ่งเล่นในชอปปิ้งมอลของเค้าด้วย มันคล้าย ๆ กับของเกาหลีนั่นแหละค่ะ แต่จำนวนร้านค้าไม่เยอะเท่า มีร้านขายเครื่องสำอาง, เสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า ซึ่งเราว่ามันสูงเกินไปถ้าเทียบกับที่ซีเหมินติง (คงเป็นเพราะเป็นของแบรนด์ด้วยมั๊ง) แต่สิ่งที่เราเห็นสิ่งนี้ในร้านขายยาแล้วอดใจคว้ามาไม่ได้ นั่นก็คือ



โอท๊อปประเทศไต้หวัน น้ำแร่โอกุมะ(รุ่นเก่า)
ราคาตามที่เห็นในกล่องนั่นแหละค่ะ ได้ขวดใหญ่ 2 ขวด ขวดเล็กขนาดพกพาอีก 1 ขวด
ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันดีงามอย่างไร จนได้ลองใช้ อืม...สมคำร่ำลือจริง ๆ


จากนั้นเราก็กลับโรงแรมกันด้วยแท็กซี่เช่นเดิมเพราะสมาชิกไม่อยากเดินแล้ว พอพาสมาชิกรุ่นเพื่อนพ่อกลับมาถึงที่พักแล้ว เราก็เตรียมตัวออกไปตะลอนข้างนอกต่อเพื่อหาของฝากและกระเป๋าเดินทางขนาด 24 นิ้วเนื่องจากทริปนี้เป็นทริปไฟ(ไหม้จนเกรียม) เป็นเหตุให้เราซื้อใบใหม่จากเมืองไทยก่อนการเดินทางไม่ทัน มีกระเป๋าแบบถือขึ้นเครื่องขนาด 20 นิ้วมาแค่ใบเดียว คืนก่อนเราไปดูที่ตลาดซีเหมินติงเจอถูกใจอยู่ 1 ใบถ้วน แต่ยังไม่ได้ตกลงใจซื้อ เพราะมีแพลนไปเดินตลาดอื่นต่อเผื่อมีแบบที่ถูกใจอีก แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปเอาที่เดิมเพราะโดนเจ้าของร้านสาปไว้ (ไม่ใช่แระ)


ก่อนออกจากโรงแรมเพื่อทำการสำรวจไทเปในรอบที่สอง มีน้องร่วมคณะทัวร์นางหนึ่งทักมาในแชทบ๊อกซ์ของเฟซบุค (ทักมาได้จังหวะพอดียังกะมีพรายกระซิบ) นางถามเราว่าพี่กลับมาที่โรงแรมหรือยัง แล้วพี่จะไปไหนต่อ เราก็บอกจะไปคาร์ฟูร์กับตลาดชีด้าถ้าไปทันนะ แต่ถ้าไม่ทันก็กลับไปซีเหมินติงแหละพี่จะไปกลับซื้อกระเป๋าเดินทาง ตามคาดค่ะรอบสองนี้เราก็ไม่ได้ออกไปสำรวจโลกคนเดียวลำพัง มีเพื่อนร่วมคณะด้วยนะคะรอบนี้ เป็นครอบครัวของน้องคนนี้นี่เอง

เราเลือกที่จะเดินไปค่ะเพราะถามพี่ไกด์ผู้ช่วยว่าเดินไปได้ไหม นางก็บอกว่าได้ ระหว่างทางเราแวะซีเหมินติงก่อนเพราะมันเป็นทางผ่าน เราบอกน้องพี่ยังไม่ได้ชิมไก่ทอด hot star เลย นางก็บอกเอาดิพี่ เราก็เลยจัดมาทั้งไก่และชานมไข่มุก สำหรับเราเราว่ารสชาติมันกลาง ๆ นะไม่ตราตรึงสักเท่าไหร่ ชานมโอเคอยู่ค่ะ แต่ที่นี่มุกที่ใส่ในชานมมีความดีงามนะคะ (อย่างว่าของอร่อยอยู่ที่คนชอบ) หลังจากร่างกายได้รับอาหารแล้วเราพากันเดินทางกันต่อ





ชาวคณะทั้งหมดก็พากันออกเดิน เดินไปไกลได้ระดับหนึ่งแล้ว มันก็ยังไม่ถึงสักที ไหนพี่ไกด์ผู้ช่วยบอกเดินไปได้ไง เลยลองถามคุณแม่ลูกสองที่เดินผ่านมาว่าคาร์ฟูร์ไปทางไหนคะ นางดูไม่ค่อยเข้าใจเหมือนไม่รู้จักสถานที่ที่เราถาม (นางพูดภาษาอังกฤษได้กะปริบกะปรอย) คุณน้าของน้องร่วมคณะทัวร์ของเราก็เลยเอารูปให้ดู รูปดันไม่ชัดอีก เห็นแต่ร้านแม็คโดนัลด์ข้างล่างแบบเบลอ ๆ แต่ไม่เห็นโลโก้ของห้าง นางเลยบอกให้ตรงไปเรื่อย ๆ แล้วถามเราประมาณว่าคุณจะไปที่นั่นจริง ๆ เหรอ มันไม่มีอะไรนะ พวกเราเลยแทงกิ้วนางไป ขอบคุณนะคะที่ช่วยบอกทาง

พอแยกจากคุณแม่ลูกสองมาแล้ว พวกเราก็เลยพากันเดินตรงไปเรื่อย ๆ เริ่มไกลออกไปแต่ก็ยังหาไม่เจอสักที สุดท้ายเลยลองเปลี่ยนเจเนอเรชั่นดู ลองถามเด็กวัยรุ่นดูดีกว่า เราเลยทักเด็กน้อยคนนั้นถามเค้าว่า คาร์ฟูร์ ไปทางไหน จากนั้นก็เอารูปโลโก้ของห้างให้ดู นางร้องอ๋อแล้วออกเสียงว่า“คาเร่ฟู” ที่นี่เรียกห้างนี้ว่า“คาเร่ฟู” จ้า ไม่ใช่คาร์ฟูร์ เหมือนบ้านเรา มิน่าเล่าคุณแม่ลูกสองเหยื่อรายแรกของเราถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เราถาม สุดท้ายพวกเราก็เดินทางมาถึง “คาเร่ฟู” โดยสวัสดิภาพ โดยเราได้ของฝากอย่างที่ตั้งใจ และคุณแม่คุณน้าก็ได้อาหารและขนมไปเยอะมาก ประหนึ่งว่าเป็นประชากรของที่นี่มาซื้อของเข้าบ้าน ขาชวนเดินกลับนางไม่เดินแล้วจ้าเรียกหาแท็กซี่อย่างเดียวเลย



นี่คือบรรยากาศระหว่างทางไป “คาเร่ฟู”








และแล้วเราก็ได้ของฝากแต่ไม่ได้กระเป๋าเดินทางเนื่องจากเรากลับแท็กซี่ พอส่งพวกแม่ ๆ ที่โรงแรมเสร็จ เอาของที่ซื้อมาเก็บเข้าห้องแล้ว เราก็กลับไปซีเหมินติงต่อ เพื่อกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้วใบนั้น รอบนี้พี่สาวของเราชาร์ตแบบเรียบร้อยแล้วนางพร้อมจะเดินทางต่อ นอกจากเราก็มีน้องสาวคนเดิมที่ไป “คาเร่ฟู” ด้วยกัน กับน้องชายอีกคนพักที่อยู่ข้างห้องเราไปด้วย (มากรุ๊ปเดียวกันนี่แหละ) พอเราได้กระเป๋าแล้วก็พากันไปนั่งโซ้ยน้ำแข็งไส ก่อนจะพาพี่สาวเรากลับโรงแรมระหว่างทางแวะซื้อบะหมี่ขึ้นไปทานที่ห้องด้วย+แวะแฟมิลี่มาร์ท เพื่อซื้อพายสับปะรดเพิ่ม

ส่งพี่สาวขึ้นห้องพักเรียบร้อย สมาชิกอีก 3 ชีวิตทึ่เหลือก็พากันไปตลาดเจี่ยหนิงกันต่อ น้องผู้ชายบอกว่าที่นี่เป็นตลาดอาหารกลางคืนครับพี่ เราไปลองชิมกันดูมั๊ย เราตอบกลับน้องมันไปว่าได้เลยน้องมันเป็นเวย์ของพี่อยู่แล้ว

พวกเราเดินทางกันโดยแท็กซี่ จากที่พักใช้เวลาประมาณ 15 นาที รอบแรกก็พากันเดินวนก่อนรอบที่สองค่อยซื้อ เราได้ไก่ทอดราดซอสมาเพราะพ่อค้าแซ่บ...ไม่ช่าย รสชาติอร่อยอยู่ค่ะ เราชอบอันนี้มากกว่าไก่ทอด hot star นะ แล้วก็ไปหม่ำหอยนางรมทอดต่อ พออิ่มก็เดินดูอะไรแถวนั้นนิด ๆ หน่อย ๆ มีตกกุ้งด้วยค่ะ เหยื่อ 7 อัน 100 ดอลล่าร์ไต้หวัน มีกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้วในราคาที่ถูกกว่าที่เราซื้อมาจากตลาดซีเหมินติงแต่ไม่สวยเท่า


ไก่ทอดราดซอส






หอยนางรมทอดสูตรไต้หวัน เราว่าน้ำราดกับตัวหอยทอดมันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
อารมณ์เหมือนกินออส่วนกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ แต่จานนี้ก็หมดอยู่นะ เอ๊ะ...ยังไง?


ตกกุ้ง ฝึกสมาธิ




บรรยากาศร้านขายอาหารในตลาดเจียหนิงค่ะ













ร้านนี้รู้สึกจะเป็นร้านขายเครื่องในนะ


เดินไปเรื่อย ๆ เจอทาร์ตไข่อันเบ้อเริ่มหน้าตาเฉย ๆ สนนราคาอยู่ที่ 3 อัน 100 ดอลล่าร์ไต้หวัน (แต่พอลองแล้วถึงได้รู้ โอ้ว...พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ฉันหลงรักขนมประเภทเค้ก, ทาร์ต และพายของประเทศนี้) พวกเราเลยลังเลที่จะซื้อเพราะไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่า มีหลายรสแต่เหลือรสชาเขียวอยู่แค่อันเดียว เรากับน้องผู้หญิงกำลังคุยกันว่าจะซื้อดีมั๊ย พอตกลงกันได้ละว่าลองดูละกัน

ในจังหวะที่ซื้อนั่นแหละค่ะ มีหญิงชาวไต้หวันตะโกนมาเป็นภาษาจีนและล้อเลียสิ่งที่เรากับน้องผู้หญิงพูด ดูท่านางจะไม่พอใจเดาเอาจากภาษาท่าทาง คาดว่านางคงอยากได้ทาร์ตไข่ชาเขียวเหมือนกันแต่ไม่ได้ เพราะตามคิวแล้วพวกเรามาก่อนคนขายเลยขายให้เราก่อน แค่เราตัดสินใจช้าเฉย ๆ

ในขณะที่พ่อค้าลำเลียงขนมใส่กล่องและคิดเงินอยู่นั้น นางก็ยังบ่น ๆ ภาษาบ้านเกิดของนางไปเรื่อย ๆ แต่เราไม่ทะเลาะกันนางให้เสียเวลาหรอกค่ะ แค่หันไปยิ้มสวย ๆ ให้ แล้วยกนิ้วป้องปากหัวเราะเบา ๆ แบบที่ผู้ดีในละครชอบทำ ส่งสายตาบอกนางไปว่าชั๊นชนะ โฮะ ๆ (จะเอาชีวิตมาทิ้งที่ไต้หวันอยู่มะรอมมะร่ออยู่ละ ยังไม่สำเหนียก)

และนี่คือหน้าตาทาร์ตไข่เจ้าปัญหา





เสร็จจากตลาดเจียหนิงเราก็พากันกลับโรงแรมค่ะ สรุปตลาดชิด้าก็ไม่ได้ไป แต่มีปาร์ตี้กันเบา ๆ เล็กน้อยที่ห้องของพี่สาวคนภูมิภาคเดียวกัน จนเวลาล่วงเลยเกือบเที่ยงคืน พวกเราจึงกลับมาที่ห้องจัดกระเป๋าและเข้านอน

ประเทศไต้หวันสำหรับเราเป็นประเทศที่น่ารักนะคะ คนบ้านเค้าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ค่อยเยอะ แต่เค้าก็มีความพยายามในการให้ความช่วยเหลือดีอยู่ค่ะ ลักษณะการพูดของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดอาจแฝงไปด้วยความฮาร์คอร์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้าย ที่พูดเบา ๆ ก็มีบ้างนะคะ ซึ่งดูแล้วมันเป็นธรรมชาติของบ้านเค้านั่นแหละค่ะ แค่เรายังไม่ค่อยชินเท่านั้นเอง ถ้าถามว่าอยากไปไต้หวันอีกมั๊ย ก็ยังอยากอยู่นะคะเพราะยังเหลือสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกหลายที่ที่เรายังไม่ได้ไป ที่สำคัญเราติดใจน้ำแร่โอกุมะกับขนมเค้ก, ทาร์ตไข่ ของที่นี่มากกกก

อ้อ...มีผลสำรวจ (จากใครก็ไม่รู้) กล่าวว่าหนุ่มสาวชาวไต้หวันหน้าตาดีนั้น เป็นความจริงนะคะ เท่าที่ไปมา 4-5 วันนี่ เจองานดีหลายงานอยู่นะคะ มองเพลินดี


Good Bye Taiwan I had a great time here!
Hope to see you again next time!!










*ปูลู. บล็อกสุดท้ายนี้กว่าจะอัพได้ อุปสรรคมากมายยิ่งนัก ประกอบกับไม่ได้เขียนมานาน ลืมวิธีการเขียนบล๊อกไปหมดเลย ต้องไปศึกษาใหม่ ภาพพื้นหลัง, ตัวหนังสือไม่ได้อย่างใจ รูปใหญ่ไปอีกล่ะ (T^T)

สรุป...นางใช้เวลาวันหยุดช่วงปีใหม่ทั้งหมดเขียน+แก้บล๊อกอย่างเดียวเลย 555 แต่ก็ช่างเถอะ I'm happy อย่าให้ว่างอีกนะ จะระลึกชาติตอนไปเกาหลีกับสิงคโปร์ เกาหลีนี่เรื่องเยอะอยู่ค่ะ สิงคโปร์ไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้น


XOXO





 

Create Date : 02 มกราคม 2560
0 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2560 10:04:30 น.
Counter : 1309 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Pilkyo_Oilly
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Pilkyo_Oilly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.