Group Blog
ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
5 เหตุผล (หรือข้ออ้าง?) ที่คนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ
“คุณคิดว่าคุณเก่งภาษาอังกฤษหรือไม่ครับ?” ถ้าคำตอบคือคิดว่า “(ยัง)ไม่เก่ง” ผมขอถามต่อว่าแล้วทำไมหรือเพราะสาเหตุใดทำให้คุณไม่เก่งภาษาอังกฤษหล่ะครับ? จากการที่ผมคลุกคลีอยู่กับคนไทยที่อยากเก่งภาษาอังกฤษมานับร้อย ผมจึงอยากเล่าประสบการณ์ผ่านอัคนีฉบับนี้พร้อมกับวิเคราะห์ให้ท่านผู้อ่านเก็บไปคิดเป็นการบ้าน ต่อไปนี้คือตัวอย่างของเหตุผล (หรือข้ออ้างกันแน่?!?) ยอดฮิตที่คนไทยมักจะอ้างว่าทำให้เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ

เหตุผลที่ 1 “รู้คำศัพท์น้อย”
นี่เป็นเหตุผลสุดฮิต เรียกได้ว่าติด TOP 5 มาโดยตลอด คุณเริ่มท่องศัพท์ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อายุกี่ขวบหรือครับ? แล้วในชีวิตของคุณท่องศัพท์มาแล้วกี่ปีหรือกี่คำ? แล้วคุณคิดว่าคุณต้องรู้คำศัพท์สักกี่คำที่จะทำให้คุณสนทนากับฝรั่งได้? ในระบบการศึกษาของไทยสมัยก่อน ผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตอน ป.5 แล้วโดนจับท่องคำศัพท์มาโดยตลอด ผมคิดว่าจบมัธยมปลายนักเรียนไทยน่าจะรู้คำศัพท์เป็นพันคำ เด็กสมัยนี้จะโชคดีกว่าสมัยผมตรงที่ส่วนใหญ่จะเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก บางคนเรียนตั้งแต่อนุบาลยังมีเลย เพราะฉะนั้นเด็กรุ่นใหม่น่าจะรู้คำศัพท์มากกว่าคนรุ่นก่อนด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามผมอยากให้คุณเปรียบเทียบตัวคุณซึ่งรู้คำศัพท์เป็นพันคำกับเด็กฝรั่งอายุสักประมาณ 6 – 7 ขวบ คุณคิดว่าใครจะรู้คำศัพท์มากกว่ากัน? อย่าบอกนะครับว่าเด็กที่เพิ่งพูดได้ไม่กี่ปีจะรู้คำศัพท์มากกว่าคุณ นี่คือตัวอย่างว่าเด็กฝรั่งซึ่งรู้คำศัพท์เพียงไม่กี่ร้อยคำก็พูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ดังนั้นการรู้คำศัพท์น้อยอาจจะไม่ใช่อุปสรรคที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรอก ลองคิดอีกแง่หนึ่งสำหรับคนไทย ทำไมคนไทยจึงพูดภาษาไทยได้คล่องทั้งที่ตอนเด็กๆ เราไม่เห็นต้องท่องคำศัพท์ภาษาไทยวันละ 5 คำเป็นนกแก้วนกขุนทองเหมือนการฝึกภาษาอังกฤษเลย แล้วทำไมเราท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษกันตั้งมากมายกลับยังพูดสนทนากับฝรั่งไม่รู้เรื่องสักทีหล่ะครับ? เรื่องนี้ต้องอธิบายยาวเนื้อที่แค่นี้ไม่พอแน่ครับ เอาไว้จะแนะนำในฉบับต่อๆ ไปถึงวิธีการท่องคำศัพท์ที่จะทำให้คุณนำไปใช้งานได้จริงๆ

เหตุผลที่ 2 “ไม่ค่อยได้ใช้”
เหตุผลหรือข้ออ้างข้อนี้ก็พอฟังขึ้นอยู่นะครับ อะไรก็ตามที่คุณเรียนรู้แล้วไม่ได้นำไปใช้ก็จะลืมไปในที่สุด แต่ในเมื่อคุณรู้ว่าคุณไม่ค่อยมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แล้วทำไมไม่แสวงหาภาษาอังกฤษให้เข้ามาในชีวิตคุณล่ะครับ? จะได้เก่งซักที สมัยนี้ยังโชคดีตรงที่คุณสามารถหาความรู้ทางภาษาอังกฤษได้ง่ายดายกว่าสมัยก่อนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเตอร์เน็ต, การ chat กับเพื่อนต่างชาติ, การเขียนจดหมายอิเล็คโทรนิค ฯลฯ ขนาดรายการโทรทัศน์ของไทยเองยังมีภาษาอังกฤษให้ดูมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวภาคภาษาอังกฤษที่มีให้เห็นแทบทุกวัน หนังสือพิมพ์ นิตยสารนอก ก็มีให้อ่านมากขึ้น ภาพยนตร์ต่างประเทศก็ได้รับความนิยมมานมนาน คุณเห็นหรือยังครับว่าช่องทางในการเสาะหาภาษาอังกฤษนั้นง่ายดายมาก ดังนั้นคนสมัยนี้น่าจะเก่งภาษาอังกฤษกว่าคนรุ่นก่อนด้วยซ้ำ ขอเพียงคุณเปิดใจรับภาษาอังกฤษเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน รับรองคุณจะเก่งขึ้นอย่างแน่นอนและจะได้เลิกอ้างว่า “ฉันไม่เก่งภาษาอังกฤษเพราะไม่ค่อยได้ใช้” ซักที นอกจากนั้น อีกสาเหตุที่ทำให้คนไทยไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษคือ ไม่กล้าพูดออกไป กลัวผิดและกลัวโดนจับผิด (โดยเฉพาะคนไทยด้วยกันเอง) เดี๋ยวขายหน้า ขอร้องเถอะครับ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษคุณต้องใจกล้าหน้า...พอสมควร ผมเองเคยหน้าแตกต่อหน้าฝรั่งมานับครั้งไม่ถ้วนจนแกร่งแล้วครับ ไม่เห็นมีใครมาทำโทษเวลาผมพูดผิดเลย แถมการหน้าแตกนี่หล่ะจะทำให้เราจดจำไปนานแสนนานเลย และทำให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องไม่ผิดแบบเดิมอีก คุ้มจะตายไป ฉะนั้นกล้าๆ พูดไปเถอะครับ และโดยธรรมชาติ ถ้าฝรั่งฟังเราพูดผิดเค้าก็มักจะแก้ให้เรา เราก็จำสิ่งที่ถูกต้องไปใช้ ได้เรียนรู้อีกด้วย ถ้าไม่พูดออกไปก็ไม่รู้หรอกว่าที่คิดเอาไว้น่ะจะผิดหรือถูกกันแน่

เหตุผลที่ 3 “ไม่เคยไปต่างประเทศ”
อันนี้ขึ้นกับแต่ละบุคคลครับ ผมเคยเห็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่กลับพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีเท่ากับคนไทยที่ไม่เคยไปต่างประเทศก็มี การไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศไม่มีอะไรรับประกันว่าจะทำให้สำเนียงคุณเป็นฝรั่งได้หรอก แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศมีโอกาสประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้มากกว่าคนที่อยู่ในประเทศไทย เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวเค้าเป็นภาษาอังกฤษหมด มันจึงบังคับให้เค้าต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอด ผมยังไม่เคยได้ยินข่าวคนไทยในต่างแดนอดตายเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยครับ แต่คนที่อยู่ในประเทศไทยก็ไม่ต้องน้อยใจ อย่างที่บอกว่าสมัยนี้คุณหาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันง่ายจะตายไป ดังนั้นก็พยายามดูหนังฝรั่งแทนการดูละครไทย, ฟังเพลงฝรั่งแทนเพลงไทย, อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารภาษาอังกฤษ, คุยกับฝรั่งบ่อยๆ(ถ้ามีโอกาส) แค่นี้คุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่อยู่เมืองนอกแล้วหล่ะครับ

เหตุผลที่ 4 “ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่”
จริงอยู่ที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาของพ่อแม่เรา แต่คนไทยแท้ๆ ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งก็มีหรือฝรั่งที่พูดภาษาไทยได้ชัดเป๊ะอย่างคุณแอนดรู บิ๊กส์ ก็ไม่ได้มีพ่อแม่เป็นคนไทยซักหน่อย ยังพูดภาษาไทยได้ชัดเจนกว่านางงามบางคนที่พ่อแม่เป็นคนไทยแต่ใช้ชีวิตในเมืองนอกด้วยซ้ำไป ดังนั้นมั่นใจได้ครับว่าทักษะทางภาษาไม่ได้ถ่ายทอดกันทางพันธุกรรม นอกจากนั้นการพูดภาษาต่างๆ ได้ยังไม่ขึ้นกับความฉลาดของแต่ละคนเท่าไรนัก เพราะดูสิครับ คนไทยแต่ละคนมีความฉลาดแตกต่างกันไป แต่ก็พูดภาษาไทยได้กันทุกคน คุณอาจจะอ้างว่า บางคนพูดได้หลายภาษาเพราะเค้ามีพรสวรรค์จึงทำให้เค้าพูดได้ไง ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพรสวรรค์เท่ากับพรแสวง คุณลองไปถามคนเหล่านั้นที่สามารถพูดภาษาต่างชาติได้เหมือนเจ้าของภาษา คุณจะได้รับคำตอบว่า เค้าฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะได้อย่างที่คุณเห็น ไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ ก็เป็นได้เองแน่นอนครับ อันนี้เอาหัวเป็นประกันได้ อีกประเด็นหนึ่งคือ ถ้าถามว่าทำไมภาษาอังกฤษของคนไทยจึงสู้ประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ ? ก็มักจะได้รับคำตอบว่าเพราะประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร (กล่าวอย่างภาคภูมิใจ) แต่อย่าลืมนะครับว่า คนสมัยที่ยังเป็นเมืองขึ้นนั้น ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงแก่มากแล้ว ดังนั้นสาเหตุที่ว่าเป็นเมืองขึ้นแล้วเก่งภาษาอังกฤษมาจนถึงปัจจุบันจึงฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไรนัก เพราะคนรุ่นปัจจุบันพ้นยุคนั้นมานานมากแล้วครับ อีกเรื่องที่น่าตกใจ คือจากผลการวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษของคนไทยโดยเฉลี่ยจากคะแนนสอบ TOEIC, TOEFL ของปี 2547-2548 ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านแม้กระทั่งลาว กัมพูชา เวียดนามและพม่าอีกนะ ไม่ต้องถึงกับไปเปรียบเทียบกับมาเลเซีย, สิงคโปร์หรือ ฟิลิปปินส์หรอก ซึ่งประเทศเหล่านี้นำเราไปหลายช่วงตัวครับ จึงอยากสนับสนุนให้เด็กๆ รุ่นใหม่ใส่ใจในภาษาอังกฤษกันมากๆ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยในอนาคต (แหม !...พูดเหมือนหาเสียงมั๊ยครับ?)

เหตุผลที่ 5 “จำหลักไวยากรณ์ (grammar) ไม่ค่อยได้”
ถ้ามีคนมาบอกผมว่า คนไทยไม่ค่อยรู้เรื่องหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ผมขอเถียงหัวชนฝาเลย (จะเจ็บมั๊ยเนี่ย?) เพราะเราถูกจับเรียนไวยากรณ์มาตั้งแต่เริ่มรู้จักภาษาอังกฤษกันเลย มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อดีคือหลักไวยากรณ์ดี ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง มันย่อมดีกว่าใช้แบบผิดๆ อยู่แล้ว แต่ข้อเสียของการเรียนรู้ไวยากรณ์ก่อนที่จะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทำให้คุณต้องนึกถึงหลักไวยากรณ์ทุกครั้งก่อนจะพูดแต่ละประโยคออกไป ซึ่งใช้เวลานาน ลองเปรียบเทียบกับภาษาไทยดูสิครับ เด็กไทยทุกคนพูดไทยได้คล่อง แล้วจึงเข้าโรงเรียนเพื่อไปเรียนหลักภาษาไทย จึงทำให้เราพูดภาษาไทยได้โดยไม่ต้องวิตกจริตคิดมากก่อนพูดภาษาไทยออกไป ต่อให้ตอนนี้คุณพูดภาษาไทยได้คล่อง ถ้าผมถามถึงหลักภาษาไทย เช่น สระในภาษาไทยมีกี่รูป? กี่เสียง? อะไรบ้าง? อักษรต่ำในภาษาไทยมีอะไรบ้าง? และอักษรต่ำแตกต่างจากอักษรสูงอย่างไร? เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ แต่ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่ตอบไม่ได้ ก็ยังพูดไทยได้ชัดอยู่ดี ดังนั้นนี่คือข้อพิสูจน์ที่ว่าคุณไม่จำเป็นต้องรู้หลักไวยากรณ์มากมาย คุณก็ยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เช่นกัน
นี่คือตัวอย่างของข้ออ้างเพียงแค่ 5 ข้อในจำนวนข้ออ้างอีกร้อยแปดพันประการที่คนไทยมักจะอ้างว่าทำให้ตนเองไม่เก่งภาษาอังกฤษ คุณลองเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ เลิกหาข้ออ้างให้กับตัวเอง แล้วเปลี่ยนมาเป็นข้อที่ควรปรับปรุงแก้ไข พร้อมกับหันมาฝึกฝนจนสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองได้ ก็จะประสบกับความสำเร็จในที่สุดครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุก comment นะครับ บทความเหล่านี้เป็นบทความที่ผมเขียนขึ้นเองจากประสบการณ์ที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับคนไทยมา 5 ปี ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารอัคนี ของบริษัทไทยออยล์ด้วย ยังไงถ้าชอบกัน comment มาเยอะๆ ผมจะเอามา post เรื่อยๆ นะครับ แค่ทำให้ผู้อ่านเกิดความอยากจะฝึกภาษาอังกฤษ ผมก็ชื่นใจแล้วครับ โปรดติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่นี่นะครับ




Create Date : 15 ธันวาคม 2550
Last Update : 15 ธันวาคม 2550 12:08:28 น.
Counter : 1590 Pageviews.

11 comments
  
สวัสดีคะ พี่เองก็เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ได้ไม่นาน เนื่องจากโรงเรียนแถวบ้านขาดครูสอนภาษาอังกฤษ (ครูที่จบมามักไปทำอาชีพอื่นๆที่ได้เงินเยอะๆ) ตอนแรกก็คิดว่าจะสอนแค่เทอมเดียว ตอนนี้เทอมที่สองแล้ว ไม่อยากทิ้งเด็กๆ

พี่ก็เลยต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในการหาวิธีการสอน เพราะตอนที่พี่ยังเด็กสอบผ่านเพราะทำแบบฝึกหัดเยอะ บางเรื่องก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่ว่ามันใช้แบบเนี๊ยะ มาเจอบลอกนี้ก็ต้องขออนุญาตเลยนะคะ ที่จะนำไปถ่ายทอดให้เด็กๆ ต้องขอบคุณ คุณน้องมากๆที่สร้างบลอกดีๆไว้ให้สาธารณชนนะคะ
โดย: พี่ฝน (Childcraft ) วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:13:54:26 น.
  
ตอนนี้กำลังจะหัดพูดภาษาอังกฤษอยู่ค่ะ คิดเหมือนกันค่ะว่า "ถ้าเราไม่มีพรสวรรค์อย่างน้อยเราก็ต้องมีพรแสวง" ยังไงจะคอยมาติดตามอ่านนะค่ะ
โดย: สนค่ะ IP: 203.144.187.18 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:14:20:33 น.
  
thank you na ka
โดย: thaispicy วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:2:43:22 น.
  
มาบล็อกนี้ได้แนวคิดหลายอย่าง ขอบคุณ คุณครูค่ะ ตอนนี้กำลังฝึกพูดภาษาเกาหลีอยู่ค่ะ เพราะอยู่ทีเกาหลี แต่ภาษาอังกฤษก้อไม่แข็งแรง พอไปได้อะ..จะแวะมาบ่อย ๆ ได้อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะอยู่ที่นี่ค่ะ
โดย: satarung วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:16:10:27 น.
  
อ่านแล้วรู้สึกผิดจัง
เพราะตัวเองไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวันจริงๆด้วยนะ
แล้วก็ไม่รู้จะฝึกคุยกับใคร
ทุกวันนี้รอบๆตัว ก็คุยภาษาไทยกันหมด
ถึงแม้วาจะลงเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวันเสาร์
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดได้คล่องปากเหมือนคนอื่นๆ
ละอายแก่ใจจัง...

ตอนนี้ก็เลยมานั่งคิดว่า จะทำอย่างไรดี

อยากเก่งภาษาอังกฤษจริงๆนะ
โดย: ryuzaki วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:22:03:50 น.
  
ดีค่ะ
โดย: มัก IP: 125.24.144.105 วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:9:28:39 น.
  

เรา มีพร สวรรค์ ในด้าน นี้ ด็ ควร พยา ยาม มัน เข้า ไว้การ เรียน ไม่มี คำ ว่า สิ้น สุด หรอก จำ ไว้
โดย: มลนิภา นิราโพธิ์ IP: 222.123.191.93 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:08:40 น.
  
โดย: เเฟนต้า IP: 222.123.191.93 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:10:08 น.
  
หนูเหนื่อยอ่ะ หนูไม่อยากไปเรียนภาษาอังกฤษที่เรียนพิเศษเลยละ พ่อกับแม่ ไม่เข้าใจเลย หนูอยากมีความสุข
หนูไม่อยากเป็นทุกข์ หนูยอมรับว่าหนูโง่ อังกฤษ มากๆๆๆๆ
แต่หนูไม่อยากเรียนอังกฤษ พรุ่งนี้ก็ต้องไปสมัครเรียนพิเศษภาษาอังกฤษแล้ว หนูเหนื่อยอ่ะ ปิดเทอมก็ต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ หนูบอกตรงๆๆ ว่า หนูแย่ๆๆมากๆๆ
ที่ทำ ให้ พ่อกับแม่ ผิดหวังในตัวหนู หนู เป็นลูก คนเดียวพ่อกับแม่ก็หวังสูงอยากจะให้ลูกได้ดี แต่ไม่เข้าใจความรู้สึกของลูกเลย ว่าต้องเหนื่อยขนาดไหน หนูเหมือนคนไม่มีตัวตนเลย หนูท้อมากกับวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อนก็บอกว่า ถ้าไม่เก่งอังกฤษ ทำไมไม่หัดให้เก่งๆๆ หนูทำแล้ว แต่ทำไม่ได้ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั้น
แต่หนูไม่สำเร็จ หนูเรียนแล้วหนูไม่รู้เรื่องเลยละ บอกตรงๆๆ ท้อแท้กับวิชาภาษาอังกฤษมากๆๆๆ หนูอยากจะร้องไห้อ่ะ เหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: คนไม่มีตัวตน IP: 118.173.153.23 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:20:18:47 น.
  
จริง ๆ เป็นคนที่ภาษาอังกฤษแย่มาก
แต่ตอนนี้อยากจะเก่งและพูดภาษาอังกฤษได้
เพราะตอนนี้มีลูก อยากให้ลูกเก่งภาษา
แต่ถ้าแม่สอนลูกไม่ได้ลูกก็จะไม่เกิดความศรัทรา
จึงต้องฮึด สู้ เพราะสามีก็พูดได้แต่เราเหมือนโง่มาก
ขอบคุณมาก มาก ที่มีข้อมูลดีดีอย่างนี้นะค่ะ
เหตุผลทุกข้อที่มีคือตัวดิฉันทุกข้อเลยค่ะ




โดย: ดวงกมล IP: 58.137.58.226 วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:14:44:21 น.
  
ขอแก้หน่อยค่ะ อ่านแล้วมันรู้สึกติดๆ

คือคำว่า "ล่ะ" ไม่ได้สะกดว่า "หล่ะ" ค่ะ

ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แค่แก้ให้เฉยๆ หนูติดตามอ่านบทความของครูมาตลอดเลยค่ะ^^ เป็นแรงบันดาลใจให้หนูมากๆเลย
โดย: งุงิ IP: 61.90.22.208 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:07:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3