Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
@-->- เวียนเทียน -<--@

*ปัดหยากไย่*

ไม่ได้อัพบล็อกมานานมาก มัวแต่ไปวิ่งถ่ายรูปลงห้องหนอนกับมัลติพลายอย่างเมามัน พอดีวันนี้เป็นวันวิสาขะ เลยนึกถึงเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับเวียนเทียน เลยอยากจะลองฟื้นความหลังเก็บความจำเป็นไฟล์ดิจิตอลดูบ้าง

ปกติแล้ว พวกเราชาวพุทธ(ที่ดี) จะได้เวียนเทียนปีละ 3 ครั้ง ยกเว้นพระท่านที่จะเวียนเพิ่มอีกวัน เพื่อระลึกถึงวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า (ถูกเปล่าเนี่ย เรียนมานานชักลืม) ชาวบ้านชาวช่องเขาก็เวียนกันปีละสามรอบ มีเรานี่แหละที่เบ็ดเสร็จนับรวมตั้งแต่วัยเยาว์มาสู่วัยชรา เวียนเทียนรวมกันถึง 10 ครั้งหรือเปล่าก็บ่ฮู้ ..

แถม 8 ใน 10 ยังเป็นในสมัยเด็กๆเสียอีก ตอนโตแทบจะไม่แผ้วพาน ยกเว้นสองครั้งหลังที่เป็นการเวียนเทียนที่คิดว่าประทับใจที่สุดในชีวิต (ถ้าหากยังขี้เกียจแบบนี้และไม่ไปเข้าร่วมการเวียนเทียนที่ไหนอีก)

สมัยเด็ก การเวียนเทียนมักจะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับทางโรงเรียน ไม่ใช่ว่าบ้านอยู่ห่างไกลพระธรรมแต่อย่างใด ใกล้วัดมาก แต่ก็ไม่ไป แต่ถ้าเป็นงานโรงเรียนก็จำเป็นต้องเข้าร่วมและร่วมด้วยความเต็มใจทุกครั้ง

ที่บอกว่าเต็มใจทุกครั้งก็เพราะว่า การออกไปเวียนเทียนที่วัดข้างๆโรงเรียน หมายความว่า จะไม่ต้องนั่งเรียนอยู่หลายชั่วโมงทีเดียว แถมการออกพ้นไปจากรั้วโรงเรียนในเวลาปกติได้ มันก้เป็นสิ่งที่น่าปลื้มปิติจะตาย ไม่รู้ว่าทำไมตอนเด็กๆ ถึงตื่นเต้นกับอะไรๆแบบนี้ง่ายจัง ออกไปวัดก็ตื่นเต้น

การเวียนเทียนในตอนเด็กมักผูกติดกับเทศกาลเข้าพรรษา ทั้งนี้เพราะจะมีการนำเทียนพรรษาไปถวายวัด ก่อนหน้านั้นก็ต้องมีการหล่อเทียน ตอนเด็กๆ คุณครูก็จะปล่อยเด็กมาทีละชั้นปี แล้วให้เอาแผ่นเทียนใส่กระทะ แล้วก็เอากระบวยตักหยอดในแม่พิมพ์เทียน แต่พอตอนโตมาหน่อยสมัยมัธยมอมเปรี้ยวแมขม ก้เริ่มมีลีลา เช่น เอาเข็มโรงเรียนมาสลักชื่อตัวเองบนแผ่นเทียน ใครที่เปรี้ยวหน่อยมีกิ๊ก ก็จะสลักชื่อกิ๊กไปด้วย ไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นเรื่องของศาสนาตรงไหน .. แต่ก็อย่างที่ว่า ชีวิตตอนนั้นมันสนุกจนไม่คิดอะไรมากมายนักหรอก

พอถึงวันเข้าพรรษา ซึ่งต่อจากวันอาสาฬหบูชา พวกเราก็เดินตามรถเทียนที่ประดับอย่างสวยงามมีนางฟ้าคอยประคองเทียน นำเทียนไปถวายวัด ไม่เคยมีวาสนาถึงขนาดเป็นนางฟ้า แต่แค่ได้เดินตามขบวนออกไปก็สุขใจแล้ว .. เช่นเคย เหตุผลเดิม คือไม่ต้องเรียน

เพราะฉะนั้น เวลานึกถึงการเวียนเทียน ก็จะนึกออกแต่ภาพพวกนี้ แถมยังไม่ใช่วันวิสาขะเสียด้วย ... แล้วจะเขียนในวันนี้ทำไมล่ะเนี่ย?

ในชีวิตนี้ ได้ไปเวียนเทียนวันวิสาขบูชามาสองครั้ง เป็นเรื่องของตอนแก่แล้วด้วย แล้วก็เป็นสองครั้งที่ต่างสถานที่ ต่างบรรยากาศ ต่างความรู้สึก ที่ยังจำได้ไม่เคยลืม

ครั้งแรก เป็นวิสาขบูชาที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตอนนั้น เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ แล้วมาเป็นนักวิจัย ต้องลงพื้นที่เก็บข้อมูล พอดีว่าไปถึงอุทยานประวัติศาสตร์วันวิสาขะพอดี แล้วก็ยังพอดีที่เห็นชาวเมืองสุโขทัยพากันมาเวียนเทียนที่วัดมหาธาตุกลางเมือง ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ในเขตอุทยานฯ

ใครที่เคยไปสุโขทัยแล้วเข้าไปในเขตเมืองเก่าคงนึกภาพออก ความสวยงาม ความน่าศักดิ์สิทธิ์ของโบราณสถานในยามกลางวันก็ทำให้เราตะลึงได้แล้ว แต่บรรยากาศในค่ำคืนของวันวิสาขะ ยิ่งสมกับเป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีอายุยืนนานมานับร้อยๆปี .. ไม่มีแสงอะไร นอกจากแสงจันทร์ และ แสงเทียน และเงาสลัวๆของผู้คนที่พากันเดินเวียนเทียนรอบพระธาตุกลางเมืองเก่า

ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่และบรรยากาศ ชวนให้นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่สุโขทัยยังรุ่งเรือง เพียงนั่งนิ่งๆชั่วแวบ เราอาจจะได้ยินเสียงจากอดีตดังมาจากไกลๆ

โชคดีที่ตั้งแต่เข้าวงการประวัติศาสตร์มาไม่เคยเจอเหตุระทึกหัวใจอะไรสักครั้ง แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่โบราณๆ แบบนี้มาเกือบทั่วประเทศ วันนั้น เลยนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศวันเพ็ญวิสาขะได้อย่างเงียบๆและนานๆ

คิดไปคิดมา ใครคนหนึ่งแสดงความเห็นเข้ากับบรรยากาศได้อย่างน่าถีบว่า

"เอ... หรือคนที่เราไปเดินเดินเวียนเทียนร่วมด้วยนั้น .... จะไม่ใช่คนในยุคเรา" *จ๊ากกกกกกกกกกกกกก*

วันเพ็ญวิสาขะครั้งที่สองที่ประทับใจไม่รู้ลืม เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ช่วงนั้นทำตัวเป็นมือปืนรับจ้างร่วมด้วยช่วยกันแก้ thesis ทั้งๆที่คนละสาขาห่างกันสุดขั้ว แต่ด้วยความที่อยากเล่นบทนางเอกแสนดีเลยรับอาสาไปป่วน ถือแส้ถือเทียนเข่นเขี้ยวเคี้ยวหัวให้เจ้าของ thesis จบให้ได้

สงสัยจะออกแนวมารมากกว่าหวาน เขาก็เลยพาไปเวียนเทียนชำระจิตใจแทน จริงๆก็ไม่ได้อะไรมากกับการเวียนเทียน (แต่ก็แอบรู้สึกดีที่มีคนมาชวนให้ไปทำบุญด้วยกัน) ตอนนั้นออกแนวหิว โหย และปวดท้องซะมากกว่า แต่ด้วยความรู้สึกเข้าอกเข้าใจในชะตากรรม และได้ร่วมหัวจมท้ายในยามยากเข็ญกันในเวลานั้น จนรับรู้ถึงความสั่นคลอนของชีวิต ก็เลยอยากที่จะให้เกิดความสบายใจ อยากให้ได้ตั้งสติ มีความสุขุม สงบ เลยตกปากรับคำซ้อนท้ายไปวัดด้วยคน

วัดที่ไปนั้น สมัยก่อนคงอยู่กลางทุ่ง ตอนนี้ก็ยังกลางทุ่งแค่ความเจริญได้เข้ามาใกล้จนอาจจะเอื้อมมือไปสัมผัสแพนหางเครื่องบินอย่างไม่ยากเย็นนัก การเดินทางค่อนข้างกระฉึ่กกระฉั่ก เนื่องจากคนซ้อนตัวหนัก ทางก็ค่อนข้างขรุขระนิดหน่อย แต่ก็เป็นบรรยากาศที่สงบ และมีกลิ่นอายของความอิ่มเอมจากการทำบุญล่องลอยอยู่ทั่วไป จากเพื่อนร่วมทางอีกหลายต่อหลายคนที่มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน

แสงจันทร์วันนั้นก็สวยเย็นจริงๆ เป็นแสงจันทร์ที่ยังปราศจากแสงไฟจากสนามบินและเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่ว่ากันว่า กระเบื้องหลังคาวัดยังปลิวพะเยิบๆได้

การที่ได้เดินเวียนเทียนไปพร้อมๆกับอธิษฐานขอให้งาน(ที่ไม่ใช่ของเรา) สำเร็จลุล่วง ขอให้กรงเล็บของเราทำงานได้ผล และอีกต่างๆนานา ที่จะว่าอธิษฐานกันจริงๆคงต้องเดินสักสิบรอบ มันเป็นสิ่งที่มากไปกว่า "ภาพติดตา" แต่มันคือ "ความประทับใจ"

และในที่สุดช่วงวิกฤติช่วงนั้นก็ผ่านไปด้วยดี จะด้วยแรงศรัทธา หรือแรงมุมานะ หรือแรงใจจากใครก็ตาม วิสาขะบูชาเมื่อสองปีก่อนก็กลายเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หวนระลึกถึงทุกครั้งที่เทศกาลเวียนเทียนผ่านมา

และวัดที่ไปเวียนเทียนในครั้งนั้น ทุกวันนี้เมื่อผ่านไปทางนั้นทีไร ก็คอยชะเง้อมองตามอยู่ทุกที แต่เรื่องดีดี มักมีเพียงแค่ครั้งเดียว

มาวันนี้ ในช่วงที่ชีวิตกำลังอยู่ในภาวะสับสน กระวนกระวาย ตื้อ ตัน เหมือนลอยคอในน้ำแล้วหาหลักยึดยังไม่เจอ .. แสงเทียนวิสาขะเมื่อวันวานยังผ่านมาในความรู้สึกเสมอ

แม้จะไม่ได้ร่วมเวียนเทียนด้วยก็ตาม


Create Date : 31 พฤษภาคม 2550
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 23:01:20 น. 5 comments
Counter : 1196 Pageviews.

 
ปล.เขียนขึ้นเพื่อระลึกถึงความหลังของตัวเองเป็นหลัก เจตนาแฝงอื่นใดที่ "มี" หรือคิดว่า "จะมี" อันนี้ก็แล้วแต่การตีความของศาลเน้อ เอิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



โดย: ป้าเอง (Meliot Baggins ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:46:36 น.  

 
จำไม่ได้เหมือนกันว่าเคยไปเวียนเทียนกับเขาบ้างหรือเปล่า
ถ้าไม่นับที่ไปกับโรงเรียนอ่ะนะ
(รู้สึกจะไม่เคยแฮะ ^^")

อย่าว่าแต่เวียนเทียนเล้ยยย
พวกกิจกรรมในวัดทั้งหลายเนี่ย ผมทำไม่เป็นสักอย่าง
เวลาไปวัดทีไร ต้องชำเลืองมองคนข้างๆทุกที


โดย: ก่ายยย... วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:37:03 น.  

 
อนุโมทนาบุญครับ


โดย: เสี่ยวเหลียงจือ วันที่: 31 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:49:52 น.  

 
ตั้งแต่เกิดมาเคยไปเวียนเทียนแค่สามครั้งค่ะ แล้วก็ไม่เคยจำได้เลยว่าเค้าต้องทำอะไรกันบ้าง บทสวดตอนเวียนเทียนก็ไม่เคยจำได้ โชดดีมีคนใจดีบอกทุกครั้ง

แต่ฟังป้าบรรยายถึงสุโขทัยแล้ว นึกอยากไปเวียนเทียนที่สุโขทัยซักครั้ง แต่คราวนี้คงจะท่องบทสวดเองให้ได้ กลัวจะมีคนจากอีกภพมากระซิบบอก


โดย: หมวยสีน้ำผึ้ง IP: 125.24.11.150 วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:17:50:53 น.  

 
น่าจะมีรูปภาพเยอะๆ


โดย: ไม่บอกคับ IP: 58.8.187.76 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:18:53:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Meliot Baggins
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ ... กลับมาแล้วค่ะ



อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะ
... ชมสวนที่คาดว่า จะอังกิ๊ด อังกฤษได้ที่กรุ๊ป เมื่อดอกไม้บาน


Photobucket ...ภาพงานกระดาษของขวัญวันแต่งงาน ที่กรุ๊ป งานกระดาษ
ค่ะ
Friends' blogs
[Add Meliot Baggins's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.