นานาสาระ
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
28 กุมภาพันธ์ 2553

พ่อรวยสอนลูก

“ Rich Dad Poor Dad “ by Robert T.Kiyosaki



พ่อแท้ๆ ของผู้เขียน มีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Poor Dad

ผู้เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ ไมค์ และพ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในกิจการหลายๆ อย่าง จนมีอาณาจักรที่ใหญ่โต ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Rich Dad



พ่อรวยแนะนำให้ทำงาน Part-time โดยการตอบแบบสอบถามออนไลน์ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

ตอนที่หนึ่งพ่อรวย – พ่อจน
พ่อทั้งสองของผู้เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก


พ่อจน

พ่อรวย


ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย


การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย


คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน


ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ


เรียนมากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง


เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง


พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก


พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก


ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว


ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว


เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน


ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง


บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด


บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน


ชำระหนี้เป็นอันดับแรก


ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย


ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน


ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน


สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ


สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน


ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่


คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก


เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ


เงิน คืออำนาจ


เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ


เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา


พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน


เงิน ทำงานให้พ่อ




ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน


ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน

“ ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน"

“ การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต “

“ การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ “

“ อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ “



ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์


“ ต้องหางานทำให้ได้ ”

“ ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน ”

“ ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน “

“ ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ “

“ ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น “

“ หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ “

“ เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่ “

“ ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ “

“ จำไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า ‘มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’ “


ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
“ ทุกคนต้องทำงาน “

“ คนรวยขี้โกง “

“ ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก “

“ ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง “


ความคิดที่ใช้สมอง
“ ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า “


ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ


“ การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป “

“ พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน “

กฏข้อที่-1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
“ คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน “

“ ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น “

“ ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า “



รูปที่-3 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนจน



งาน


รายได้ เงินเดือน

รายจ่าย ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง



ทรัพย์สิน หนี้สิน






รูปที่-4 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนชั้นกลาง

งาน


รายได้ เงินเดือน

รายจ่าย ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง



ทรัพย์สิน หนี้สิน

เงินกู้บ้าน , สินเชื่อผู้บริโภค , บัตรเครดิต





รูปที่-6 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนรวย


รายได้ เงินปันผล , ดอกเบี้ย , ค่าเช่า , ค่าลิขสิทธิ์

รายจ่าย



ทรัพย์สิน หนี้สิน
หุ้น , พันธบัตร , ตั๋วสัญญาใช้เงิน , อสังหาริมทรัพย์ , ทรัพ์สินทางปัญญา





=== พ่อของไมค์ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ความรู้เรื่องการเงินทำให้เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ===

“ คนที่ฉลาด ต้องรู้จักจ้างคนที่ฉลาดกว่ามาเป็นลูกจ้าง “

=== โรงเรียนมีไว้ผลิตลูกจ้างที่ดี ไม่ได้มีไว้ผลิตนายจ้าง ===

=== พ่อจนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน พ่อรวยมองว่าบ้านเป็นหนี้สิน ===

=== เครื่องวัดฐานะทางการเงินคือ ถ้าเราหยุดทำงานวันนี้ เราจะมีเงินประทังชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด ===

=== เป้าหมายชีวิตของผมคือ การมีอิสระจากภาระทางการเงินทั้งปวง ===

=== สมมติว่าผมมีทรัพย์สินที่ทำเงินได้เดือนละ 2000 เหรียญ และมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2000 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือนถึง 30 วัน ===

=== ขั้นต่อไปคือ การนำรายได้จากทรัพย์สินกลับไปลงทุนในช่องหนี้สิน เพื่อขยายขนาดช่องทรัพย์สินให้โตขึ้น ===




ตอนที่สี่ บทเรียนที่-3: เพิ่มทรัพย์สิน – ทำธุรกิจของตนเอง


เรย์ คร๊อก ผู้ก่อตั้งร้านแมคโดนัลเล่าให้นักศึกษาปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยออสติน ว่าตามแผนธุรกิจแล้วเขาขายเฟรนไชด์ของแมคโดนัล แต่มีเงื่อนไขที่ระบุถึงทำเลที่เหมาะสมด้วย ดังนั้นคนที่ซื้อเฟรนไชด์ไปจะต้องซื้อทำเลทองด้วย นั่นคือเรย์ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

=== อุปสรรค์ทางการเงินส่วนหนึ่ง มาจากการที่เรายอมทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต ===

=== ถ้าไม่เอารายได้มาซื้อทรัพย์สิน คุณก็จะยังคงไม่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่ต่อไป ===

=== รากฐานของคนชั้นกลางคือไม่กล้าเสี่ยง ทำให้ยึดติดอยู่กับเงินเดือนและงานที่ทำอย่างเหนียวแน่น เพราะที่นั่นเขารู้สึกว่า ‘ปลอดภัย’ ===

=== หลายคนไม่เคยคิดถึงข้อแตกต่างระหว่าง ‘อาชีพ’ & ‘ธุรกิจ’ ===

=== คำถาม ‘คุณทำธุรกิจอะไร’ ‘คุณทำอาชีพอะไร’ ===



ทรัพย์สินที่ผมแนะนำให้คุณสนใจไขว่คว้า & สอนลูกหลานให้รู้จัก ดังนี้

1. ธุรกิจที่ผมไม่ต้องนั่งเฝ้า เป็นเจ้าของแต่มีคนมาจัดการให้ดำเนินกิจการไปได้

2. หุ้น

3. พันธบัตร

4. กองทุนรวม

5. อสังหาริมทรัพย์

6. ตั๋วเงิน

7. ค่าลิขสิทธิ์จากเพลง จากงานแต่งหนังสือ จากงานแปล จากสิทธิบัตรต่างๆ

8. สิ่งอื่นที่มีมูลค่า สามารถสร้างรายได้หรือเพิ่มมูลค่าด้วยตัวมันเอง


=== ผมแนะนำให้คุณทำงานประจำไป แล้วค่อยๆ สร้างธุรกิจด้วยการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ใส่ลงในช่องทรัพย์สินจงอย่าให้ไหลออกมา ให้เงินนั้นทำงานให้คุณ ===

=== จงมุ่งมั่นทำงานประจำให้เต็มที่ พร้อมๆ กับสร้างช่องทรัพย์สินของคุณให้ใหญ่โตขึ้น ===

=== คนรวยซื้อความสบายทีหลัง แต่คนชั้นกลางมักซื้อความสบายก่อน ===

=== คนรวยจะสร้างช่องทรัพย์สินให้ใหญ่โตพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา แล้วจึงนำรายได้นั้นไปซื้อความสะดวกสบายอีกที ===


ตอนที่ห้า บทเรียนที่-4: ภาษี & ประโยชน์ของนิติบุคคล

=== บริษัทเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา แล้วรายจ่ายบางอย่างได้รับการยกเว้นภาษีด้วย ===

ทุกครั้งที่ผมจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ จะกล่าวถึงหลักสำคัญของไหวพริบทางการเงิน 4 อย่าง ดังนี้

1. ความรู้ทางบัญชี - อ่านงบการเงินให้เป็น

2. ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน - ศิลปะของการใช้เงินทำงาน

3. ความเข้าใจตลาด - อุปสงค์และอุปทานในตลาด

4. ความรู้เรื่องกฎหมาย

=== คนรวยที่มีบริษัท มักทำดังนี้ 1) รายได้ à 2) รายจ่าย à 3) เสียภาษี ===

=== ส่วนลูกจ้างของบริษัท มักทำดังนี้ 1) รายได้ à 2) เสียภาษี à 3) รายจ่าย



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 0:25:32 น. 4 comments
Counter : 1366 Pageviews.  

 
ขอบคุณครับ ผมก็ชอบอ่านเหมือนกัน
แต่ไม่สามารถสรุปได้แบบนี้ เยี่ยมมากครับ


โดย: ฤทธิชัย วันที่: 28 มีนาคม 2553 เวลา:21:17:24 น.  

 
ยอดเยี่ยมครับ ขอบคุณ


โดย: ประชา IP: 125.26.132.212 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:23:55 น.  

 
สุดยอด ตรงประเด็น ใช่เลย
สรุปแล้วกรูใช้ชีวิตและแนวความคิดแบบคนจน ถึงไม่รวยซะที


โดย: 111 IP: 111.84.114.42 วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:32:36 น.  

 
เยี่ยมค่ะ


โดย: pim IP: 124.122.213.152 วันที่: 10 มีนาคม 2554 เวลา:17:41:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mydreamwhite
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add mydreamwhite's blog to your web]