Witch Hunt







การล่าแม่มดในยุคกลาง

การไล่ล่าแม่มดไม่ได้มีแต่ในยุโรปยุคกลาง แต่มีในเมืองไทยด้วยล่ะครับ
4 มิ.ย. 2553





ในยุคกลางขอยุโรป หรือ ที่เรียกกันว่า ยุคมืด คือ ยุคที่อยู่ใต้การปกครองของศริสตจักร แม่มดถูกประนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เป็นสนุนของซาตาน จึงมีการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างแม่มดอย่างเอาเป็นเอาตายจากบรรดาบาทหลวง ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายผิดปกติอะไรก็ตาม ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือ คนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มักจะมีการกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแม่มด และ จะมีการระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแพะรับบาป การกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเลื่อนลอย หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาดูแล้วน่าสมเพช ใช้แค่การดูรูปลักษณ์ภายนอก ใครที่ดูแปลกๆกว่าคนอื่น จะโดนกล่าวหาได้ง่ายๆ เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงแก่ชรา มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และ ถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าเอนจอนาถ ไม่ใช่แต่คนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ผู้ที่มีหน้าตางดงาม สวยเกินไปก็มักถูกข้อกล่าวหานี้เช่นกัน เพราะสงสัยว่าเอาวิญญานเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่างดงาม แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุนกรรมผู้หญิง โดยยกข้องอ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า " สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต Thou shlt not suffer a witch to live " การเข่นฆ่าในตอนนั้นจึงได้รับรองว่าเป็นสิ่งชอบธรรม ชอบธรรม ผมขอย้ำคำนี้นะครับ

แต่เมื่อประวัติศาสตร์ได้รับการชำระ มวลมนุษย์มีสติและเหตุผลสมบูรณ์มากขึ้น การสังหารแม่มดซึ่งเป็นเรื่องชอบธรรมและถูกต้องเป็นที่สุดในสมัยนั้น จึงกลายเป็นเหมือนรอยแปดเปื้อนในประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติ ที่ไม่สามารลบเลือนได้ โดยเฉพาะการทารุนกรรมต่างๆ เกิดจากฝีมือของผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ที่ต้องมีความเมตตาการุณย์อยู่ในจิตใน แต่ตรงกันข้าม ศาสนจักรในยุคกลางนั้นป่าเถื่อน และ วิปริตผิดมนุษย์ ไม่ปรากฎหลักฐานจริงๆว่า แม่มด เคยได้ทำร้ายผู้คนจริงๆ นอกจากคำสารภาพของบุคคลที่ถูกทรมารให้รับผิด

เชื่อกันว่าแม่มดเคารพบูชา ซาตาน ในการรับใช้จอมมารนั้น ต้องเกณฑ์ผู้คนเข้าเป็นพวก อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันยิ่งใหญ่ ในการทำลายคริสตศาสนา ลดทอนค่านิยมอันดีงาม และ ล่อวิญญาณมนุษย์สู่ขุมนรก ในวันธรรมสวนะ ( แซบบัธวีนพักผ่อนตามลัทธิศาสนายิว คือ วันพุธ และ ศาสนาคริสต์ คือ วันอาทิตย์ ) หรือ ในวันชุมนุมของศาสนิกชนยิว โดยเฉพาะอันเรียกว่า ซันอะก๊อก ในพิธีนั้น เหล่าแม่มดจะทำการสักการะซาตาน ผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งจะมาปรากฎตัวให้เห็นเป็นบางครั้ง ในเรือนร่างของมนุษย์ แต่บ่อยครั้งจะปรากฎในรูปสัตว์ เช่น แพะสีดำสนิท และ ใหญ่มหึมา จากความเชื่อนี้ และ เมื่อคริสตจักรเรืองอำนาจ จึงเกิดการเข่นฆ่าพวกนอกศาสนาอย่างโหดเหี้ยม

เดิมทีมีการจัดการกับพวกแม่มดหมอผีอยู่บ้าง แต่การประหัตประหารเหล่าแม่มดอย่างเป็นระบบนั้น เริ่มต้นจากการพิพากษาของศาลศาสนาที่สนับสนุนโดยพระสันตะปาปา ที่จัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เพื่อกำจัดพวกนอกรีตอัลโบเจนเซียน หรือ ชาวเมือง ฮีลบี ทางตอนใต้ของฝรั่งเศษ อย่างที่เราทราบกันดีกว่าแต่ก่อนนั้น ประสัตะปาปา หรือ โป๊บ เป็นผู้กุมอำนาจ ทั้งการเมือง และ ศาสนาไปพร้อมๆกัน เพราะฉะนั้น คริสต์ศตวรรษที่ 13 จึงมีบรรดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มี โป๊บ สนับสนุนเที่ยวไปสอบสวน ระรานพวก อัลโบเจนเซียน แล้วทำเลยเถิดไป กลายเป็นการเข่นฆ่าพ่อมด แม่มดเทียมกันอย่างสนุกมือ แต่สยองใจไปแทน

การเข่นฆ่าแม่มดขนาดใหญ่ เกิดขึ้นกลางของยุโรป ราววศตวรรษที่ 15 ต่อเนื่องไปจนถึง ศตวรรษที่ 17 นานหลายร้อยปีทีเดียว การกล่าวหาบุคคลต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย กระบวนการสอบสวนการทารุนต่างๆ ซึ่งไม่มีผู้ไดสามารถทนได้ เช่น การใช้ตะปูควง ตอกเล็ก , ใช้เครื่องดึงชัดรอกดึงแขนให้ไขว้ขึ้น เพื่อให้หัวไหล่หลุด แล้วแขวนไว้ให้ทรมาร และ อื่นๆอีกมาก ซึ่งผลการสอบสวนจะยุติลงเมื่อมีการสารภาพ แน่นอนคือการยอมรับผิดว่าตนเป็นพ่อมด แม่มด แต่เท่านี้ยังไม่พอ เหยื่อยังถูกให้ซัดทอดอีก

บทลงโทษยอดฮิตสำหรับการเป็นพ่อมด แม่มด คือ การเผาทั้งเป็น วิธีการนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งคิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นธรรมเนียมตกทอดกันมา จากหลักฐายเก่าแก่ที่กล่าวถึงการเข่นฆ่าแม่มด ที่ได้บันทึกไว้เมื่อ 350 ปีก่อนคริสต์กาล โดย ดิเมอร์ชีนิส นักเล่านิทานแห่งกรีก กล่าวถึงผู้หญิงนามว่า ธีออริส แห่ง เลมมอส ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด แห่งกรุงเอเธนส์และ เธอก็ถูกเผาทั้งเป็นในเวลาต่อมา

ประเทศที่มีการทารุนกรรมมากที่สุดก็คือ เยอรมนี เฉพาะ เมืองแบมเบิร์ก เพียงแห่งเดียว มีแม่มดถูกเผาทั้งเป็นกว่า 600 คน การลงโทษนี้เริ่มตั้งแต่ปี 1609 ไดยมีบิชอป ฟอน อาสโซเสน ปกครอง โดยบิชอปคนนี้ได้สั่งเผาแม่มดไปกว่า 300 คนภายในเวลา 13 ปี หรือประมาณ สองอาทิตย์ 1 ศพ

อันที่จริงก่อนหน้ายุคกลางใช่ว่าจะไม่มีใครสนใจเรื่องราวของ พ่อมด แม่มดมาก่อน อันที่จริงน่าจะมีพ่อมด แม่มดอยู่ทั่วยุโรป ซึ่งปรากฎในประวัติศาสตร์เสมอมา จนมาถึงยุคกลางที่คริสตจักรเรืองอำนาจจนถึงขีดสุด จึงได้มีความพยายามกำจัดสิ่งที่นอกเหนือจากคำสอนของศาสนาออกไป แม้แต่ กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ยังถูกศาสนจักรพิจารณาความผิด เพราะบังอาจกล่าวว่า โลกกลม ไม่ได้แบน และ โลกไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งขัดแย้งกับไบเบิลเป็นอย่างมาก แต่จนถึง ณ เวลานี้ เราก็ทราบกันดีว่าฝ่ายใดถูกต้อง

.......................................

ศตวรรษที่ 16-17 จำนวนแม่มดในสหรัฐอเมริกามีมากถึง 50,000 คน สหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนที่ วิชาว่าด้วยคุณไสย( witchcraft ) เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการ จำนวนแม่มดในออสเตรเลียและยุโรป อาจจะมีจำนวนมากพอๆกัน ก็ได้ แต่ไม่เป็นที่เปิดเผย มีการเปิดสอนวิชาการแม่มดทางจดหมายซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 40,000 คน ในสมัยก่อนผู้คนต่างเชื่อว่า การเจ็บป่วยและโชคร้ายนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเอง เชื่อกันว่าเกิดจากความตั้งใจของแม่มด แม่มดเป็นผลพวงของลัทธิป่าเถื่อน ใช้คุณไสยช่วยเหลือผู้คน รักษาโรค นำโชค แต่คุณไสยสามารถนำมาใช้ในทางไม่ดีได้ด้วย ในสังคมอัฟริกานั้นเชื่อว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นจากแม่มดทั้งสิ้น

ในซูดานและซาอีร์ เชื่อว่า การเป็นแม่มดนั้นเป็นคุณสมบัติที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่เป็นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นแม่มด สังคมนี้เชื่อว่าความเจ็บป่วยเกิดจากเชื้อโรค ซึ่งตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์ ผิดแต่เพียงว่า แม่มดเป็นผู้ควบคุมเชื้อโรคเพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับคนบางคนเท่านั้น


ภาพลักษณ์ของแม่มดในสังคมยุโรปนั้นไม่ค่อยชัดเจน แม่มดอาจจะเป็นผู้วิเศษที่ช่วยรักษาโรคและนำโชคดีมาให้ก็ได้ พวกเขาจะรักษาโรคโดยใช้ความรู้ทางยาและสมุนไพรประกอบกับเวทมนตร์คาถา ภาษาละติน และฮิบรู ที่โดยมากสืบทอดมาจากพวกเคลต์ ( Celtic : ชาติวงศ์เมื่อพันกว่าปีของยุโรปกลางและยุโรปตะวันตก) นอกจากคุณไสยจะถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคแล้ว ยังอาจนำไปใช้ในการสาปแช่ง และทำเสน่ห์ได้ด้วย บุคคลใดเชื่อว่าตนถูกสาป จะต้องไปหาแม่มดเพื่อแก้คำสาปนั้น

เรื่องของคุณไสยและเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในยุคกลาง แม้ในศาสนาคริสต์พลังเหนือธรรมชาติถูกแสดงได้โดยพระเจ้าเท่านั้น เรื่องราวของการต่อต้านแม่มดและการใช้คุณไสยเริ่มมีขึ้นก่อนยุคกลาง มีผู้วิเศษออกมากล่าวหาว่า พระเยซูเจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับผู้วิเศษคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดอย่างองค์กรทางศาสนาอ้าง ตั้งแต่นั้นมาองค์การศาสนาก็ทำการต่อต้านผู้วิเศษรวมทั้งแม่มด ฐานแสดงความขัดแย้งต่อพลังอำนาจของพระเจ้า พ.ศ. 2027 องค์กรทางศาสนาโรมันคาทอลิก ประกาศว่า ผู้ใดก็ตามที่ไม่ไช่สมาชิกของศาสนาแต่ปฏิบัติพิธีกรรม การใช้เวทมนตร์ คาถา และมีพลังเหนือธรรมชาติ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซาตานและปีศาจ พลังที่ได้มาไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่ได้มาจากซาตานและปีศาจ องค์กรศาสนาพยามเผยแพร่ศัตรูของพระเจ้าและสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจน ในช่วงปลายยุคกลาง ปีศาจเริ่มมีรูปร่างชัดเจนมากขึ้น โดยเห็นได้จาก ภาพวาดของพี่น้องลิมเบอร์ก( Limbourg) แสดงให้เห็นว่า ปีศาจนั้น มีเขา มีหาง มีเท้าเป็นกีบ ปีศาจอาจจะออกมาในรูปลักษณ์อื่นเพื่อหลอกลวง

ในปี พ.ศ. 2029 มีการพิมพ์คู่มือพฤติกรรมแม่มด เพื่อช่วยในการจับและล่า ในคู่มือจะบอกว่า ส่วนใหญ่แม่มดจะเป็นผู้หญิง เพราะผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย จึงถูกปีศาจหลอกได้ง่ายกว่า (แต่ในทางรัฐศาสตร์แล้ว เพราะว่าผู้หญิงถูกกดขี่มิให้มีส่วนแบ่งในอำนาจ จึงหาทางปลดปล่อยและสร้างการยอมรับหรือการมีส่วนแบ่งอำนาจในทางอื่น) วิธีที่จะทำให้แม่มดยอมรับสารภาพคือ การทรมานโดยวิธีต่างๆ เช่น การตอกเล็บหรือการทรมานอื่นๆ บางคนต้องยอมรับสารภาพเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว
บางสมัยมีการสังหารหมู่เหล่าแม่มดในคราวเดียวถึง 600-900 คน วันหนึ่งๆมีผู้หญิงที่ต้องตายเนื่องจากการล่าแม่มดนับพันคน มีตัวอย่างในสมัยพระเจ้าโยฮันจอร์จที่ 2 (Gohannes Georg II ) แห่งเยอรมัน โยฮันเนส จูนิอุส ไม่เห็นด้วยสำหรับการสร้างโรงสำหรับทรมานแม่มดโดยเฉพาะ จึงถูกจำและกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ในที่สุดก็ต้องยอมรับสารภาพและเสียชีวิตเพราะทนรับการทรมานไม่ไหว ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า เพราะสาเหตุใดความเชื่อเกี่ยวกับการล่าแม่มดและแม่มดเสื่อมสลายไป อาจจะเป็นไปได้ว่า ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ในพุทธศตวรรษที่ 23 เบี่ยงเบนความสนใจ หลังจากนั้นแม่มดไม่ค่อยเป็นที่พบเห็น มีเพียงคนทรงและผู้วิเศษที่ยังพบเห็นกันอยู่ ในพุทธศตวรรษที่ 21-22

.......................................

แม่มด หมายถึงชายและหญิงผู้ใช้เวทมนตร์ประกอบพิธีลี้ลับเหนือธรรมชาติ ในยุโรปในศตวรรษที่ 15, 16 และ 17 ความเชื่อไสยศาสตรืนับถือพญามาร (แม่มดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แม่มดขาวเป็นพวกที่นับถือสิ่งศักสิทธ์เหนือธรรมชาติ(Supreme being)หรือไม่อาศัยความช่วยเหลือจากนางฟ้า นักบุญ แม่มดดำเป็นพวกที่เคารพบูชาซาตาน(Satan)และอาสัยความช่วยเหลือจากบรรดาภูติ ร้ายวิญญาณชั่ว) มีมากจนทำให้เกิดการลงทัณฑ์ทรมานและประหารชีวิตผู้ถูกกล่าวหาว่าใช้วิชาแม่ มดหมอผีประมาณสองแสนคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหญิงชราตัวคนเดียว การตามล่าแม่มดเป็นกิจกรรมโปรดของพวกเพียวริแทน(เคร่งศาสนา) ในศตวรรษที่ 17 แมธธิว ฮอปกินส์ เป็นนักล่าแม่มดตัวยงเขาแขวนคอแม่มดเฉพาะในแคว้นเอสเสกซ์ถึง 60 รายในปีเดียว กฎหมายอังกฤษและสก็อตแลนด์ซึ่งต่อต้านวิชานี้ยกเลิกไปใน ค.ศ.1736

แม่มดมีความผิดอันใดหรือ จึงถูกองค์การคริสต์ศาสนากวาดล้าง ?
คำตอบก็คือว่า ประดา (ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น) แม่มดนั้น มีพฤติกรรมที่ชี้ชัดว่าได้ร่วมมือกับ "ซาตาน" บ่อนทำลายคริสต์ศาสนจักร ทั้งนี้ จากการไต่สวนของคณะศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองตูลุส, ฝรั่งเศส พบว่า สตรีที่แม่มดได้กระทำการวิปริตผิดมนุษย์หลายประการด้วยกัน อาทิ เชื่อว่าปิศาจนั้นทรงอานุภาพระดับเดียวกับพระเจ้า (God) เอาเสื้อผ้าจากศพที่ถูกแขวนคอมาสวมใส่ เอาสมุนไพรที่เป็นพิษมาต้ม เคี่ยวเพื่อทำยาพิษ (คงเคยเห็นภาพที่แม่มดต้มกลั่นน้ำยาด้วยหม้อใบโตๆน่ะ) ลักขโมยทารกแดงๆไปเป็นภักษาหาร เป็นตัวการทำให้ฝูงสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยและพืชพันธุ์ธัญญาหารเสียหายและที่ ร้ายกาจที่สุดก็คือกรรมวิธีฝังรูปฝังรอย โดยเอาขี้ผึ้งมาปั้นเป็นรูปเหยื่อแล้วเอาเศษเสื้อผ้าของเหยื่อมาตกแต่ง จากนั้นก็เผาหุ่นขี้ผึ้ง ทำให้เหยื่อต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน

การล่าแม่มดมักเริ่มต้นด้วยการทดสอบง่ายๆ คือ จับตัวผู้ถูกสงสัยโยนลงน้ำ ถ้าหากเป็นแม่มดก็จะลอยขึ้นมา แต่ผู้บริสุทธิ์จะจม (บางทีก็จมน้ำตายไปเลย) และผู้ที่ลอยก็จะโดนนำตัวไปสอบสวนต่อไปการสอบสวนจะคล้ายๆกัน เมื่อถูกนำตัวขึ้นศาล ผู้ต้องสงสัยจะถูกซักถามเกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ตนใช้ ความสัมพันธ์ที่มีกับซาตาน และกิจกรรมพิธีต่างๆ คณะศักดิ์สิทธิ์จะบีบบังคับให้สารภาพและบอกชื่อผู้กระทำผิด ถ้าหากผู้ต้องสงสัยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้สอบสวนก็จะแก้ผ้าผู้ต้องสงสัยออก แล้วโกนขนหมดทั้งตัวเพื่อค้นหาดู "เครื่องหมายปิศาจ" ที่ปรากฏอยู่บนตัว (เราจึงมักเห็นภาพแม่มดหัวล้าน) บางครั้งหัวนมที่สามหรือตุ่มไตต่างๆก็อาจถูกระบุว่าเป็นเครื่องหมายแม่มดได้ (ใช้สำหรับให้ทารกซาตานดูดนม) เครื่องหมายแม่มดนี้บางครั้งหลบซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังมองไม่เห็น จึ้งต้องใช้อุปกรณ์แหลมคมเจาะหรือกรีดออกจึงจะพบ

หลังจากพบเครื่องหมายแม่มดแล้ว ก็จะบังคับให้สารภาพอีกครั้ง ถ้าปฏิเสธก็ต้องทำการทรมาน เริ่มด้วยการตอกเล็บ ตามด้วยบีบขมับ เข้าเครื่องยืดแขนขา ถ้าหากยังปากแข็งก็เอาไปบีบอัดขา เอาเหล็กแดงๆจิ้มตามตัว สุดท้ายก็คือวิธี "แสตปตาโด" เอาร่างเปลือยของผู้สงสัยขึ้นแขวนโยงกับรอก และถ่วงน้ำหนักที่เท้า ดึงห้อยแขวนไว้จนกว่าจะยอมสารภาพ ซึ่งนั่นก็คือยอมถูกประหารนั่นเองปี ค.ศ. 1594 ที่เมืองคาลวินิสต์. สกอตแลนด์ "นางเอลิสัน บาลโฟร์" ถูกทรมานด้วยการเอาเหล็กรัดบีบแขนนาน 48 ชั่วโมง ในขณะเดียวกัน สามีวัย 80 กว่าของนางถูกแท่งศิลาหนัก 700 ปอนด์วางทับ ลูกชายถูกไม้เหลี่ยมตีหน้าแข้ง 57 ที จนกระดูกเละ แม้กระทั่งลูกสาวตัวน้อยวัย 7 ขวบ ก็ยังถูกตอกเล็บการถูกทรมานขนาดหนักเช่นนี้ น้อยรายนักที่จะทนได้ ต้องร้องสารภาพทุกราย

ยิ่งคิดค้นเครื่องประหารที่มีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้นเท่าใด จำนวนผู้ตากก็มากขึ้นเท่านั้น เช่นบริเวณมณฑลเทรเวส (ปัจจุบันคือไทรเออร์) ในเยอรมนี ในช่วงเวลา 6 ปี มีผู้หญิงถึง 368 คน จาก 22 หมู่บ้าน ถูกประหารด้วยข้อหาเป็นแม่มด ต้นศตวรรษที่ 17 ท่านบิชอพแห่งเวอร์ซเบิร์ก ทางใต้ของเยอรมันนี ได้เผา "แม่มด" ทั้งเป็นกว่า 900 ราย มีทั้งชายและหญิง รวมทั้งเด็ก 7 ขวบ ซึ่งมาจากทุกฐานะ

กระทั่งล่วงเข้าศตวรรษที่ 17 ไปแล้ว ผู้คนเริ่มมีเหตุผลมากขึ้น โดยเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศยุติการประหารแม่มดใน ค.ศ. 1610 แต่กว่าจะยุติได้หมดทุกประเทศก็เกือบถึงปลายศตวรรษ และยุคแห่งความแตกตื่นกลัวแม่มดก็จบลงแต่เพียงเท่านี้...

(จำนวนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกสังหารด้วยข้อหาแม่ มดมีจำนวนมหาศาล เฉพาะในเยอรมนีมีไม่น้อยกว่า 100,000 คน ฝรั่งเศสกับสกอต์แลนด์รวมแล้วราว 10,000 คน อังกฤษประมาณกว่า 1,000 คน เมื่อประเมิณทุกประเทศ เชื่อกันว่าไม่น้อยกว่า 200,000 คน)

.......................................



หลังจาก เจเค โรลลิ่ง ได้รังสรร Harry Potter ขึ้นมา ผู้คนมากมายก็หันมาสนใจลัทธิแม่มด ในอเมริกา(ประเทศสุดท้ายที่มีการกล่าวหาเรื่องแม่มด)มีกลุ่มผู้ประกาศตนเป็น แม่มด เป็นชุนนุนเป็นชุมชน แต่ยังไม่มีใครถูกเผาทั้งเป็น หรือจะมีใครคิดจะนำคนเหล่านี้ไปโยนลงน้ำ หรือโกนขนทั่วร่างกายเพื่อพิสูจน์ เนื่องจากมันไม่จำเป็นอะไร เพราะไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม มีความเชื่ออย่างไรก็ตาม เขาคือ "มนุษย์ร่วมโลก" และเราไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ทุกๆคนคิดเหมือนกัน แต่เรามีหน้าที่ต้องเคารพในความแตกต่างเหล่านั้น (จำไว้ว่าพ่อมดแม่มดสมุนซาตานผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า คือผู้สร้างวิทยาศาสตร์ให้เจริญก้าวหน้า)

แม่มด ไม่ได้เกิดจากซาตาน แต่หากเกิดจากการกดขี่ของระบบสังคม ที่พยายามกดสตรีเพศให้ห่างไกลจากการมีบทบาททางสังคม สตรีหรือบุรุษด้อยโอกาสเหล่านั้นจึงต้องแสวงหาหนทางปลดปล่อยด้วยการสร้าง อำนาจต่อรองให้กับตนเอง ด้วยหนทางที่แตกต่างจากกระบวนการความเชื่อหลักของสังคมในเวลานั้น แม่มดจึงเกิดขึ้น และมีจำนวนมากมายที่สุดในยุคกลาง ยุคที่มีการกดขี่และระบบสังคมที่อยุติธรรมมากที่สุด ทั้งๆที่ในยุคดังกล่าวนั้นปกครองด้วยคณะผู้ปกครองทางศานา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า แต่กลับโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ และทำให้ในยุคนั้นเอง ยุคแห่งพระเป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือแผ่นดิน ได้ชื่อเป็น "ยุคมืด" ยุคที่เราไล่ล่าแม่มด กล่าวหาทำลายบุคคลด้วยข้อหาเลื่อนลอยไร้เหตุผล



สำหรับประเทศไทยของเรา ผมไม่มีคำอธิบายอื่นใด สำหรับประเทศที่เคยเจริญเสมอหน้าหลายๆประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศพัฒนา แล้วเมื่อวันวาน แต่ในวันนี้เรายังด้อยพัฒนา ประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาค ประเทศที่เคยอุดมสมบุรณ์ด้วยทรัพยากร และการเกษตรบริบูรณ์ ประชากรมีการศึกษาในระดับที่น่าพอใจ แต่ไฉนเลย 70 กว่าปีหลังการเปลี่ยนแปลง เราไม่เคย ไม่เคยเลยจะก้าวตามใครได้เลย นอกจากคำตอบว่า เรายังอยู่ในยุคมืด และยัง Witch Hunt ไม่สิ้นสุด เรามองเห็นความแตกต่างนั้นจำเป็นต้องทำลายให้สิ้นซาก และหากเรายังมีแนวความคิดวนเวียนอยู่เช่นนี้ต่อไป ก็คงจะยากที่ประเทศจะผ่านพ้นยุคมืดไปได้



หวังว่า พ่อมดน้อย Harry Potter จะช่วยลดกระแส Witch Hunt ในบ้านเมืองไทยได้บ้างนะครับ เราเปลี่ยนคนไทยในวันนี้ไม่ได้แล้ว แต่ผมหวังใจว่า เยวชนไทยผู้เติบโตมาในยุคของ Harry Potter จะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น มากกว่าเพียงคำว่า เทวาและซาตาน



โปรดจงจดจำบทเรียนจากอดีต บทเรียนที่บุตรแห่งเทวาทำตัวเยี่ยงซาตาน และสนุนซาตานผู้ละทิ้งพระเจ้าจรรโลงโลกให้ศิวิไลด้วยวิทยาศาสตร์ หรือจริงๆแล้ว โลกนี้ไม่มีเทวาและซาตาน มีแต่มนุษย์เพียงเท่านั้น หรือเทวาและซาตาน เป็นเพียงอวตารภาคของความแตกต่างทางความคิดเท่านั้น ถ้าในวันวานฝ่ายเทวาชนะขาดลอยโลกในวันนี้ก็คงมืดมิดไม่ต่างๆจากยุโรปยุคกลาง หรือถ้าฝ่ายซาตานทำลายฝ่ายเทวาลงได้ โลกนี้ก็คงเต็มไปด้วยมลพิษแห่งวิทยาการจนเกินพอดี



ภาพสุดท้ายนี้ผมชอบมากเลยครับ ผมว่านี่หล่ะ เทวาตัวจริง แฟร์เกมส์ สนุกกับบอลโลกนะครับ แหะๆ




Create Date : 04 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2554 8:51:19 น. 7 comments
Counter : 5961 Pageviews.

 
หวัดดีจ้า มาอ่านตำนานแม่มด
เอาแค่ตำนานในยุคกลางพอแล้วล่ะ
อย่าเอาตำนานแม่มดในเมืองไทยเลยตะเอง
อยากเห็นบล็อคนี้ไปนานๆอ่ะจ้า

++
บลูกายสบายดี เจ้านายมันก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย+55

ปล.เมล็ดจำปาดะห์ จะส่งให้เร็วๆนี้น๊า


โดย: coji วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:12:29:59 น.  

 

มาส่งข่าวจร้า
ติดตามชม "คลิปพระจันทร์ลายพยัค(ภาคติ๊ดตี่)" ที่ //www.tidte.com
รับประกันคุณภาพ โดยยายอ้อจร้า


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 8 มิถุนายน 2553 เวลา:10:10:50 น.  

 
ไม่เจอกันนานเลยพอดีพี่เจอพี่นู๋อ้อเลยถามหา
blogยังสวยเหมือนเดิมชอบๆ
พี่เริ่มสร้างบ้านดินแล้วนะ(จ้างเค้าทำ)


โดย: พี่โอ(พิษณุโลกสมายค์ออร์คิด) IP: 118.172.134.159 วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:13:08:54 น.  

 
เปิดคลิปม่ายได้เหรอ
ไปที่บ้านดิจะให้ติ๊ดตี่แสดงให้ดูสดๆ เลยจร้า


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:11:55:12 น.  

 
ส่งการบ้านคร๊าบบบบบ เผื่อจะว่างเข้ามาให้คะแนน^^

ฝนตกยังทางนี้ ดูแลตัวเองด้วยจ้า


โดย: coji วันที่: 14 มิถุนายน 2553 เวลา:16:56:45 น.  

 
...

เรื่องราวเล่าขานตำนานแม่มดเนี่ยะ
เป็นอะไรที่ลึกลับชวนติดตามเสมอ ...




โดย: lastmoon วันที่: 15 สิงหาคม 2553 เวลา:16:24:48 น.  

 
เห็นด้วยครับ ประเทศไทยเราไม่เหมือนก่อนแล้วจริง ๆ บทความทำให้มองเห็นภาพปัจจุบันของเราได้เลยครับ..


โดย: naray14 วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:17:05:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

nainokkamin
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




free counters
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nainokkamin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.