|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
@->-- จับปูลงแปลงเกษตร --<-@
*คลานมาเขียนบล็อก* ...เจ้าของบล็อกปวดท้องอ่ะ...
Basil ช่วงนี้ฝนตกทุกวันเลย นั่งมองฝนแล้วนึกย้อนกลับไปถึงสมัยตอนเป็นเด็ก จำได้ว่า ชอบมากกกกกกกกก ยิ่งเวลาฝนตกตอนอยู่โรงเรียน อันที่จริงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนการสอนเท่าไหร่หรอก แต่มันก็เป็นความตื่นเต้นเล็กๆ ที่อยู่ๆก็มีเหตุการณ์อะไร(สักอย่าง) เกิดขึ้นท่ามกลางชั่วโมงเรียนอันน่าเบื่อหน่าย
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ ที่โรงเรียนมักจะจัดให้นักเรียนได้เรียนวิชาเกษตรกัน ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ต้องคอยเคี่ยวเข็ญให้พวกนักเรียนลงไปรดน้ำต้นไม้ที่แปลงเกษตร (ซึ่งก็มีลืมๆกันจนไม้เริ่มเฉา) เพราะฉะนั้น วิชางานเกษตรในช่วงหน้าฝน จึงเป็นการจับปูน้อย...ก็พวกนักเรียนทั้งหลายแหล่นั่นแหละลงแปลง (ถ้าเป็นไปได้ ครูเขาคงอยากจับใส่กรง เอ้ย กระด้งมากกว่า)
Bayleaves วิชาเกษตร เป็นหนึ่งในกลุ่มวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ ที่มีทั้ง งานบ้าน งานประดิษฐ์ งานเกษตร เด็กๆ(ในยุคนั้น) ต้องเรียนรู้กันทุกอย่าง ตั้งแต่ซ่อมแซมเสื้อผ้า ทำอาหาร จนถึงจับจอบจับเสียมเป็น
มันก็ดูน่าตลกดีเหมือนกัน ที่ชั่วโมงแรกเรียนเย็บปักถักร้อย แต่พอมาอีกชั่วโมง ลงไปจับจอบฟันดินอยู่เหย็งๆ นึกถึงคำที่เขาว่ากันว่า "มือก็ไกว ดาบก็แกว่ง" ช่างเหมาะดีเหลือเกิน
Kan
ตามปกติแล้ว วิชาเกษตรจะเรียนกันอยู่ในห้อง เป็นการเกษตรแบบหอคอยงาช้าง มีปลูกต้นไม้บ้าง แต่ก็เป็นการปลูกในกระถาง เช่น พลูด่าง คุณนายตื่นสาย แต่เนื่องจากโรงเรียนของเรามันมีที่ดินว่างเปล่าอยู่กระหย่อมหนึ่ง ครูเขาก็เลยจับจองให้เด็กๆได้ทำกิน เอ้ย ได้เรียนภาคปฏิบัติกันจริงๆ เรียกได้ว่า ลงสนามเรียกเหงื่อกันหน่อย
ไอ้เจ้าภาคสนามที่ว่าก็คือ การหัดจับจอบ พลั่ว เสียม บัวรดน้ำ ในท่าทางที่ถูกต้อง (คล้ายๆเล่นโยคะเลยแฮะ) ก็เคยสงสัยเหมือนกันว่า ถ้าจับในท่าที่ครูบอก เราจะฟันดินได้มากแปลงขึ้นจริงหรือเปล่า? แต่ก็ไม่ได้พิสูจน์ต่ออ่ะ เหนื่อยๆๆๆๆ อันที่จริงวิชานี้ จัดได้ว่าน่าหมูสำหรับเรานะ เำพราะเป็นเด็กชาวสวน แต่พอเอาเข้าจริง มันหมูป่าอ่ะ กลายเป็นว่าที่เคยจับจอบจับเสียมอยู่ที่สวนตัวเอง มันผิดตามหลักเกษตรกรสากลแฮะ น่าอายจริงๆ
Sage
พอเริ่มจับอาวุธกันเป็นแล้ว ก็ถึงเวลาทำแปลงปลูกผัก ก็ไม่ยาก...ฟันดิน ยกร่องให้เป็นแนว ใส่ปุ๋ย(คอก+หมัก) แล้วก็หว่านเมล็ดพืช แต่ถ้ามันมีแค่นี้ก็ดูง่ายไป แล้วจะตรงกับหัวเรื่องว่าจับปูลงแปลงได้กระไร????
เรื่องง่ายๆแบบนั้น ถ้าทำกันแค่คนสองคน ก็ง่ายจริงๆแหละ แต่ลองนึกภาพ เด้กทั้งห้องเกือบ 50 คน มามะรุมมะตุ้มรุมรักแปลงผักสองแปลง เป็นการใช้แรงงานที่ฟุ่มเฟือยเป็นอย่างยิ่ง แล้วความโกลาหลก็จะตามมา
"ฉันจะใช้จอบๆๆๆๆ" "เราจะเอาเสียมๆๆๆๆๆ" "เอาบัวมานี่ ฉันจะรดน้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" "ครูขา หนูไม่อยากโกยปุ๋ย"
ปูน้อยเริ่มสำแดงเดช...แล้วยกที่ 1 มันก็จะผ่านไป
Balm
เคยตั้งข้อสงสัยกับเพื่อนๆอยู่เหมือนกันว่า ทำไมครูเขาถึงเลือกพันธุ์พืชมาให้พวกเราปลูกไม่เหมือนกันในแต่ละชั้นปี จริงๆแล้ว ครูเขาก็ต้องดูแล้วว่า อันไหนปลูกยากปลูกง่าย จะเอาพวกปลูกยาก ดูแลยากมาให้เด็กเล็กปลูก ก็เสี่ยงต่อการทำร้ายจิตใจเด็กเกินเหตุ เพราะฉะนั้น ในชั้นเล็กๆ จึงเห็นแต่แปลงหัวหอม..หอมฟุ้งไปหมด ชั้นโตมาหน่อย ก็จะปลูกพืชที่ยากมาอีกนิด เช่น ผักบุ้งจีน ผักกวางตุ้ง แต่ที่เป็นสุดยอดความใฝ่ฝันของนักปลูกรุ่นเยาว์ก็คือ "ข้าวโพต"
Lavender
ทำไมถึงต้องเป็น "ข้าวโพด?"
คำถามนี้ ไม่ได้ตอบยากถึงกับเป็นคำถามปรัชญา แต่มันเกี่ยวกับจิตวิทยาของเด็กเป็นอย่างมาก ลองคิดดูว่า ระหว่าง ผักบุ้งจีนต้นเตี้ยๆ สู่งวันละนิดวันล่ะหน่อย กับข้าวโพดต้นยักษ์ สูงวันละหลายๆเซ็นติเมตร อันไหนเร้าใจกว่ากัน
แน่นอน "ข้าวโพด"
แล้วระหว่างผักบุ้งจีน ผักสีเขียวที่ครูขู่ว่า เก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่จะให้โรงครัวผัดให้กิน กับข้่าวโพดหวาน ฝักสีสวย เด็กจะชอบอะไรมากกว่า แน่นอน ก็ต้องข้าวโพดอีกเช่นกัน
มันน่าเจ็บใจตรงที่ ต้องเป็นเด็กโตเท่านั้นที่ครูจะให้ปลูกข้าวโพด จำได้ว่าจนจบป.6 ออกมา ก็ยังไม่ได้ปลูกข้าวโพดกะเขาสักที เห็นแต่พืชเตี้ยๆเรี่ยดิน
Mint
กลับสู่แปลงเกษตรของเรากันต่อดีกว่า
หลังจากลงเมล็ดพืชไปเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการจัดเวรกันไปดูแลแปลงเกษตร ก็มีหน้าที่ในการรดน้ำ ถอนหญ้า ใส่ปุ๋ยเวลามันโต ง่ายๆแค่นี้ แต่ก็มีเกี่ยงๆกันเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาฝนตก
เหตุที่เกี่ยวกันก็เพราะว่า เมื่อฝนตก ดินก็จะแฉะ เมื่อดินแฉะ รองเท้าก็จะเปื้อน มีดินติดเต็มไปหมดๆๆๆๆๆ กลับมาจากแปลงทีไร ต้องมานั่งแงะดินออกจากรองเท้าทุกที แถมบางวันมีไส้เดือนออกมาเดินสวนสนามเป็นเพื่อนอีกต่างหาก...อี๋.
Shives
เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการจับสลากกันบ้าง(ในบางวัน) ผลัดกันออกไปดูแปลงของตัวเองในเวลาพักเที่ยงและหลังเลิกเรียน ซึ่งไอ้การลงแปลงช่วงนี้แหละที่มักจะมีการอิจฉา(ตาร้อน) เกิดขึ้นกันอยู่เสมอๆ
"นี่เธอๆๆๆ ดูแปลงห้อง..สิ ทำไมมันโตไวจังอ่ะ ไม่ย้อม ไม่ยอม" "หุหุหุหุ แต่ของห้องเรา มันขึ้นหนาแน่นกว่านะ" "จะบ้าเรอะ ดูดีดีสิ ที่ขึ้นมากอ่ะ หญ้าต่างหากย่ะ" "@$#^@&*^*"
Rosemary
เหตุการณ์ต่างๆมันก็จะเกิดขึ้นในรูปแบบนี้อยู่เป็นประจำ จนสามเดือนผ่านไป หมดภาคเรียนพอดี ก็ได้เวลาการเก็บเกี่ยว และได้เวลาปูน้อยเริ่มงานอีกครั้ง
น่าแปลกที่งานนี้ ปูน้อยวุ่นวายกับแค่กิจกรรมการเก็บเกี่ยวเท่านั้น ไม่ได้วุ่นวายกับตอนที่ผลผลิตจากแปลง แปลงร่างเป็นอาหารบนโต๊ะ
มันก็แน่อยู่แล้ว ใครจะอยากกินผักบุ้งจีนกันล่ะ ก็มันไม่ใช่ข้าวโพดแสนสวย ฝักอวบๆนี่นา
Thyme
THE END
Create Date : 27 กรกฎาคม 2548 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2548 14:47:46 น. |
|
10 comments
|
Counter : 619 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กระต่ายน้อย ณ ท่าพระจันทร์ (Rainbow Gecko ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:32:32 น. |
|
|
|
โดย: ฮก IP: 161.246.1.34 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:46:05 น. |
|
|
|
โดย: กจ IP: 202.5.88.154 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:10:07 น. |
|
|
|
โดย: ก่ายยย... วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:31:28 น. |
|
|
|
โดย: ป้ามด วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:6:57:13 น. |
|
|
|
โดย: ....... IP: 125.26.40.134 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:15:56:14 น. |
|
|
|
โดย: ----------------- IP: 125.26.40.134 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:15:57:15 น. |
|
|
|
โดย: อะนะ IP: 203.113.51.132 วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:17:41:47 น. |
|
|
|
โดย: ดา IP: 125.26.243.29 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:9:21:53 น. |
|
|
|
|
|
|
|
คือว่าตอนนี้เราต้องรีบไปแก้บทที่ 5 ต่อให้เสร็จ(แต่คาดว่าคงไม่เสร็จวันนี้แน่ๆ) สงสัยพรุ่งนี้คงต้องส่งแค่บทที่ 1-4 ให้อาจารย์อ่านก่อน แล้วบทที่ 5 และ 6 คงต้องตามไปให้อาจารย์วันอาทิตย์แล้วมั้งเนี่ย ก็หวังว่าเราคงจะแก้งานเสร็จก่อนอาจารย์จะกลับเมืองมะกันอ่ะนะ