Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 

นี่แหละ...เพื่อน

 

 

 

 

 

เราไม่ได้ฟังเพลงแล้วร้องไห้แบบนี้มาสักพักแล้ว

เหมือนยิ่งเติบโต ยิ่งผ่านประสบการณ์ทั้งดีและร้ายจนอายุขนาดนี้แล้ว เรื่องที่ผ่านตา ความรู้สึกที่ผ่านหัวใจมันก็ดูจะกลายเป็นแค่สายลมจางๆให้พอรับรู้แต่ไม่รู้สึก

มันคือความเข้มแข็งของหัวใจ ไม่ก็คือหัวใจเรานั้นกร้านและแกร่งจนไม่รู้สึกรู้สาเท่าไรกับเรื่องราวเลวร้ายที่พบเจออีกแล้ว

เพราะแบบนั้น...เวลาที่ฟังเพลง กับเนื้อเพลงและเสียงร้องจนกระทบความรู้สึกก็ดูจะลดน้อยลงเรื่อยๆ

ความรู้สึกที่ว่าแล้วทุกอย่างมันก็จะผ่านไปได้เอง  ไม่มีเรื่องเลวร้ายแค่ไหนที่จะไม่มีวันพรุ่งนี้  เพราะแบบนั้น...ความรู้สึกที่ให้กับเสียงเพลง ความดื่มด่ำไปกับเนื้อหาโดนใจก็ลดลงตามย่างก้าวที่เดินผ่าน

 

เราคนที่ตอนยังเยาว์และไร้เดียงสาเคยร้องไห้แทบเป็นแทบตายแค่นั่งฟังเพลงลาจากในวันต้องบอกลาเพื่อนเพื่อแยกย้ายกันไป  

กับน้ำตาที่ไหลรินเพราะเพลงที่มันตรงเหลือเกินกับหัวใจที่เจ็บปวด กับความทุกข์ที่พบเจอในเส้นทางกาลเวลา

ความรู้สึกแบบนั้น พอลองมองย้อนกลับไปก็กลายเป็นแค่ความทรงจำสีจางๆจนเกิดเป็นรอยยิ้มเยาะให้กับความเขลาในเยาว์วัยของตัวเองด้วยซ้ำไป

 

 

เราโหลดเพลง thats what freinds are for จากรายการBeatles Code เพียงแค่เพราะเห็นว่าเป็นเพลงที่จุนเคเลือกมาร้องในรายการ

ไม่มีความคาดหวังอะไรมากกว่านั้น   ก็แค่จะฟัง...จากคนที่งานยุ่งแทบไม่เหลือเวลาให้กับชีวิตส่วนตัวแล้วในตอนนี้แบบเรา

เราคิดเพียงแค่ว่าขอฟังเสียงจุนเคหน่อยเถอะจะ้ร้องเพลงนี้ดีแค่ไหน จะออกเสียงภาษาอังกฤษดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแค่ไหน

แค่นี้เอง...

 

เราไม่ทันคิดไปถึงเนื้อหาเพลงเพลงนี้ด้วยซ้ำ

เพลงที่เราชอบมาแต่ไหนแต่ไรกับเนื้อหาของมันเมื่อยังเยาว์ ในช่วงวันและเวลาที่เพื่อนคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตวัยเยาว์

 

พอโหลดเสร็จ เราก็เปิดฟังทันทีโดยจัดการกับงานที่เต็มมือไปด้วย

เสียงเปียโนนำิอ่อนสร้อยดังขึ้น   เราก็ยิ้ม...เหมือนความทรงจำคืนวันเก่าหวนกลับคืนมาทักทาย

แล้วเสียงร้องที่แสนเป็นเอกลักษณ์ของจุนเคก็ตามมายิ่งทำให้เรายิ้มกว้าง  งานที่ยุ่งมืออยู่ดูไม่หนักหนาอย่างที่มันเคยเป็น

 

 

เราฟังไปเรื่อยๆโดยไม่ได้จับใจความ ไม่ได้ลงลึกไปกับเสียงร้องนั้นด้วยซ้ำ...จนกระทั่งมาถึงท่อน

~knowin’ u can always count on me, for sure Thats what friends are for~

เชื่อสิว่านายไว้ใจฉันได้เสมอ...เพราะนี่แหละคือความหมายของคำว่า "เื่พื่อน"

 

ไม่ได้โกหกเลยว่าเราถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ทรุดตัวลงนั่ง มือไม้สั่นไปหมด...แล้วเราก็หยุดทุกอย่างที่ทำ

...ไม่มีอะไรสำคัญกว่านี้อีกแล้ว

 

 

เรานั่งฟังเงียบๆ นิ่งฟังอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก ไม่รู้ต่อกี่รอบที่มันวนกลับไปมาแบบนั้น

แล้วไม่รู้ตัว...น้ำตาก็คลอเต็มจนปวดตาไปหมด

เราไม่ถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่นั่งร้องไห้เงียบๆไปกับเสียงเพลงซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกนั้น กับเนื้อหาที่เหมือนแส้ฟาดซ้ำเติมลงมาอย่างไม่ปราณี

 

เราไม่ได้ดูรายการนี้(ยัง)  เราไม่รู้ว่าก่อนหน้าพวกเขาพูดถึงอะไรกัน

แต่ที่รู้แน่ๆก็คือเราคิดว่าเรารู้ว่าทำไมจุนเคถึงเลือกเพลงนี้มาร้อง เพลงที่พูดถึงเพื่อน เพื่อนที่จะอยู่กับเราเสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม

 

จริงอยู่นี่อาจเป็นเพลงเพื่อน...เพื่อนแท้ที่ไม่ว่าใครก็สามารถรู้สึกและเข้าใจกับเพลงนี้ได้ไม่ยาก

แต่กับผู้ชายหกคนนี้ ไม่ใช่แค่ช่วงยากลำบากหลังเหตุการณ์ร้ายแรงหลังจากเดบิ๊วท์ไม่นานนั่น  แต่พวกเขาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดตั้งแต่ก่อนเดบิ๊วท์ ตั้งแต่ช่วงเข้าเวลาของความเป็นวัยรุ่นจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่มาด้วยกันตลอด ใช้ชีวิตร่วมกัน เจอทุกเรื่องราวด้วยกันและก้าวไปพร้อมๆกันผ่านวันเวลาของความเยาว์วัยนั้น

พวกเขาคงยิ่งกว่าเข้าใจ ยิ่งกว่ารู้สึกกับเพลงเพลงนี้สินะ

 

ความสุข ความทุกข์มากมายที่ต้องรับมือและเกินรับมือหล่อหลอมความเป็นเพื่อนของพวกเขาทั้งหกขึ้นมาผ่านช่วงเวลายากลำบากและสนุกสนานนั้นมาด้วยกัน

พอมองย้อนไป...แทบไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่พวกเขาไม่ต้องผ่านการทดสอบของความเป็นเพื่อนแท้เลยสินะ...พอคิดแบบนี้เราอดเศร้าบางๆให้กับชีวิตของพวกเขาไม่ได้

 

 

กับช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตของจุนเคเมื่อต้นปีที่แล้วกับการสูญเสียคุณพ่อไปอย่างไม่คาดฝัน

ผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองร้องไห้ออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำตอนรู้ข่าว...แต่กลับร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กตัวเล็กๆตอนที่เพื่อนของเขาเดินเข้ามากอดเขาเอาไว้

...นี่แหละคือเวลาีที่จุนเคเอนตัวลงไปพึ่งพิงเพื่อนๆได้อย่างวางใจ โดยที่รู้ว่าเขาถูกโอบอุ้มโดยครอบครัวของเขาเอง

 

~and i never thought i’d feel this way and as far as i’m concerned 

i’m glad i got the chance to say that i do believe i love you~

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา  ค่อยๆตรึกตรองกับความรู้สึกนี้ 

ดีใจนะ...ในที่สุดฉันก็มีโอกาสสักทีที่จะบอกกับนายว่า ฉันรักนายนะเพื่อน

 

 

เราเชื่อว่าจุนเคเลือกเพลงนี้มาร้องด้วยความรู้สึกที่อยากบอกขอบคุณเพื่อนๆอีกห้าคนของเขาที่พาเขาผ่านช่วงเวลายากลำบากมาด้วยกัน

และเชื่ออีกอย่างว่าไม่ใช่เพราะแค่เหตุการณ์เลวร้ายของตัวเองที่ต้องเจอ แต่รวมถึงเรื่องราวยากลำบากของ "คุณ"  ที่พวกเขาผ่านมันมาด้วยกัน

จุนเคไม่ใช่แค่ผ่านเหตุการณ์ต้องพึ่งพิงเพื่อน  แต่ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้คนซึ่งปกติแล้วเคยเป็นหลักให้เพื่อนๆพึ่งพิงได้อย่างวางใจเสมออย่างนิชคุณกลับซวนเซจนแทบลุกไม่ไหว ต้องให้พวกเขาที่เหลืออีกห้าคนเป็นหลักยึดเพื่อให้สามารถลุกกลับขึ้นมายืนอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง

พวกเขาต่างผ่านการเป็นหลักให้เพื่อน และรู้ที่จะยื่นมือมาขอความช่วยเหลือในเวลาที่ไม่อาจฝืนยืนได้ด้วยตัวเอง

 

 

พอจุนเคร้องท่อนนี้ขึ้นมา

~keep smilin’, keep shinin’ knowin’ you can always count on me, for sure~

เราเห็นภาพคุณลอยมากับเหตุการณ์ที่คุณต้องเจอมาตลอดปีกว่าๆจนถึงตอนนี้ เราเหมือนได้ยินผู้ชายพวกนี้บอกกับคุณให้พยายามกลับมายิ้มแบบที่คุณเคยยิ้มอีกครั้ง และกลับมาส่องแสงในแบบที่คุณเท่านั้นจะส่องแสงแบบนั้นได้

...ตาของเราก็ร้อนเหลือเกินและหัวใจก็เจ็บกว่าที่เคยรับรู้

ขอบคุณที่ให้พวกเขาทั้งหกคนมีกันและกันในเวลาที่ยากลำบากเหลือเกิน...เราคิดแบบนี้

 

 

 

เพลงเพลงนี้อาจไม่เคยโดนจุนเคมากขนาดนี้มาก่อนก็เป็นได้ เราคิดแบบนั้น

หากเมื่อผ่านเหตุการณ์มากมายถาโถมในหนึ่งปีเขาคงได้เข้าใจ

เสียงร้องนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวเหล่านั้นและสื่อออกมาให้เรารู้สึกและรับรู้ได้โดยง่าย  ภาพต่างๆที่เรารับรู้มาย้อนมาให้เห็นเหมือนฉากภาพยนตร์...เป็นภาพเลือนรางแต่ชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึกจนน้ำลายขมคอไปหมด

...เราร้องไห้ไม่เพียงแค่เพราะรับรู้ตามเนื้อหาในเพลง แต่เรารู้สึกลึกลงไปกว่านั้น สัมผัสลงไปถึงเรื่องราวต่างๆของเจ้าของเสียงร้องกับความรู้สึกที่เขาอยากจะสื่อ

 

~for good times and bad times i’ll be on your side forever more that’s what friends are for~

กับเวลาที่ไม่ว่าจะดีหรือเลวร้ายแค่ไหน ฉันก็จะอยู่กับนายเสมอ เพราะนี่แหละคือ "เพื่อน"

 

 

หลายครั้งที่เราคิดถามติดตลกกับตัวเองว่าไม่น่าหลวมตัวมาเป็นแฟนคลับวงนี้เลย  ถ้าเป็นแค่แฟนเพลง แค่ฟังเพลง ดูเพอร์ฟอร์มแมนซ์ก็คงไม่ต้องมารับรู้และรู้สึกไปกับทุกข์และสุขของคนแปลกหน้าหกคนมาตลอดหลายปีแบบนี้  หลายครั้งถึงกับถอนใจแล้วบ่นว่าพวกแกช่วยมีความสุขมากกว่านี้อีกนิดแล้วเป็นเพื่อนกับความทุกข์ให้มันน้อยลงอีกหน่อยเถอะนะ 

ไม่รู้หรือว่า...ไม่ว่าพวกแกจะเจอทุกข์หรือสุขมันส่งผลกระทบไม่ใช่แค่พวกแกนะ แต่มันกลายเป็นระลอกคลื่นระลอกใหญ่ส่งผลกว้างไกลกว่าที่พวกแกคิดเลยรู้บ้างไหม  ช่วยเห็นใจกันบ้างเถอะนะ

 

 

 

 

 

 

แค่่เพลงเพลงหนึ่งกับเสียงร้องคนคนหนึ่งกลับพาภาพหลายภาพกลับคืนมาพร้อมกับความรู้สึกในช่วงเวลานั้น

น้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ

ไม่ใช่เพราะผู้ชายหกคนต้องเจอเรื่องยากลำบากมามากมาย

แต่เราร้องไห้ให้กับความเป็นเพื่อนของพวกเขาทั้งหกคน ร้องไห้ที่พวกเขายังมีกันและกันเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

...เพื่อนกันไปตลอดไม่ว่าสักวันอาจต้องห่างกันไปไกลแค่ไหนก็ตาม

 

เสียงร้องของจุนเคยังคงคลอเบาๆอยู่ข้างหู

เราเคยบอกกับตัวเองว่าไม่อยากเขียนแบบที่ทำให้ต้่องรู้สึกอายเวลาย้อนกลับมาอ่านอีกแล้ว

แต่ครั้งนี้ รอยเปียกชื้นที่ขอบตายังคงอยู่ เราอยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้...กับตัวเรา  คนที่ยังคงหลงเหลือความเขลาในวัยเยาว์อยู่สินะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2556
7 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2556 15:06:38 น.
Counter : 4170 Pageviews.

 

Somebody give me a sign that I will find you here.
But this is not entry which I expected , it unexpected entry from you again.
You surprised me with touching wording most of it I can feel what do you want to share.( I guess )


really miss you girl.
back to work now ....

 

โดย: Nam (w@TerMeLoN ) 28 พฤษภาคม 2556 17:07:06 น.  

 

เราเป็นคนหนึ่งที่โหลดเพลงนี้มาฟัง แล้วชอบมากๆ ชอบเสียงจุนเค ชอบความหมายของเพลง และเหนือสิ่งอื่นใดชอบสิ่งที่จุนเคถ่ายทอดออกมา(ถึงแม้ว่าเราจะคิดไปเอง)

ทันทีที่เราได้ฟังเพลงนี้ เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์นั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว พลันเราก็คิดไปว่า จุนเคอยากบอกอะไรหรือเปล่า อยากบอกให้(พวก)เรารับรู้อะไรหรือเปล่านะ แล้วก็หัวเราะขำตัวเอง ฮ่าๆๆๆๆ คิดเป็นตุเป็นตะไปได้เนอะเรา

พอได้ฟังเพลงก็มีความหวังเล็กๆว่าคุณคิวจะได้ฟังเพลงนี้ แล้วจะแอบ(?)มาอัพ blog ก็เลยแวะเวียนเข้ามาดู แล้วก็...มีจริงๆด้วย

อ่านไม่ทันจะได้สักครึ่ง ก็ไม่ไหวแล้ว กำแพงเขื่อนน้ำตาพังลงกลางที่ทำงาน คุณคิวเขียนได้ตรงใจมาก ตรงใจสุด และเขียนได้ดีมากมาย

หลายๆ ครั้งที่เคยถามตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง ทำไมถึงได้ไปรู้สึกรู้สมกับทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้ชาย 6 คนนี้ได้มากมายขนาดนี้ ทั้งหัวเราะลั่น ทั้งร้องไห้โฮ มันเกิดอะไรขึ้นกัน พวกแกทำบ้าอะไรกับฉันเนี่ย

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหยุดตัวเองให้รู้สึกแบบนั้นได้เลย เวลาพวกเขามีความสุขก็ยิ้ม ก็หัวเราะตาม เวลาพวกเขาเศร้า พวกเขาเป็นทุกข์ ความรู้สึกเจ็บปวดก็มาเยี่ยมเยียน เป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไป

อย่างที่คุณคิวบอก ว่าอยากให้ทั้ง 6 คนเป็นเพื่อนกับความทุกข์ให้น้อยกว่านี้ หลายๆครั้งที่เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องมีเจ็บ มาปวด มาทุกข์ร่วมไปกับความทุกข์ของเจ้าพวกนี้ อยากปล่อยผ่าน อยากไม่สนใจ อยากพูดว่า "ช่างแม่ง" ออกมาบ้าง แต่...ไม่เคยทำได้เลยสักที ทำไมนะ ทำไม พวกแกทำบ้าอะไรกับฉันเนี่ย

 

โดย: bitchyprogrammer (naughtyprogrammer ) 28 พฤษภาคม 2556 17:16:31 น.  

 

อยู่ดีๆวันนี้โต้ก็เปิดบล็อกพี่คิวขึ้นมา หลังจากไม่ได้แวะเวียนมาดูว่บล็อกพี่คิวอยู่นานหลายอาทิตย์

ในช่วงเวลาที่ยุ่งแสนยุ่งของสัปดาห์นี้ แต่เพราะวันนี้โต้เหนื่อยกับคนที่ทำงานอย่างเหลือรับ เลยอยากหาอะไรอ่าน แล้วก็เปิดมาเจอบล็อกนี้จนได้

พี่คิวทำโต้น้ำตาซึมอีกแล้วนะคะ ฮ่ะๆๆ

โต้เคยคิดเหมือนพี่คิวนะ ว่าถ้าเราแค่เป็นแฟนเพลง ไม่ใช่แฟนคลับเราคงไม่ต้องทุกข์ร้อนกับลิงทะโมนทั้ง 6 แบบนี้ เราก็จะเป็นคนที่มองพวกนั้นด้วยรอยยิ้มเสมอ ไม่ต้องเศร้า ไม่ต้องร้องไห้

แต่นั่นแหละค่ะ เพราะเป็นไปแล้ว ทุกวันนี้ก็เลยมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตาให้เด็กพวกนี้อยู่เสมอ นานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เพราะผู้ชายที่ไหน แต่ก็โดนผู้ชาย 6 คนนี้ ทำน้ำตาไหลอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยความห่วงใย ความดีใจ หรือแม้แต่ความเศร้าใจ

เพลงที่พี่คิมร้อง คงสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มี ที่อยากจะบอกออกมาแล้ว เฮ้อออ~ ไอ้เด็กแสบพวกนี้นี่มันจริงๆเลยเน๊อะ ว่ามั๊ยคะ ฮ่าๆๆ

 

โดย: โตโต้เอง (TOTO_TOTORO ) 29 พฤษภาคม 2556 11:59:33 น.  

 

แนนอ่านมาได้แค่ครึ่งที่พี่คิวเขียน (ขออนุญาตเรียกพี่นะคะ) ก็ต้องหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา ที่คลออยู่ อ่านแล้วทำให้รู้สึกเหมือนพี่คิวที่อยากให้ ผช.ทั้ง 6 คนมีความสุข เพราะเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาทดสอบบางคราก็แสนจะหนักหนา แต่อุ่นใจที่ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องราวอะไรมากมายเขาทั้ง 6 คนก็ยังคอยยึดเหนี่ยวให้ก้าวผ่านวันพวกนั้นมาได้ ...

 

โดย: nannyme (nannykittiya ) 30 พฤษภาคม 2556 11:47:06 น.  

 

เอาอีกแล้ว ชอบเล่นกันแบบนี้อยู่เรื่อย เค้ามันอ่อนไหวไม่รู้รึไง 555


ยังไม่ได้ดูรายการนี้ ยังไม่ได้ฟังเพลงนี้ แต่พออ่านจบต้องรีบแจ้นไปหาหูฟังมาใส่หู ในขณะนี้ที่กำลังพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ด เสียงพี่คิมก็คลอไปด้วย ซึ้งจัง

เมื่อก่อนเค้าก็เป็นนะ ตอนสมัยเด็ก ๆ ฟังเพลงที่ทำนองเศร้า ๆ ซึ้ง ๆ เข้าหน่อยก็น้ำตาคลอ แม้จะไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับเนื้อเพลงอะไรนั่นเลยก็ตามเหอะ (ผิดปกติมั้ย) และเมื่อไหร่ที่ห้วงอารมณ์มันสัมพันธ์กับเนื้อเพลงคงไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่ามันจะเตลิดกันไปขนาดไหน แฮร่ นั่นแหละเค้า


ตอนที่เริ่มหันหลังให้กับวงที่รัก ที่ติดตามมาตลอดหลายปี ตอนนั้นนึกในใจว่าจะไม่กลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ อีกแล้ว แบบที่ทุ่มเท เฝ้าคอยมอง คอยให้กำลังใจเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต มันเศร้าเราก็แทบบ้า มันซึ้งเราก็น้ำตาไหล มันสุขเราก็ยิ้มแก้มปริ ช่วงเวลาที่ดีมันก็ดีไปแหละ แต่ช่วงเวลาที่ทุกข์ใจ มันทรมาณแค่ไหนคนที่เป็นแฟนคลับคงรู้ดี แต่ก็นะ อะไรในโลกล้วน อนิจจัง วังวนเดิม ๆ กลับมาสู่เราอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ไอ้ครั้นจะให้หันหลังกลับตอนนี้ก็คงทำไม่ได้แล้ว เห็นภาพแมวยืนยิ้มฟันเฉาะกวักมือเรียกไหว ๆ แค่นี้ก็คงไปไหนไม่รอด แต่ไอดอลที่เราชอบทั้งสองวงมีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่าง และอย่างที่ดูจะโดดเด่นที่สุดก็คือความเป็นเพื่อนนี่แหละ แอบอิจฉาพวกนี้นะ อยากมีเพื่อนแบบนี้ อยากมีคนที่อยู่ด้วยแล้วสามารถปล่อยวางทั้งหมดไว้ได้โดยไม่ต้องมีอะไรให้กังวล เหนื่อยเหรอ พักสิ เศร้าเหรอ เด๋วจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง มีความสุขเหรอ หัวเราะไปด้วยกัน.. อะไรประมาณนั้น .. รู้สึกชีวิตนี้โชคดี ที่แม้ไม่ได้สัมผัสในวงใน แต่แค่ยืนอยู่รอบนอกแล้วเห็นเด็ก ๆ ทั้งหกคนรักและดูแลกันแบบนี้ ชีวิตก็มีความสุขแล้ว


มาเรื่องเพลงบ้าง ก่อนจะเถลไถลไปไกลจนกู่ไม่กลับ เสียงพี่คิมยังเพราะจับขั้วหัวใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ความหมายของเพลงยิ่งทำให้เพลงมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกมากมายจนคิดไม่ถึง พี่คิมคงอยากจะสื่อออกมาให้เพื่อน ๆ ของเขาแบบที่คิวบอกนั่นแหละ ฟังวนๆ ซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่ยังไม่รู้ซึ้งถึงคำว่าเบื่อเลย แต่ขออะไรอย่าง พี่คิมช่วยแปลให้หมีชานฟังด้วยนะ ไอ้หน้าตาแบบนั้นเค้าแยกไม่ออกจริง ๆ ว่ามันกำลังง่วง หรือว่ากำลังซึ้ง แต่น่าจะเป็นประการแรกมากที่สุด 555



คิวคะ ถอนตัวตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าจะทุกข์ไปด้วยกัน หรือสุขไปด้วยกันก็ต้องน้อมรับไว้ทั้งหมดแหละค่ะ ทำไงได้ล่ะเนอะ.. ก็มันรักไปแล้วนี่ และจะบอกว่าตั้งแต่โชคชะตาพามาเจอให้จนชอบพอกัน จากที่ดูรายการไวด์บันนี่วันนั้น นั่นมันตลกชัด ๆ นี่หว่า แต่พอหลวมตัวชอบไปแล้ว ไหงชีวิตพวกแกมันถึงได้ดราม่าตรงกันข้ามเยี่ยงหน้ามือกับหลังเท้าขนาดนั้นเล่าขอรับ เง้ออออออออออออ หลอกเค้านี่หว่า ล่าสุดที่แพ้รายการเพลง รู้เลยว่าตัวเองหดหู่ ต้องหาอะไรทำให้ลืมอาการบ้า ๆ นี่ออกไปบ้าง แต่ตลอดเวลาใจก็ยังพะวง พวกแกไม่คิดมากกันใช่มั้ย ห่างไปสองปีนี่เนอะ ยังไงก็ต้องพยายามกันใหม่ เชื่อใจว่าเรื่องแค่นี้ เด็ก ๆ ของเราไม่ท้อง่าย ๆ หรอก สู้ยิบตาอยู่แล้ว ไฟ้ติ้ง ๆ



รักตัวหนังสือทุกตัว รักเสียงเพลงของพี่คิม สุดท้าย รักเจ้าของบล็อกด้วย อิอิ (แต่น้อยกว่าน้องโฮ) อ้าววววววววววว

 

โดย: พุดดิ้งของซอนโฮ 31 พฤษภาคม 2556 11:40:26 น.  

 

Nam-your words really makes me happy, with an awesome feel good tune.ke ke
many thanks


คุณnaughtyprogrammer เราเองก็แอบคิดเหมือนกันว่าจะมีใครที่ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกแบบที่เรารู้สึกหรือเปล่า เพราะเราคิดจริงๆว่าจุนเคร้องเพลงนี้ได้ดีมากๆและมากเสียจนทำให้เราทิ้งงานทุกอย่างทั้งๆที่ยุ่งสุดชีิวิตลงได้
ดีใจจริงๆค่ะที่ไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว >


โต้ ที่ผ่านมาพี่เคยยิ้มย่องคนเดียวนะว่าเป็นเมนอิปู่นี่แสนจะสบาย ปู่มันดูชิวๆไม่เอาเรื่องเอาราวดี ไอ้ตัวพี่ก็ไม่นิยมมาม่าซะด้วย 55555
แต่พออิปู่หนัก พี่แกหนักเกิ๊น ทำน้ำตาร่วงได้อยู่เรื่อย ทำให้รู้สึกสมน้ำหน้าตัวเองอยู่ ณ ตอนนี้
...ลงมือเขียนบล็อกบ้างนะโต้ ว่างๆพี่เข้าไปส่องบล็อคเราอยู่เรื่อย ต่อ "โชคดี" เสียทีสิน้อง ทำให้พี่คอยเก้ออยู่ได้



หนูแนน พี่ไม่ได้ตั้งใจให้ใครร้องไห้นะ แต่คำพูดของหนูทำเอาพี่แอบปลื้มตัวเองไม่ได้ เอ๋ยยยย บ้าลูกยอ
พี่เองอยากให้พวกมันสนุกกับการใช้ชีิวิต ถ้าหนูโต(เท่าพี่)จะรู้ว่าชีวิตคนเราไม่มีทุกข์เป็นไปไม่ได้(ปลง) แต่ถ้าคนเรายังสามารถใช้ชีวิตอย่างสนุกได้ ก็แสดงว่าเราเลือกหนทางเดินไม่ผิด
พี่ก็ขอให้หนูแนนได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกนะน้อง


คุณพุดดิ้ง เราแอบรอที่จะอ่านตลอดเลยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาเขียนให้อ่านเยอะๆแบบนี้ทุกครั้งเลย >
พวกเราคงต้องอยู่ด้วยกันกับไอ้หกคนนี้ไปอีกนานเลย คงเจออีกหลายเรื่องแน่ มาสู้ไปด้วยกันเถอะนะ

 

โดย: Quaver 31 พฤษภาคม 2556 14:59:50 น.  

 

จู่ๆ ก็คิดถึงเจ้าของบล็อคนี้

^_______^

 

โดย: พุดดิ้งของซอนโฮ 30 พฤษภาคม 2559 18:59:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Quaver
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




เป็นคนหัวแข็งที่มาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ
เป็นคนหัวอ่อนที่มาพร้อมท่าทางแข็งๆ




Friends' blogs
[Add Quaver's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.