'*^-+...ไม่มีอะไรงดงาม เท่าความสงบสุข...+-^*'
หนทางยาวไกลทอดไปเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด มีทางแยกตัดไปมากมายชวนให้หลงทาง แล้วที่สุดปลายทางคืออะไร... มีเพียงคนไม่มากเท่าไหร่ที่เคยได้ไปและสัมผัสมัน .................................................................... ฉันเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางในครั้งนี้เหลือเกิน เป้ใบโตที่หอบมาด้วยก็ดูเหมือนไร้ประโยชน์ในบางเวลา มีแต่จะยิ่งทำให้เมื่อยล้ามากยิ่งขึ้น ... เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ฉันเลือกจะนั่งพักอยู่เฉย ๆ แม้การได้นั่งอ่อนแรงอยู่ที่ม้าหินเก่า ๆ ตัวหนึ่ง จะดูไม่ค่อยช่วยในการเติมแรงใจในการเดินทางต่อไปก็ตาม แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะนั่งเยียวยาอยู่อย่างนั้น ไม่ลุกไปไหน ฉันนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ทำให้ฉันตัดสินใจในการออกเดินทางอย่างผลีผลาม ... ชายชราแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยทักทาย และเล่าตำนานของดินแดนพิศวงแห่งหนึ่งให้ฟัง ที่นั่นมีลำธารใสชุ่มฉ่ำใจอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน มีดอกไม้ที่หวานหอมและสีสันงดงามประหลาดตา มีสายลมที่พัดเย็นไล้หน้าทำให้ลืมความท้อแท้จากการเดินทาง ภาพใบหน้าที่เขาเล่าด้วยใบหน้าอิ่มยิ้มและกรุ่นสุขยังติดตาตราตรึง จนอดไม่ได้ที่จะจินตนาการตามถึงความพิศวงของมัน และยิ่งไปว่านั้นดินแดนที่ว่านี้ยัง เติมเต็มความหวัง ความฝัน และเป็นยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตามหา ... นั่นยิ่งทำให้ฉันไม่รอช้าที่จะหอบสัมภาระหนักหนาออกเดินทาง ลองออกแสวงหาบ้างในดินแดนห่างไกล เพียงเพื่อหวังพบพานกับความรู้สึกสีชมพูอย่างนั้นแม้เพียงครั้ง... แสงแดดอ่อนยามบ่ายสาดส่องครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ เจ้าหมาน้อยหน้าด่างวิ่งเหยาะ ๆ ผ่านไป ฉันนั่งอยู่ที่ม้าหินตัวเก่าปล่อยให้ความเหงาเข้าคลุมใจ คอยเฝ้ามองดูผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ไปมา แม้ว่ามองย้อนกลับไป ฉันจะใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานและระยะทางที่ไม่คืบหน้า แต่ก็ทำให้ฉันได้รู้จักพบเจอกับนักเดินทางมากมาย... บ้างสมหวังกับสิ่งที่ตามหา กลับมาพร้อมยิ้มกริ่ม บ้างผิดหวังไม่พานพบ พลางก่นด่านิทานปรัมปราว่าไม่มีจริง บ้างพบเจอแต่หาได้ครอบครอง บ้างได้ครอบครองเพียงครู่แต่ปล่อยมันหลุดมือไป บ้างออกเดินทางครั้งใหม่ แม้หลงทางไปในครั้งแรก ๆ เป้ใบใหญ่กับสัมภาระหนักอึ้งยังวางตัวอย่างเกียจคร้านข้างกาย เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ และเพราะอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ฉันไม่อยากลุกก้าวต่อไป รู้แต่เพียงเรี่ยวแรงและกำลังใจเหือดหายไปจนสิ้น และตัวการหลักก็คงเป็นอะไรอื่นใดไปมิได้นอกจากเจ้ากระเป๋าใบโตยักษ์ที่เต็มไปด้วยสัมภาระหนักอึ้ง ฉันจึงค่อย ๆ เปิดมันออกดูอย่างพินิจพิเคราะห์ ... มีเต็นท์หลังใหญ่ที่ฉันแบกไปเพื่อหวังปักหลักเป็นเจ้าของ มีกล้องถ่ายรูปที่ต้องการบันทึกกลับมาโอ้อวดเพื่อนฝูง มีแจกันอันโตเพื่อจะเด็ดดอกไม้ที่ร่ำลือมาชื่นชม ฯลฯ ข้าวของมากมาย แต่เหมือนว่ายังขาดหายอะไรไปบางอย่าง ฉันยิ้มร่าลืมความเหน็ดเหนื่อยเสียสิ้น เก็บบรรดาสัมภาระเหล่านั้นกลับเข้าไปในเป้ใบเก่ง บอกลาม้าหินเก่า ๆ พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางอีกครั้ง ... แต่ทิศทางที่ฉันไป กลับไม่ใช่หนทางของนักเดินทางใหม่เพื่อตามหาดินแดนที่ว่า ฉันมุ่งหน้ากลับไปยังทางเดินเส้นเก่าที่จากมา การเดินทางครั้งนี้ของฉันสิ้นสุดลงแล้ว ฉันแบกของมาฟุ่มเฟือยเหลือเฟือ เพียงเพื่อหวังใช้ชีวิตอยู่อย่างผาสุกในดินแดนพิศวง หากแต่ลืมคำนึงไปว่า ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มันในการเดินทางไป และอาจไม่ได้ใช้เพราะฉันยังเดินทางไปไม่ถึง ถ้าฉันโยนสิ่งไร้ประโยชน์บางอย่างออกบ้าง และคงไว้เพียงบางสิ่ง บางทีการเดินทางไปสู่ดินแดนในฝันคงจะง่ายและรวดเร็วกว่านี้อีกมาก วันนี้ฉันยังเขลาและรีบด่วนเกินไปนัก ... ฉันต้องกลับไปเอาของเหล่านั้นออก และจัดกระเป๋าใหม่ แม้ตัวฉันเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ถึงความสงสัยในรอยยิ้มสีชมพูของชายชรานั้น ว่ามันคืออะไร ... อาจต้องปล่อยให้มันเป็นดินแดนปริศนาไปสักพัก จนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฉันจะพร้อม อาจต้องรอให้ความเมื่อยล้าจากการหอบของหนักในครั้งนี้จางหายลงไป และอาจต้องรอให้ความผิดหวังจากการเดินทางครั้งแรกเยียวยาตัวเองได้แล้วกระมัง จึงจะพร้อมหอบเป้ออกเดินทางตามหาดินแดนพิศวงนั้นอีกครั้ง ... ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกัน แต่คราวหน้า ฉันจะพกพาเพียงความเชื่อมั่น...ว่าฉันจะไปให้ถึง ไม่ว่าดินแดนพิศวงในนิทานแห่งจินตนาการนั้นจะมีจริงหรือไม่ ก็จะยังคงมีนักเดินทางชุดใหม่ออกแสวงหาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และมีนักเดินทางชุดเก่าเดินย้อนมาพร้อมหอบความสมหวังและผิดหวังกลับมาเสมอ ส่วนดินแดนปริศนาแห่งนั้นจะสวยงามหรือไม่ เพียงใด เหมือนในจินตนาการหรือแตกต่างออกไป คงต้องตั้งหน้าตั้งตาเป็นนักเดินทางตามหาเอาเอง และต่างก็ต้องแสวงหาคำตอบของตัวเองตามใจปรารถนา... ......................................................................หนทางยาวไกลทอดไปเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด มีทางแยกตัดไปมากมายชวนให้หลงทาง ไม่ว่าที่สุดปลายทางจะเป็นอะไร และอาจมีเพียงคนไม่มากเท่าไหร่ที่เคยได้ไปและสัมผัสมัน แต่ฉันจะเป็นคนหนึ่งที่เดินทางไปในสักวัน ที่ดินแดนแห่งนั้น ... ดินแดนแห่งความรัก ความรัก ...หาใช่ การครอบครอง ไล่คว้า ความรัก ...หาใช่ความหวือหวา กระโจนใส่ ความรัก ไม่ได้มีไว้ตอบสนองอารมณ์ใด ...หากแต่มีให้แก่ผู้รู้ค่ามัน...*เขียนไว้เมื่อ มกราคม 2550
ไม่มีกฎห้ามถอยหลังสำหรับนักเดินทาง หากว่าการถอยกลับมานั้น เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้พยายามฟันฝ่าอย่างเต็มกำลัง เต็มวิญญาณแล้ว
กำลังใจ... คือเสบียงกรังที่ไม่มีวันหมดของคนเดินทาง อาจมีบ้างที่กำลังใจถูกบั่นทอนลดระดับลง แต่จะกลับเพิ่มขึ้นมาดังเดิมด้วยวิญญาณสู้ที่แท้จริง