พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
"ซื้อหุ้นเหมือนซื้อบ้าน"

บทความ Value Way ฉบับวันที่ 2 มิถุนายน 2557
เครดิต (วิบูลย์ พึงประเสริฐ)

บทความของวอร์เรน บัฟเฟตในนิตยสารฟอร์จูนต่อจากฉบับที่แล้วในเรื่องของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของเขาทั้งฟาร์มในรัฐเนบราสกาและอาคารสำนักงานให้เช่าในนิวยอร์ค

“ราคาหุ้นที่ผันผวนในตลาดหุ้นไม่ได้ทำให้นักลงทุนที่แท้จริงสะทกสะท้าน เช่นเดียวกับราคาที่ดินที่เพื่อนบ้านตะโกนบอกซื้อขายที่ดินในละแวกฟาร์มของผมก็ไม่ได้ทำให้การลงทุนในฟาร์มของผมต้องเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ในความเป็นจริงตลาดหุ้นที่ตกต่ำอาจเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนตัวจริงถ้าเขามีเงินเหลือและราคาหุ้นลดลงไปมากกว่ามูลค่าที่เหมาะสม บรรยากาศของความกลัวในตลาดหุ้นคือเพื่อนที่ดีในการลงทุน ส่วนบรรยากาศโลกสวยอาจเป็นศัตรูตัวร้ายของนักลงทุน
ในช่วงวิกฤติซัพไพร์มในปี 2008 ผมไม่เคยคิดขายที่ดินที่ฟาร์มในรัฐเนบราสกาและอาคารสำนักงานในนิวยอร์คของผมเลยถึงแม้ว่าเศรษฐกิจตกต่ำกำลังจะคืบคลานเข้ามา และในเวลาเดียวกันถ้าผมถือหุ้นในบริษัทที่ดีมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีอนาคต คงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่ผมจะขายหุ้นนั้นไปในช่วงเวลาเช่นนั้น ทำไมผมต้องขายหุ้นบริษัทที่ดีเหล่านั้นออกไป จริงอยู่บางบริษัทอาจจะมีผลประกอบการที่แย่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำแต่บริษัทในพอร์ตรวมๆแล้วสามารถทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน

เมื่อผมและชาร์ลี มังเกอร์ตัดสินใจซื้อหุ้น ถึงแม้จะซื้อเพียงส่วนนึงของหุ้นของบริษัททั้งหมดแต่เราก็จะใช้การวิเคราะห์เหมือนกับเราซื้อกิจการนั้นทั้งบริษัท อันดับแรกเราจะดูว่าเรามีความสามารถในการทำนายผลประกอบการของบริษัทนั้นในอีกอย่างน้อยห้าปีข้างหน้าหรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ เราจะซื้อหุ้นนั้นเมื่อราคาหุ้นอยู่ในราคาที่เหมาะสมและต่ำกว่ามูลค่าของบริษัทที่เราประเมินได้ ถ้าเราพบว่าเราไม่สามารถประเมินผลประกอบการในอนาคตของบริษัทนั้นได้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น เราก็เพียงค้นหาหุ้นบริษัทอื่นๆต่อไป ในช่วงเวลา 54 ปีของการลงทุนของเรา เราไม่เคยใส่ใจในเศรษฐกิจมหภาค การเมืองหรือความคิดเห็นของคนอื่นๆ ในความเป็นจริงเราไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้เลยในการตัดสินใจลงทุนของเรา

มันเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราต้องเข้าใจใน”ขอบเขตของความรู้” (Circle of Competence) ที่เรามีอยู่และพยายามไม่ออกนอกกรอบที่เรามีความรู้จริง ถึงแม้เราจะเคยทำผิดพลาดทั้งการลงทุนในหุ้นและบริษัทที่เราซื้อมา แต่ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ใหญ่มากจนทำให้เราเกิดปัญหา เราไม่เคยไล่ราคาหุ้นหรือซื้อบริษัทในช่วงที่ราคากำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่หยุด

นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษาธุรกิจที่จะลงทุนอย่างจริงจัง ถ้าพวกเขาฉลาดพอ เขาจะพบว่าพวกเขาไม่อาจคาดเดาผลประกอบการของธุรกิจนั้นในอนาคตได้ทุกบริษัท แต่ยังมีข่าวดีสำหรับนักลงทุนสมัครเล่นทั้งหลาย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ธุรกิจ เพราะในภาพรวมธุรกิจของสหรัฐทำผลประกอบการได้ดีและคาดว่าจะทำได้ดีตลอดไป (ถึงแม้จะไม่ราบเรียบตลอดเวลา) ในศตวรรษที่ 20 ดัชนีดาวน์โจนส์เพิ่มขึ้นจาก 66 จุดเป็น 11,497 จุด ในศตวรรษที่ 21 ดัชนีจะต้องเพิ่มขึ้นกว่านี้มาก เป้าหมายของนักลงทุนสมัครเล่นนั้นไม่ใช่การเลือกหุ้นที่เป็นแชมเปี้ยนแต่เป็นการซื้อบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ด้วยการลงทุนในกองทุนดัชนี เช่น เอสแอนด์พี 500 ที่มีค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุนที่ต่ำ

นั่นเป็นเรื่องของ”ลงทุนอะไร”สำหรับนักลงทุนมือสมัครเล่น แต่เรื่อง”ลงทุนเมื่อไหร่”ก็เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งที่อันตรายที่สุดคือนักลงทุนมือใหม่ส่วนใหญ่มักเข้าตลาดหุ้นในช่วงที่ตลาดกำลังเพิ่มขึ้นสูงสุดและเริ่มรับรู้ความจริงในโลกการลงทุนเมื่อราคาหุ้นลดต่ำลงจนขาดทุน วิธีแก้ไขคือนักลงทุนควรสะสมหุ้นไปเรื่อยๆในระยะยาวและไม่ขายเมื่อมีข่าวร้ายหรือราคาหุ้นลดต่ำลง นักลงทุนที่ไม่รู้อะไรเลยแต่กระจายความเสี่ยงและมีต้นทุนต่ำส่วนใหญ่จะทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว นักลงทุนสมัครเล่นที่รู้จักตัวเองจะได้ผลตอบแทนดีกว่ามืออาชีพที่ไม่เข้าใจข้อเสียของตน

ถ้าเจ้าของที่ดินซื้อหรือขายที่ดินบ่อยๆ ราคาพืชผลและประสิทธิภาพของฟาร์มก็คงไม่ได้เพิ่มขึ้น สิ่งเดียวที่จะลดลงคือผลตอบแทนของฟาร์มแห่งนั้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อขายไปมาของที่ดินผืนนั้น นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยได้รับการชักชวนให้ซื้อๆขายๆจากคนที่ได้รับประโยชน์จากการซื้อขายนั้น ค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหรือค่าคอมมิชชั่นของโบรกเกอร์นั้นรวมๆแล้วเป็นจำนวนเงินที่มากเลยทีเดียวซึ่งทำให้ผลตอบแทนในการลงทุนลดลง ดังนั้นอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกา รักษาค่าใช้จ่ายในการลงทุนให้ต่ำและให้ลงทุนในหุ้นเหมือนคุณซื้อบ้านหรือซื้อฟาร์มนั่นเอง

(อรุณสวัสดิ์ทุกท่านครับ)

แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

//www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)

logo-topofliving2




Create Date : 12 มิถุนายน 2557
Last Update : 12 มิถุนายน 2557 9:13:06 น. 0 comments
Counter : 1050 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.