ขอวิพากย์+วิจารณ์สักหน่อยเถอะนะคนเรา...
เออนะ เหมือนจะกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่เจ้ามะกอกช่อจะมาบ่นผ่านบล็อกของตัวเอง แต่มันอดไม่ได้นี่น่า ถือมาแลกเปลี่ยนทัศนคติกับเพื่อนๆ ไปในตัวด้วย
..ไม่รู้ว่าใครมีความคิดเห็นเรื่องการใช้อภิสิทธิ์ที่ตนเองพึงได้พึงมีกันอย่างไรบ้าง..
คือเดิมทีตัวเองก็ไม่ค่อยจะมีความเห็นในเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่นักหรอก เพราะโดยส่วนตัวก็จะไม่ค่อยคิดอะไรมาก แต่พอมาเจอกับตัวเอง มันก็อดไม่ได้ที่จะมานั่งคิดล่ะนะว่า คนเราพอมีโอกาสที่จะทำอะไรนอกกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งกันไว้ได้ ก็จะทำทันทีโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น ไม่คำนึงถึงมารยาทและความเกรงใจ รวมไปถึงไม่มีความเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง คิดแต่ก็เพียงว่า "ก็มันเป็นสิทธิ์ของฉัน เป็นโอกาสของฉัน ฉันสมควรจะได้แบบนี้ ฉันก็ต้องให้ได้ตามใจฉันสิ"
ทำไมถึงเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาพูดนะหรือ.. ก็ในกระบวนการทำงานที่ตนเองได้เข้าไปมีส่วนร่วมน่ะสิ..
ความที่ยังใหม่ต่อสถานที่ทำงาน รวมทั้งยังเด็กกับการทำงานเสียด้วยซ้ำ บางทีก็ยังงงๆ สับสนจะหยิบจับทำอะไรมันก็ไม่คล่องแคล่วว่องไงอย่างที่พี่ๆ คนอื่นเขาเป็นกัน ตอนที่พี่เขาบอกเราว่ากระบวนการจ่ายยาของในรพ.เป็นอย่างงี้นะ อย่างงั้นนะ เราก็ฟังแล้วก็เรียนรู้และก็ปฏิบัติตามที่เข้าใจ หน้าที่หลักที่สำคัญของเราซึ่งอยู่ในฐานะเภสัชกรโรงพยาบาลก็คือ เช็คและส่งมอบยา(จ่ายยา)ให้กับผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่มานั่งรอยา โดยตอนนี้ที่ทำก็คือ หน่วยงานของผู้ป่วยนอก ซึ่งหมายถึงผู้ป่วยที่รอรับยากลับบ้านไม่ได้นอนรพ.
และในการนั่งรอยาของผู้ป่วย เราจะทำอย่างไรล่ะที่จะมีกฏระเบียบ ทำอย่างไรให้การทำงานมีระบบ ..นั่นก็คือ การทำบัตรคิวในการรับยา ผู้ที่ผ่านการตรวจเสร็จแล้ว ก็จะได้หมายเลขคิวมาเตรียมรอยา จ่ายค่ายา ค่ารักษา ก็ว่ากันไป ซึ่งคนที่ตรวจเสร็จก่อนก็สมควรมีหมายเลขรับยา หรือคิวรับยาก่อนคนอื่น.. จริงหรือไม่.. คนที่ยังไม่ถึงคิวตัวเองก็ต้องนั่งรอนานกว่าคนที่ถึงคิวอยู่แล้ว พวกเภสัชกรในห้องยาเองก็แบ่งให้กลุ่มนึงมีหน้าที่เช็คยา ตรวจสอบความถูกต้องของยาที่ผู้ป่วยจะได้รับ อีกกลุ่มนึงมีหน้าที่จ่ายยา อธิบายการใช้ยาให้กับผู้ป่วย ซึ่งนอกจากจะมีเป็นการแบ่งงานกันทำซึ่งก็ช่วยให้กระบวนการจัดการเร็วขึ้นแล้ว ยังถือว่าเป็นการช่วยดับเบิ้ลเช็ค หรือตรวจสอบซ้ำ โอกาสที่ผู้ป่วยจะได้รับยาที่ผิดพลาดก็ย่อมลดลงกว่ามีคนตรวจสอบแค่คนเดียวและจ่ายยาให้เลย
ก็ดูเหมือนจะฟังดูดีและก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรใช่ไหม.. ก็ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกระบวนการเช่นนี้ มันก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วล่ะ แต่นี้มันไม่ใช่แบบนั้นนะสิ
ตัวผู้ป่วยที่มารอยานานๆ เราก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าเขาคงมีที่จะหงุดหงิดหัวเสีย เพราะถ้าเป็นเราเอง เราก็เป็น แต่อย่างไรซะ โรงพยาบาลของรัฐ เราก็รู้อยู่แล้วว่ามีผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ในขณะที่คนมาให้บริการมีไม่เพียงพอ ความใจเย็นและเห็นอกเห็นใจคนอื่นเท่านั้นที่จะช่วยลดความรู้สึกตรงนี้ได้ เราเองในฐานะผู้ให้บริการก็ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด
และนี่ก็เป็นความตั้งใจที่จะทำให้ได้ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ..ซึ่งหลายวันที่ผ่านมา เราก็ทำได้ และคิดว่าทำดีที่สุดแล้วด้วย แม้จะเหนื่อยแต่พอคิดไปว่าเป็นสิ่งที่เราควรทำ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ ต่อให้เหนื่อย พักซะก็หาย บ่นๆ ให้คลายความเครียดก็พอช่วยได้บ้าง(อันนี้ทำอยู่เลยเนี่ย) หิวเหรอ กินข้าวช้าลงเหรอ ไม่เป็นไรน่า ทนได้ ผู้ป่วยบางคนมารอตรวจ รอยาตั้งแต่เช้า เขายังทนได้เลย เราเองเป็นคนสุขภาพดีกว่า สบายกายกว่า (ซึ่งอาจจะลดลงไปเยอะ เพราะมาสัมผัสกับความเสียงในการได้รับเชื้อมากขึ้นทุกวันนี่แหละ) ทำไมจะทนไม่ได้ ..และเพราะคิดแบบนี้ เราก็ทำงานด้วยความสบายใจ ถ้าไม่เกิดความรู้สึกว่า ทำไมบางคนต้องเอาเปรียบคนอื่นด้วยนะ..
อืม..หากคุณเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในรพ.เองคงไม่แปลกที่รู้สึกว่า ฉันควรจะมีสิทธิ์ได้รับการบริการก่อนคนอื่นสิ ฉันไม่ควรจะต้องมานั่งต่อแถวรอยา เพราะมันเป็นเวลาราชการ ฉันก็ต้องไปทำงานของฉัน จะมาให้ฉันเสียเวลาเหรอไงนะ.. ซึ่งก็เลยกลายเป็นว่า หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่รพ.เองไม่มาเข้าแถวรอยาตามคิวเช่นคนอื่นๆ ไม่ฝากคนในห้องยามารับเอง ก็เดินมาสะกิดยื่นใบส่งยา ขอให้เช็คยา และจ่ายยาให้เขาก่อน บางคนก็มารับยาแทนญาติที่มาตรวจ ไม่อยากให้ญาติตัวเองต้องรอยานานๆ แบบคนอื่น ..จะด้วยเหตุผลว่าเพราะเขาไม่สบายมากอยากให้รีบกลับไปพัก หรือติดธุระต้องรีบไปทำอย่างไรก็ตาม.. มันก็ทำให้เราเองรู้สึกว่า ทำไมนะ.. ทำไมไม่เห็นใจคนอื่นที่ก็ต้องมานั่งรออยู่ก่อนหน้าคุณบ้างล่ะ คุณมาให้เราลัดคิวให้ ระบบเราก็เสีย เพราะก็อย่างที่เล่าไปตอนแรก ต้องมีคนตรวจเช็คยาก่อนที่จะส่งยาออกไปให้อีกคนจ่าย ซึ่งจะอยู่หน้าห้องยาอีกที พอพวกเจ้าหน้าที่มาให้เช็คยาให้ก่อน คนเช็คก็ต้องส่งให้อีกคนเช็คและจ่ายยาให้ เป็นการเสียเวลาคนที่มีหน้าที่เช็คในเวลานั้นไปอีกหนึ่งขั้นตอน คนไข้รอยาหน้าห้องน้อยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ รอมากๆ นี่สิ.. เฮ้อ.. ขนาดว่าเคยมีการขอร้องกันว่า ถ้าคนไข้รอยาเยอะมาก จะให้เจ้าหน้าที่มารับยาตอนบ่าย ไม่ก็ต้องรอเข้าคิวตามแบบคนอื่นๆ บางคนยังไม่ยอมทำดีๆ เลย นี่แอบเห็นป้ายเขียนว่า "งดบริการเจ้าหน้าที่ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากคนไข้รอยาหน้าห้องยาเป็นจำนวนมาก ให้มารับยาตอนบ่ายหรือไม่ก็เข้าแถวรับยาที่หน้าห้องยา" มะกอกช่อเห็นแล้วนึกอยากให้เขามาวางไว้ตลอดเวลาการทำการจัง อยากรู้นักว่ายังจะมีใครกล้าใช้อภิสิทธิ์(ที่คิดกันเองว่ามี) กันอีกหรือเปล่านะ.. เหอๆๆ
นี่ยังไม่ได้เข้าเรื่องที่ต้องการจะบ่นจริงๆ นะ เป็นแค่เกริ่นนำเท่านั้นเอง ..ก็แบบเจอมาอย่างข้างต้น ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ตัวเองเจอ เป็นพี่เภสัชฯ คนอื่น แล้วก็มาเล่าให้เราฟัง หรือบางครั้งเราก็เห็นเอง หลายคนเขาก็ไม่พอใจ แต่พูดอะไรไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีเรื่องกับเพื่อนร่วมที่ทำงานเดียวกันไป จะพาลเสียงานอื่นๆ กันต่อไปได้อีก มันเหมือนน้ำท่วมปากที่ทำให้พูดกันไม่ออก จนกลายเป็นสิ่งที่มองข้ามกันไปแล้ว แต่พอมาวันนี้เอง เจอกับตัวเองบ้าง ก็ให้อึ้งและอดที่จะหัวเสียขึ้นมาช่วงหนึ่งไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะตัวเองทั้งเหนื่อยทั้งหิว รวมทั้งเพลียๆ จากการอดนอนของคืนก่อนด้วยล่ะ ยิ่งให้เกิดความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก(เดี๋ยวนี้เจ้านี้เป็นบ่อยไปป่าวแฮะ) ก็นั่นแหละ พอเรามาเป็นคนเช็คยาหลังจากที่ผลัดกับพี่ๆ เขาไปจ่ายยารอบหนึ่งจนกระทั่งเจ็บคอ เสียงหาย ก็เวลาเที่ยงกว่าแล้ว แต่งานเช็คยังไม่เสร็จก็ต้องทำกันไปอยู่นั้น พอมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมาเร่งยาของเขา(ให้ญาติ)ซึ่งดูจากหมายเลยที่ระบุคิว ยาที่ตัวเองจะเช็คออกไปเพื่อรอจ่ายด้านหน้า ยังคิวก่อนหน้าตั้งสองร้อยกว่าคิว แต่คุณเจ้าหน้าที่คนนั้นมาเร่งให้เช็คให้จ่ายของตัวให้ก่อน แถมมายืนไซโคเร่งทางด้านหลังเราบอกว่าคิว...นี้ได้ยังๆ ไอ้เราก็หงุดหงิด ก็บอกแล้วว่าคนจัดยังจัดยาอยู่ไม่เสร็จ ไหนก็ต้องมานั่งรอเช็คยาก่อนอีก จะรอกันสองสามนาที มันจะเสียเวลามากแค่ไหนกัน อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าคนไข้ที่คิวก่อนหน้าเขาซึ่งนั่งรออยู่นานกว่านี่มาได้ยินว่าเขาที่คิวช้ากว่าขนาดนั้นได้ยาไปก่อน คนไข้คนนั้นจะรู้สึกอย่างไร ..แถมอาทิตย์ก่อนยังมีคุณหมอบางคนที่มารอรับยาแบบไม่ถืออภิสิทธิ์ดังกล่าว มานั่งเนียนๆ รอยา ทำอย่างกับเขาเป็นแค่คนไข้ทั่วไป ทั้งๆ ที่คนในห้องยาเกือบทุกคน(ยกเว้นเราเอง เพราะเพิ่งมาทำงานไม่รู้จักหมอเท่าไหร่ ถ้าพี่ไม่บอกให้ฟัง) ก็รู้ว่าเขาเป็นหมอ ..อดจะชื่นชมจนกระทั่งทุกวันนี้ไม่ได้ พอมาเปรียบกับเจ้าหน้าที่คนที่เจอวันนี้แล้วก็รู้สึกได้แหละว่า ทุกอย่าง มันอยู่ที่น้ำใจและสำนึกของแต่ละคนจริงๆ
ถ้าคนเราทุกคนมีน้ำใจ มีความเกรงใจ ให้เกียรติ(ในความเป็นมนุษย์)ซึ่งกันและกัน รวมทั้งเห็นอกเห็นใจกัน เหตุการณ์เอารัดเอาเปรียบกันในสังคมคงไม่เกิดขึ้น เรื่องขัดแย้งก็คงลดน้อยลงจนกระทั่งไม่มีเป็นแน่.. ก็คงได้แต่หวังว่าสักวัน วันเวลาเล่านั้นจะมาถึงให้เราได้ชื่นชม ไม่ต้องออกเป็นกฏข้อบังคับที่ดูรุนแรงและ"จำต้อง"ทำ ไม่ใช่"เต็มใจ"ทำกันล่ะนะ
ไม่รู้ว่าใครอ่านกันแล้วจะรู้สึกอย่างไร อย่าคิดว่าเจ้ามะกอกช่อมาบ่นอะไรให้ฟังเลยนะ อยากให้เห็นมุมมองอะไรบางอย่าง ถือว่าเอาประสบการณ์ตรงมาถ่ายทอดให้ฟัง หากเรื่องราวดังกล่าวไปกระทบหรือสร้างความไม่พอใจแก่ใคร ก็คงต้องขออภัยกันมา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ได้จะว่าใคร เพียงแต่มาเล่าให้ฟังก็เท่านั้น
ขอบคุณล่วงหน้าที่อ่านกันมาจนจบค่ะ ^ ^
Create Date : 04 พฤษภาคม 2549 |
|
15 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2549 2:11:20 น. |
Counter : 441 Pageviews. |
|
|
|
เรื่องอภิสิทธืนี่ก้อพูดยากนะ ตัวแพรเองก็เอาสั่งยาไปยื่นไว้ก่อน แล้วเย็นๆค่อยไปเอายา เพราะถือว่าไม่ได้กินยาไปมื้อ 2 มื้อ อาการของโรคมันก็ไม่ได้ดีขึ้นทันตาขนาดหรอก
แต่คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะเอาใบสั่งยาไปปล่อยก่อน เด๋วเย็นๆค่อยมาเอาก้อน่าจะได้นี่น่า เพราะตัวเองก้อต้องอยู่จนเย็น จะมาเร่งอะไรกันนักหนา บอกไว้เลยว่าไม่ได้กินยามื้อ 2 มื้อ โรคมันไม่ progress หรอกน่า
พูดตรงๆคือคนไข้ส่วนใหญ่ ที่เป็นตาสีตาสามักไม่มีปากมีเสียงหรอก เลยต้องรับค.ซวยไป อีกอย่างคนไข้อะมารอหมอตั้งแต่เช้า บางคนมายื่นบัตรรอตั้งกะตี 5 กว่าจะได้ตรวจก็ประมาณเที่ยง เพราะมีญาติโกโหติกาใครไม่รู้มาแซงคิวเรื่อยๆ เห็นแล้วอนาถใจจริงๆ ไม่คิดถึงใจเขาใจเราบ้างเลย