รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
วิธีดูจิตแบบพระโปฐิละเถระที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฏก

ถ้าเอ่ยถึงพระโปฐิละเถระ บางท่านอาจไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า พระใบลานเปล่า
ในพระไตรปิฏก คนส่วนมากจะรู้จัก ท่านสามารถอ่านเรื่องราวของท่านไดที่นี่
//www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=30&p=5

ที่ผมจะนำเรื่องราวของท่านมาลง ก็จะกล่าวถึงวิธีการปฏิบัติของท่าน
ตั้งแต่เป็นพระใบลานเปล่า รู้แต่คัมภีัร์ จนบรรลุเป็นพระอรหันต์

พระโปฐิละท่านรู้ตำราแตกฉาน แต่ไม่เคยปฏิบัติ และก็ปฏิบัติไม่เป็นเสียด้วยครับ
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าน่าแปลกใจ ว่าทำไมพระในสมัยพระพุทธเจ้ายังพระชนม์ชีพอยู่
ถึงปฏิบัติไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่รู้คัมภีร์แตกฉาน

ในวิธีการที่พระโปฐิละปฏิบัตินั้น ถ้ากล่าวกันง่าย ๆ เพื่อให้คนยุคนี้เข้าใจ ก็ืคือ
วิธีการดูจิตนั้นเอง

ผมจะขยายความให้ท่านเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

>>> ในคนเราจะมีอยู่ 6 ทวาร คือ
1.ทวารทางตา
2.ทวารทางหู
3.ทวารทางจมูก
4.ทวารทางลิ้น
5.ทวารทางกาย
6.ทวารทางใจ( มโนทวาร )

ขบวนการทำงานนั้น เมื่อทวารที่ 1 ถึง 5 รับรู้การสัมผัสแล้ว ก็จะส่งต่อการรับรู้นั้น
มาที่ ทวารที่ 6 ที่เรียกว่า มโนทวาร

ดังนั้น ถ้ามีการเฝ้่าการรับรู้ที่ ทวารที่ 6 เพียงที่เดียว ก็เท่ากับ
รับรู้ในทุกทวาร ซึ่ง การรับรู้ที่ .มโนทวาร. ก็คือวิธีการเฝ้่าดูจิตที่ทำหน้าที่เป็นมโนทวาร

ถ้าท่านมองลงไปเพื่อต้องการปฏิบัติแบบนี้บ้าง แต่ถ้ามองไม่ออก
สิ่งที่ผมเขียนไว้ใน blog นี้ถึงวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เนื่องด้วย
เรื่องสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะเหมือนกับวิธีการดูจิตที่เป็นมโนทวารแบบท่านโปฐิละเถระนั่นเองครับ

ซึ่งท่านสามารถอ่านได้ที่
เรื่องของ สมาธิ ภาค 1 -ลักษณะของสัมมาสมาธิ มิจฉาสมาธิ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2010&date=02&group=8&gblog=53
เรื่องของ เรื่องของ สมาธิ ภาค 2 -ลักษณะอาการความตั้งมั่นของสมาธิ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2010&date=04&group=8&gblog=55

ถ้าจะกล่าวเพื่อสรุป วิธีการดูจิตที่เป็นมโนทวาร จะมีอาการที่สำคัญให้ท่านสังเกตได้คือ

1.รู้ได้ทั่ว ๆ ตาก็มองเห็น หูก็ได้ยิน จมูกก็ได้กลิ่น ลิ้นก็รู้รส กายก็รู้สัมผัส ใจก็รู้นึกคิด
ไม่ใช่รู้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่า่งเดียว เช่น ไม่ใช่รู้ลมหายใจเพียงอย่า่งเดียว
แต่อย่างอื่นไม่รับรู้ด้วย

2.การรับรู้ในข้อ 1 จะมีข้อพิเศษที่สังเกตได้คือ อาการรู้จะลอย ๆ ไม่มีตำแหน่งที่แน่ชัด
ไม่มีมือ ไม่มีขา ไม่มีกาย ไม่มีรูจมูก ไม่มีท้อง ไม่มีลิ้นปี่ ไม่มีสะดือ แต่อาการทั้งหมดจะปรากฏลอย ๆ แต่รู้ได้ ที่ลอย ๆ เพราะเป็นมโนทวาร จึุงลอย ๆ อย่างนั่นแหละ

วิธีการปฏิบัติที่ดูจิตที่เป็นมโนทวารนี้ เมื่อท่านเห็นจิตที่มโนทวารได้ ท่านจะเห็นได้เลยว่า
มโนทวารนี้จะเปรียบเหมือนถังขยะจริง ๆ เพราะอะไร ก็มาปรากฏที่นี้หมด
ท่านจะเห็นไตรลักษณ์ของจิตที่เป็นมโนทวารอย่างแท้จริง เพราะมันแปรเปลี่ยนตลอดเวลา
อย่างถี่ยิบเนื่องจากการทำงานของทวารที่ 1 ถึง 5
ท่านจะเห็นจิตที่มันว่างที่ไร้ตัณหาและทิฐิ
ท่านจะเห็นได้ว่า เมื่อเครียด เมื่อมีตัณหา เมื่อมีทิฐิ จะมีพลังงานปรากฏให้เห็นในมโนทวาร
ซึ่งทำให้ผมย้ำท่านบ่อย ๆ ว่า การปฏิบัติอย่าเครียด อย่ามีความอยาก อย่าต้องการรู้สภาวะธรรม
เพราะพลังงานที่ผมเห็นในมโนทวารนี้ เมื่อพลังงานนี้ปรากฏขึ้น จิตจะไม่ว่างแล้ว
เมื่อจิตไม่ว่างอยู่ จิตจะไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะโผล่งธรรมออกมาได้เอง
แล้วการปฏิบัติของท่านก็จะเนินนานหรือไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร

ผมได้ฝึกฝนวิธีนี้มานานหลายปี จนผมเข้าใจ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นวิธีการของท่านโปฐิละ พอมาอ่านเรื่องของท่านโปฐิละเถระ ในพระไตรปิฏก
ผมจึงมองออกทันทีว่า วิธีนี้เป็นวิธีเดียวกันกับของท่านโปฐิละนี่เอง
ผมขอนมัสการพระโปฐิละเถระเป็นพระอาจารย์ผมรูปหนึ่งด้วยครับ



Create Date : 20 สิงหาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:02:49 น. 3 comments
Counter : 1379 Pageviews.

 
แนะนำอ่านเพิ่มเติม
สัมมาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่น ไม่ใช่ไปทำจิตให้นิ่ง ฉบับชาวบ้านอ่าน
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=31-07-2010&group=8&gblog=75


โดย: นมสิการ วันที่: 20 สิงหาคม 2553 เวลา:17:36:44 น.  

 
การดูจิตที่มโนทวารนี้ จะเห็นหมดทุกหมวดหมู่ในสติปัฏฐาน
ทั้ง หมวดกาย หมวดเวทนา หมวดจิต และ หมวดธรรม


โดย: นมสิการ วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:6:16:22 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:28:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.