Group Blog
ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ทำยังไงถึงจะปรับสำเนียงให้เป็นฝรั่ง? (2/2)
ประสบการณ์ของผม คนไทยสามารถเปลี่ยนสำเนียงการพูดให้เป็นฝรั่งได้อย่างแน่นอน บางคนอาจจะไม่เชื่อเพราะไม่เคยเห็นคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งเป๊ะ คนไทยพูดไม่เชื่อไม่เป็นไร ผมเลยนำคำถามยอดฮิตสัก 4 คำถามที่ฝรั่งเค้าเขียนตอบไว้ใน //www.americanaccent.com มาเสนอให้อ่านกันดังนี้
1) เราจะเปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษของเราได้หรือไม่?
เปลี่ยนได้แน่นอน เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนได้มากหรือน้อยแค่นั้นเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงจูงใจและความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยน บางคนอาจจะคิดว่าการเปลี่ยนสำเนียงคือการเปลี่ยนความเป็นตัวคุณไปด้วย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อนอยู่เหมือนกัน
2) เราจะต้องใช้เวลานานเท่าไรในการเปลี่ยนสำเนียง?
ปกติจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนช่วงประมาณ 6 เดือน (เมื่อคุณฝึกฝนอยู่เป็นประจำ) คุณอาจจะผิดหวังที่ไม่ได้รับคำตอบว่าสามารถเปลี่ยนได้ภายใน 10 นาที
3) สำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษมานานนับสิบปี ควรจะทำอย่างไรดี?
แน่นอนครับว่ามันค่อนข้างยากเพราะคนเหล่านี้จะมีนิสัยการพูดภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ ติดตัว ซึ่งยากแก่การเปลี่ยนแปลง ข้อแนะนำเบื้องต้นคือ เวลาคุณดูหนังฝรั่ง, ฟังเพลงสากล, ฟังวิทยุคลื่นภาษาอังกฤษ ให้สังเกตการใช้สำเนียงของฝรั่งเจ้าของภาษาแทนที่จะสนใจแปลความหมายอย่างเดียว
4) ได้ยินมาว่าคนที่อายุแก่กว่า 12 ปีจะไม่สามารถเปลี่ยนสำเนียงของตนเองได้ จริงหรือไม่?
เด็กๆ เค้าจะเรียนรู้ทักษะทางภาษาได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ทั้งๆ ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เพราะอะไรเหรอครับ เวลาเด็กฟังภาษาอังกฤษ แทนที่เค้าจะรู้สึกแปลกใจว่ามันสะกดอย่างไร? เค้ากลับพูดตามเสียงที่ได้ยินให้เหมือนมากที่สุด ทั้งจังหวะ ท่วงทำนองในการออกเสียงโดยไม่สนใจการสะกดคำ และเด็กมีความเต็มใจที่จะทำผิด ซึ่งผู้ใหญ่มักจะอาย กลัวทำผิด ไม่ต้องการให้คนอื่นดูถูกว่าฉันโง่ และมักจะยึดติดกับสิ่งที่ตนเองรู้ (ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ว่างั้นเถอะ แหม...มันช่างตรงกับนิสัยคนไทยเสียนี่กระไร) อีกอย่างที่สำคัญคือ เด็กจะเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ทั้งทางความคิดและการพูดสิ่งใหม่ๆ มากกว่าผู้ใหญ่ ที่กล่าวมาทั้งหมด จริงอยู่ว่าเด็กจะเปลี่ยนสำเนียงได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ แต่ไม่ต้องหมดกำลังใจ (ขอกลับไปเกิดเป็นเด็กใหม่นะครับ) ผู้ใหญ่อย่างเราก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน (คือต้องปรับเปลี่ยนความคิดการใช้ภาษาให้เหมือนเด็กๆ และกล้าๆ ผิดหน่อยนะครับ)
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง? ถ้าคุณเป็นคนที่เห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ อยากพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงฝรั่งไม่ใช่สำเนียงไทยๆ แถมเวลาฟังฝรั่งก็ฟังได้อย่างลื่นหู เข้าใจไปเลยโดยไม่ต้องแปล ใครๆ ก็คงอยากเป็นอย่างที่ผมบอก ข่าวดีคือเป็นได้ครับ แต่ข่าวร้ายคือกว่าจะเป็นได้ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก คุณพูดภาษาไทยได้คล่องเช่นทุกวันนี้ก็เพราะใช้มันทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอนไม่ใช่เหรอครับ? แล้วลองย้อนกลับมาดูภาษาอังกฤษที่คุณต้องใช้ในชีวิตประจำวันดูบ้าง คุณอาจจะพบว่าแทบไม่ได้ใช้เลยในวันๆ หนึ่ง ดังนั้นถ้าคุณแทบจะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน คุณก็จะต้องสร้างสถานการณ์บังคับตนเองให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษขึ้นมาเอง นั่นคือคุณต้องฝึกฝนด้วยตนเอง ซึ่งอย่างน้อยๆ ควรจะฝึกฝนวันละไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง จึงจะเห็นผลดังที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ ภายใน 3 – 6 เดือน แต่ถ้าคุณฝึกแค่ไม่กี่นาทีต่อวันทุกวัน ระยะเวลาในการเห็นผลก็จะทวีคูณขึ้นไปอีก อาจจะใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกท้อกลางทางคือเห็นว่าฝึกมาตั้งนานแล้วไม่ได้ผลสักที งั้นเลิกฝึกดีกว่า และในที่สุดคุณก็จะเป็นเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ที่มักจะล้มเหลวในการฝึกภาษาอังกฤษ พอวันดีคืนดีเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของมัน เช่น ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานหรือได้โยกย้ายไปทำงานที่ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติ เมื่อนั้นแหละจะเริ่มหลั่งน้ำตาเพราะเห็นโลงศพอยู่รำไร (คือถ้าไม่เห็นโลงศพก็ไม่หลั่งน้ำตา) ถึงจะเริ่มกลับใจฝึกฝน แต่อาจจะใช้การได้ไม่ทันเพราะอย่างที่บอกว่าคุณไม่สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ภายในวันสองวันแต่มันใช้เวลาเร็วสุด 3 เดือน ดังนั้นอย่ารอให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณก่อนแล้วค่อยนึกมาฝึกภาษาอังกฤษเลยครับ ควรจะเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อที่จะรับโอกาสดีๆ ที่อาจจะผ่านมาในชีวิตคุณ ซึ่งมันมักจะไปตกอยู่กับคนที่พร้อมที่สุดนั่นเอง ดังนั้นใครมีลูกหลานยิ่งให้เค้าฝึกฝนตั้งแต่เด็กๆ หรือวัยรุ่นได้จะดีมาก พอเป็นผู้ใหญ่แล้วเค้าจะได้นำความสามารถทางภาษาอังกฤษมาใช้งานได้เลย และยังนำมาใช้เป็นใบเบิกทางในการคว้าโอกาสดีๆ มากมายในชีวิตของเค้า เช่น สอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ, สัมภาษณ์งาน ฯลฯ ร่ายมาซะยาว เรามาพูดถึงเรื่องการฝึกเพื่อเปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษกันดีกว่า เนื่องจากพ่อแม่เราไม่ใช่ฝรั่ง (ไม่งั้นเราคงเกิดมาเป็นลูกครึ่งหน้าตาดีไปแล้ว ใช่มั๊ยครับ?) อย่างแรกที่คุณต้องทำคือ หาต้นแบบสำเนียงฝรั่งอย่างที่คุณอยากจะเป็นมาใช้เป็นต้นแบบของคุณ ซึ่งคุณอาจจะหาจากหนังฝรั่งหรือละครฝรั่ง (เลือกที่มีบทพูดเยอะๆ) ทางเคเบิ้ลทีวี, วีดีโอ, วีซีดี หรือดีวีดี หาเอาไว้หลายๆ เรื่องเลยครับ ไม่เอาพวกข่าวหรือการ์ตูนนะเพราะเราไม่ค่อยได้ใช้สำเนียงพวกนี้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นัก ถ้าหนังที่คุณหามามี subtitle ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตามกำกับอยู่ ให้หาสก็อตเทปมาปิดซะ สาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะเมื่อตาคุณเห็น subtitle สมองคุณจะอดไม่ได้ที่จะอ่านและแปลโดยอัตโนมัติซึ่งผิดหลักธรรมชาติ อย่าลืมนะครับว่าตอนเราเด็กๆ หัดพูดภาษาไทยก็ไม่ได้มีตัวหนังสือวิ่งกำกับเวลาเราเลียนเสียงพ่อแม่เช่นกัน จากนั้นให้คุณเลียนเสียงตามที่ได้ยินเลยครับ คุณอาจจะต้องเปิดเสียงทีวีให้ดังกว่าปกติสักหน่อยเพื่อให้ฟังเสียงต้นแบบได้อย่างชัดเจน ขณะที่คุณใช้หูฟังเสียงฝรั่ง ปากก็พูดออกมาให้เหมือนเสียงที่ได้ยินมากที่สุด ถ้าพูดไม่ทันถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ ไม่ต้องตกใจ ให้ฮัมเสียงสูงต่ำให้เหมือนกับเสียงที่ได้ยินก็ยังดี ข้อสำคัญคือแนะนำให้พูดพร้อมไปกับต้นฉบับเลย เค้าเริ่มพูด เราก็เริ่มพูด เค้าพูดจบ เราก็พูดจบ อาจจะช้ากว่าเค้าสัก 1 – 2 วินาทีไม่เป็นไร อย่าหยุดฟังทีละประโยคแล้วค่อยพูดตามซึ่งมันจะทำให้คุณเลียนเสียงต้นแบบได้ไม่เหมือนเท่าที่ควร อีกอย่างที่สำคัญคือ คุณไม่จำเป็นต้องฟังออกหรือรู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้นกับหนังที่คุณใช้เป็นต้นแบบเพราะเรากำลังจะฝึกการออกเสียง ไม่ได้ฝึกฟังเพื่อจับใจความ (กรุณาฝึกทีละอย่างครับ) ซึ่งบางทีฝึกตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่รู้เรื่องหนังเลย ถือว่าถูกต้องแล้ว ถ้าคุณอยากจะเห็นผลภายใน 3 เดือน คุณจะต้องฝึกด้วยวิธีดังกล่าวกับหนังฝรั่งวันละ 1 เรื่องทุกวัน วิธีการเช่นนี้คุณก็ใช้กับภาษาไทยอยู่เหมือนกัน รู้ตัวหรือเปล่า? เวลาคุณฟังเพลงฮิตยอดนิยมทางวิทยุซึ่งดีเจเปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณจะสามารถร้องเพลงนั้นได้เองโดยที่ไม่เคยเปิดกางเนื้อเพลงดูเลย ใช่มั๊ย? หรือการที่ทุกวันนี้คุณร้องเพลงชาติไทยได้ก็ไม่ได้เกิดจากการท่องเนื้อเพลงชาติตอนเด็กๆ เห็นหรือยังครับว่าคุณใช้วิธีการเดียวกันนี้กับภาษาไทยอยู่แล้ว ดังนั้นให้นำมันมาประยุกต์ใช้กับภาษาอังกฤษด้วยจะดีมาก อีกประการที่อยากจะเน้นนั่นคือ วิธีที่แนะนำดังกล่าวจะไม่มีการใช้สมองในการคิดแต่อย่างใด (อย่างลืมว่าต้องทำตัวเหมือนเด็ก) เพราะเสียงที่คุณได้ยินทางหูจะถูกเลียนแบบโดยการพูดออกมาทางปากซึ่งไม่ผ่านกระบวนการคิดของสมองแต่อย่างใด จึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง หากใครทำแล้วรู้สึกเครียด, หรือตาคุณมองเห็น subtitle แสดงว่าคุณเริ่มใช้สมองในการประมวลผลข้อมูลซึ่งจะเป็นอุปสรรคทำให้คุณไม่สำเร็จจากการฝึกฝนด้วยวิธีนี้ ลองฝึกดูนะครับ ถ้าคุณฝึกฝนด้วยวิธีที่ถูกต้องตามที่กล่าวไว้ข้างต้นและทำเป็นประจำ สำเนียงคุณจะเริ่มเปลี่ยนจากสำเนียงไทยๆ ไปเป็นฝรั่งมากขึ้นเพราะคุณจะคุ้นเคยกับเสียงฝรั่งและท่วงทำนองที่ฝรั่งใช้ แถมมันยังช่วยปรับทักษะการฟังภาษาอังกฤษของคุณให้ดีขึ้น คือคุณจะฟังภาษาอังกฤษออกมากขึ้นเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการฝึกด้วยวิธีนี้จะเปรียบเสมือนการจูนคลื่นของคุณให้ตรงกับฝรั่ง คือเมื่อเราพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งแล้ว ฝรั่งเค้าก็จะฟังคุณพูดแล้วเข้าใจเลย และรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุยกับคุณ ส่วนคุณเองเวลาฟังฝรั่งพูดก็จะรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับเสียงที่คุณฝึกฝนมาโดยตลอด ทำให้คุณเข้าใจสิ่งที่เค้าพูดไปเลย ตอนนี้แหละที่คุณจะรู้สึกอย่างชัดเจนว่าคุณฟังออกมากขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อน และมันจะทำให้คุณมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติ ไม่ต้องวิ่งหนีฝรั่งอีกต่อไป การติดต่อสื่อสารในการทำงานก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (สังเกตได้จากฝรั่งเค้าจะรู้สึกอยากคุยกับคุณ ถ้าสำเนียงคุณดีเหมือนพวกเค้า) ถ้าคุณมีความมั่นใจขนาดนี้แล้ว ต่อไปคุณอาจจะเป็นฝ่ายชวนฝรั่งคุยก่อนที่เค้าจะทักคุณก็ได้ อย่าลืมลองนำไปฝึกดู ได้ผลหรือไม่? หรือมีคำถามสงสัยก็บอกได้นะครับ



Create Date : 15 ธันวาคม 2550
Last Update : 15 ธันวาคม 2550 5:07:06 น.
Counter : 4245 Pageviews.

17 comments
  
มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณเจ้า

ขอแค่เหมือนฝรั่งสัก 80% ได้ก็พอแล้ว อิอิ
โดย: thaispicy วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:5:06:59 น.
  

แวะมายกมือเห็นด้วยค่ะ
ถ้าถูกบังคับให้ต้องใช้ ได้ฟังได้พูดอยู่ตลอดเวลา
เดียร์ว่าเดือนเดียวสำเนียงก็ติดหูแล้วนะคะ
โดย: DaLaTTa วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:5:18:56 น.
  
Thank you for this page ka Kru Fiat. I added your blog already too.
โดย: Imperfect Mom วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:5:51:09 น.
  
เห็นด้วยกับ จขบ. อย่างแรงค่ะ เคยฝึกแบบที่ จขบ. แนะนำแล้วววค่ะ หลาย skills ดีขึ้นมากๆ โดยเฉพาะ listening

ส่วนสำเนียง ฝรั่งอังกฤษที่ทำงานด้วยยังถามเลยค่ะ ว่าเราไปเรียนเมืองนอกมารึเปล่า เราก็ว่าเปล่า เค้าว่าเค้าฟังง่ายดี ส่วนตัวเราว่า มันก็ไม่ได้เหมือนเป๊ะ แต่ว่ามันก็ช่วยอย่างมากให้ฝรั่งเข้าใจเรามากขึ้น

ขอบคุณ จขบ มากๆค่ะที่เขียนบทความดีๆนี้ขึ้นมา เราว่าเราจะเริ่มกลับมาฝึกอีกรอบแล้วค่ะ practice makes perfect เนอะ จะได้ก้าวหน้าๆ
โดย: โลมาตกกระ วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:8:45:58 น.
  
เห็นด้วยเหมือนกับหลายๆท่านนะครับ
ต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นหลักจริงๆ โดย
เฉพาะวิธีการข้อ 4 นี่น่าสนใจมากครับ
โดย: pukilf วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:9:14:34 น.
  
เข้ามาเห็นด้วยเหมือนกันค่ะ
โดย: sheeraly วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:10:37:15 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ
โดย: Natthanicha วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:11:30:08 น.
  
ขอบคุณมากสำหรับทุก comment นะครับ แค่คุณอ่านแล้วอยากฝึกฝนภาษาอังกฤษ ผมก็ชื่นใจแล้ว ลองเอาไปฝึกดูนะครับ ถ้ามีปัญหาข้อสงสัยก็ post คำถามไว้ได้นะครับ
ลองแวะเข้ามาดูบ่อยๆ นะครับ ผมกำลังทยอยเอาบทความหลายๆ ชิ้นที่ผมเขียนมาโดยตลอดลงให้ได้อ่านกันครับ
โดย: FIAT (KruFiat ) วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:11:36:18 น.
  
เข้ามาหาความรู้และเทคนิคค่ะ เพราะตอนนี้กำลังสนใจ

ภาษาอังกฤษอย่างมากๆ อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น

แล้วจะเข้ามาเป็นนักเรียนประจำนะคะ
โดย: noodamri IP: 125.26.18.115 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:19:21:48 น.
  
ของคุณมากๆครับ ลองเลยตอนนี้ เลยละกัน
โดย: neo007 IP: 118.172.29.146 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:21:15:18 น.
  
ถึงครูค่ะ แล้วเราไปฝึกกับภาษาอื่นได้มั้ยค่ะ ขอคำตอบด้วยนะค่ะ
โดย: ......... IP: 125.25.134.26 วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:18:48:28 น.
  
ถูกต้องแล้วครับ คุณสามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้กับทุกภาษาทั่วโลกครับ ผมมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง นำเทคนิคดังกล่าวไปใช้กับภาษาจีน ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 8 เดือนตอนนี้ถูกเชิญไปช่วยอาจารย์สอนภาษาจีนแล้วครับ เออ..ผมลืมบอกไปว่าลูกศิษย์คนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นม. 3 เองนะครับ ฝึกสำเร็จทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน น่าทึ่งจริงๆ ครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:22:47:04 น.
  
ตอนนี้นอนหลับตาดูหนังเลยค่ะ ฟังสำเนียงแล้วพูดตาม อิอิ
โดย: แป๊ะย๊ง วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:22:37:36 น.
  
ได้ความรู้เยอะเลยค่ะวันหลังเอาทริปดี ๆ มาฝากเยอะ ๆ นะคะ จะได้เอาไปใช้ประโยชน์ต่อไป ชอบค่ะเรียนแล้วสนุก
โดย: น้ำหวาน IP: 124.121.231.177 วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:15:41:21 น.
  
ฝึกพูดตาม bbc นี้เราจับคำที่ได้ยินออกมาที่ละคำ หรือพูดตามพร้อมกันไปเลยครับครูเฟี๊ยต ตอนนี้กำลังฟังด้วยพูดตามด้วย กลัวผิดวิธีแล้วไม่ไดผลครับ ขอบคุณครับ
โดย: กี้ IP: 124.120.85.201 วันที่: 16 มิถุนายน 2553 เวลา:9:46:21 น.
  
ตอบคุณกี้

ถ้าคุณต้องการฝึก stress ก็จับมาทีละคำ แล้วพูดซ้ำไป 20-30 รอบจนกว่าจะจำได้ แต่ถ้าอยากฝึก accent หรือ intonation ให้พูดตามพร้อมเค้าทั้งหมดไปเลยครับ

ขยันฝึกทุกวันนะครับ รับรองสำเนียงดีขึ้นทันตาเห็น
โดย: KruFiat วันที่: 20 มิถุนายน 2553 เวลา:8:36:22 น.
  
ถ้าเราอยากฝึกมากกว่า 1 ภาษา
เราควรฝึกภาษาใดภาษาหนึ่งให้คล่องก่อน
หรือ ทำไปฟร้อมๆกันได้ครับ ?
โดย: เอส IP: 61.90.20.105 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:32:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3