ช่วงบ่ายๆ วันนี้ขณะไปส่งไปรษณีย์ประจำวัน
พี่ที่ทำงานมีธุระเล็กน้อยที่ธนาคารจึงแวะธนาคารแถวถนนสรงประภา
ด้วยความที่จักรยานยนต์จอดเรียงรายพี่จึงจอดซ้อนจากรถเหล่านั้น
พี่เข้าไปทำธุระ ขณะที่ข้าน้อยนั่งรออยู่ในรถ สักครู่คุณตำรวจก็มาล็อคล้อขณะที่พี่ออกมาพอดี
เราได้รับใบสั่งมาหนึ่งใบ และไม่มีการผ่อนปรนใดๆ
ข้าน้อยซ้อนพี่วินไปจ่ายค่าปรับที่สน. ดอนเมืองพร้อมฝนปรอยๆ
ก่อนจะรีบแว๊นซ์กลับมา ภาวนาให้ฝนอย่าตกหนักไปกว่านี้
ข้าน้อยกลับมาถึงรถทันเวลา ก่อนจะพบว่ามีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง
โดนล็อคล้อและได้รับใบสั่งไปเช่นเดียวกันกับเรา
เธอกล่าวว่าแวะซื้อยาแป๊บเดียว ลูกโดนสัตว์มีพิษกัด
พร้อมโทรหาผู้ใหญ่สักคนพร้อมยื่นให้คุยกับคุณตำรวจ
และกลับมาคุยโทรศัพท์บอกเหตุผลคนในสาย แอบได้ยิน
ว่าพี่อยู่สน. รึเปล่า เดี๋ยวเย็นเข้าไปหานะ ฯลฯ
คุณตำรวจคุยเสร็จก็มาปลดล็อคล้อให้พวกเรา
พี่และข้าน้อยขับรถไปจอดรถด้านในใกล้ๆ รถผู้หญิงคนนั้น
เพื่อรอดูสถานการณ์ เธอยังคงเดินไปเดินมา คุยโทรศัพท์
เราก็รอว่าจะเป็นเช่นไร สักครู่เธอเดินมาเปิดรถเรา
พี่เปิดกระจกคุย
คุณผู้หญิงคนนั้น :ลูกพี่โดนสัตว์มีพิษกัด มาซื้อยาแป๊บเดียวโดนใบสั่ง
พี่จอดนานนะ น้องออกได้มั้ย
พี่ : ออกได้ค่ะ (พร้อมค่อยๆ ถอยรถออก)
เธอรีบเดินไปหาคุณตำรวจ ซึ่งดูมือถือ และคอยๆ เหลือบมองเรา
ขณะที่เราค่อยๆ ขับรถไปข้างหน้าช้าๆ พลางแอบซ้ายมองเป็นระยะๆ
ไม่ถึง 50 เมตร คุณตำรวจก็เดินมาปลดล็อคล้อให้เธอ
"เด็กตาดำๆ นั่งวินมอไซด์ตากฝนปรอยๆ ไปจ่ายค่าปรับ
ผู้ใหญ่ตาโตๆ โทรศัพท์สองสามทีก็ได้รับการปลดปล่อย"
คนที่ทำผิดเหมือนกัน ทำไมผลลัพธ์จึงต่างกันนักนะ
หรือเป็นเพราะว่าเรา ไม่รู้จักตำรวจมีตำแหน่งสักคน
เรายอมรับว่าผิด...และทำตามกติกา
แค่อยากรู้ว่า
ความยุติธรรม...อยู่ที่ไหนกันนะ?