จดหมายถึงลุงขวด
ถึง ลุงขวด และ เพื่อนๆ ที่แวะ เข้ามา คุยด้วย ทุกคน ครับ วันนี้ ผมมีเรื่อง เจ็บช่ำ น้ำใจ ของผม คนยุคฟองสบู่แตก เหมือนกับลุงขวด มาเล่าให้ลุงฟังอีกเรื่อง
คือ เรื่อง หนี้ ครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ครับ
เมื่อผม เรียนจบ มาเป็น วิศวกรไฟฟ้า หนุ่มซิงๆ จากจุฬา ก็ลงมาทำงาน คุมงานติดตั้ง ระบบไฟฟ้าอยู่ที่โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็เลย ได้รู้จัก เพื่อน วิศวกรโยธา จบจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คบหา กินเที่ยว กันมา จนสนิทสนม จนเป็นเพื่อนซี่กัน ต่างคนต่าง เจริญเติบโต ในหน้าที่ การงานอาชีพ ของตัวเอง จนประมาณ 4-5 ปี ก่อนฟองสบู่แตก เขามาบอกว่าเขา จะตั้งบริษัท ก่อสร้างเป็นของตัวเอง อยากให้ผม ลงหุ้นด้วย
ผมเห็นว่าเพื่อนจะก่อร่างสร้างตัว ก็เอา ด้วย ลงหุ้นส่วนกับเขา ก็ลงไป 10% ของบริษัท รับงานชิ้นแรกก็มีกำไร ทำงานต่อใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จน รับงานราชการ ระดับ 100 ล้าน เงิน ติดขัด เมื่อไร ก็มาหยิบ ยืม ต่างหาก เข้าไปเกือบ ล้าน จ่ายดอกเบี้ย กันเป็นประจำ จนมาถึงวันฟองสบู่แตก ผลประกอบการ ออกมา บริษัท พัง ดอกเบี้ยไม่มีจ่าย เงินต้นก็ไม่ได้คืน เงินลงหุ้นก็หายหมด รวมแล้ว ก็ประมาณ 1 ล้าน แถมดันให้โฉนดที่ดิน อีก 1 แปลง ให้เขาเอาไปค้ำประกันสัญญา งานก่อสร้างที่สร้างเสร็จแล้วอยู่ในระยะค้ำประกัน ยังติดอยู่จนบัดนี้ ในขณะที่ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่ถืออยู่ ก็หายไปล้าน กว่าบาท อย่างที่เล่าไปใน จดหมายฉบับ ที่แล้ว
ช่วงนั้น ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน การสูญเสียในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ นั้นผมยอมรับได้ว่ามีเป็นการลงทุนในวิธีที่ผิด ของผมเอง ผมไม่โทษใคร แต่ที่เพื่อนมัน ยืมไป เอาไปทำพังยับเยิน ผมยังนึกว่ามันเป็น หนี้ผม มันต้องหามาคืนให้ผม นึกอยู่อย่างนี้ ก็ตามทวง กันอยู่ ทวงแล้ว ทวงอีก เพื่อนมันก็ไม่มีให้ มันบอกทั้งปูนทั้งเหล็ก ขึ้นราคา ทำให้ขาดทุนจนหมดตัว ตัวเขาเองก็เหลือแต่ตัว
ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นึกอยู่แต่ว่า เขาเป็นหนี้เรา อยากจะได้คืน เงินของเรา ที่ อุตสาห์ อดออม ทนนั่งหลังขดหลังแข็ง นั่งเขียนแบบ ออกแบบ ระบบไฟฟ้า กว่าจะได้เงินมา สู้ อดออม มาตั้งหลายปี อยากจะได้คืน ๆ
นึกอยู่อยากนี้นอนก็ไม่หลับ ทำงานไม่ได้ เป็นทุกข์มาก มากจริงๆ พอมากเข้า ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว สุขภาพแย่ เลยมานั่ง พิจารณา ตัวเอง ว่าที่เราทุกข์ อยู่ทุกวันนี้ เพราะ เราอยากให้หนี้เสีย มันกลาย กลับ มาเป็น หนี้ดี จะได้เงินกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่มีทาง
เลยกลับความคิดเสียใหม่ คิดเสียว่า ยกเงินนี้ให้เพื่อน ถือเสียว่า ซื้อเพื่อน ซื้อประสบการณ์
ความผิดไม่ได้เป็น ที่เขา ที่ทำให้เงินเราสูญเสียไป แต่เป็นเพราะ เงินมันอยู่ในบัญชีธนาคารของเรา เราดันให้เงินเขายืมไปเอง ถ้าเราไม่ให้เขายืม ก็ได้ แต่เราก็เลือกที่จะให้เขายืม เพราะอยากได้ดอกเบี้ยจากเขา เมื่อผมทำใจยอมรับ และ ยกหนี้ให้เพื่อน ใจมันก็ โล่ง เบา สบาย หายทุกข์ นอนหลับได้ ทำงานได้ ไม่คิดมาก เพื่อนก็ยังคบหาเป็นเพื่อนกันอยู่เหมือนเดิม
มันไม่น่าเชื่อ ระหว่างความคิด ที่ว่า จะเอาคืน ถึงแม้จะเป็น สิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา กับ การให้ มันคือ ความทุกข์ กับ ความสุข
คิดที่จะเอา นี้มันทุกข์นะ แต่ คิดที่จะให้ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน นี้มันสุข สุขจริงๆ นะจะบอกให้ !
พระพุทธเจ้า ท่าน บอกว่า หนี้ เป็นทุกข์ ในโลก เมื่อก่อนนี้ ผมคิดแต่ว่า การเป็นลูกหนี้ เป็นทุกข์ ในโลก ฝ่ายเดียว เจ้าหนี้ ไม่เป็นทุกข์ ในโลกนี้ ผมเพิ่งมาเห็นสัจธรรม ของพระพุทธองค์ เอาคราวนี้เอง ว่าเจ้าหนี้ ก็ต้องรับทุกข์ แห่งหนี้ ที่ก่อขึ้น จากผลแห่งกรรม ที่ตัวเอง ได้ก่อขึ้น เช่นกัน และ ก็ได้รับ แสนสาหัส กว่า ลูกหนี้เสียอีก เมื่อมาเจอ ลูกหนี้ ยุค IMF ที่พูดว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เพราะเขาได้เงินจากเราไปแล้ว เจ้าหนี้เป็นฝ่ายเสียมากกว่า
ผมเลย ขอตั้งจิต อธิษฐาน ไว้ว่า นับต่อแต่ นี้ไป จะไม่ ก่อ กองเวร กองกรรม แห่งหนี้ ขึ้นอีก ไม่ ว่าจะในฐานะ ของ ลูกหนี้ หรือ เจ้าหนี้ จะต้องหาวิธีปฏิเสธ ให้ นิ่มนวล เวลาเพื่อนๆ ญาติๆ มาออกปากขอยืมเงิน ผมวางแผนไว้แล้วว่า จะบอกว่า
เอาเงินไปซื้อหุ้นไว้ รอ รับปันผล หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย พอเงินปันผล ออก เขามายืม ผมก็จะบอกเขาไปว่า เอาเงินปันผล ไปซื้อหุ้นรอรับปันผลเพิ่มขึ้น หมดแล้ว ไม่มีเงินสดเหลือ ในธนาคารเลย เช่นเดิม
( ปกติ ผมมี เงินสำรองใช้จ่าย ที่เก็บไว้เป็นเงินสด ในธนาคารเพียง 3 เดือน และ รายรับประจำเดือน จากค่าเช่าบ้านเล็กน้อย พอเป็นค่าใช้จ่าย รายเดือนอยู่แล้ว พอใช้จ่ายพอใช้ ครับ เพราะเป็นคน ประหยัด อดออม อยู่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ที่สงขลา ค่าครองชีพก็ต่ำ )
สรุป ว่า ไม่ให้ยืม และ ผมก็จะไม่ปฏิบัติผิด ศีล ข้อ มุสา จาวา โกหก เขา เพราะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำอย่างนั้นจริงๆ
ผมตั้งใจจะสะสมหุ้น ปันผล และ หุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี แทนเงินฝากประจำธนาคาร จะขอเป็น คนบ้าหุ้น เหมือนที่ ดร. นิเวศน์ เขียนบทความ คนบ้าหุ้น ไว้ (ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ก็หาอ่านได้ใน SETTRADE.COM นะครับ)
สุดท้ายนี้ ผม หวังว่า ลุงขวด และ เพื่อนๆ คงจะเป็น คนบ้าหุ้น ตามความหมาย ของ ดร. นิเวศน์ เช่นเดียวกับผม เหมือนกันนะ ครับ
ลุงขวดครับ สำหรับหุ้นดีมีคุณค่า ในความคิด ของผม ไม่จำเป็นต้องมีสภาพ คล่องก็ได้ครับ เพราะผมจะซื้อเก็บ ไม่ได้ซี้อมาเพื่อขาย เพราะมี Value Investor อีกหลายคนที่ยังไม่แสดงตัวให้พวกเราเห็น ได้เข้ามาถือเก็บไว้ทั้งนั้นครับ ขอความกรุณา พวกน้องๆ ที่ชอบเล่นปั่นหุ้นเก็งกำไร อย่าเข้ามาปั่นให้มัน สูงเกินไปจาก มูลค่าที่แท้จริงของมันก็พอแล้ว ถ้าจะราคาราคาเพิ่ม เพราะมันมีกำไรสะสม ทรัพย์สิน พอพูนขึ้นมาก แล้วราคาค่อยๆ ขยับขึ้น ก็สมเหตสมผล
สภาพ คล่อง มี 500 หุ้น ก็สะสม 500 หุ้น ก็ได้ หุ้นพวกนี้ สะสม หลายๆ ตัว ผมก็ยังนอนหลับ สบายไม่กังวล เพราะราคา มันนอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ เป็นดักแด้สะสมพลังงาน เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว มันก็พองตัวเพิ่มขึ้นโผบินเป็นผีเสือ ไปสู่ที่ ที่ผีเสือควรจะอยู่ แล้วออกไข กลายเป็น หนอนและกลายเป็น ดักแด้ นอน ดุ๊กดิ๊ก ๆ สะสมพลังงานอีก เมื่อพลังงานสะสมพร้อมแล้ว วัฎจักรของชีวิต ก็ดำเนินต่อไปอีก ตามรูปแบบพิมพ์เขียวทางพันธุกรรม ของมัน
เมื่อเราเลี้ยงมันไว้จนโต ผลิ ดอก ออกลูก มาเป็นปันผล ให้ คนแก่ๆ อย่างผม อย่าง ลุงขวด ได้เก็บกิน ทุกปี
ถ้า เพื่อนๆ ไม่เชี่อ ลองไปตรวจดูประวัติ ตลอด 5 ปี ราคาของ หุ้นพวกดู
ตัวอย่าง ดู หุ้น TR ที่ผมซื้อ เก็บ ตามสภาพ ตามที่มี และ ตามที่เป็น สภาพ ของเขา ในเวลา 5 ปี ราคาเขา จาก 19.5 บาท มาเป็น 204 บาท (ต้องเรียก ว่า เขา ไม่เรียกว่า มัน เพราะ เขาเป็นลูกหุ้น ของผมแล้ว เหมือน คุณทองแดง ถ้าอยู่ข้างถนน เรียกว่า มัน แต่พอเข้าไปถวายตัวในวังแล้ว ต้องว่าเรียกว่า คุณ ใช่ไหมครับ)
ผมชอบเก็บหุ้น ลักษณะนี้ เก็บไว้ หลายตัว เช่น FE , P-FCB , WACOAL , TF ,TR ,AYUD, TWFP คิดว่า เป็นการ ปลูกผักสวนครัว รั้วกินได้ ไว้เก็บกิน เมื่อ เขาออก ลูกปันผล ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่อยากเลี้ยงกุ้งเก็งกำไร ต้องนั่ง ถือปืน เฝ้านากุ้ง ไม่ได้หลับไม่ได้นอน กลัวกุ้ง ลอยหัวตาย เป็นโรค หัวเหลืองเรืองแสง กลัวชาวบ้านจะมาขโมยกุ้ง ไปเสียกินเสีย
Small SME หนังสือ ธุรกิจเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ จะช่วยคนที่ขาดประสบการณ์ และเป็นทางลัดสำหรับคนที่มีประสบการณ์ให้เล่นหุ้น
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2557 |
|
2 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2557 13:20:01 น. |
Counter : 957 Pageviews. |
|
|
|
2. เลือกหุ้นที่มียอดซื้อ-ขายเกิน 10 ล้านหุ้นขึ้นไป เพราะถือว่ามีสภาพคล่อง มีคนเล่น ไม่ใช่มีแต่เจ้าคุมราคา
3. เน้นเลือกหุ้นที่มี Bid-Offer แถวละหลักแสนกลางๆ หลักล้านต้นๆ เพื่อง่ายต่อการซื้อ และขายได้ทัน
4. ไม่เลือกเล่นหุ้นเศษสตางค์ หรือราคาไม่เกิน 50 สตางค์ เน้นหุ้นราคา บาทกว่าขึ้นไป ไม่ควรเกิน 20 บาท เพราะมีสภาพคล่องในการลากขึ้น ทุบลงง่ายกว่า
5. เล่นเฉพาะครึ่งเช้า เพราะส่วนใหญ่จะลากขึ้น มากกว่าทุบลง สังเกตได้จากหุ้นใน Most Active by Volume ว่าจะมีตัวที่เป็นสีเขียว มากกว่า ตัวที่เป็นสีแดง หรือมีตัวสีแดงน้อยกว่าสีเขียวมาก
6. เอาหุ้นมาไว้ใน Watch List ประมาณ 15 ตัวเพื่อดู ที่ต้อง 15 ตัว เพราะโปรแกรม ที่ใช้อยู่สามารถดูหุ้นได้หน้าละ 15 ตัว 2 หน้า 30 ตัว แล้วรอหาจังหวะเข้า แต่จะเลือกเล่นแค่ไม่กี่ตัว บางทีตัวแรกได้กำไร ก็ไม่เล่นต่อแล้ว
7. เลือกหุ้นได้แล้ว ให้คีย์Buy ชื่อหุ้น จำนวน ราคา รหัสรอไว้ พอหุ้นที่เรามองไว้ ราคาวิ่งขึ้นจากที่นิ่งอยู่นาน หรือตบหมด 1-2 ช่อง ภายในไม้เดียว ก็ให้กดส่งคำสั่งซื้อทันที
(แล้วไปเช็คดูว่าได้หุ้นหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่หากไม่ทัน ยังไงมันก็จะทิ้งลงมาราคาที่เราสั่งซื้อไป)
8. เมื่อได้หุ้นมาแล้ว ให้คีย์Sell ชื่อหุ้น จำนวน ราคาที่จะขาย รหัสรอไว้ทันที แล้วรอดู ว่ามันจะวิ่งขึ้นไปกี่ช่อง
9. หากมันวิ่งขึ้นในทันที ก็ให้จ้องไปก่อน หากตบราคาขึ้นไปจนหมดแถวไปเรื่อยๆ 4-9 ช่อง หากราคาสุดท้าย ตบไม่หมดแถว ก็ให้ส่งคำสั่งขายที่ราคานั้น หรือต่ำกว่าราคานั้น 1 ช่องทันที (ขายหมูดีกว่าขาดทุน หากโดนทุบลง)
10. แล้วก็ไปตรวจสอบว่าขายเรียบร้อยรึยัง ได้กำไรเท่าไหร่ แล้วหยุดเล่น พอ รอเล่นวันต่อไป เพื่อรักษากำไรที่ได้ไว้
*** หากซื้อตามไปแล้ว มันไม่ลากต่อ ให้ขายทันที (สำคัญมาก) เพื่อ cut ตัดขาดทุน ให้ไม่เกิน 2-3 ช่องจากราคาที่ซื้อ เพื่อที่จะได้เจ็บนิดเดียว แต่ถ้ามันวิ่งขึ้น ก็ให้มันวิ่งไปอีก 2-8 ช่องจากราคาที่เราซื้อได้ เพื่อเอากำไร ***
ปล. อันนี้เป็นวิธีการเล่นแบบส่วนตัว ไม่ได้ใช้กราฟเทคนิคร่วมด้วยนะ แค่คอยเฝ้าจอจับจังหวะเท่านั้น