ตอนที่ ๗ - ห้างหุ้นส่วนจำกัด
สรุปคำอธิบาย กฎหมายลักษณะห้างหุ้นส่วน ฉบับ 18-12-6 (สูตรเร่งโต) , ตอนที่ ๗ - ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาตรา 1077 - ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือห้างหุ้นส่วนซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วน สองจำพวก คือ (1) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคน ซึ่งมีจำกัดความรับผิดเพียงไม่เกินจำนวน เงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้นจำพวกหนึ่ง และ (2) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคน ซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนไม่มีจำกัดจำนวนอีกจำพวกหนึ่ง
Limited Partnership หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น จะต้องประกอบด้วยหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด และหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด สองประเภทนี้เสมอๆ โดยจะมีฝ่ายละกี่คนก็ได้ - หุ้นส่วนจำกัดความรับผิด คือหุ้นส่วนประเภทที่รับผิดเพียงเท่าที่ได้รับลงหุ้นไว้ จะรับผิดมากกว่า หรือรับผิดน้อยกว่าหาได้ไม่ เช่นรับลงหุ้นไว้ 300,000บาท ก็นอนตีพุงเป็นเสือนอนกินได้ แม้ต่อมาห้างฯจะมีหนี้สินมากเท่าไหร่ ก็รับผิดไม่เกินเพียงเท่านี้ - หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด คือหุ้นส่วนประเภทที่ต้องรับผิดในหนี้สินทั้งหมดของห้างฯ ถ้ามีหลายคนก็ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม โดยมิพักต้องสืบว่าได้ลงหุ้นไว้เท่าไหร่ให้มากความ มาตรา 1078 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่านบังคับว่าต้องจดทะเบียน มาตรา 1079 - ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ตราบใด ให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วน โดยไม่มีจำกัดจำนวน จนกว่าจะได้จด ทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ถ้ายังไม่จดทะเบียน ให้ถือเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ สืบเอาความตามนี้ มาตรานี้จึงเป็นข้อยกเว้นของมาตรา 1077(1) เพราะ ห้างหุ้นส่วนสามัญ ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด ต้องรับผิดร่วมกันในหนี้ของห้างหุ้นส่วน อย่างไม่มีจำกัดจำนวน (ม.1079 ย้ำให้ทำตาม ม.1025 อีกที) เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่ได้พาห้างฯไปจดทะเบียน1077 (1) ย่อม= (2) ความไม่ลับของมาตรานี้ 1. มาตรานี้สิ่งสำคัญที่ต้องสืบสาวมาดู ช่วงเวลาที่ก่อหนี้ ถ้าก่อหนี้ขึ้นมาก่อนที่จะจดทะเบียนห้างฯ แน่นอนว่าหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันแบบไม่จำกัด แม้ต่อมาภายหลังจะได้มีการไปจดทะเบียนกันแล้วก็ไม่เป็นเหตุให้หุ้นส่วนพวกจำกัดความรับผิดดิ้นหลุดไปจากหนี้ก้อนนั้นได้ ส่วนจะหลุดพ้นเมื่อใด ขึ้นอยู่กับอายุความของมูลหนี้นั้นๆ ตาม ม.193 2. ถ้าหนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้จดทะเบียนแล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศข้อความที่จดทะเบียนลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษา (ตาม ม.1023) ก็จะยกเอาความที่เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดนั้น ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ต่อบุคคลภายนอกไม่ได้ นั่นคือจะต้องรับผิดอย่างไม่จำกัดจำนวนอีกเช่นกัน
มาตรา 1080 - บทบัญญัติว่าด้วยห้างหุ้นส่วนสามัญข้อใดๆ หากมิได้ยกเว้นหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปโดยบทบัญญัติแห่งหมวด ๓ นี้ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดนั้นมีอยู่หลายคน ด้วยกัน ท่านให้ใช้บทบัญญัติสำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญเป็นวิธีบังคับในความเกี่ยวพัน ระหว่างคนเหล่านั้นเอง และความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนเหล่านั้นกับห้างหุ้นส่วน สรุปง่ายๆ คือบทบัญญัติในส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญ ตั้งแต่มาตรา 1012-1076 เอามาบังคับใช้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดได้หมด ยกเว้นที่กรณีที่มีบัญญัติไว้ในหมวด 3นี้ สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นการเฉพาะ คือตั้งแต่มาตรา 1081-1095 (มาตรานี้เวลาออกสอบมักจะมาคู่กับ มาตรา 1068 ,1070) มาตรา 1081- ห้ามมิให้เอาชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดมาเรียกขานระคนเป็นชื่อห้าง มาตรา 1082 - ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดยินยอมโดยแสดงออกชัดหรือโดย ปริยายให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อห้างไซร้ ท่านว่าผู้เป็นหุ้นส่วนคนนั้นจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกเสมือนดังว่าเป็น หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดฉะนั้น แต่ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนกันเองนั้น ความรับผิดของผู้เป็นหุ้นส่วนเช่นนี้ ท่านให้คงบังคับตามสัญญาหุ้นส่วน ในส่วนของ มาตรา 1081 เป็นข้อห้าม ส่วนมาตรา 1082 เป็นผลของการฝ่าฝืน (*สองมาตรานี้ออกสอบบ่อยๆ และมักจะมาคู่กันเสมอๆ) สิ่งสำคัญที่ต้องดูมีดังต่อไปนี้
1. ชื่อ หมายถึง ชื่อจริง ชื่อเล่น ชื่อนามสกุล หรือชื่ออะไรก็ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่คบค้าสมาคมกับห้างเข้าใจและนำสืบได้ว่าหมายถึงผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดคนใดๆ ในห้างฯ ฎีกา 1422/2536 - คำว่า ชื่อ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1081 และ มาตรา 1082 หมายถึงชื่อตัว ชื่อรอง และชื่อนามสกุล อันเป็นชื่อเต็มของผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด มิใช่ส่วนหนึ่งส่วนใดของชื่อ หรือพยางค์หนึ่งของชื่อ เว้นแต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าชื่อบางส่วน หรือพยางค์หนึ่งของชื่อนั้นเป็นคำที่เรียกขานเป็นชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนดังกล่าว 2. เรียกขานระคน หมายถึง การเอามาเรียกแทน หรือเอาไปรวมกับชื่อของคนอื่นๆ เพื่อเรียกขานแทนเป็นชื่อห้างฯ 3. ยินยอมโดยแสดงออกชักหรือโดยปริยาย จะยินยอมอย่างชัดแจ้งเป็นหนังสือ วาจา การกระทำ อย่างใดๆ หรือยินยอมโดยปริยาย(รู้แล้วแต่ไม่คัดค้าน)ก็ได้ ทั้งนี้ผู้ยินยอมต้องเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วน เท่านั้น... ฎีกา 2626/2548 จำเลยที่ 4 ไม่ใช่หุ้นส่วนของห้างจำเลยที่ 1 แม้จะยินยอมให้ใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อห้างของจำเลยที่ 1 ก็หาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่ 4. ใช้บังคับกับบุคคลภายนอกเท่านั้น ตามความในมาตรา 1082 วรรคสอง หมายถึงกรณีนี้จะใช้บังคับได้เฉพาะกับบุคคลภายนอกเท่านั้น แต่ในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเอง ยังถือว่าเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดอยู่ จึงต้องบังคับกันตามสัญญาหุ้นส่วน ดังนั้นเมื่อหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดที่ต้องรับผิดเสมือนหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดเพราะเหตุตามมาตรานี้ ได้ชดใช้หนี้ให้เจ้าหนี้เพราะเหตุนี้ไปแล้ว ย่อมจะสามารถรับเอาช่วงสิทธิ (มาตรา226,229) ของเจ้าหนี้ มาไล่เบี้ยเอากับผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดได้... ตัวอย่างคำถาม (*ข้อสอบภาค 1/54) - ห้างหุ้นส่วนจำกัด งามวิไล มีวัตถุประสงค์รับตัดเย็บชุดวิวาห์ มีนางสาววิไลเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด และหุ้นส่วนผู้จัดการ มีนางสาวงามเนตรเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ห้างหุ้นส่วนเป็นหนี้ค่าผ้าที่ซื้อมาตัดชุดวิวาห์ 200,000บาท ต่อมานางสาวงามเนตรซึ่งมีชื่อเล่นว่า งาม ได้ทะเลาะกับนางวิไลเนื่องจากไม่พอใจที่นางวิไลจัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว เกิดการขาดทุนหลายแสนบาท นางสาวงามเนตรจึงขอลาออกจากการลงหุ้น โดยโอนหุ้นทั้งหมดของตนให้นางสาววลัยพร และได้จดทะเบียนออกจากห้างหุ้นส่วนไป เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2553 ต่อมาหนี้ค่าผ้าจำนวน 2000,000 บาท ถึงกำหนดชำระ แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่มีเงินชำระหนี้ ดังนี้เจ้าหนี้จะเรียกให้นางสาวงามเนตรรับผิดได้หรือไม่ เพราะเหตุใด แนวคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 1068,1080,1081,1082,1091 นางสาวงามเนตรใช้ชื่อของตนระคนเป็นชื่อของห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามมาตรา 1081 จึงต้องรับผิดในหนี้สินของห้างเช่นเดียวกับหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ตามมาตรา 1082 นางสาวงามเนตรสามารถโอนหุ้นของตนได้โดยไม่ต้องขอความยินยอมของหุ้นส่วนตนอื่นๆ ตามมาตรา 1091 อย่างไรก็ตามแม้นางสาวงามเนตรจะได้ออกจากหางหุ้นส่วนจำกัดไปแล้ว ยังคงต้องรับผิดในหนี้สินของห้างตามมาตรรา 1068 โดยนำบทบัญญัติของห้างหุ้นส่วนสามัญมาใช้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ ตามมาตรา 1080 (*ดิส อีส อ่ะ ทริค ในแนวคำตอบข้อนี้ (ยึดตามธงของคณะฯ) ไม่มีส่วนที่กล่าวถึงนางสาววลัยพร ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามารับโอนหุ้นต่อจากนางสาวงามเนตร นั่นก็เป็นไปตามหลักการตอบข้อสอบที่ว่า ไม่ตอบ ในสิ่งที่โจทก์ไม่ได้ถาม นั่นเอง) มาตรา 1085 - ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้แสดงด้วยจดหมายหรือใบแจ้งความ หรือด้วยวิธีอย่างอื่น ให้บุคคลภายนอกทราบว่าตนได้ลงหุ้นไว้มากกว่าจำนวนซึ่งได้จดทะเบียนเพียงใด ผู้นั้นจะต้องรับผิดเท่าถึงจำนวนเพียงนั้น (*หลักกฎหมาย ใช้คำอธิบายเดียวกันกับ การแสดงตน ในมาตรา 1054) ชัดเจน โม้เท่าไหร่ รับผิดเท่านั้น แต่มาตรานี้ ก็มีข้อยกเว้นคือ เว้นแต่ บุคคลภายนอกนั้นได้รู้อยู่แล้ว ถึงข้อจำกัดความรับผิดที่มีอยู่เช่นว่านั้น บุคคลภายนอกคนดังกล่าวก็ต้องผูกพันในความที่ได้รู้ถึงข้อจำกัดนั้นด้วย จึงสรุปได้ดังนี้... กูจำกัด ก็รู้ตัว ยังมั่วนิ่ม มึงก็ยิ้ม เห็นดีชั่ว ยังหัวหมอ กูก็รับ ผิดของกู เท่านั้นพอ เกินนั้นหนอ อพุโธ่ มึงโง่เอง มาตรา 1087 - ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้น ต้องให้แต่เฉพาะผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดเท่านั้น เป็นผู้จัดการ มาตรา 1088 ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใด สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ผู้นั้นจะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทั้งหลายของห้างหุ้นส่วนนั้น โดยไม่จำกัดจำนวน แต่การออกความเห็นและแนะนำก็ดี ออกเสียงเป็นคะแนนนับในการตั้งและถอดถอนผู้จัดการ ตามกรณีที่มีบังคับไว้ในสัญญาหุ้นส่วนนั้นก็ดี ท่านหานับว่าเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของ ห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ (สะ สะ สะ สองมาตรานี้ ออกสอบบ่อยๆ (อีกแล้ว) จึงต้องมาดูเฉาะกันให้ละเอียดอีกสักฉึก สองฉึก) 1087นั้น ไม่มีอะไรยุ่งยาก เป็นเรื่องข้อจำกัดในการเป็นผู้จัดการ ต้องให้หุ้นส่วนที่รับผิดอย่างไม่จำกัดเท่านั้นถึงเป็นได้ รศ.ทิพย์ชนก รัตโนสถ ให้ข้อสันนิฐานว่า อาจเป็นเพราะ 1077(1) แบกรับความเสี่ยงภัย(risk) ไว้น้อยกว่า 1077(2) ดังนั้นการที่ 1077(1) รับความเสี่ยงภัยน้อยกว่านี้เอง อาจเป็นเหตุให้พวกเขาใช้ความระมัดระวังในการจัดการงานของห้างในระดับที่น้อยเกินไปก็ได้ หากจะให้เขามีส่วนในการจัดการงานของห้างโดยตรงก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นๆได้ , ส่วน 1088 เป็นเรื่องของการที่ฝ่าฝืนมาตรา 1087 เป็นบทลงโทษแด่ผู้มีจิตอาสา ซึ่งมีเรื่องสำคัญที่จะต้องเฉาะกันดังต่อไปนี้... สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน การกระทำดังนี้นั้น จะต้องเป็นการกระทำที่ถึงกับเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือออกอำนาจแทนในอำนาจหน้าที่ของผู้จัดการที่เกี่ยวพันกับบุคคลภายนอก จนบุคคลภายนอกเข้าใจผิดไปว่าผู้มีจิตอาสา มีอำนาจจัดการได้ดังนั้น เช่น การทำนิติกรรม การฟ้องร้องคดี การต่อสู้คดี เป็นต้น และถึงแม้จะได้รับอนุญาต หรือได้รับมอบหมายจากผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแล้วก็ตาม ถ้าได้สอดมีจิตอาสาเข้าไปจัดการก็ต้องรับผิดด้วย ฎีกา 1650/2500 - ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเข้าไปจัดการห้างต้องรับผิดร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด เช่นเดียวกับผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญ ฎีกา 1880/2514 - การที่หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้เข้าทำสัญญาซื้อขายปอในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยลงชื่อตนเอง และประทับตราของห้าง ถือเป็นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน หุ้นส่วนผู้นั้นต้องรับผิดชอบตามสัญญาด้วย ฎีกา 2448/2518 ห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการให้หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเข้าทำสัญญารับสภาพหนี้ของห้างหุ้นส่วน เป็นการเชิดหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดออกเป็นตัวแทนห้างหุ้นส่วน ผู้จัดการก็ต้องรับผิดร่วม หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดที่สอดเข้าไปจัดการก็ต้องรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ ตามมาตรา 1088 เป็นการส่วนตัว ฎีกา 590/2520 - เมื่อหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด ต้องรับผิดในหนี้ของห้างโดยไม่จำกัดจำนวนตาม ม.1077 วรรคสอง เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดได้ทันที อย่างไรก็ตาม มาตรา 1088 ยังมีข้อยกเว้น ที่ไม่ถือว่าเป็นการสอดเข้าไปจัดการงานของห้างหุ้นส่วน อยู่ใน วรรคสอง คือ - การออกความเห็นและแนะนำ ข้อยกเว้นของข้อยกเว้นคือ จะต้องไม่เป็นการออกความเห็นที่มีอำนาจชี้ขาดการจัดการภายในห้าง โดยหุ้นส่วนผู้จัดการเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น - ออกเสียง เพื่อเป็นคะแนนนับฯ มีข้อยกเว้นของข้อยกเว้นคือ จะต้องมีข้อสัญญาให้สิทธิในการออกเสียงลงคะแนนได้ไว้ในสัญญาหุ้นส่วนอย่างเป็นชิ้นเป็นอันด้วย หากไม่มีการตกลงกันไว้ก็ไม่มีสิทธิทำ (ฎีกา 3051/2529) ปัญหาน่าคิด 1. ความรับผิดในกรณีนี้ จะต้องรับผิดรวมไปถึงบรรดาหนี้สินของห้างฯ ที่มีอยู่ทั้งหมดทั้งก่อนหน้านั้นแล้วด้วย หรือจะต้องรับผิดเฉพาะมูลหนี้ ที่หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดได้สอดจัดการไปเพียงเท่านั้น ? - อ. ธีระ สิงหพันธุ์ ได้ให้ความเห็นว่า ถ้าจะให้หุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดผู้นั้นต้องรับผิดในบรรดาหนี้สินทั้งหมดก็จะดูไม่เป็นธรรมแก่เขา เมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวในหนี้รายใด ก็ควรจะรับผิดในหนี้รายนั้นเท่านั้น *อนึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีคำพิพากษาเอาไว้โดยตรง 2. เมื่อหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด เป็นผู้ไม่มีสิทธิจัดการ การกระทำของเขาเช่นนั้นจะทำให้ห้างฯผูกพันกับบุคคลภายนอกได้อย่างไร ? - ตำราของ รศ. วรวุฒิ เทพทอง อธิบายเอาไว้ว่า ในการจัดการนั้นจะต้องเป็นการทำไปเพราะความยินยอมของห้าง หรือห้างฯให้สัตยาบันเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะตกเป็นความผิดส่วนตัวไป 3. ถ้าหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดคนที่ต้องรับผิดตามมาตรานี้ ได้โอนหุ้นของตนไปให้ผู้อื่นทั้งหมด (เพื่อหนีหนี้ล่ะ) เจ้าหนี้จะฟ้องผู้รับโอนด้วยได้หรือไม่ ? - แนวฎีกา 1035/2520 ท่านว่า ผู้รับโอนมิได้มีส่วนรู้เห็นด้วย เจ้าหนี้ของห้างย่อมไม่มีสิทธิฟ้องเมื่อห้างยังไม่เลิก 4. หุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด จะมีอำนาจไต่ถาม และตรวจสมุดบัญชี เอกสารต่างๆ ได้หรือไม่ ? - อ. ธีระ สิงหพันธุ์ ได้ให้ความเห็นว่า ไม่สมควรให้มีอำนาจดังกล่าว เพราะอาจมีการนำเอาความลับของห้างไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์ต่อตน จนห้างเสียหายได้ แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? ดู 1090 ต่อไป.... มาตรา 1090 - ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดจะประกอบการค้าขายอย่างใดๆ เพื่อประโยชน์ตนหรือเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกก็ได้ แม้ว่าการงานเช่นนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างเดียวกันกับการค้าขายของห้างหุ้นส่วน ก็ไม่ห้าม เพียงเท่านี้ก็จะเห็นแล้วว่า เพราะหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิด เขามีสิทธิที่จะทำการค้าอะไรก็ได้ทุกอย่าง ชนิดที่ว่า freedom busineses ซึ่งไม่ได้มีข้อผูกมัดไม่ให้ทำการค้าใดๆทั้งสิ้น จะแข่งขันกันก็ได้ ฤาเจ้าจะโค่นก็เชิญ รศ.พิมพ์ชนก ท่านบอกว่า จึงไม่จำต้องมีหน้าที่ต้องจงรักภักดีต่อห้างหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดที่อาจเป็นผู้จัดการห้างได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ 1077ทั้งหลาย ได้รับความเสียหายจากการให้สิทธิของ 1090 นี้ จึงจำเป็นต้องมี 1085,1087,1088 มาช่วยคุมกำเนิดสิทธิต่างๆของเขาไว้ เหมือนดั่งคนถูกยาพิษชั้นดีทำพิษเข้า ก็จำเป็นต้องมียาถอนพิษชั้นดีไว้แก้ทางแก้โรคกัน ฉันใดไซร้ ก็ฉันนั้น อนึ่งยาพิษนั้น ถ้ารู้จักที่ใช้ให้ถูกกับโรค ถูกกับคน ก็อาจกลายเป็นยาวิเศษขึ้นมาได้เหมือนกัน หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดนี้ ในระยะแรกทีเดียว อุปมาเหมือนคนป่วยซมซานผะงาบๆด้วยโรค 1080+1066 ดังนั้นการที่มี ม. 1090 จึงเหมือนเป็นการให้ยาพิษที่ถูกกับโรคของคนป่วยนั่นแล (*ผมจงใจเขียนให้งงนิดๆครับ อยากให้อ่านอีกรอบจะได้ลึกซึ้ง!! ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่า ทุกๆมาตรา มันจะมีลักษณะเป็นมาตราก่อเหตุ และมาตราแก้เหตุ โดยจะเชื่อมโยงเพื่อแก้ทางกันไปมาพะรุงพะรังกันไปหมดแบบยาพิษกับยาถอนพิษทำนองนี้แหละ...)
มาตรา 1091 - ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดจะโอนหุ้นของตนปราศจากความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นๆ ก็โอนได้ มาตรา 1092 - การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดตายก็ดี ล้มละลายหรือตกเป็นคนไร้ความสามารถก็ดี หาเป็นเหตุให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องเลิกกันไม่ เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น มาตรา 1093 - ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดตาย ท่านว่าทายาทของผู้นั้นย่อมเข้าเป็นหุ้นส่วนแทนที่ผู้ตาย เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็นอย่างอื่น มาตรา 1094 - ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดผู้ใดล้มละลาย ท่านว่าต้องเอาหุ้นของผู้นั้นในห้างหุ้นส่วนออกขายเป็นสินทรัพย์ในกองล้มละลาย (*1091-1094 ดูผ่านๆก็พอครับ ไม่เคยออกสอบ แต่เป็นหลักการที่ควรรู้!!) มาตรา 1095 - ตราบใดห้างหุ้นส่วนจำกัดยังมิได้เลิกกัน ตราบนั้นเจ้าหนี้ของห้าง ย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ แต่เมื่อห้างหุ้นส่วนนั้นได้เลิกกันแล้ว เจ้าหนี้ของห้างมีสิทธิฟ้องร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดได้ เพียงจำนวนดั่งนี้ คือ (1) จำนวนลงหุ้นของผู้เป็นหุ้นส่วนเท่าที่ยังค้างส่งแก่ห้างหุ้นส่วน (2) จำนวนลงหุ้นเท่าที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ถอนไปจากสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน (3) จำนวนเงินปันผลและดอกเบี้ยซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนได้รับไปแล้วโดยทุจริตและฝ่าฝืนต่อบทมาตรา 1084 การฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด แยกเป็น 2 กรณี คือ 1. กรณีที่ห้างยังไม่เลิก เจ้าหนี้จะไม่มีสิทธิที่ฟ้องได้ ข้อยกเว้น ดูฎีกา 590/2520 (*มีในมาตรา 1088) 2. กรณีที่ห้างเลิกแล้ว ตามวรรคสอง สิทธิในการฟ้องของเจ้าหนี้จะเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องได้เพียงเท่าที่บัญญัติไว้ใน 3อนุ ในมาตรานี้ (1) และ (3) ไม่มีอะไรซับซ้อน ความซับซ้อนอยู่ที่ อนุ 2 (2) คำว่า จำนวนลงหุ้นเท่าที่ผู้เป็นหุ้นส่วนได้ถอนไปจากสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน คือ การที่หุ้นส่วนได้ขอลดจำนวนหุ้นลงนั่นเอง เช่นตอนตั้งห้างรับว่าจะลงหุ้น 1ล้านบาท แต่พอดำเนินกิจการมาได้ 3ปี จึงขอลดจำนวนลงหุ้นเหลือ 8แสนบาท เช่นนี้ก็จำเป็นจะต้องนำเอาความข้อนี้ไปจดทะเบียนด้วย จึงจะมีผลสมบูรณ์ - หากไม่มีการจดทะเบียนย่อมไม่สามารถที่จะนำเอาการลดหุ้นดังกล่าวยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับบุคคลภายนอกได้ เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องให้รับผิดได้เต็มจำนวนที่ได้รับลงหุ้นไว้แต่แรก และยังคงค้างอยู่ หรือได้ถอนออกไป - แม้ว่าจะได้มีการนำเอาข้อความการลดหุ้นนี้ไปจดทะเบียนแล้วก็ตาม ข้อความดังกล่าวนั้น ก็จะมีผลบังคับแต่เพียงเฉพาะหนี้ที่อันห้างหุ้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้จดทะเบียนแล้วเท่านั้น หากเป็นหนี้ที่ได้ก่อขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการจดทะเบียนเช่นว่านั้น เจ้าหนี้เขาก็ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องร้องให้รับผิดเต็มจำนวนที่ได้รับลงหุ้นไว้ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ อย่าลืมว่าสิทธิในการฟ้องตามมาตรานี้ จะเกิดขึ้น ก็ต่อเมื่อห้างได้เลิกกันแล้วเท่านั้น...
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2555 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2555 7:27:36 น. |
|
3 comments
|
Counter : 15519 Pageviews. |
|
|