เรื่องเล่าเล็กๆ เมื่อเช้านี้ (ค่อนข้างยาวและไร้สาระเช่นเคยขอรับ)
ด้วยความตั้งใจก่อนนอนที่จะพาตัวเองไปใส่บาตรให้จงได้ ข้าน้อยจึงขุดกายและใจขึ้นจากเสื่อดูดวิญญาณตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่เท้าซ้ายโดยมิทราบสาเหตุ และทันทีที่ก้าวลงจากเตียง ก็เสแทบทรงตัวตรงไม่ได้ ยิ่งก้าวเดินยิ่งเจ็บ (เจ็บขนาดนี้จะไหวเหรอ ไม่ต้องไปหรอก ไว้วันหลังก็ได้) หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ปิดห้อง เดินกะเผลกๆ ไปหาซื้ออาหารใส่บาตรในซอยและน้ำที่เซเว่น ข้าน้อยจบอาหารและยืนรอใส่บาตรอยู่เยื้องๆ ปากซอย รอแล้วรอเล่าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางก็มิเห็นพระองค์ใดเดินผ่านมา จนกระทั่งฟ้าสว่าง ไฟตามเสาไฟดับก็ยังมิมีวี่แวว เวลานี้มักจะมีพระเดินบิณฑบาตหลายองค์นี่น่า สงสัยวันนี้วันพระคนใส่บาตรท่านเยอะ ท่านเลยเดินช้า (พระท่านคงไม่บิณฑบาตแล้วมั้ง กลับเถอะ เอาอาหารไว้กินก็ได้) อาหารจบแล้ว ถ้าสักเจ็ดโมงยังไม่มีพระมาจะนำไปถวายที่วัด ข้าน้อยเหลียวซ้ายแลขวา เห็นพี่วินฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องๆ ไปมองข้าน้อย พลางเดินมาตรงข้ามและกวักมือเรียก ข้าน้อยข้ามถนนไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะได้ยินพี่วินบอกกล่าวว่า พี่วิน : วันนี้วันพระ พระไม่บิณฑบาตนะ เอาไปใส่บาตรที่วัดเทพก็ได้ ใกล้ๆ ข้าน้อย : เหรอค่ะพี่ หนูเพิ่งรู้อะคะ ขอขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ ข้าน้อยยืนรอรถแดงวัดเทพสักครู่ ก็ขึ้นรถโดยสารนั่งไปจนสุดทาง ขณะจ่ายเงินก็สอบถามทางพี่คนขับไปพลาง ด้วยคิดว่ารถสุดสายปลายทาง ข้าน้อย : วัดเทพอยู่ตรงไหนเหรอคะพี่ พี่คนขับ : เลยมาแล้วหนู หนูเดินย้อนกลับไปนะ ไม่ถึงกิโลหรอก อยู่ฝั่งซ้าย ข้าน้อย : อ่อ ค่ะ ขอขอบคุณพี่มากๆ นะคะ ข้าน้อยก็ค่อยๆ ข้ามถนนและเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นป้ายวัดเทพไม่เล็กไม่ใหญ่ชี้เข้าซอย ข้าน้อยเดินไปเรื่อยๆ และแวะสอบถามคุณป้า ณ แผงขายของใส่บาตรหน้าวัด คุณป้าอายุอานามก็น่าจะหกสิบขึ้นไป สวมเสื้อผ้าลูกไม้ขาว ห่มเป็นสไบเฉียงเล็กๆ นุ่งผ้าถุงเรียบร้อย หิ้วตะกร้าพร้อมอาหารมาวัด คุณป้า : เดินไปเลยหนู ตรงข้างหน้าอาคารนั้นนะ ป่ะ ไปกับป้าก็ได้ คุณป้าพร้อมเพื่อนวัยเดียวกัน นุ่งห่มเหมือนกัน เดินขนาบข้าน้อยไป ระหว่างทางก็กล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อใหญ่ พร้อมเล่าว่าวัดเทพไม่เดินบาตรวัดพระ วัดอื่นก็เลยไม่เดินตาม เมื่อเดินมาถึงอาคาร ข้าน้อยก็ได้ใส่บาตรจริงๆ บาตรวางเรียงอย่างเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะด้านหน้าอาคาร ข้าน้อยจึงเดินใส่บาตรตามๆ ท่านอื่นๆ และไปลาคุณป้า ข้าน้อยแวะกราบพระพุทธชินราชจำลอง พระโสธรจำลอง สมเด็จโต ที่ตั้งอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็เดินเวียนขวาไปกราบ หลวงพ่อใหญ่ที่ตั้งตระหง่านด้านหน้า และพระแม่ธรณี ข้าน้อยค่อยๆ เดินกลับพร้อมมองสำรวจรอบๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีมอไซด์หยุดอยู่ข้างๆ และได้ยินเสียงแตรเรียกเบาๆ ข้าน้อยหันไปและพบว่าเป็นพี่วินที่เดินมาบอกข้าน้อยเมื่อเช้า พี่วิน : ไปไหม ข้าน้อย : ไปค่ะ ระหว่างทางพี่วินก็เอ่ยบอกกล่าวเรื่องการใส่บาตรวันพระอีกรอบ ก่อนจะถามว่าลงตรงไหน ข้าน้อยบอกตรงนี้ก็ได้ค่ะ (ฝั่งตรงข้าม) ข้าน้อย : เท่าไหร่คะพี่ พี่วิน : พี่คิดเรา ๑๐ บาทละกัน ข้าน้อย : ขอบคุณมากๆ นะคะ ข้าน้อยเดินจากมาช้าๆ และพบพี่นุ่น วรนุช (พี่หมาสีดำแสนรู้) วิ่งตรงมาหา ทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจ กระโดดสวัสดี ส่ายหัวส่ายหางให้ (ก่อนหน้านี้เคยให้กินหมูที่เหลือจากที่ข้าน้อยกินไป) พร้อมเดินนำไปร้านหมูปิ้งฝั่งตรงข้ามหอข้าน้อย สรุปว่าปฏิเสธความน่ารักแสนอ้อนของพี่นุ่นไม่ลง พี่นุ่นได้หมูปิ้งไปหนึ่งไม้ ก่อนจะทำหน้าตาน่าเอ็นดูตอบกลับมา ข้าน้อย : นานๆ ทีนะพี่นุ่น ไม่ซื้อให้ทุกวันน้า (พูดพลางลูบหัวพลาง) จากนั้นก็เดินกะโผลกกะเผลกขึ้นชั้น ๔ ล้างเท้า ล้างมือ ก่อนจะเข้าประจำที่เพื่อทำวัตรเช้าและทำในรูปแบบ ... มารพร้อมผจญทุกเมื่อและทุกรูปแบบ ถือเป็นโอกาสฝึกจิตฝึกใจอย่างดี การต่อสู้กับกิเลสในใจยังอีกไกล แพ้ซะมาก แต่ชนะบ้างก็มีกำลังใจ ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ทำไป สักวันคงเข้มแข็งขึ้นเอง เตือนตนด้วยตนเอง ^^ ปล. นำบุญมาฝากทุกท่านนะขอรับ ^^
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 22:51:40 น. |
|
3 comments
|
Counter : 548 Pageviews. |
|
|
|