Group Blog
 
 
มกราคม 2560
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 มกราคม 2560
 
All Blogs
 

Part 05: Day 4 History, Shin Sa Dong and Myoengdong



วันนี้ตรงกับวันหยุดเพื่อนพี่สาวมาเที่ยวด้วย โดยนัดเจอกันที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง วันนี้โปรแกรมเที่ยวมีชินซาดง, พระราชวังเคียงบ๊กกง และตลาดเมียงดง โดยที่แรกที่เราแวะเที่ยวกัน คือ ชินซาดง ชินซาดงก็เป็นตลาดแห่งหนึ่งที่เราเห็นว่ามีป้ายโฆษณาทางโทรทัศน์เยอะมาก ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่อการใด 

ส่วนร้านค้าอื่น ๆ ก็มีพวกของที่ระลึก, ร้านอาหาร มีร้านขอยของน่ารัก ๆ หลายอย่าง ขายแบบเป็นโหลก็มี เป็นแหล่งชอปปิ้งมอลล์ขนาดย่อมแห่งหนึ่งของเกาหลี ที่ตลาดนี้เราได้ลองชิมอูด้งในภาษาญี่ปุ่น และโอเด้งในภาษาเกาหลี อร่อยดี มีน้ำซุปให้ซดด้วย เหมาะกับอากาศหนาวในวันนี้ยิ่งนัก

บรรยากาศที่ตลาดอินซาดง







ส่วนด้านล่างนี้คือโอเด้งแสนอร่อย



สถานที่ต่อไปคือพระราชวังเคียงบ๊กกง






















ตรงทางเข้าวังด้านหน้าที่ติดกับถนนทางฝั่งผู้ประดิษฐ์ตัวอักษณของประเทศเกาหลี เราเห็นมีทหารยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยแล้วเค้ายืนแบบนิ่งมาก เพราะอากาศที่หนาวทำให้เราไม่แน่ใจว่าทหารที่ยืนนอยู่หน้าประตูเป็นทหารจริงหรือเปล่าหรือว่าเค้าเอาหุ่นมาวาง เราเลยถามเพื่อนพี่สาวว่าเค้าใช่คนจริงหรือเปล่า พี่เค้าก็เลยบอกว่าลองเข้าไปดูใกล้ ๆ สิ เราก็เดินเข้าไปดูจริง ๆ นะ จ้องหน้าทหารคนนั้นแทบจะสิง สุดท้ายเราเห็นหนวดปลอมที่เค้าติดอยู่กระตุก เลยรู้ว่าเค้าใช้คนจริง ๆ แหละยืนอยู่ตรงนั้น หนาวแทนเลย บรื๋อออ


จากนั้นก็พากันเดินข้ามถนนไปยังรูปปั้นของท่านนี้ (ตามรูปด้านล่าง) เราจำรายละเอียดอะไรได้ไม่มาก รู้อย่างเดียวว่าท่านเป็นคนประดิษฐ์ตัวอักษรของประเทศเกาหลี คงจะประมาณพ่อขุนรามคำแหงของไทยเรานั่นแหละค่ะ



ต้นไม้ในช่วงหน้าหนาว ถ้าดูใกล้ ๆ จะเห็นว่ามีแม่ขะนิ้งเกาะด้วย อยู่ยาวไม่มีการเหี่ยว ตู้เย็นไม่ต้อง อิอิ



ท่านผู้นี้คือนักรบในประวัติศาสตร์ของเกาหลี ซึ่งเราจำชื่อของท่านไม่ได้เช่นเคย (แป่ววววววว) ท่านเป็นนักรบที่เก่งมากสามารถรบชนะญี่ปุ่นในขณะที่ฝ่ายเกาหลีมีกำลังน้อยกว่า ภาษาวัยรุ่นเรียก “แทบัก” ชูนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลย



บริเวณรอบอนุสาวรีย์ของท่านทั้งสอง




จากนั้นก็พากันไปต่อที่นี่ “มยองดง” หรือ “เมียงดง” อยากเรียกชื่อไหนเอาที่สบายใจว่าเลยค่า



แหล่งชอปปิ้งสุดฮิตของคนทั่วไป ใครมาที่นี่แล้วใจแข็ง เงินไม่ปลิวออกจากกระเป๋านี่ถือว่าเก่ง ข้าน้อยขอคาราวะ เราสูญเสียไปกับที่นี่หลายล้าน(วอน)ค่ะ ทุกสิ่งอย่างสมเหตุสมผลสมควรแก่การเสียเงิน แฮนด์ครีมซื้อหนึ่งโหลแถมอีกหนึ่งโหล, เสื้อขนเป็ดยูนิโคล่ ตัวละ 800 บาท เสื้อกันหนาวคอเต่าตัวละ 300 บาท (เราจัดมา 2 ตัว) รองเท้านิวบาลานซ์ในราคาหลักร้อยงี้ ทุกอย่างหลักร้อยหมดเลย อดใจไม่ให้ซื้อไม่ไหวจริง ๆ

ยิ่งพวกร้านเครื่องสำอางนี่นะ คนขายพูดได้ทุกภาษา จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เอากะเค้าสิ (ช่วงที่เราไปยังไม่มีคนขายที่พูดภาษไทยได้) ร้านพวกนี้จะเริ่มจากแจกที่มาร์กหน้าฟรีก่อน โดยจะยืนแจกกันตรงหน้าร้านนั่นแหละค่ะ “ซอนมุล ซูเซโย” ลูกค้าท่านใดเห็นแก่ของฟรีก็จะถูกล่อลวงเข้าไปในร้าน สุดท้ายจึงได้ค้นพบว่าสิ่งของที่อยู่ในมือของตัวเองมีมูลค่ามากกว่าของแจกฟรีที่ได้มาซะอีก มีอยู่ร้านหนึ่งคนขายพูดภาษาอังกฤษได้ ชวนเราคุยใหญ่นางบอกนางเคยไปเมืองไทย ไปภูเก็ตหรือพัทยานี่ล่ะ คุยกันยาวเลย นางบอกนางชอบเมืองไทย สุดท้ายนางยัด “ซอนมุล” ใส่ให้ในมือ เพื่อนพี่สาวเลยถามว่า รู้จักกันมาก่อนใช่มั๊ย ฮ่า ๆ


นี่คือเมนูที่เรากินกันที่เมียงดง เรียกอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แต่รู้ว่าอร่อย เราชอบเมนูนี้ที่สุดในระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในเกาหลี เป็นเนื้อไก่กับกุ้งพริกแกงของเกาหลี จริง ๆ มันมีเนื้อหลายชนิดนะคะ แต่พี่เค้าสั่งเนื้อมาแค่ 2 อย่าง เอามาผัด ๆ ในกระทะ ตอนหลังเอามาม่ามาผัดรวมด้วยค่ะ อร่อยหนักเข้าไปอีก ร้านนี้พนักงานมาผัดให้ค่ะ ไม่ได้ผัดเอง ตอนผัดก็จะมีที่ครอบกันกระเด็นใส่ลูกค้า อยู่เกาหลีนี่พนักงานร้านอาหารทำให้เกือบทุกอย่าง ควรค่าแก่การจ่ายทิปเป็นอย่างมาก






พากันมาหลบหนาวในดังกิ้นโดนัท เห็นไม่มีหิมะแบบนี้อย่าชะล่าใจค่ะ เกาหลีกับแคนาดา เกาหลีหนาวกว่าเน้อ





กว่าเราจะหลุดออกมาจากมยองดงได้ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้วค่ะ เราแยกกับเพื่อนพี่สาวที่หน้ารถไฟใต้ดินนั่นแหละ จากนั้นคณะทัวร์ที่เหลืออีก 2 คน ก็พาร่างกลับโรงแรมพร้อมข้าวของพะรุงพะรังในมือ หลังจากพักเหนื่อยกันแล้ว พี่สาวก็พาเราไปกินไก่ทอดราดซอสร้านดังที่อยู่ใกล้ ๆ โรงแรม อร่อยอีกแล้วค่ะ คนเยอะมาก ตอนที่เราเข้าไปมีลูกค้านั่งกันกลุ่มใหญ่เลย ลักษณะเหมือนพนักงานบริษัทพากันมาสังสรรค์

เมนูไก่ของที่นี่มีหลายแบบนะคะ แต่ที่ขึ้นชื่อก็ไก่ทอดเนี่ยล่ะ พี่เค้าสั่งมา 2 แบบ แบบราดซอสกับแบบออริจินัล เราไม่ได้ถ่ายแบบออริจินอลมา เค้าเสิร์ฟคู่กับหัวไชเท้าดองสีขาวบริสุทธิ์และก็สลัดซึ่งสามารถทานด้วยกันได้อย่างลงตัว ให้มาเยอะอยู่ค่ะ ทานกันไม่หมด ห่อกลับมากินที่โรงแรมด้วย เบียร์เค้าก็รสชาติดีนะ



พอกินไก่เสร็จเราก็พากันกลับโรงแรม แต่เรานึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่ได้ลอง "พานาน่าอูยู" หรือนมกล้วยอันแสนเลื่องชื่อของที่นี่เลยนี่นา เราก็เลยกลิ้งออกจากโรงแรมลงไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อด้านล่าง

ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะที่ตั้งของโรงแรมกับร้านสะดวกซื้อมีความลาดชันมาก เกือบตั้งฉากเลยทีเดียว ชวนพี่ไปพี่บอกไม่ไป เหนื่อยแล้ว เราก็เลยต้องออกไปคนเดียว ตอนเราเดินลงไปก็เฉย ๆ นะ แต่ขากลับนิสิ เงยหน้ามองทางเดินกลับ แล้วจู่ ๆ เพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว

“ฉันมาทำอะไรที่นี่?”

ทำไมขาไปกับขากลับมันต่างกันจังแว๊ ได้แต่ปลอบตัวเองในใจ ไม่เป็นไรพอถึงโรงแรม ค่อยดื่มนมกล้วยทดแทนพลังงานที่เสียไปก็แล้วกัน และนมกล้วยก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะอร่อยสมคำร่ำลือ มันหอม อร่อย หวานละมุน ฟินนนนนน






 

Create Date : 14 มกราคม 2560
0 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2560 10:37:59 น.
Counter : 516 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Pilkyo_Oilly
Location :
ลำพูน Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Pilkyo_Oilly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.