บ้านและสวน : เคล็ดลับจัดบ้านรับหน้าร้อนจัดแล้วเย็นกาย-ใจเป็นสุข
เคล็ดลับจัดบ้านรับหน้าร้อน หน้าร้อนแบบนี้ไม่มีอะไรดีกว่าการจัดบ้านให้เย็นเย็น บทความนี้เราจะมาดูกลวิธีเคล็ดลับจัดบ้านรับหน้าร้อนจัดแล้วเย็นกาย-ใจเป็นสุข วันนี้เป็นวันสงกรานต์ หนุ่มสาวชาวบ้านเบิกบานจิตใจจริงเอย ตอนเช้าทำบุญ ทำบุญตักบาตร ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันกันเอย พอได้ยินเพลงนี้ เพื่อนๆ ก็คงรู้ว่าได้เข้าสู่เดือนเมษายน และเทศกาลสงกรานต์แห่งสยามประเทศกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะครับ และเดือนนี้ยังเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของไทยด้วย อากาศร้อนๆอย่างนี้เพื่อนๆ ก็คงไม่อยากออกไปไหนตากแดดร้อนๆใช่ไหมครับ แต่ครั้นจะอยู่บ้านแล้วเปิดแอร์ทั้งวันคงเปลืองค่าไฟไม่ใช้น้อย ผมเลยอยากจะขอแนะนำเคล็ดลับการจัดตกแต่งบ้านรับหน้าร้อนให้บ้านเย็น จนแทบไม่ต้องเปิดแอร์ประหยัดค่าไฟได้มากโข ซึ่งเทคนิคเคล็ดลับจะมีอะไรบ้าง ตามผมมาเลยครับ จะบอกเคล็ดลับให้ ต้นไม้ ลดความร้อนด้วยวิถีธรรมชาติ การจัดสวนปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ถือเป็นวิถีธรรมชาติในการลดความร้อนให้กับบ้านได้ดีมาก เพราะตามหลักของธรรมชาติ ต้นไม้จะมีส่วนช่วยปกป้องแสงแดดที่ส่องลงมาให้น้อยลง โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมไปทั่วพื้นที่บ้าน ยิ่งบ้านไหนมีต้นไม้รอบบ้านมาก ก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศรอบๆ เย็นสบาย นอกจากนี้การทำงานของต้นไม้ที่มีการดูดน้ำจากพื้นใต้ดินและเกิดการคายน้ำบริเวณปากใบ จึงทำให้เกิดความชุ่มชื้นขึ้นในอากาศจึงช่วยลดความร้อนได้นั้นเอง การจัดวางต้นไม้จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ บ้านที่มีขนาดใหญ่อาจปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ ส่วนบ้านที่มีพื้นที่น้อยอาจปลูกต้นไม้เล็ก หรือใช้แค่กระถางต้นไม้ก็ได้ โดยวิธีการสังเกตง่ายๆ ว่า ตำแหน่งที่ควรปลูกต้นไม้ควรจะอยู่ในทิศที่แสงแดดส่องเข้าถึงตัวบ้าน ให้ต้นไม้เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่จะช่วยบดบังแสงแดด เพื่อนๆ จึงควรสังเกตทิศทางของบ้านตัวเองก่อน โดยขอแนะนำให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้เรียงตัวไปในทิศใต้และตะวันตก จะมีส่วนช่วยลดแสงแดดที่ส่องเข้ามาในบ้านได้มีประสิทธิภาพมากที่สุก นอกจากนี้การเลือกพันธุ์ไม้ที่ใช้ปลูกก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเพื่อนๆ ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่รากไม้ไม่เข้าไปทำลายส่วนของอาคาร มีลักษณะพุ่มใบที่สามารถปกป้องหลังคาอาคารจากแสงแดดได้ มีความสูง ทนทาน แข็งแรงต่อสภาพลมพายุ ซึ่งหากให้ได้ดีควรเป็นไม้ชนิดไม่ผลัดใบมากเพื่อช่วยให้บ้านของเพื่อนๆ เย็นสบายได้ตลอดทั้งปี ไม้เลื้อยก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะไม่ต้องเฝ้าดูแลหรือทนุถนอมมากแล้ว ยังเป็นพืชที่เจริญเติบโตไว มีความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ อีกทั้งเมื่อนำมาปลูกไว้ที่ผนังด้านนอกของบ้านยังช่วยลดความร้อนได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วยนะครับ ทาสีบ้านด้วยโทนสีอ่อนๆ และสีสะท้อนความร้อน จากหลักการที่ว่าสีทึบและสีเข้มจะทำให้ดูดความร้อน ดังนั้น ถ้าเพื่อนๆ พอจะมีงบประมาณ อยากจะขอแนะนำให้เพื่อนทาสีบ้านด้วยสีเฉดอ่อน ๆ หรือสีพาสเทล เช่น สีฟ้า สีเขียวอ่อน เพราะสีเหล่านี้จะช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้เก็บสะสมอยู่ในบ้านเรามากนัก และการใช้สีโทนเย็นทาภายในบ้าน ยังช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น แถมยังเพิ่มความรู้สึกเย็นสบายได้อีกด้วยนะครับ นอกจากนี้ผมอยากจะขอแนะนำให้เพื่อนๆ ลองใช้สีสะท้อนความร้อนทาบ้านดูครับ โดยสีสะท้อนความร้อนนั้นจะมีส่วนผสมของ Ceramic Coating โดย Ceramic Coating คือเม็ดเซรามิคทรงกลม ซึ่งภายในจะเป็นช่องสุญญากาศ โดยเม็ดเซรามิคนี้จะไม่ดูดซับความร้อน และช่วยสะท้อนไม่ให้ความร้อนผ่านเข้าไป ซึ่งสามารถสะท้อนแสงออกไปได้มากกว่า 90% และเมื่อนำ Ceramic Coating มาผสมกับสีและทาลงไปที่ผนังบ้านหรือหลังคา ก็จะสามารถช่วยลดความร้อนที่จะทะลุผ่านเข้ามาในตัวบ้าน และที่สำคัญยังช่วยป้องกันรังสี UV ได้เป็นอย่างดีด้วยครับ เทคนิคติดม่านบังแดดลดร้อน เพื่อนๆ ทราบกันไหมครับว่า การที่เราติดม่านที่หนา ทึบ มีสีเข้ม จะเป็นตัวดูดแสงและความร้อนมากักเก็บไว้ในบ้าน ทำให้บ้านร้อนขึ้นมาก ดังนั้นเพื่อป้องกันบ้านร้อน ผมขอแนะนำให้เพื่อนติดม่านโปร่งแสง ที่มีเนื้อผ้าเบาพลิ้ว และมีสีอ่อน ๆ มาติดเสริมเข้าไปเป็น 2 ชั้น เนื่องจากม่านแบบนี้จะช่วยเปิดทางลมให้พัดผ่านได้ง่ายขึ้น โดยถ้าวันไหนแดดร้อนจัด ก็บังแดดด้วยม่านสีเข้ม แต่ถ้าแดดหมดไปแล้ก็เปิดม่านสีเข้มออก แล้วปล่อยให้ลมพัดผ่านเข้ามาง่าย ๆ ด้วยม่านโปร่งแสงสีอ่อน และนอกจากนี้ม่านแบบม้วน ม่านพับ และบานพับ จะมีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดีที่สุด และผมจะขอบอกเคล็ดลับการเปลี่ยนผ้าม่านให้ได้ผลที่สุด คือให้เริ่มเปลี่ยนจากห้องที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในบ้านก่อนครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นห้องที่มีหน้าต่างรับแสงแดดในช่วงบ่ายโดยตรง ปรับเปลี่ยนการวางของเฟอร์นิเจอร์ ถ้าเพื่อนๆ เบื่อความจำเจของบ้าน และอยากจะจัดบ้านให้ลดความร้อน พร้อมทั้งเสริมฮวงจุ้ยไปในตัวด้วย ผมขอแนะนำให้เพื่อนๆ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ให้มีสิ่งของขวางทางลมเข้าออก เพื่อให้ภายในตัวบ้านมีความโปร่งมากขึ้น ทำให้ลมพัดเข้าในตัวบ้านได้สะดวกจะช่วยลดความร้อนในตัวบ้านได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญช่วยเสริมฮวงจุ้ย เรียกทรัพย์เข้าบ้านได้อีกด้วยนะครับ ติดพัดลมเพดาน เพิ่มลมหมุนเวียนในบ้าน ข้อดีของพัดลมเพดาน คือ ให้ลมแรงกว่าและต่อเนื่อง โดยเพื่อนๆ สามารถจะติดตั้งพัดลมเพดานไว้ในทุกห้องหรือเลือกเฉพาะห้องที่ใช้งานบ่อย ๆ ก็ได้ แต่ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ติดพัดลมเพดานในห้องที่เพดานสูงสักหน่อยนะครับ เพราะจะช่วยเพิ่มลมหมุนเวียนในบ้านได้ดี และยังลดอันตรายด้วยเนื่องจากถ้าติดพัดลมเพดานในห้องเพดานต่ำจะเสี่ยงต่อการโดนพัดลมเพดานตีถูกหัวได้นะครับ นอกจากนี้ขนาดของพัดลมเพดานที่เลือกมาใช้ควรสมดุลกับพื้นที่ภายในห้อง ซึ่งข้อมูลของพัดลมเพดานแต่ละตัวก็จะมีระบุมาอยู่แล้วว่าใช้ได้กับพื้นที่ขนาดใดบ้างครับ ส่วนลักษณะการหมุนของใบพัด ในช่วงฤดูร้อนใบพัดควรเป็นตัวดูดอาการขึ้นสู่เพดาน ในขณะที่ฤดูอื่น ๆ ใบพัดควรกดอากาศร้อนลงสู่ด้านล่าง แล้วค่อยกระจายตัวออกไปครับ ติดฟิล์มกรองแสงอาคาร ลดความร้อน การติดฟิล์มบนหน้าต่างของบ้านเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดทั้งความร้อนภายบ้านและค่าไฟ แถมการติดฟิล์มบนหน้าต่างยังเป็นวิธีที่ใช้งบประมาณน้อยกว่าการปรับหรือเปลี่ยนผ้าม่านบ่อย ๆ อีกด้วยนะครับ แต่การจะเลือกฟิลม์มาติดหน้าต่างนั้นควรจะเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง ผมจะแนะนำวิธีเลือกฟิล์มที่ดีที่จะมาติดบ้านเราให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดครับ โดยฟิล์มกรองแสงอาคารที่มาติดหน้าต่าง ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ - กันความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้องได้ ทำให้ห้องเย็นลง แอร์จะได้ทำงานน้อยลง ช่วยประหยัดไฟมากขึ้น ตัวเลขที่วัดค่านี้คือ ค่าลดความร้อนจากแสงแดด ซึ่งตัวเลขนี้ยิ่งสูง แปลว่าความร้อนจะเข้ามาได้น้อย
- กันรังสียูวีที่ ปัจจุบันฟิล์มเกือบทุกยี่ห้อนั้นสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 99% - 99.9% ได้เหมือนกันหมดแล้ว ซึ่งการจะดูว่าฟิล์มกรองแสงอาคารป้องกันรังสียูวีได้ดีแค่ไหน ให้ดูที่ค่า % การส่องผ่าน UV
- ลดแสงจ้า แสงที่สว่างมากไปก็จะทำให้แสบตา ฟิล์มที่มีคุณสมบัตินี้ได้ดูได้จากค่าการส่องผ่าน ซึ่งฟิล์มที่ลดความจ้าได้มาก มักจะทำให้ห้องมืดลง ทำให้ห้องเย็นลงได้
และฟิล์มกรองแสงอาคารก็แบ่งเป็นประเภทต่างๆ คือ - ฟิล์มกรองแสงแบบย้อมสีช่วยปรับความสว่างของบ้านให้น้อยลง เหมาะสำหรับบ้านที่มีบานประตูหน้าต่างรับแสงโดยตรง แต่ฟิล์มชนิดนี้จะไม่เน้นไปที่การลดความร้อนเท่าไหร่นัก แต่จะเหมาะสำหรับการติดกระจกเพื่อช่วยลดแสง
- ฟิล์มกรองแสงแบบลดความร้อน เป็นชนิดฟิล์มที่เคลือบโลหะ ทำหน้าที่ได้ทั้งลดความสว่างของแสงที่เข้ามาภายในบ้านและยังช่วยลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาในกระจกให้น้อยลง สภาพภายในบ้านจึงสมดุลทั้งแสงและความเย็นที่มากขึ้น
ติดตั้งกันสาดช่วยเพิ่มร่มเงาลดความร้อน และกันฝนอีกด้วย การติดกันสาดป้องกันแสงแดดส่องผ่านเข้ามาสะสมความร้อนในบ้าน จะช่วยทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง เป็นวิธีลดอุณหภูมิภายในบ้านจากภายนอก ซึ่งนอกจากจะมีรูปแบบ สีสัน และวัสดุของกันสาดจะมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการแล้ว กันสาดยังช่วยสร้างร่มเงาที่ดูสวยงามให้กับตัวบ้านอีกด้วย โดยเคล็ดลับการติดตั้งกันสาดก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของบ้าน ดังนี้ครับ - ทิศเหนือ และใต้ ควรติดกันสาดในแนวราบ เพราะสามารถบังแสงแดดในช่วงเที่ยงและบ่ายได้ดี ซึ่งสามารถเลือกติดกันสาดได้ตามความเหมาะสม เช่น แบบชายคาเหนือขอบหน้าต่าง จะช่วยกันแสงแดดทางด้านทิศใต้ได้ดี แบบผ้าใบยื่นคล้ายแบบชายคา จะมีน้ำหนักเบา แบบบานเกล็ดเหนือขอบหน้าต่างบน จะช่วยให้ลมผ่านเข้าได้ดี แบบบานเกล็ดห้อย จากชายคา จะช่วยป้องกันแสงแดดที่ทอดในมุมต่ำได้ดี
- ทิศตะวันออกและตะวันตก ควรติดกันสาดในแนวดิ่ง เพราะสามารถบังแสงแดดได้ดีในช่วงเช้าและเย็น โดยออกแบบกันสาดให้ทำมุมประมาณ 30 องศา กับผนัง เพื่อบังแสงแดดในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งสามารถเลือกติดกันสาดได้ตามความเหมาะสม เช่น แบบแผ่นบังแสงแดด ยื่นลอยขนานกับผนัง แบบบานเกล็ดหมุน ปรับมุมได้ตามแนวนอน ซึ่งสามารถกันแดดได้ทุกเวลา แบบผนังครีบตั้ง ตรงติดผนัง ซึ่งกันแสงแดดจากทางทิศตะวันออกและตะวันตกได้ดี แบบผนังครีบตั้ง ตรงห่างจากผนังภายนอกและมีอุปกรณ์ปรับมุมแผงครีบอยู่ภายในอาคาร
ใช้ไม้ระแนงกันแดดเพื่อช่วยลดแสงและความร้อนจากนอกบ้าน ไม้ระแนงนอกจากจะช่วยกันแดด กันฝน ระบายอากาศ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับภายในตัวบ้านแล้ว ยังทำให้บ้านดูสวยงาม การใช้ไม้ระแนงมาติดตั้งเพื่อกันแดด โดยจะทำใช้เพื่อปิดตัวอาคารหรือเป็นตัวช่วยกรองแสงจากห้องกระจกก็ได้ โดยการติดตั้งระแนงบังแดด หรือระแนงกันแดดให้กับบ้านนั้นจะนิยมติดตั้งเพื่อลดแสงที่ส่องเข้ามาในช่วงบ่าย การติดตั้งจะติดตั้งจากชายคา และห้อยลงมาจนถึงหน้าต่าง ซึ่งการจะใช้ไม้ระแนงบังแดด ขนาดกว้าง และยาวเท่าไหร่นั้นต้องดูองค์ประกอบของตัวบ้าน และความเหมาะสมเป็นหลักครับ โดยวัสดุที่จะนำมาใช้เป็นระแนงกันแดดนั้นมีทั้งแบบวัสดุไม้จริง และไม้เทียม โดยวัสดุต่างๆนั้นก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ดังนี้ - ไม้จริง ปัจจุบันนั้นลวดลายผิวสัมผัสและคุณค่าของไม้จริงนั้นยังไม่มีวัสดุทดแทนอื่นๆมาแทนได้ ถึงแม้ว่าจะมีวัสดุทดแทนไม้ ผลิตออกมาใช้กันมากมายในตลาด ซึ่งบางชนิดมีลวดลายใกล้เคียงไม้จริง แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถในการใช้ภายนอกอาคาร หรือพื้นที่กลางแจ้งได้เหมือนไม้จริง ในสมัยก่อนบ้าน ทุกหลังล้วนแต่ใช้ไม้จริง แต่ปัจจุบันไม้จริงเริ่มลดน้อยลง และมีราคาสูงขึ้น โดยข้อเสียสำคัญของไม้จริง คือปัญหาเรื่องผุพังและเรื่องปลวก แต่ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเคลือบน้ำยากันปลวก ทำให้ยืดอายุการใช้งานยาวนานได้มากขึ้น
- ไม้เทียม ไม้เทียมเป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนไม้จริง ในปัจจุบันนิยมใช้กันหลักๆอยู่ 2ประเภทคือ
- ไม้เทียมประเภท ไฟเบอร์ซีเมนต์ เป็นไม้ที่ทำจากไฟเบอร์ซีเมนผสมใยไม้ ทำผิวเป็นลวดลายให้เหมือนไม้เพื่อใช้ทดแทนไม้จริง ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทำเป็นพื้นระเบียงไม้ และระแนงบังตา โดยข้อดีคือไม่ผุ และปลวกไม่กิน แต่ข้อเสียคือ ผิวสัมผัสไม่เหมือนไม้จริง สัมผัสแล้วร้อนเพราะทำจากซีเมนต์ เปราะหักง่ายไม่สามารถรับน้ำหนักหรือทำเป็นโครงสร้างได้เพราะไม่มีความเหนียวเหมือนไม้จริงเมื่อทำสีมีโอกาสลอกได้ง่าย
- ไม้เทียมประเภท พลาสติก ผสมใยไม้ เป็นไม้เทียมที่ทำจากพลาสติกผสมใยไม้ ข้อดี คือไม่ผุ ปลวกไม่กิน และมีความเหนียวกว่าไม้เทียมประเภทไฟเบอร์ซีเมนต์ สามารถทำโครงสร้างรับน้ำหนักบางประเภทได้ ข้อเสียคือมีราคาสูง ผิวสัมผัสดูเป็นพลาสติกมากกว่าเมื่อเทียบกับไม้จริง
ลดความร้อนและเสริมฮวงจุ้ยของบ้านด้วยน้ำ น้ำถือเป็นสัญลักษณ์ของความเย็น และช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้กับบ้าน การตกแต่งบ้านด้วยการมีน้ำเป็นส่วนประกอบ อย่างเช่น จัดบ่อน้ำ บ่อปลา น้ำพุ น้ำตก จะช่วยทำให้บ้านมีความรู็สึกเย็นสบายมากขึ้น จากความเย็นของน้ำที่จะช่วยลดความร้อนในตัวบ้าน และนอกจากนี้ยังช่วยเสริมฮวงจุ้ย โดยการจัดบ่อน้ำหรือสระน้ำที่อยู่หน้าบ้าน ควรที่จะให้น้ำในบ่อหรือในสระมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เช่น มีน้ำพุ หรือมีปลาเวียนว่ายอยู่ จะทำให้มีโชคลาภไหลวนเวียนเข้าบ้าน ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข แต่บ่อน้ำหรือสระน้ำไม่ควรให้อยู่ใกล้บ้านมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ครับ และข้อแนะนำอีกอย่างก็คือ ถ้าจะจัดน้ำตกไว้หน้าบ้าน หน้าน้ำตกจะต้องหันเข้าบ้าน ห้ามหันออกนอกบ้าน เพราะการหันออกนอกบ้าน จะหมายถึงการเงินไหลออก เพราะน้ำแทนความหมายของโชคลาภการเงินนะครับ หนังสือเปลี่ยนชีวิต : ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ผ่านหุ้นอสังหาฯ สวัสดีเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่านครับ... ที่มาของหนังสือเล่มนี้มาจากการที่ผม นายแว่นธรรมดา ได้กระโดดเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ 3 ธุรกิจ อันได้แก่ 1) ผมลงทุนเก็งกำไร กับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยเช่า ซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยขาย ซื้อทาวน์เฮ้าส์ปล่อยเช่า และปล่อยขาย 2) ผมทำกิจการ สื่อ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการก่อตั้งเว็บ //www.topofliving.com 3) ผมลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการซื้อหุ้นอสังหาฯ การที่ผมเข้าไป คลุกคลี กับวงการอสังหาฯ ทำให้ผมรู้สึกว่า... อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือจะมีการเติบโตครั้งใหม่เกิดขึ้น! ทำไมผมจึงคิดเช่นนั้น? ไปหาคำตอบกันเลยครับ... บทนำ : ภาพใหญ่ ของประเทศไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร? เกี่ยวข้องกับหุ้นอสังหาหรือไม่? บทที่ 1 : ภาพตลาดโดยรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย บทที่ 2 : ข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ บอกอะไรเราได้บ้าง บทที่ 3 : Back Log หุ้นอสังหาริมทรัพย์ บอกอะไรเราได้บ้าง บทที่ 4 : ทำไมคอนโดติดสถานีรถไฟฟ้าจึงเป็นที่นิยม บทที่ 5 : เรื่องที่ต้องรู้ เมื่อวิเคราะห์หุ้นอสังหาริมทรัพย์ บทที่ 6 : เปรียบเทียบการลงทุน บทที่ 7 : วิเคราะห์งบการเงิน หุ้นอสังหาริมทรัพย์ บอกอะไรเราบ้าง? คลิ๊กรายละเอียดหนังสือที่นี่เลยครับ
Create Date : 09 เมษายน 2559 |
|
0 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2559 15:01:04 น. |
Counter : 1755 Pageviews. |
|
|
|