#รถไฟฟ้าเปลี่ยนเมือง
ถ้าถามว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ และเกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ เมือง เปลี่ยนไป ผมคงตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า รถไฟฟ้า สายต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ กำลังจะเปลี่ยนเมือง
การมาของรถไฟฟ้าเหมือนจะถูกที่ และถูกเวลาเป็นที่สุด รถไฟฟ้าในปัจจุบันมีไม่กี่สาย ได้แก่ สายสีเขียวตัดผ่าเมือง สายสีน้ำเงินที่จะวิ่งเป็นวงกลม สายสีม่วงวิ่งนอกเมืองส่งคนเข้ามาในเมือง และ airport link อีกสายที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่า ในอนาคต สายของรถไฟฟ้าเส้นต่างๆ ที่กำลังก่อร่างสร้างรางในวันนี้จะเปิดแบบรัวๆ ในอีก 3-5 ปีต่อจากนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ สถานีรถไฟฟ้า ที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งถ้าเป็น จุดตัด หรือสถานีที่รถไฟฟ้าสองสาย หรืออาจจะหลายสายมาตัดกัน ที่เราเรียกว่า Interchange นั้นจะกลายเป็นสถานีที่มีความสำคัญยิ่งอย่างแน่นอน
อะไรที่จะทำให้รถไฟฟ้าเปลี่ยนเมืองได้บ้าง
ประการแรก ความเร็วของรถไฟฟ้า
ความเร็วของรถไฟฟ้า หรือ speed ของการเดินรถจะทำให้คนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบว่า ในห้วงชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟฟ้าจะมาเร็วกว่าช่วงธรรมดา นั่นเพราะการเพิ่มความเร็วตู้รถ หรือ speed ของรถไฟฟ้าที่ถูกเพิ่มให้เร็วขึ้น และนั่นจะทำให้คนเปลี่ยนการเดินทางจากเดิมใช้รถยนต์ หรือรถตู้ มาใช้รถไฟฟ้าแทน
ยกตัวอย่างสายสีม่วง ที่ความเร็วรถในปัจจุบันยังแพ้การเดินทางด้วยรถยนต์ หรือรถตู้ แต่หากอนาคตสายนี้ปรับความเร็วตู้รถไฟฟ้าจนเร็วกว่า สะดวกกว่า คนบางส่วนจะหันมาใช้รถไฟฟ้าแทนการเดินทางด้วยรถตู้
ส่วนสายในเมืองไม่ต้องพูดถึง รถติดมากมาย ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเร็วกว่าการใช้รถยนต์ไปแล้ว แต่ก็ยังแพ้การใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เร็วกว่า แต่ปลอดภัยน้อยกว่า
ประการที่สอง การวิ่งเป็นวงกลมของสายสีน้ำเงิน
การวิ่งเป็นวงกลมของสายสีน้ำเงินจะมีความสำคัญมากสำหรับคนที่เดินทางไปมาในอนาคต เนื่องจากสายสีน้ำเงินจะเป็นสายที่มีจุดตัด หรือ Interchange เยอะที่สุด ทำให้จุดตัดเหล่านั้นจะกลายเป็น ทำเลทอง และจะมีการก่อร่างสร้างคอนโดมิเนียมเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าขึ้นมาอีกมากมาย และอาจทำให้ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ในบริเวณนั้นขยับปรับราคาขึ้นไปไม่ยากนัก
การวิ่งเป็นวงกลมของสายสีน้ำเงินยังช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น แถมสายสีน้ำเงินยังมีอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาโผล่ไปยังฝั่งธนฯ และนั่นจะช่วยกระจายความเป็นเมือง หรือ Urbanization ได้อย่างแน่นอนที่สุด
ประการที่สาม กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะกลายเป็น MEGA CITY
สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงประการที่สามก็คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑลจะกลายเป็น MEGA CITY ซึ่งจะมีคนมาพักอาศัยราว 10-20 ล้านคนในอนาคต และเริ่มจะมีความเป็นนานาชาติ เป็นเมืองที่หลากหลาย (Cosmopolitan) ทำให้เกิดความหลากหลายในการใช้ชีวิต และ LifeStyle สิ่งนี้จะเปลี่ยนสังคมไปอย่างสิ้นเชิงในอนาคต
การที่เขตพื้นที่ในเมืองกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่อย่าง MEGA CITY จะทำให้ราคาที่อยู่อาศัยภายในเขตเมืองถีบตัวสูงขึ้นอย่างมากมาย และนั่นจะทำให้เกิดข้อจำกัดบางประการ นั่นก็คือ คนที่มีกำลังทรัพย์มากหน่อยจะอาศัยในเมืองที่ราคาอสังหาขยับปรับตัวสูงขึ้น แต่คนที่ส่วนใหญ่จะเริ่มขยับขยายไปอาศัยนอกเมืองซื้อบ้านที่มีพื้นที่แทนการอยู่ในเมืองที่แออัด และจะอาศัยการเดินทางของรถไฟฟ้าจากชานเมืองเข้าสู่ตัวเมืองนั่นเอง
ประการสุดท้าย ชุมทางรถไฟฟ้าอย่างมักกะสัน และบางซื่อจะกลายเป็น HUB ของอาเซียน
สำหรับข้อคิดเห็นส่วนบุคคลประการสุดท้ายของผมก็คือ ชุมทางรถไฟฟ้าอย่างมักกะสัน และบางซื่อจะกลายเป็น HUB ของอาเซียน ทำไมผมจึงคิดเช่นนี้ นั่นเพราะ HUB ทางทะเลนั้นมีแล้วนั่นคือ สิงค์โปร์ แต่ HUB บนบกยังไม่เห็นเด่นชัดแต่ประการใด และหากการเดินทางสะดวกสบายใจกลางอาเซียนซึ่งเป็นชัยภูมิโดยธรรมชาติอยู่แล้วอาจจะเป็นกรุงเทพฯ ของเราก็เป็นไปได้
ในส่วนของบางซื่อ จะเป็นชุมทางทั้งรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟฟ้าที่เชื่อมจากสนามบิน รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน และมอเตอร์เวย์ และนั่นจะทำให้ชุมทางแห่งนี้โดดเด่นขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดทั้งมวลอาจเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้ และเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม (นายแว่นลงทุน) โปรดพิจารณาให้รอบคอบนะครับ
เพื่อนๆ ใครมีบ้าน คอนโด ที่ดินเปล่า มาโพสขายได้ที่นี่ฟรีนะครับ//www.topofliving.com/property-exchange/
#หนังสือเสียง
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นโตเร็ว
หนังสือ นายแว่นฯ มี audio book ด้วยนะครับ
คลิ๊กหนังสือเสียงที่นี่เลยครับ
แนะนำหนังสือ
เก็บหุ้นสร้างพอร์ต สไตล์ VI โต 10 เท่าในสิบปี
หนังสือเล่มนี้ เก็บหุ้นสร้างพอร์ตสไตล์วีไอ ผมเขียนขึ้นมาในช่วงที่ยากลำบากช่วงหนึ่งของตลาดหุ้นไทย คือเป็นช่วงตลาดไม่ไปไหนเลย หรือ Sideway นั่นเอง การลงทุนในภาวะตลาดแบบนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึก อึดอัด ได้ไม่ยาก แต่ในภาวะแบบนี้ก็มีข้อดีของมัน ข้อดีดังกล่าวก็คือ การที่ตลาดไม่ไปไหน แต่แรงเก็งกำไรยังคงมีอยู่ มันเปิดโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเก็บหุ้นกอดเอาไว้ กินปันผลไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ หรือแม้แต่นักลงทุนระยะสั้นๆ ก็สามารถทำกำไรได้หากเรามองพื้นฐานออก และมองแนวโน้มของราคาเป็น ซึ่งเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีทั้งสองเรื่องราวดังกล่าวอย่าง ครบถ้วน#NaiwaenInvestment
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ
[เกี่ยวกับผู้เขียน]
นายแว่นธรรมดา หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ ลงทุนหุ้นโตเร็ว และหนังสือขายดี กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ