รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ธรรมที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้จริงนั้น ถ้าไม่ฝึกฝน ไม่มีทางมีมันไปได้เลย

Blog นี้จึงเกิดขึ้นมา จนบัดนี้ได้ประมาณ 3 ปี ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับธรรมปฏิบัติไว้เกือบ 300 ตอน เริ่มแรกที่ทำ blog ขึ้นมา ก็ตั้งใจว่า จะนำประสบการณ์มาแบ่งปันคนอื่น หลังจากที่
ล้มลุกคลุกคลานกับธรรมปฏิบัติมาหลายปี

ทำไมถึงหลายปี เพราะว่า ความเข้าใจในการปฏิบัติมันไม่ตรง ก็เลยเสียเวลานาน
เกินไป ทั้ง ๆ อ่านหนังสือธรรมปฏิบัตินับเป็นสิบ ๆ เล่ม วิ่งไปวิ่งมาเพื่อฟังครูบาอาจารย์
ที่มาบรรยายธรรม(สมัยก่อน ไม่มีอินเตอร์เนท ไม่มี CD ธรรมแจกเหมือนสมัยนี้ )เป็นสิบ ๆ
ครั้ง แต่ก็หลงทางอยู่ดี เพราะปัญญาผมคงทึบเกินจะรับเรื่องราวที่ท่านอาจารย์เหล่านั้นสอนได้

เมื่อผมคลำทางได้แล้ว ผมก็นึกถึงว่า คงมีคนอย่างผมไม่น้อยที่อยากพ้นทุกข์ แต่ปัญญาไม่พอ
ที่ฟังครูบาอาจารย์สอนแล้วไม่เข้าใจ ผมก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็เลยเปิด blog นี้ขึ้นมา
และอีกเหตุหนึ่งก็คือ ผมนึกถึงอดีต สมัยที่ผมกำลังหาหนทางปฏิบัติ ผมเดินไปพบนักปฏิบัติรุ่นพี่ที่เป็นฆราวาสในสำนักต่าง ๆ หลายแห่ง สิ่งหนึ่งที่ผมได้รับจากรุ่นพี่เหล่านั้น ก็คือ ไม่สอนอะไร ไม่ตอบคำถามใด ๆ รีบเดินหนีไปทันที ผมก็สุดงุนงงกับพฤติกรรมว่าทำไมเป็นอย่างนี้ได้หนอ

นี่เป็นความอยากที่จะช่วยเหลือคนไทยด้วยกันในเรื่องนี้

ผมก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่ผมเขียนนี้ จะช่วยให้ท่านผู้อ่านเข้าใจมากขึ้น หรือ กลับงงมากกว่าเดิม
เพราะการสนองตอบกลับค่อนข้างน้อย แต่ผมประจักษ์ได้อย่างหนึ่งว่า ถ้าฆราวาสมาเขียน
เรื่องธรรมปฏิบัติ คนไทยส่วนมากไม่เชื่อถือกัน แล้วยังพบการประชดประชัน
เยาะเย้ย เสียดสี อีกหลายครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ในทางลบเหล่านี้ อาจเป็นไปได้ว่า บรรดาุรุ่นพี่
ที่ผมพบก็พบมาก่อน เลยมีพฤตกรรมปิดปากเสียดีกว่าที่จะพูดอะไรไป

นี่คือกรรมอย่างหนึ่งของคนไทย ที่คนไทยสร้างกันเองขึ้นมา แล้วผลกรรมมันก็ลงกับ
คนไทยด้วยกัน

ผมเชื่อว่า อีกประมาณ 50 ปีข้างหน้า คนไทยนี่แหละ ต้องไปเรียนธรรมปฏิบัติกับคนต่างชาติ
แทนเรียนกับคนไทย และเป็นการเรียนที่เสียสตางค์แพง ๆ แบบเข้าคอร์สการอบรม
แต่การเรียนจะได้ผลสำเร็จด้วย เพราะการสอนของฝรั่งมังค่า จะทำเป็นระบบ มีเทคนิคการสอน
ที่ดีกว่าระบบปัจจุบันของคนไทยเรา ที่นิยมนิมนต์พระมาพูดธรรม ครั้งละ 2 ชั่วโมง
โดยที่พระท่านก็ไม่รู้ว่า คนทีมาฟังมีพื่นฐานการปฏิบัติเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับ
ธรรมปฏิบัติที่จะฟังแบบนี้แล้วลงมือปฏิบัติได้ผลจริง

เป็นที่น่ายินดีที่มีสำนักบางแห่งเริ่มเปลี่ยนแปลงการสอนธรรมปฏิบัติใหม่ เป็นคอร์สระยะยาว
หลายเดือน มีการสอนที่เป็นระบบมากขึ้น

แต่ว่า มีการเรียนการสอนไปก็เท่านั้น ถ้าผู้เรียนไม่ลงมือฝึกฝน
ไม่มีทางเข้าสู่เส้นทางแห่งมรรคได้เลย

เวลาผมเขียนเรื่องในแต่ละเรื่อง ผมใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะต้องนึกถึงเรื่องในอดีต
ทีผ่านมาแล้วว่า สภาวะธรรมมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง นึกถึงคำพูดที่จะใช้ว่าจะเขียนอย่างไร
ดีจึงจะอ่านแล้วเข้าใจได้ ลงมือฝึกได้จริง แต่พอเขียนออกมา ก็จะดูสั้น ๆ นิดเดียวเท่านั้น
แต่ทั้ง ๆ ที่ผมใช้เวลามากในการสร้างเรื่องขึ้นมาในแต่ละเรื่อง

ผมบอกท่านผู่อ่านอยู่เสมอ ๆ ในที่ต่าง ๆ ใน blog ว่า ผมยังไม่ถึงทีสุดแห่งทุกข์
ถึงแม้ว่าผมจะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์อีกด้านหนึ่งแ้ล้วก็ตาม แต่ก็ยังต้องเดินทางต่อไปอีก

ผมอยากใช้เวลาต่อไปของผม มุ่งเดินหน้าเพื่อเข้าให้ถึงทางออกอีกด้านของอุโมงค์
ซึ่งผมจะเขียน blog น้อยลง ก็คือ นาน ๆ จะเขียนสักเรื่องหนึ่ง
แต่ถ้าท่านต้องการจะสอบถามข้อสงสัยในการปฏิบัติที่ผมเขียน ก็เชิญได้ที่
ห้องรับแขก //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&group=3 ก็แล้วกัน ผมจะเข้ามาตอบให้อยู่

----
เรื่องท้ายบท
หนังกำลังภายในมักมีคำพูดหนึ่งว่า ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
ถ้าท่านอายุมากขึ้น เริ่มแก่ชราลงไป ถ้าถึงตอนนั้น จะมาฝึกฝนธรรมปฏิบัติ
ก็จะช้าไปเสียแล้วครับท่าน





Create Date : 06 กรกฎาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 16:08:07 น. 19 comments
Counter : 1780 Pageviews.

 
เอาใจช่วยและมาให้กำลังใจ ให้เขียนเถอะ ค่ะ เล่าเถอะค่ะ เพราะสิ่งที่คุณจะเขียนและเล่า เชื่อว่าเกิดจากจิตที่คิดดี แค่มีจิตที่คิดดี คุณก็มีความสุขแล้วค่ะ
สำหรับคำเยอะเย้ยเหยียดหยัน นั้นมีแน่ แต่ให้มองว่า เขาเหล่านั้นคือครู ที่มาทดสอบเรา ว่าเรายังมุ่งมั่นที่จะเดินต่อไปในทางที่ขรุขระทางนี้ไหม
ยิ่งมีครูมากเท่าไหร่ หากเราผ่านได้เราก็แข็งแกร่งมากเท่านั้น
สิ่งดีดี ทำต่อไปเถอะค่ะ ฟ้ามีตา


โดย: peepin (tangkaw ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:06:40 น.  

 
เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านค่ะ


โดย: หมีพูห์บลูเบอร์รี่ วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:19:47 น.  

 
อนุโมทนาครับคุณ มนสิการ ผมก็เป็นคนหนึ่งซึ่งเคยหลงครับ ปฏิบัตมาก็นานไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ในห้องศาสนานี้ทำให้รู้ว่าผู้ให้กำลังใจก็ยังมีอยู่ และผู้นำธรรมมะดีๆเดือนใจก็มีมากครับ พวกเราชาวพุทธยังไงเสียการดิ้นรนออกจากทุกข์ของพวกเราก็ยังมีค่าครับ ทางหลุดพ้นนั้นเราค้นหาไปด้วยกันครับ ใครพบก่อนอย่าลืมอนุเคราะห์ส่งเสริมกันนะครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ


โดย: ชาดีครับ (shadee829 ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:33:24 น.  

 
เขียนต่อไปนะคะ. ติดตามอ่านทุกตอน. ทำให้เข้าใจการปฏิบัติมากขึ้นและพริ้นออกมาเพื่อเก็บไว้อ่านซำ้ๆอีกและเผื่อให้เพื่อนๆได้อ่านถ้วนหน้ากันด้วย ไว้โอกาสต่อไปจะมีปัญหามาขอคำชี้แนะนะคะ


โดย: จิตดี IP: 124.121.91.78 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:22:08 น.  

 
ดีครับ.....


โดย: แวะมาอ่าน IP: 110.168.108.106 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:38:43 น.  

 
ครั้งพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ท่านคิดว่าอาจไม่มีคนรับทราบได้
แต่ท้าวมหาพรหม ได้มาอาราธนา
ดอกบัวมีสี่เหล่า ( ประมาณนี้ค่ะ)

การอุทิศประสบการณ์การปฏิบัติธรรม คือการให้ทาน
"ธรรมทาน" ที่ไม่ระบุผู้รับ และเจตนาสาธารณะ

ลางเนื้อชอบลางยา
หนทางเดินหลายสาย มุ่งสู่จุดหมายเดียวกันค่ะ





โดย: mcayenne94 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:55:17 น.  

 
เข้ามาอ่านอยู่เรื่อยๆ ขอบคุณครับ


โดย: นิแรน IP: 69.172.73.238 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:21:26 น.  

 
เมืองไทยเป็นด่านทดสอบภูมิปัญญาของจิตวิญญาณต่างๆทุกภพภูมิ เลวสุด ถึง ดีสุด เข็นครกขึ้นเขาว่ายากแล้ว เข็นคนขึ้นเขายากที่สุด ธรรม เป็น ของโลก เมื่อก่อนเราก็ยึดคำว่าประเทศมาก ถ้าธรรมจะเจริญเต็มที่ความยึดติดในการเป็นประเทศจะต้องน้อยลง


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:29:32 น.  

 
สาธุ .. มาขออนุโมทนาบุญด้วยจ๊ะ


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:27:36 น.  

 
อย่าเลิกนะคะ ตามอ่านอยู่ และพยายามปฏิบัติ
เขียนได้ดีอธิบายแล้วเข้าใจง่าย อยากให้เขียนเป็นหนังสือ
วิธีปฏิบัติ หรือเปิดคอร์สสอนเลยค่ะ
เข้าใจเจตนาดีของคุณนมสิการ ตอนนี้เร่มต้นไม่ค่อยมีอะไรถามค่ะ
สาธุ


โดย: หลงทาง IP: 221.127.47.147 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:58:49 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ติดตามคุณนมสิการ มาได้เกือบหกเดือนแล้วค่ะ ไล่ตามอ่าน จนเหนื่อย ยังไงก็อนุโมทนาบุญนะคะ

สู้ๆ ค่ะ สู้ต่อไป

ดิฉันเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังเดินมาบนทางเส้นทางนี้ และขอเป็นกำลังใจให้แด่ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ที่กำลังหาทางออกจากวังวนของวฏสังสารที่ไร้วันวันจบสิ้นแห่งนี้กับทุกๆคนค่ะ...



โดย: อยากพ้นทุกข์ IP: 124.120.188.21 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:37:11 น.  

 
ดิฉันเพิ่งเข้ามาพบเว็บนี้ได้เดือนเศษ ยังคิดเลยว่าเป็นบุญวาสนา เมื่อวานยังไปแนะนําให้พี่คนหนึ่งเปิดอ่านแล้วบอกให้พี่เขาบอกต่อด้วย เขียนต่อเถอะค่ะ มีคนที่เขา appreciate จริงๆ ขอบคุณในความกรุณาที่ยิ่งใหญ่
ที่ให้ธรรมะระดับนี้เป็นทาน คนที่อ่านแล้วเข้าใจก็มีนะคะ


โดย: Kwan IP: 180.180.90.154 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:45:26 น.  

 
ผมไม่จะหยุดเขียนเรื่องใน blog
แต่ผมจะเขียนน้อยลงกว่าเดิม คือ นาน ๆ จะเขียนสักเรื่องหนึ่ง
แต่ถ้ามีคนถามปัญหาแล้วผมเห็นว่าดีสำหรับผู้อื่น
ผมจะนำมาเขียนให้ผู้อื่นได้อ่านด้วย

เมื่อเขียนเรื่องน้อยลง ผมจะให้เวลากับการภาวนาให้มากขึ้น
ซึ่งผมคิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วยเช่นกัน
ถ้าผมภาวนาแล้วมีความรู้ ความเข้าใจที่มากขึ้น
ผมก็ยังนำมาเขียนให้อ่านกันอยู่เช่นเดิมครับ

ที่มีคนเข้าพูดกันว่า ภาวนายากตรงจุดเริ่ม และ จุดปลาย
ผมว่านี่เรื่องจริงทีเดียว แต่กลาง ๆ นี้จะไม่ยากครับ
ถ้าใครเริ่มจุดเริ่มได้แล้ว คือ เห็น ความคิด/อารมณ์จิตปรุงแต่งได้แล้ว


โดย: นมสิการ วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:57:18 น.  

 
ในฐานะเป็นลูกศิษย์คนนึงของคุณนมสิการ อยากจะบอกว่ากราบขอบคุณมากๆ ที่มีบล๊อคนี้ที่ทำให้เข้าใจวิธีการปฏิบัติค่ะ

ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ


โดย: kaoim วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:45:59 น.  

 
สา....ธุ...รีบเดินทางต่อเลยค่ะคุณนมสิการ...ตั้งไข่ขอเป็นกำลังใจให้...สุดๆ เลยนะคะ...คุณนมสิการเสียสละมาเพื่อพวกเราเยอะแล้ว..ทิ้งรอยเอาไว้ให้พวกเราเดินตามก็ไม่ใช่น้อย...ทุกบทความที่เขียนไว้เปรียบเสมือนมีพี่เลี้ยงคอยชี้แนะระหว่างการเดินทางด้วย แถมเปิด"ห้องรับแขก"เอาไว้ยามที่คนเดินทางหกล้มด้วย...เท่านี้...ก็ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรแล้ว...ตั้งไข่รู้จักคุณนมสิการเกือบสองเดือนแล้วค่ะ และตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่จะไม่เปิดอ่านบทความของคุณนมสิการ เพราะอ่านแล้วต้องฝีก (เหมือนมีครูคอยกระตุ้นอยู่ค่ะ) ...อ่านแล้ว...อ่านอีก...แล้วก็เอาไปบอกกับ แม่..ลูก (8 ขวบค่ะ) ลูกน้อง..คนใกล้ตัว ให้เค้าปฏิบัติตามด้วย และก็จะบอกต่อๆ ไปด้วยค่ะ...แม่ชอบมากๆ ค่ะ..เพราะเค๊ารู้สึกได้ถึงความเย็น...สงบ...ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต....และมีอีกหลายชีวิต..ที่รู้จักและรู้วิธีปฏิบัติตามที่คุณนมสิการได้พร่ำสอนไว้..ผ่านการบอกเล่าของตั้งไข่ (ตั้งไข่ว่ามีอีกหลายคนที่ทำแบบนี้ค่ะ).....และเมื่อคุณนมสิการเดินทางถึงที่สุดแห่งทุกข์...หรือพบเห็นอะไรระหว่างการเดินทาง...ตั้งไข่มั่นใจว่าคุณนมสิการจะส่องไฟมาให้ผู้ที่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอนค่ะ...สาธุ


โดย: ตั้งไข่ IP: 112.142.85.53 วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:48:28 น.  

 
ส่วนหนึ่งที่เข้ามาสมัครที่นี่ก็เพราะจะได้อ่าน Blog ของอาจารย์บ่อยๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เห็นควรว่าน่าจะบอกไว้สักหน่อยค่ะ


โดย: Mat (MAT9 ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:31:09 น.  

 
ทุกครั้งที่เข้าห้องศาสนา ก็จะมองหาบทความของคุณนมสิการก่อนทุกครั้ง ถึงแม้จะเพิ่มเริ่มต้นคลาน ยังคลำอะไรได้ไม่ถูก แต่ก็ได้อาศัยบทความของคุณนมสิการเป็นเครื่องนำทางไป
ต้องขอบพระคุณมากๆที่เมตตาเล่าประสบการณ์ สอนความรู้ต่างๆเป็นธรรมทาน หวังว่าสักวันจะได้พบแสงสว่างด้วยคนค่ะ


โดย: ปุ่งปิ่งกะแตมมี่ IP: 125.26.132.25 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:33:47 น.  

 
เริ่มยากจริงๆครับ ไม่แน่วแน่พอ ไม่รู้จะสร้างอุบายยังไง ให้ตัวเองมั่นในทางเส้นนี้ได้!!


โดย: ตะเกียง IP: 180.180.56.167 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:24:34 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:16:37:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.