รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ปัจจัยที่ให้กำลังสัมมาสติเพิ่มขึ้นได้

บทความนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ผมไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ
มาสนับสนุนความเห็นนี้ได้ว่า เป็นจริง ตามที่เขียน
ผมเพียงฝากไว้ให้พิจารณาของท่านเอง

********************************
จากที่มีผู้ถามเข้ามาว่า เขาทำสมถะแล้วทำไมจิตหมดแรง
ผมก็คิดว่า ผมน่าจะรวบรวมประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม
มาเขียนดูว่า การทำสมถะแล้วจิตมีกำลังเพิ่มขึ้นนั้นจะมาได้อย่างไร

การที่จิตมีกำลังเพิ่มขึ้นได้นั้นจะมาได้ 2 อย่างที่เกี่ยวเืนื่องกัน
คือ
1. ความรู้สึกตัว ที่เป็นไปเองที่ต่อเนื่องมากขึ้น
2. การกระตุ้นให้จิตรับรู้ปรมัตถ์ธรรมที่ต่อเนื่องมากขึ้น

ผมจะขยายความ

1. ความรู้สึกตัว นี่เป็นกุญแจด่านแรกสุดที่สำคัญมาก
เพียงมีความรู้ึสึกตัวที่เป็นธรรมชาติปรกติอยู่เท่านั้น โมหะ
ก็จะหายไปทันที เมื่อโมหะหายไป จิตก็จะมีอิสระในการรับรู้
อย่างเป็นธรรมชาติได้ทันทีเช่นกัน ดังนั้น
การรู้สึกตัวอย่างต่อเนื่องที่เป็นธรรมชาติ ก็จะเป็นช่องทางให้จิต
เปิดการรับรู้อย่างเป็นธรรมชาติทีต่อเนื่องเช่นกัน

ถึงแม้จิตจะมีความสามารถในการรับรู้ได้แล้ว แต่จิตก็ยังไม่มีกำลังความว่องไว
ในการรับรู้ จึงต้องมีข้อ 2 ในการฝึกฝนอีก

2.จิตรับรู้ปรมัถต์ธรรม นี้คือจิตรู้สิ่งต่อไปนี้
2A ตาเห็นภาพ แต่ไม่ได้สนใจว่าภาพนี้คือภาพอะไร
2B หูได้ยินเสียง แต่ไม่ได้สนใจว่า เสียงนี้คือเสียงอะไร
2C จมูกได้กลิ่น แต่ไม่ได้สนใจว่า กลิ่นนี้ืคือกลิ่นอะไร
2D ลิ้นรับรู้รส แต่ไม่ได้สนใจว่า รสนี้คือรสอะไร
2E กายรู้สัมผัส รู้อาการทางกาย แต่ไม่ได้สนใจว่า อาการทางกายนี้คืออะไร
2F จิตรู้สัมผัส รู้อาการทางจิตใจ แ่ต่ไม่ได้สนในว่า อาการทางใจนี้คืออะไร

ในปุถุชนที่ยังใหม่ในการปฏิบัติ กำลังจิตจะอ่อนมาก
ดังนั้น การฝึกฝนที่เหมาะสม ก็ควรเลื่อกสิ่งที่สติสามารถรับรู้ได้ง่าย ๆ ก่อน
เืืมื่อจิตได้รับการฝึกฝน สติก็จะมีกำลังขึ้น และก็จะมีการพัฒนาให้รับรู้สิ่งที่รับรู้ได้ยาก
ขึ้นต่อไป

สำหรับการปฏิบัติ นักปฏิบัติก็ควรช่างใจตนเองก่อนว่าจะเลือกอะไรใน 2A ถึง 2F
ในการฝึกฝน ซึ่งเรื่องนี้ก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งไม่เหมือนกันนั้นเอง

เมื่อจิตมีการรับรู้ปรมัตถ์ธรรมที่ต่อเนื่องมาก ๆ จิตก็จะมีการพัฒนาตัวเองให้มีกำลังมาก

สภาพที่จิตมีกำลังมากคือ จิตจะว่องไวในการรับรู้ที่สูง จิตจะแยกตัวออกมาเป็นอิสระในการรับรู้
สภาวธรรมต่าง ๆ ได้เองที่เป็นอัตโนมัติ ไม่ตกอยู่ในกำมือของกิเลส

*******

จะเห็นว่า ทั้ง 2 ข้อ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการฝึกฝนสัมมาสติให้มีกำลัง
ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะไม่เป็นผลดี




Create Date : 20 กรกฎาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:06:16 น. 2 comments
Counter : 944 Pageviews.

 
รูปแบบการภาวนาต่าง ๆ เท่าที่นึกออก
1. จงใจเพ่งภายนอกกายโดยใช้สายตา เช่น เพ่งกสิณ
2. จงใจเพ่งกายโดยส่งจิตไปเพ่ง เช่น เพ่งลมหายใจที่ปลายจมูก เพ่งท้องดูพองยุบ
3. จงใจเพ่งอารมณ์ 6 โดยส่งจิตไปเพ่ง เช่น รู้สึกถึงอาการกายต่าง ๆ
4. ไม่จงใจเพ่งอารมณ์ 6 แต่เป็นการระลึกรู้ได้เองของจิตที่มีกำลัง

ข้อ 1 และ 2 ผมไม่แนะนำให้ทำ
ข้อ 3 แนะนำสำหรับมือใหม่ในการภาวนา ใช้ในการฝึกฝน
ข้อ 4 จะปฏิบัติได้เองในมือเก่าที่ชำนาญแล้ว มือใหม่จะทำไม่ได้หรือ
ทำไม่ไ้ด้เลย


โดย: นมสิการ วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:44:28 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:34:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.