อย่างที่บอกไว้ว่าช่วงนี้ Six month Check แอบเครียด Six month Check มันเหมือนเป็นเครื่องกระตุ้นความทรงจำว่า นี่แก นี่แก แกเป็น แอร์มา หกเดือน แล้วนะ (จริงของหลินเจ็ดเดือนแล้ว แต่เนื่องจาก รุ่นก่อนหน้า Check late เลยส่งผลบุญให้รุ่นอื่นๆ Late ลงมา แต่ผลบุญอันนั้นก็ไม่ได้ส่งให้อิชั้น ได้อ่านหนังสือเร็วขึ้นเลย) เอาเป็นว่าจะมาเล่าให้ฟัง สำหรับรุ่นน้องๆ และคนที่อยากรู้ว่า เค้า Six กันยังไง ชั้นจะ Sick ก่อนไม่นะ
วันนี้ตื่นแต่เช้า มาอ่านหนังสือ แต่อารมณ์ขี้เกียจเข้าสิง อยากจะอัพ Blog ซะงั้น ไอ้ตอนมีเวลาไม่รู้จักมาอัพ ไอ้ตอนต้องอ่านหนังสือกลับอยากอัพ 555 คนเราน้า....
สิ่งที่หลินจะเล่าต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ ที่หลินได้จากการทำงานในอาชีพนี้ เป็นประสบการณ์ที่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส เป็นประสบการณ์สยอง ที่น่าจดจำ
เพื่อนๆทราบไม๊ว่าบนเครื่อง ออกซิเจน จะน้อยกว่าบนพื้นดินเยอะมากๆ ในพื้นที่แคบๆในเครื่องและคนหลายร้อยคนต้องแย่งอากาศกันหายใจแบบนั้น ย่อมทำให้คนที่ไม่แข็งแรง เช่น เด็ก คนป่วย คนเมา คนชรา ฯลฯ สู้ไม่ไหว หลายๆคนเห็นคนเป็นลมอาจตื่นเต้น แต่สำหรับอาชีพพวกเราแล้วมันดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ขี้ปะติว เห็นจนชิน ที่ผู้โดยอยู่ดีก็ตาเหลือกล้มพับไป เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องเล็กๆ เมื่อเทียบกับ การที่ผู้โดยช๊อค และหัวใจวายบนเครื่อง....
แน่นอนว่าบนเครื่องจะต้องมีการเตรียมพร้อมเรื่องการรักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว เรามีตั้งแต่- กระเป๋าปฐมพยายามบาลเบื้องต้น สำหรับผู้โดยที่ปวดหัว ตัวร้อน เมาเครื่อง แต่การให้ยาผู้โดย เราไม่สามารถให้เองทันที ต้องให้ผู้โดยเลือกยา อ่านฉลากยาเอง เพราะหากเกิดการแพ้ยาอะไรขึ้นมา อีแอร์จะซวยได้นะเจ้าค่ะ เรื่องชีวิตคนมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนนัก - มีถังออกซิเจน ที่ใช้ในกรณีผู้โดยหายใจไม่ทัน และหมดสติไป - มี AED อันนี้เป็นเครื่องพระเอกของเรา มันย่อมาจาก Automated External Defibrillator แปลเป็นภาษาบ้านๆ ก็คือ เครื่องช๊อตหัวใจ ใช้เวลาคนหัวใจหยุดเต้น นอกจากนี้เรายังมีกระเป๋าที่ใส่เครื่องมือของคุณหมอ ซึ่งคุณหมอเท่านั้นที่ใช้ได้อีก ทางสายการบินของเราเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อเตรียมไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่หลินบินมา หลินเห็นเหตุการณ์ที่เกือบใช้ AED และใช้ AED ทั้งหมดสองครั้ง แต่ละครั้งสร้างความตื่นเต้น และทำให้เรารู้ว่าชีวิตคนเรามันช่างง่ายที่จะจากไป อย่างไม่มีวันกลับครั้งแรกเมื่อหลินเพิ่งเริ่มบินเป็นแอร์ตัวจริงอยู่ไม่นาน วันนั้นหลินเป็นคนครัวอยู่หางเครื่องตามปกติ หลังจากService ทุกอย่างเสร็จสิ้น ผู้โดยกำลังจะหลับ ไฟ cabin ปิดลงเพื่อให้ผู้โดยได้พักผ่อน หลินก็ได้ยินเสียง All Call มันเป็นเสียงโทรศัพท์ที่จะดังพร้อมๆกันทั้งลำ ไว้ใช้สื่อสารกันบนเครื่อง และได้ทราบว่ามีผู้โดยผู้หญิงจาก Upper Deck (ชั้นสองของเครื่อง) หายใจไม่ได้ สามีอุ้มเธอลงมา วันนั้นเป็น ไฟท์ที่ไป ฮาวาย เป็นไฟท์กลางคืน ดีที่จากบันไดชั้นสองลงมา มันเป็นช่วงระหว่าง Bussiness Class และ Economic Class ดังนั้นคนไม่พลุกพล่าน จากที่หลินเห็นผู้หญิงญี่ปุ่นคนนี้ หายใจไม่ทัน อาการเหมือนเหนื่อยหอบ คิดภาพตามเสียงจะคล้ายหนังเรท X ไม่รู้จะอธิบายยังไง ตอนนั้นหลินตกใจมากเพราะยังไม่เคยเห็น พี่ๆวิ่งเอา AED และอุปกรณ์ทุกอย่างมาอย่างรวดเร็ว และประกาศหาหมอ การหาหมอบนเครื่องเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เพราะถึงแม้ว่าเราจะได้รับการฝึกมา แต่ก็ใช่ว่าเราจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี ในมี่สุดก็มีหมอแก่ๆมาปรากฏตัว พี่คนหนึ่งเป็นนางพยาบาลก็ถามหมอว่าพี่: ต้องการใช้หูฟังไม๊ค่ะ (ภาษาญี่ปุ่น)หมอ: ไม่เป็นไรว่าแล้วก็แก้เสื้อผู้หญิง จนเห็นหน้าอก (คุณผู้หญิงค่ะอย่าไปเป็นอะไรบนเครื่องบิน เลยนะค่ะ เหอๆๆ ถ้าไม่อยากให้ใครเห็นของของคุณ 55 ) แต่ขอยอมรับค่ะว่าผิวเค้าเนียนจริงๆ ขาว และเป็นสีชมพู เหอๆๆ ขนาดเรายังมองเลยอะ ขณะที่พวกเรากำลังชื่นชมผิวของคุณญี่ปุ่นคนนี้ คุณหมอแก่ๆ คนนี้ก็ได้ก้มหน้า ลงไปฟังเสียงหัวใจ ด้วยที่...ขอโทษนะค่ะ หัวนมสีชมพูอันนั้น ยัดใส่รูหูคุณหมดได้พอดี (ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ) เอออ..... "มันเป็นหมอจริงป่าววะ" ทุกคนเริ่มคิด แต่เสียงหอบของคุณผู้หญิงก็ทำให้เรา ต้องไว้ใจคุณหมอคนนั้น และในที่สุดคุณหมอก็บอกว่า หายใจอ่อนมาก ไม่ได้ยินเสียงเลยพี่: ต้องการใช้หูฟังไม๊ค่ะ (ภาษาญี่ปุ่น)หมอ: ไม่เป็นไร ว่าแล้วก็ดึงกางเกง ผู้หญิงเจ้าของเรื่องลงมา โอ้ๆๆๆๆๆๆ พระเจ้า เห็นค่ะ เห็น ว่าแล้วคุณหมอก็จับหาชีพจรตรงช่วงสะโพกที่ต่ำลงมาหน่อย หน่อยจนเกือบถึง...... และผู้หญิงคนนั้นก็ดีขึ้น ทันที สร้างความงงให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก และกลายเป็นเรื่องเมาท์กันสนุกสนานของพวกเราไป ครั้งนั้นเป็นความตื่นเต้นผสม ฮา และเนื่องจากเรายังไม่ได้ใช้ AED แค่เกือบจะใช้ ทำให้หลินยังไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน และความฮาทำให้หลินลืมคิดถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านั้นที่จะเกิดขึ้น เหอๆๆ โดยเฉพาะที่หลินเพิ่งบินผ่านมา เป็นประสบการณ์ช่วยชีวิตผู้โดย ที่สอนให้หลินรู้ว่า คนทีกำลังจะตายจริงๆ มันน่ากลัวขนาดไหน และอาชีพเรามีความสำคัญขนาดไหน
ครั้งนั้นเป็นความตื่นเต้นผสม ฮา และเนื่องจากเรายังไม่ได้ใช้ AED แค่เกือบจะใช้ ทำให้หลินยังไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน และความฮาทำให้หลินลืมคิดถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านั้นที่จะเกิดขึ้น เหอๆๆ โดยเฉพาะที่หลินเพิ่งบินผ่านมา เป็นประสบการณ์ช่วยชีวิตผู้โดย ที่สอนให้หลินรู้ว่า คนทีกำลังจะตายจริงๆ มันน่ากลัวขนาดไหน และอาชีพเรามีความสำคัญขนาดไหน