พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2560
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 พฤษภาคม 2560
 
All Blogs
 
เลี้ยงหุ้นทำเงิน “ติดตามหุ้นเล็กที่รอวันเติบใหญ่”



เลี้ยงหุ้นทำเงิน “ติดตามหุ้นเล็กที่รอวันเติบใหญ่”

จากการลงทุนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาของตัวผมเอง ประสบการณ์มันบอกผมว่า เราไม่ควรเก็งกำไรระยะสั้นๆ เราสามารถเก็งกำไรได้ แต่ควรเก็งกำไรระยะยาว และอีกส่วนก็ควรแบ่งพอร์ตเก็บยาวๆ แบบ 10 ปีขึ้นไป สำหรับหุ้นที่เราทำการบ้านมาอย่างดีแล้วว่ามันจะโตสิบเท่าในสิบปี

เลี้ยงหุ้นทำเงินต้องทำยังไง?

สำหรับโหมดลงทุนยาวๆ สิบปีนั้น ผมจะทยอยซื้อหุ้นที่คิดว่าจะเติบโต 5-10 เท่าในสิบปี โดยไม่ค่อยสนใจเรื่องราคาหุ้น (ในตอนนี้) มากนัก ดูว่ากิจการมันดีก็จะถือต่อไปเรื่อยๆ แต่สำหรับโหมดการเก็งกำไร ผมมักจะพลิกหินหาหุ้น หรือขุดหาหุ้นที่ยังเล็กๆ นำมา “เลี้ยง” จนมันเติบใหญ่ การเลี้ยงหุ้นผมแบ่งออกเป็นสองแบบดังต่อไปนี้

อย่างแรก “เลี้ยงหุ้นที่ยังเล็กรอวันเติบใหญ่”

การเลี้ยงหุ้นที่ยังเล็ก และรอวันเติบใหญ่นั้น ผมเองจะเฝ้าหาหุ้นที่มี Market Cap ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท หรือบางครั้งก็ลงทุนในหุ้นที่มี Market Cap ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และสิ่งแรกที่จะต้องดูก็คือ “คุณภาพของกิจการ” เป็นหลักเลยครับ เพราะตัวเลขทางการเงินจะตามมาเสมอ ถ้ากิจการเติบโต ตัวเลขก็จะดีตามไปเอง

หุ้นเล็กที่เข้าข่ายเลี้ยงไว้รอวันเติบใหญ่ สำหรับผมแล้วจะมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ขนาดของกิจการยังเล็ก Market Cap ต่ำๆ 1,000 – 5,000 ล้านบาท
  • มีรายได้เติบโตขึ้นทุกปี บางปีโตอย่างก้าวกระโดด
  • ต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคต ยกตัวอย่าง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในไทยที่โตกว่า 3 เท่าตัวใน 3-5 ปีที่ผ่านมา แต่ต้องดูด้วยว่าคู่แข่งขันเข้ามาในอุตสาหกรรมง่ายเกินไปหรือไม่
  • ฐานะทางการเงินค่อนข้างดี มีหนี้สินต่อทุนไม่สูงมาก หรือถ้าสูง ก็มีแหล่งเงินทุนที่ดีคอยสนับสนุน ไม่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
  • ถ้าจะให้ดีมากๆ กิจการควรเติบโตด้วยกระแสเงินสด ไม่ใช่โตจากหนี้
  • ปันผลยังไม่มาก แต่มีอัตราการเติบโตสูง

เมื่อเราเจอกิจการที่เข้าข่ายดังกล่าว สำหรับผมแล้วบางกิจการเป็นเหมือน start up คือ ช่วงแรกๆ อาจจะหากำไรยากหน่อย แต่มีการเติบโตในแง่ของยอดขาย และภาพรวมก็เติบโต ถ้าเราตาแหลมจริงๆ ได้ครอบครองหุ้นแบบนี้ บางครั้งพีอีก็ดูไม่ได้เพราะอาจแพงเว่อร์ ซื้อถือไว้ เลี้ยงไว้จนเติบโตเราก็จะสามารถทำกำไรจากหุ้นแบบนี้ได้ครับ

อย่างที่สอง “เลี้ยงหุ้นที่เคยย่ำแย่ จากกำไรติดลบ จนพลิกเป็นบวก และเติบโต”

สำหรับรูปแบบที่สองผมเองก็ชื่นชอบอยู่เหมือนกัน และมีความเสี่ยงไม่แพ้รูปแบบแรก นั่นก็คือ การมองหาหุ้นที่กำลังป่วย มีปัญหาภายในทำให้ขาดทุน แต่ทว่า การขาดทุนเหล่านั้นกำลังดีขึ้น มีการ recover กลับมาของกระแสเงินสด และกำไร โดยขั้นตอนของการกลับมา ได้แก่

  • ยอดขายไม่ลดลง หรือปรับตัวดีขึ้น เมื่อเราสังเกตว่ายอดขายของกิจการใดๆ ไม่ลดลง หรือปรับตัวดีขึ้น อันนั้นเป็นปัจจัยแรกๆ ที่จะทำให้เราเลือกหุ้นมาเลี้ยงเอาไว้ในพอร์ตของเรา โดยเราต้องสังเกตด้วยว่า กิจการขายสินค้า หรือให้บริการอะไร และมัน work หรือ ไม่ work ลองจำลองตัวเราเองว่าถ้าเป็นเราจะใช้สินค้าดังกล่าวหรือไม่
  • กำไรขั้นต้นเริ่มอยู่ตัว หรือ Gross Margin เริ่มทรงตัวในระดับสูง ซึ่งวิธีการดูก็คือ เราต้องไปเทียบกับธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน หาก Gross Margin ของกิจการที่เรารับมาเลี้ยงดูเริ่มทรงตัวในระดับสูง แสดงว่าสินค้าเริ่มติดตลาด เริ่มขายได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ “ต้องเก็บเงินได้ด้วย”
  • กระแสเงินสดเริ่มพลิกเป็นบวก เมื่อยอดขายดีขึ้น กำไรขั้นต้นสวยขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ กระแสเงินสดพลิกกลับเป็นบวกจากที่เคยติดลบมานาน กระแสเงินสดเป็นบวกจะบอกเราว่า กิจการอาจไม่มีการลงทุนอะไรมากมาย และสามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องราวที่ดีมาก
  • กำไรสุทธิโผล่ เมื่อกำไรสุทธิเริ่มโผล่พ้นน้ำจนได้ เราก็ต้องรีบทยอยสะสมหุ้นตัวนั้นเอาไว้ แต่นักลงทุนก็ต้องประเมินให้ออกด้วยว่า ราคาที่เก็บในตอนนั้นเหมาะสมหรือไม่อย่างไร การเริ่มเก็บหุ้นตอนกำไรโผล่ จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆ แต่หากเราเซียนจริงๆ ก็จะเริ่มเก็บก่อนหน้านี้ แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่กิจการอาจไม่ได้หายป่วยจริงๆ ก็เป็นไปได้ครับ

อย่างไรก็ตามการเลี้ยงหุ้นทำเงินนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ มองภาพออกทั้งปัจจัยด้านคุณภาพ และปัจจัยด้านปริมาณ หรือเชิงตัวเลข หากเราทำเป็น ก็จะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหากทำไม่เป็นก็จะล้มเหลว เข้าข่าย ตาดีได้ ตาร้ายเสีย นั่นเอง

แนะนำหนังสือ

หาหุ้นโตเร็ว สไตล์ VI - โต 10 เท่าในสิบปี

"หาหุ้นโตเร็ว สิบเท่า ในสิบปี" ... หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนในยามตลาดหุ้นผันผวน และดูเหมือนว่านักลงทุน "ส่วนใหญ่" มองไม่เห็นว่าการลงทุนหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร ... แต่ข้อเท็จจริงก็คือ แม้ในยามตลาดแย่ ก็มีหุ้นโตเร็วเกิดขึ้นมากมาย บางตัวโต 1 เท่าตัว 2 เท่าตัว หรือ 5-10 เท่าตัวก็มี ... ทำอย่างไรเราจะ "ค้นหา" หุ้นโตเร็ว หรือ Growth Stock เหล่านี้ได้ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ #NaiwaenInvestment

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา "คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ"

[เกี่ยวกับผู้เขียน]

นายแว่นธรรมดา stand top of living"นายแว่นธรรมดา" หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ "ลงทุนหุ้นโตเร็ว" และหนังสือขายดี "กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น" ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ

ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ naiwaentammada@gmail.com

Top Banner




Create Date : 13 พฤษภาคม 2560
Last Update : 13 พฤษภาคม 2560 17:29:02 น. 2 comments
Counter : 1232 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีดีครับ


โดย: kid^_^ วันที่: 13 พฤษภาคม 2560 เวลา:23:55:18 น.  

 
ยินดีเสมอครับผม ^ ^


โดย: ตี๋2555 วันที่: 14 พฤษภาคม 2560 เวลา:8:41:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.