กลับมาจากบินแล้ว คราวนี้บินแป๊ปเดียว ไปแค่ นาริตะ กับ บริสเบน ห้าวันเอง แต่กลับมาก็มี Holiday นิดเดียวเหมือนกัน เดี๋ยววันที่ 4 Nov ก็ต้องไปบินอีกละ คราวนี้ไปสิบวัน เหอๆๆ นานก็บ่น สั้นก็บ่น จะเอาไงกับชีวิตดี
ไปบินคราวนี้ ไม่มีเพื่อนเลย แต่พี่ใจดีทุกๆคน เจอเพื่อนพี่ส้ม กับ พี่เบิรด์ รุ่น 85 ฮิฮิ พี่สองคนนี้เป็นเพื่อนกับพี่โอ๋ เจ้าของ Diary ที่หลินชอบมาก แอบปลื้มพี่เค้า พี่ส้มกับพี่เบิร์ด น่ารักมากๆ แต่บินด้วยกันแค่ 2 leg เอง แถมพี่เค้าต้องอ่านหนังสือ เตรียมตัว สอบ Ditching กัน ก็เลยไม่ค่อยจะได้ไปไหนด้วยกันเท่าไหร่ แอบเสียดายแต่ไม่เป็นไรไว้คราวหน้า อิอิอิ .....
กลับมาเรื่องที่ หลิน อยากจะเล่าให้ฟังบ้าง กลับมาคราวนี้ มีเรื่องที่ทำให้หลินประหลาดใจ เมื่อเช้าวันต่อมาหลังจากที่หลินกลับมาถึงบ้าน หลินตื่นขึ้นมา และสังเกตว่าหน้าตาม่าม๊า ดูไม่สดใส เหมือนเช่นเคย ถามไปถามมาได้ความว่า มีคนที่บ้านโทรมาบอกว่า อาอี๊ กินน้ำยาล้างห้องน้ำ ฆ่าตัวตาย@@@@ หลินได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเหมือนกัน เห็นแต่ในทีวี ที่คนเครียด แล้วคิด ฆ่าตัวตาย ไม่เคยคิดว่า จะมาเป็น คนในครอบครัวตัวเอง อืม..... หลินไม่ได้คิดจะเอาเรื่องคนในครอบครัวมาเล่าให้คนภายนอกฟัง แต่หลินก็อยากให้เรื่องราวของอาอี๊หลิน เป็นสิ่งทีเตือนใจของใครอีกหลายๆคน ถึงแม้หลินจะไม่สนิทกับอาอี๊มาก แต่ก็ได้ยินเรื่องราวของ อาอี๊ มาบ้าง อาอี๊แต่งงานเมื่อสิบปีที่แล้ว และสามี อาอี๊ก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เมื่อวันครบรอบแต่งงานหนึ่งปี หลังจากนั้นอาอี๊ก็ทำโรงงานน้ำ (ผลิตน้ำขวดขุ่นๆ ขาย) อาอี๊ทำกิจการมาคนเดียว ถึงแม้ว่าจะมีคนมาจีบอาอี๊ก็ไม่ยอมแต่งงานมาใหม่ซะที และเมื่อหลายปีที่แล้วอาอี๊ก็ถูกโกงเงิน เพราะคนในครอบครัวเดียวกัน และหนีไป ทิ้งภาระ หนี้สินไว้มากมาย เพราะ ความไว้ใจว่าเป็นพี่สาว และ พี่เขย (เงินไม่เข้าใครออก ใครเลยจริง) อาอี๊สู้ชีวิตมาก พยายามรักษาโรงงานน้ำนี้ไว้ เพราะเป็นน้ำพัก น้ำแรง ที่ร่วมสร้างกันมากับสามี ถึงแม้หนี้สินมากมาย ต้องไปกู้นอกระบบ มาหมุนกิจการ พี่น้องก็แนะนำให้ขายซะ แต่ก็อาอี๊ก็ไม่ยอม และแล้วเมื่อวันที่หันไปพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ ความเครียดรุมเร้า และทิฐิ จึงทำให้อาอี๊ คิดฆ่าตัวตาย น้ำยาตราเป็ด (ไม่ได้ค่า โฆษณา แต่อย่างใด) ที่เค้าเอาไว้ล้างห้องน้ำ พลังกัด ล้างคราบสกปรก เกินพิกัด เมื่อกินเข้าไป ..... ก็ไม่อยากสาธยายถึง หลอดอาหาร กระเพาะ และระบบภายในต่างๆ ที่ถูกทำลาย ขนาดคราบสกปรก ยังโดนกัด ขนาดนั้น ไม่ต้องคิดถึง เนื้อเยื่อ เนื้อของคนจริงๆ เลยว่าจะเป็นยังไง อาอี๊อาเจียน เป็นฟอง เป็นเลือด เหอๆๆ หลินจินตนการภาพเหมือนในหนังอะ เพราะไม่ได้เห็นเอง แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟัง หลังจากที่อาอี๊ถูกพาไปส่งโรงพยาบาล ก็ถูกย้ายโรงพยาบาล แล้วโรงพยาบลาอีก เพราะ โรงพยาบาลไม่ยอมรักษา เพราะกลัวว่าไม่มีตังจะจ่าย สั่งย้ายไปโรงพยาบาลที่อาอี๊มีบัตรสามสิบบาท คนกำลังจะตายน้า ... ทำไมระบบของคนไทยมันเป็นแบบนี้น้า กว่าจะได้รับการรักษาก็เล่นนานเอาสามสี่ชั่วโมง คุณหมอบอกว่า ดีที่กินเข้าไปไม่เยอะ เลยไม่ถึงชีวิต แต่จะให้ล้างท้อง หรือ ทำให้อาเจียนออกมาก็ไม่ได้ เพราะน้ำยาจะไปกัดส่วนอื่นของร่างกายหมด เหอๆๆ คิดแล้วน่ากลัว ทุกคนต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่กล้าบอกให้อาผ่อ (ยาย ภาษากวางตุ้ง) รู้เพราะกลัวว่าจะไปทำร้ายจิตใจ และไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดตรงไหน น่าสงสารคนแก่เนอะ มาม๊าบอกว่าอาอี๊ไว้ใจคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัว และเพราะทิฐิจึงไม่ยอมหันมาพึ่งคนในครอบครัว แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา คนเหล่านั้นก็มีแต่จะหายหน้าหลบหนีความผิดกันหมด ทิ้งปัญหามากมายให้พี่น้อง ต้องแก้ไข โชคดีที่อาอี๊ปลอดภัยแล้ว แต่สภาพจิตใจก็ย่ำแย่มากพอดี เพราะในจะทำร้ายตัวเองแล้ว ยังทำร้ายคนที่ตัวเองรัก และสร้างความเดือดร้อนมากมายอีก หมอบอกว่าคนเราคิดฆ่าตัวตายมันไม่มีเหตุผลหรอก ตัดสินใจที่จะทำแล้ว จะตายไม่ตายก็มีเวลาแค่สามวินาที ฟังแล้วน่ากลัวเนอะกว่าจะเป็นคนได้ก็แสนลำบากแล้ว ทำไมถึงไม่รักตัวเองกันซะบ้างเลย จริงๆ แล้วเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวข้อง กับเรื่องที่เคยเขียนมาเลย แต่หลินอยากมาเล่าให้เป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ สำหรับคนทุกคน ทุกสาขาอาชีพ เพราะ ถึงแม้ว่าวันนี้ เราจะมีเงิน มีทองใช้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เรามีพอเก็บ สำหรับยามทุกข์ยากไม๊ แล้วเวลาที่เราลำบากจะมีใครซะกี่คน ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเรา ยังไงก็ขอให้ทุกคนที่แวะมาเยี่ยมเยียน ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า มีความสุขกับปัจจุบัน และ วางแผนสำหรับอนาคตด้วยนะค่ะ ปล. จะไปบินแล้วอีกสิบวันกลับมานะค่ะ คราวนี้ไปบิน group ครั้งแรก เพิ่งรู้ว่าพี่แบด เจ้าของ blog ที่หลินชื่นชอบ เป็นพี กลุ่มเดียวกับหลิน ดีใจจังเลย เย้ๆๆๆ แล้วเจอกันเร็วๆ นี้นะค่ะ
ปล. คิดถึงหลินเหมือนกันนะ ภาวนาขอให้ได้บินด้วยกันเถิดดด